"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน - ตอนที่ 16 แผนการล่า ของหมาป่าตัวโต โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก

รายละเอียด

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

ผู้แต่ง

Julie juice

เรื่องย่อ

##เมื่อชีวิตมันติดบั๊ก##

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มไรเดอร์สุดแกร่ง x เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดร้าย และหนุ่มๆ รอบตัว ที่ชวนปวดหัวในแต่ละวัน
เอริค ฮาเกน  นักธุรกิจหนุ่มสายเนียน และ ฮารุ หนุ่มรุ่นน้อง ตัวดีที่รู้ทันทