"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?
ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?
##เมื่อชีวิตมันติดบั๊ก##
ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มไรเดอร์สุดแกร่ง x เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดร้าย และหนุ่มๆ รอบตัว ที่ชวนปวดหัวในแต่ละวัน
เอริค ฮาเกน นักธุรกิจหนุ่มสายเนียน และ ฮารุ หนุ่มรุ่นน้อง ตัวดีที่รู้ทันทุกอย่าง!)
"ก็แค่หาเงินเลี้ยงปากท้อง… แต่ทำไมดันไปติดบั๊กหมาป่าเจ้าเล่ห์ เจ้าหมาโกลเด้นจอมปลอมเจ้าแผนการ และเสือที่พร้อมจะขย้ำได้ตลอดเวลา?"
ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มนักสู้ชีวิต สายหาเช้ากินค่ำ ผู้ใช้ชีวิตแบบ "ไม่กินบุญใคร" เช้าเป็นพนักงานบริษัท เย็นขับไรเดอร์หาเงินเสริม อุดมการณ์ชัดเจน "ผมไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร" แต่แล้วชีวิตก็เหมือนโดนโกงเมื่อเจอ หลี่เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดเพอร์เฟกต์ที่ดูเหมือนจะ "มีแต่ให้" ...แต่แปลกที่เจ้าตัวกลับมองเขาด้วยสายตาล้อเลียนทุกครั้ง
???? จากไรเดอร์ส่งอาหาร สู่ของหวาน(?) ของใครบางคน
“คุณไรเดอร์ครับ เหนื่อยมั้ย?”
“...อะไรของนาย?”
??”? บั๊กแรก: เสือร้ายจอมขี้แกล้ง ??”?
เจียหยาง ลูกครึ่งจีน-เยอรมัน หล่อ รวย แถมขี้แกล้งระดับเทพ(?) ชอบหาเรื่องปั่นประสาทภีมทุกครั้งที่เจอ “ฉันอยากเลี้ยงแมวส้ม” เขาพูดเปรยๆ ก่อนจะเหลือบมองภีมที่กำลังทำหน้าเหมือนจะข่วนใส่!
??”? บั๊กสอง: หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ ??”?
เอริค ฮาเกน มหาเศรษฐี/นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งนอร์เวย์ เจ้าของบริษัทที่ภีมต้องคอนซัลต์งานให้ ดันสนใจหนุ่มไรเดอร์คนนี้เข้าอย่างจัง... “เธอนี่เหมือนลูกจิ้งจอกจริงๆ นะ ระแวงไปหมด” ภีมขมวดคิ้ว เอริคแค่ยิ้มมุมปาก “แต่ฉันชอบจิ้งจอกนะ”
??”? บั๊กสาม: หมาโกลเด้นท์ผู้รู้ทันทุกอย่าง ??”?
ฮารุ เพื่อนสนิทตัวดีของภีมที่ไม่เคยพลาดสังเกตอะไร! ผู้คอยดูแลใส่ใจตลอด แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนความคลั่งรัก และความรักที่ยึดติด “ให้ผมเป็นหมาน้อยของภีมได้มั๊ยครับ? ผมอยากมีภีมเป็นเจ้าของของผมคนเดียว”
??”? แค่พล็อตเบสิค แต่บั๊กเยอะจนคาดไม่ถึง ??”?
✔️ ฮาแตกทุกซีน กับมุกจิกกัดสุดเฉียบของภีมที่รับมือกับพวกตัวร้าย(?)
✔️ เคมีระหว่างคนซื่อตรง vs คนเจ้าเล่ห์ มันคือสงครามประสาทที่ไร้ผู้ชนะ
✔️ หักมุมยิ่งกว่าถนนในเมือง ชีวิตภีมแค่จะหาเงิน แต่ทำไมมันกลายเป็นละครวายไปได้!?
???? เตรียมตัวให้พร้อมกับนิยายวายสุดปั่น! ที่พระเอกสู้ชีวิต…แต่ชีวิตติดบั๊ก!
#หนุ่มไรเดอร์สายลุย #แต่จะดันโดนหมาป่าจับกิน #ปากร้ายจิกกัด #หักมุมตลอดเรื่อง
แผ่นหลังตั้งตรงแต่ไหล่บางนั้นลู่ลงเล็กน้อยเหมือนคนที่ยังไม่ได้นอนเต็มอิ่ม
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มักดูอ่อนโยน ณ ตอนนี้ปรือหนัก หนังตาลดลงราวกับจะปิดได้ทุกเมื่อ
เขายกมือขึ้น และขยี้ผมสีน้ำตาลแดงเล็กน้อย เส้นผมดูยุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งตื่นจากการงีบในรถ
เสียงฝีเท้าของเขาแผ่วเบาจนแทบไม่มีใครสังเกต จนกระทั่งเสียงหัวเราะสดใสของ
"สามเจ๊" ดังขึ้นเหมือนระเบิดกลางห้อง
"หูยยย~ น้องภีมของเจ๊ หายไปทั้งคืนแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เมื่อคืนไปไหนมา!"
ภีมหยุดชะงักราวกับถูกตรึงไว้กับพื้น ใบหน้าที่เคลือบความง่วงสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองต้นเสียง
สามเจ๊ ไฮยีน่า แห่งบริษัท กำลังใช้ร่างล่ำๆบึกๆ ของบุรุษผู้มีกายเป็นชาย แต่ใจเป็นหญิง
และมีหนวดเคราอยู่ที่หน้า
แต่การแต่งตัวเป็นสตรีผู้มีระดับ กำลังยืนล้อมเขาไว้อย่างรวดเร็วเหมือนฝูงไฮยีน่า
แววตาเป็นประกายด้วยความอกระหายใคร่รู้
เจ๊ติ๊ดตี่สาวสองร่างบึก ผู้มีหนวดเคราประดับหน้า กำลังเดินวนรอบตัวเขาเหมือนนักล่า
พลางใช้ สายตาเฉียบคมที่กรีดอายไลเนอร์มอง สำรวจทุกตารางนิ้วของเจ้าเหยื่อผู้น่าสงสารตรงหน้าราวกับมองหาเบาะแส
"น้องภีม หนูลู้กก หน้าตาแบบนี้นี่ ได้นอนบ้างหรือเปล่าเนี่ย?" เจ๊ติ๊ดตี่เอียงคอมอง ทำท่าเป็นห่วง
คิ้วขมวดเล็กน้อยพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนภีมต้องเอนตัวหลบ
"อุ๊ย!! หรือว่า?..." เจ๊ต้อยติ่งยกมือทาบอก ทำตาโตเหมือนเจอข่าวใหญ่
"หรือว่า...ไปดูแลกันทั้งคืนนน~?"
ภีมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนยกมือขึ้นเสยผมแต่กลับยิ่งทำให้มันยุ่งกว่าเดิม
เขาวางกระเป๋าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับสายตาคาดคั้นตรงหน้าของเหล่าผู้ล่า
"ห๊ะ? อะไรของพวกเจ๊ครับเนี่ย?"
"ไม่ต้องมาแอ๊บใสเจ้าตัวดี พวกเรารู้ทุกอย่างแล้วแหล่ะ~" สามเจ๊ขยับเข้ามาใกล้อีกนิด
ส่งสายตารู้ทันแบบไม่เกรงใจ ภีมยกมือขึ้นกุมขมับ นิ้วเรียวลูบไล้ขมับเบาๆ คลายความปวดหัว
"ผม ก็แค่ไปส่งคุณเอริคที่เมากลับห้องเฉยๆ ครับ ไม่มีอะไรทั้งนั้น ตามหน้าที่ จากนั้นผมก็ออกมา และก็กลับเข้าบ้านเลย"
เจ๊ต้อยติ่งทำหน้าครุ่นคิด ยกมือขึ้นกอดอกเหมือนนักสืบที่กำลังไขคดี
"ดูแลคนเมา? นี่เราไปเป็นพยาบาลส่วนตัวเลยหรอคะ น้องภีมมม?"
"แหมมม ดูแลกันดีขนาดนี้ ภีมเบ้ปากใส่ แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"ก็ ไม่ได้อยู่ที่นั่นไงครับ ผมไปนอนที่เดิมครับ ห้องตัวเอง พวกเจ๊มีปัญหาอะไรกับผมเนี่ย?"
"โอ๊ยยย ท่าทางมีพิรุธสุดๆ!" เจ๊อ้อยใจยกมือปิดปากทำตาโต
ภีมมองพวกเจ๊ด้วยแววตารู้ทัน
"แล้วไงครับ? ไปส่งคนเมากลับห้องแล้วไงต่อ? หรือพวกเจ๊อยากให้ผมแบกเขาขึ้นเตียง
จัดแจงห่มผ้า แล้วกระซิบกล่อมให้หลับฝันดี หรือจะให้ร้องเพลงกล่อมก่อนนอน?"
"กรี๊ดดดด! ทำไมหนูภีมเราถึงได้ปากแจ๋วขนาดนี้!" เจ๊ติ๊ดตี่ยกมือทาบอก
"แต่ก็ไม่ปฏิเสธใช่ไหมว่าไปดูแลเขามา?"
ภีมถอนหายใจ "ก็คนมันเมา ผมจะปล่อยให้เดินโซเซลงข้างทางหรือไงครับ เจ๊ ผมทำเพราะหน้าที่ก็เท่านั้นแหล่ะ?"
"อ๊อยยย!! แหมมม ห่วงใยกันจังเลยน้าาา~" เจ๊ต้อยติ่งยิ้มแซวหนัก
"เอ๊ะ หรือจริงๆ แล้วไม่ได้ห่วง แค่เพราะเป็นคนร่วมงานกันเฉยๆ?"
เจ๊อ้อยใจหรี่ตา "หรือว่าแอบมีใจให้เขานิดๆนึง แล้ว?" นางพูดทำท่ายกมือจีบ
ภีมแสร้งทำหน้าตกใจ ก่อนจะเอียงคอพูดเสียงหวาน
"ตายแล้ววว~ แล้วถ้าผมบอกว่า.....ผมมีใจให้พวกเจ๊บ้าง พวกเจ๊จะเลิกจิ้นผมกับเขาไหมอะ?"
"แหมๆๆ ปากหวานแบบนี้ไม่รอดหรอกค่ะน้อง!"
ยังไม่ทันที่ภีมจะหนีทัน เจ๊ติ๊ดตี่ก็กระโดดเข้ามาหยิกแก้มทันที
"โอ๊ยๆๆ เจ็บนะเจ๊!" ภีมพยายามดิ้นหนี "เล่นอะไรกันแต่เช้าเนี่ย!?"
"ก็เด็กมันน่าหยิก!" เจ๊ติ๊ดตี่ยิ้ม "ปากแจ๋วแบบนี้ต้องโดนลงโทษ!"
"ใช่! เดี๋ยวนี้เก่งนักนะเรา!" เจ๊ต้อยติ่งขยับเข้ามาล็อกแขน
"พวกเจ๊นี่มัน...!" ภีมพยายามดิ้นสุดแรง ร่างบางพยายามดันตัวออก แต่ก็เหมือนโดนรุมทึ้งอยู่ดี
เสียงหัวเราะของเหล่าเจ๊ๆ ดังลั่นออฟฟิศ พร้อมกับเสียงโอดครวญของภีมที่โดนแกล้งไม่หยุด
และแน่นอนว่า ทุกอย่างอยู่ในสายตาของ "คนบางคน" ที่นั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะข้างๆ
"ทำไม? รู้สึกว่า ช่วงนี้ชีวิตตัวเองมีเสน่ห์เกินไปแล้วหรือไง?”
เจ้าของเสียงเรียบเฉียบก็คือ "นีน่า" สาวมาดนิ่งที่ภีมรู้สึกว่าเข้าถึงยากเป็นบ้า
ดวงตาสีอ่อนคมกริบจ้องเขาอย่างสนุก มือเรียวประคองแก้วกาแฟสีดำในมือ
พลางเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบาย ๆ ราวกับคนที่กำลังดูหนังเรื่องโปรด
ภีมหันขวับ ทำหน้ามุ่ยใส่
“นี่เธอ... พอเถอะ ฉันเหนื่อยกับสามเจ๊ไม่พอ ยังต้องมาสู้กับเธออีกเหรอ?”
นีน่ายักไหล่ รอยยิ้มมุมปากแต้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์
“ใครใช้ให้นายเป็นเหยื่อที่สนุกขนาดนี้ล่ะ?”
“ฉันไปเป็นเหยื่อเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ยัยบ้านี่?”
ภีมเบ้ปากใส่ ถอนหายใจแรงราวกับจะพ่นความเหนื่อยล้าออกมา
นีน่าหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ดวงตาสีอ่อนเป็นประกาย
“เมื่อไหร่หรอ? ....ก็ตั้งแต่ที่นายเริ่มโดนผู้ชายรุมแซวนั่นแหละ
ฉันก็แค่สังเกตการณ์อยู่เฉย ๆ แล้วก็... สนุกดี”
ภีมเลิกคิ้ว “เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย?”
นีน่าละสายตาจากเขาชั่วครู่ จิบกาแฟพลางยักไหล่เบา ๆ
“แหม~ แค่เห็นนายโดนแกล้งมันก็สนุกแล้วนี่ไง”
เธอเท้าคาง มองเขาด้วยแววตาขี้เล่นที่ทำให้ภีมหัวเสียกว่าเดิม
ภีมหรี่ตามองเธออย่างจับผิด “ฉันว่าเธอไม่ได้ดูสนุกธรรมดา ๆ นะ...”
เธอไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มบาง ๆ ขณะที่สามเจ๊ที่แอบฟังอยู่ห่าง ๆ ก็กระซิบกระซาบกันคิกคัก
“เฮ้ ๆ ๆ ว่ากันตามตรง นีน่านี่เหมือนคนจับตาดูภีมทุกเรื่องเลยนะ”
“นั่นสิ หรือว่า...!?”
“แอบเป็นแฟนคลับเงียบ ๆ กันนะ?”
นีน่ากระแอมไอเบา ๆ แต่ดังกว่าที่ควรจะเป็น “ฉันได้ยินนะคะ เจ๊ ๆ”
สามเจ๊ยกมือขึ้นพร้อมกัน “โอ๊ะ! ไม่มีอะไรจ้าาาา~” ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน
ภีมหันกลับมามองนีน่าอีกครั้ง สายตาระแวงกว่าเดิม เขาเท้าแขนกับโต๊ะ
และเอนตัวไปด้านหลังแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“โอเค... เธอเป็นอีกคนสินะที่เห็นฉันเป็นตัวตลก”
นีน่าผุดยิ้มขี้เล่น “ช่วยไม่ได้...ก็ใครใช้ให้นายเป็นคอนเทนต์คุณภาพล่ะ?”
เธอกระซิบเบา ๆ แต่เสียงหวาน ๆ นั่นดังพอให้ภีมกลอกตาใส่
“แหม ก็เวลาเกิดดราม่าอะไรในออฟฟิศ นายมักจะเป็นตัวเอกไง”
นีน่าหัวเราะเบา ๆ “บางทีฉันก็สงสัยนะ ว่านายทำบุญมาด้วยอะไร
ทำไมถึงได้ดึงดูดทั้งเจ๊ ๆ และหนุ่ม ๆ พร้อมกันแบบนี้?”
ภีมกอดอก เอนตัวไปข้างหลังอีกนิด
“โอ้โห!! นี่ฉันไปเป็นพวกตัวละครพระเอกฮาเร็มตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบคร๊าบบ คุณนีน่า?”
“ก็ตั้งแต่เริ่มมี พวกผู้ชายมารุมล้อมนายนั่นแหละ”
นีน่ากระตุกยิ้มซ่อนแววตาซุกซนไว้ข้างใน “หรือว่านายไม่รู้ตัวเลย?”
“รู้ตัวสิ...” ภีมพูดเบา ๆ อย่างปลงๆ ก่อนจะลุกขึ้นเท้าเอวแล้วก้มลงมองเธอ
“แต่....เธอ ช่วยพูดให้มันดูไม่แปลกได้ไหมฮะยัยตัวแสบ? นี่ฉันยังอยากมีชีวิตแบบคนปกติอยู่นะเฮ้ย!!”
นีน่าหัวเราะในลำคอ ส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะยื่นนิ้วชี้ไปตรงหน้าเขา
“นายจะเป็นปกติได้ยังไงคะ ภีม ในเมื่อทั้งออฟฟิศนี้มีแฟนคลับนายนับสิบ?”
ภีมอ้าปากค้าง “หา?! ใครมันจะบ้า...”
นีน่าหรี่ตาลง ยิ้มแบบคนที่รู้อะไรบางอย่าง แต่เลือกจะไม่พูด —
ในมือของเธอมีโทรศัพท์ที่หน้าจอเปิดค้างไว้เป็นแอปไลน์ พร้อมชื่อกรุ๊ปว่า “น้องภีม FC”
ใช่ — เธอนี่แหละแอดมินตัวจริงของกรุ๊ปนั้นนั่นแหล่ะ! รวมถึงต้นเหตุข่าวลือนั้นด้วย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แสงแดดอ่อน ๆ ยามสายสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ของออฟฟิศ
ตกกระทบลงบนโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารกระจัดกระจายและหน้าจอมอนิเตอร์ที่ยังเปิดค้างไว้
เสียงแป้นพิมพ์ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ผสมกับเสียงพูดคุยเบา ๆ ของเพื่อนร่วมงานที่เดินผ่านไปมาเป็นระยะ
ภีมในชุดเชิ้ตสีขาวพอดีตัว แขนเสื้อพับขึ้นเผยให้เห็นปลายแขนที่สมส่วน
แข็งแรงแบบคนที่ดูแลตัวเอง แม้จะไม่ได้มีกล้ามเนื้อมัดแน่นแบบนักกีฬา
แต่รูปร่าง lean muscular ของเขาก็บอกชัดว่าเจ้าตัวไม่ได้ละเลยสุขภาพ
ปลายนิ้วเรียวยาวเคาะแก้วกาแฟเบา ๆ เป็นจังหวะ ก่อนจะยกขึ้นจิบพลางทอดสายตาเหม่อมองหน้าจอ
เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนแซมแดงเล็กน้อยสะท้อนกับแสงไฟออฟฟิศ
ตัดกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มักดูอ่อนโยน แต่ตอนนี้กลับแฝงด้วยความกังวลบางเบา
คิ้วเข้มขับให้ใบหน้าคมคายโดดเด่นยิ่งขึ้น แต่ถึงจะดูดีแค่ไหน
สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเขากลับเป็นสายตาขวาง ๆ ระดับเรียกแขก
หางตาชี้ขึ้นเล็กน้อยเหมือนคนไม่เป็นมิตร ทั้งที่ความจริงแล้วเขาแค่หน้าเหวี่ยงเฉย ๆ
วันนี้เขากลับรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด... เพราะเอริคไม่อยู่
ไม่มีคำพูดยั่วโมโห ไม่มีการแหย่กวนประสาท ไม่มีมือไว ๆ ที่ชอบแตะไหล่หรือยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนใจเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว
แต่ความรู้สึกโล่งใจกลับปะปนกับความอึดอัด... เหตุการณ์เมื่อวานยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ภีมรู้สึกแย่กับการโดนถึงเนื้อถึงตัวเกินความจำเป็น แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไร แต่ความกลัวและความไม่สบายใจมันก็ยังไม่จางหาย
ปลายสายตาของภีมแอบเหลือบมองโต๊ะทำงานของเอริคที่ว่างเปล่า
เขาเม้มปากแน่นพลางถอนหายใจ ราวกับพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป
แต่ถึงเอริคจะไม่อยู่... ทำไมภีมถึงรู้สึกเหมือนกำลังถูกมองอยู่ตลอดเวลา?
นี่มันสงบเกินไป... ราวกับคลื่นใต้น้ำที่กำลังก่อตัว
“คิดถึงฉันอยู่รึไง เจ้าแมวส้ม?”
ภีมชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจแล้ว เงยหน้า ขึ้นมองสบตาเจ้าของเสียง
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นคนที่เขาเพิ่งจะได้เจอไม่นาน—หลี่เจียหยาง
เจ้าหนุ่มลูกครึ่งฮ่องกง-เยอรมัน รูปร่างสูงโปร่งถึง 185 ซม. บ่งบอกถึงเชื้อสายฝั่งยุโรปอย่างชัดเจน
ผิวขาวอมเหลืองดูสุขภาพดี สีผมน้ำตาลเข้มเกือบดำที่ออกโทนน้ำตาลช็อกโกแลตเมื่อกระทบแสงทำให้เจ้าตัวดูโดดเด่นขึ้นไปอีก
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนออกอำพันในแสงแดด แฝงเสน่ห์และความลึกซึ้งที่ทำให้คนเผลอจ้องได้นาน ๆ
ลักษณะใบหน้าของเขาคมเข้มสไตล์เยอรมัน ผสมกับความอ่อนโยนแบบเอเชีย คิ้วเข้ม ดั้งโด่งชัด และโหนกแก้มเด่นเล็กน้อย ทุกอย่างรวมกันอย่างลงตัว
ทำให้เขาดูเป็นคนที่ทั้งเข้าถึงง่ายและรักษาระยะห่างไปพร้อมกัน
“ไม่ล่ะ!! ผมคิดถึงโบนัสปลายปีนี้ซะ มากกว่า” เจ้าคนหน้าเหวี่ยง ตอบเรียบ ๆ
หลี่เจียหยาง ยกยิ้มขำ ก่อนจะ พาร่างสูง นั่งลงตรงข้ามเขาโดยไม่รอคำเชิญ
“หืม? จริงเหรอ? แต่เมื่อวานฉันเห็นนายเหม่อไปตั้งนานนี่..มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่าซะหน่อย..ผมเหม่อเพราะงานเยอะต่างหาก คุณนี่ตีความไปเรื่อย” ภีมกลอกตาใส่ พลางจ้องมองชายหนุ่มหน้าคมตรงหน้า
เขากับเจียหยางไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
แต่ก็ไม่รู้ทำไม...ช่วงหลังมานี้ ถึงจะรู้สึกว่า..อีกฝ่ายกลับเริ่มโคจรเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ อย่างน่าสงสัย
“ว่าแต่นายไม่สงสัยเหรอว่าทำไมฉันถึงมาร่วมโปรเจกต์นี้?” เจียหยางเท้าคางมองเขาอย่างพิจารณา
ภีมเลิกคิ้ว ก่อนจะตอบเสียงเรียบ
"ก็สงสัยแหละครับ แต่........ผมไม่อยากเสียเวลาถามคำถามที่รู้ว่าไม่ได้คำตอบอยู่ดี"
เจียหยางหัวเราะเบา ๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนฉายแววขี้เล่นก่อนจะเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เอาศอกเท้าบนโต๊ะ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนมุมปาก
"แล้วเจ้าแมวส้มอยากได้คำตอบแบบไหนล่ะ?"
ภีมชะงัก เขากะพริบตาสองสามครั้งก่อนจะเบ้ปากใส่อีกฝ่าย "ใครแมวส้ม? ผมเนี่ยนะ?"
เจียหยางพยักหน้าแทนคำตอบ ท่าทางเหมือนกำลังพิจารณาสินค้าตัวหนึ่งอยู่
"ก็นายสิ ตัวขาว ๆ หน้าบึ้ง ๆ ผมสีออกส้ม ตาชี้ๆ หน้าเหวี่ยงๆ
แถมยังชอบขู่ฟ่อใส่ฉันตลอด เหมือนแมวขี้โมโหเลยแฮะ"
"ผมไม่ได้ขู่ซักหน่อย ปกติผมก็พูดแบบนี้ ถ้าไม่โดนกวนประสาทน่ะนะ" ภีมถลึงตาใส่ ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปที่จอมอนิเตอร์ แต่ก็อดรู้สึกหงุดหงิดกับสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาอย่างจงใจไม่ได้
เจียหยางยังคงเท้าคางมองอยู่ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังไม่จางหาย "แล้วเจ้าแมวส้มไม่คิดบ้างเหรอ ว่าบางที..."
คนตัวสูง แอบโน้มตัวเข้ามาใกล้อีกนิด กระซิบเบา ๆ
"ความจริงแล้ว...ฉันอาจจะเข้าร่วมโปรเจกต์นี้เพราะนายก็ได้นะ เจ้าแมวส้ม?"
ภีมสะดุดปลายนิ้วที่กำลังพิมพ์ลงบนคีย์บอร์ด ก่อนจะค่อย ๆ หันมาจ้องอีกฝ่ายด้วยสีหน้าระแวง
"...พูดอะไรของนายกันครับเนี่ย คุณหลี่? ถ้าจะล้อเล่นก็เชิญคุณไปเล่นตรงโน้นเลย"
เจียหยางหัวเราะในลำคอ "ผมก็แค่พูดตามความจริง"
"โกหก" ภีมหรี่ตาลง "เรื่องอะไรเห่อะ คุณต้องมาเพราะผม?"
เจียหยางยกยิ้ม ก่อนจะเอนตัวกลับไปพิงพนักเก้าอี้
"ไม่รู้สิ แต่เวลาได้ล้อแมวแล้วได้เห็นมันหงุดหงิดแบบนี้ มันก็น่ารักดีนะ"
"..."
"...ไปให้พ้นเลยครับ" ภีมกัดฟันกรอด กดคีย์บอร์ดเสียงดังขึ้นอีกระดับ
เจียหยางหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา
สายตาที่ทอดมานั้นไม่ได้แค่หยอกเล่น แต่มีประกายบางอย่างที่ทำให้หัวใจภีมกระตุกแปลก ๆ
"จริงๆนะ"
น้ำเสียงของเจียหยางลดลง ราวกับกำลังจะพูดเรื่องสำคัญ
ภีมขยับตัวโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรู้สึกถึงสายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมองมา ราวกับกำลังพิจารณาบางอย่าง
ก่อนที่ภีมจะทันตั้งตัว เจียหยางก็เอ่ยประโยคบางอย่างเป็นภาษากวางตุ้งใส่เขา
ซึ่งภีมเองนั้น ถึงจะเรียนจีนกลางมา แต่ถ้าภาษาถิ่น เขาเองก็ ฟังไม่ออกหรอกนะ
"冇你喺身邊,我覺得好無聊啊。"
(Mou nei hai san bin, ngo gok dak hou mou liu a.)
"...ไม่มีนายอยู่ข้าง ๆ ฉันเหงานะ"
ภีมกระพริบตา
กะพริบอีกที...
ก่อนจะขมวดคิ้วเข้มแน่นกว่าเดิม "...คุณว่าอะไรนะ?"
เจียหยางยักไหล่ รอยยิ้มยังติดอยู่บนใบหน้า "เปล่านี่"
...โกหกชัด ๆ เจ้าคนเหลี่ยมจัด
“งั้นฉันไปก่อนนะ ตอนเที่ยงเจอกัน”
แต่ก่อนจะไป เขากลับเอื้อมมือใหญ่ม าขยี้หัวภีมแรง ๆ หนึ่งทีแบบไม่บอกกล่าว
“เห้ย! เจียหยาง! เจ้าบ้านี่” ภีมสะดุ้ง หัวคิ้วขมวดแน่น รีบปัดมืออีกฝ่ายออกอย่างหงุดหงิด
“ไปเลยไป รีบกลับไปประชุมซะ!”
เจียหยางดูจะพอใจ กับปฏิกิริยาของภีม ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
ร่างสูงเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
ปล่อยให้คนโดนแซวต้องนั่งทำงานต่อไปพร้อมคิ้วขมวด
แต่ยังไม่ทันที่ภีมจะได้จดจ่อกับหน้าจอนานพอ เสียงซุบซิบจากกลุ่มเพื่อนร่วมงานก็ดังขึ้นราวกับคลื่นลูกใหม่ที่ซัดเข้ามา
"เฮ้ย ๆ ช่วงนี้ภีมดูมีเสน่ห์ขึ้นป่ะวะ?" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากโต๊ะข้าง ๆ
"คิดเหมือนกันเลย หรือว่าเป็นเพราะมีคนมาตามจีบ?" อีกคนเสริม
"ฉันไม่รู้หรอก แต่ฉันเชียร์เอริคนะ!" เสียงพูดข้มโต๊ะลอยมาแผ่วๆ
"บ้าเหรอ? ฉันว่ายังไงก็ต้องเป็นเจียหยางสิ!"
"พวกนายใจเย็นกันก่อน! ภีมของฉันต้องโสดตลอดไป!" อีกเสียงนึงคัดค้านลอยมา
ภีมถอนหายใจเฮือก ขณะที่นิ้วกดแป้นคีย์บอร์ดต่อไปแบบเซ็ง ๆ
เหล่ากลุ่มแฟนคลับที่เขาไม่ได้สมัครใจให้มี ยังคงแบ่งพรรคแบ่งพวกกันเองอย่างสนุกสนาน
ราวกับเขาเป็นตัวเอกในซีรีส์รักสามเส้าที่พวกนั้นกำลัง จิ้นและลุ้นตอนจบ
นีน่าซึ่งยืนกอดอกอ และแอบสังเกตุการณ์เหตุการณ์เหล่านั้นไม่ไกล
เธอหรี่ตาแล้วยิ้มขำ ๆ กับดราม่าที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่า ‘ตัวต้นเหตุ’ กำลังเดินผ่านมาพอดี
หลี่เจียหยางที่ได้ยินเสียงซุบซิบก็ไม่ได้แสดงอาการแปลกใจ
ตรงกันข้าม ชายหนุ่มหน้าคมกลับหยุดเดิน หันไปมองกลุ่มขาเมาท์ที่จ้องมาที่เขาเหมือนรอดูละครสด
แล้วฉีกยิ้มมุมปาก ก่อนจะส่งจูบให้พวกนั้นแบบไม่อ้อมค้อม
"ช่วยเชียร์ผมด้วยนะครับ"
เสียงกรี๊ดเล็ก ๆ กับเสียงโวยวายดังขึ้นทันที
ภีมที่พยายามทำเป็นไม่สนใจเงยหน้าขึ้นจากจอ มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย อย่างไร้อารมณ์
แต่ลึก ๆ แล้วเขากำลังพยายามทำความเข้าใจกับความวุ่นวายที่จู่ ๆ ก็ตกมาถึงตัว
"...นี่ชีวิตฉันกลายเป็นละครน้ำเน่าไปแล้วเหรอวะ?"
เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะกดเซฟไฟล์งานแล้วจิบกาแฟพยายามสงบสติอารมณ์
นีน่าที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ แอบยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะถือโอกาสเดินเข้ามาใกล้
แอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแชะภาพภีมตอนกำลังทำงานด้วยสีหน้าจริงจังสุด ๆ
แชะ!
ภีมขมวดคิ้วเล็กน้อย หันขวับไปมองเธอด้วยสายตาเคลือบแคลง
"นีน่า...เมื่อกี้นี้ มันเสียงอะไร?"
"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก~ค่า พี่ภีมมม" นีน่าทำเป็นกลบเกลื่อน ออกโทนเสียงสูง
ก่อนจะรีบกดส่งภาพลงกรุ๊ปแชตลับของเหล่าขาเมาท์ในออฟฟิศ พร้อมแคปชันเร้าใจ
"พ่อหนุ่มเสน่ห์แรงกับโหมดตั้งใจทำงาน 😍🔥"
ภีมยังคงมองเธออย่างไม่ไว้ใจ แต่ก็เลือกที่จะปล่อยผ่าน ก่อนกลับไปสนใจงานตรงหน้าต่อ
ขณะที่ในกรุ๊ปแชตลับ...
"โอ๊ยยย หล่อโหมดนี้ก็กร๊าวใจไปอีก!"
"ฉันว่าตอนเถียงกับเจียหยางนี่ก็แซ่บไปอีกแบบ"
"หรือเอริคจะโผล่มาแจม!?"
"พวกเธอนี่มัน...! ฉันขอให้ภีมโสดตลอดไป!"
นีน่ากลั้นขำขณะอ่านข้อความพวกนั้น พลางมองไปทางภีมที่ยังคงจมอยู่กับงานอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่
"...ไม่รู้ตัวเลยสินะ ว่าตอนนี้ตกเป็นขวัญใจของออฟฟิศไปแล้ว"
ไฮยีน่าหมายเลข 4 ดูจะสนุกกับเหยื่อที่น่าสงสารแบบไม่รู้ตัว รู้เรื่องราวอยู่ไม่น้อย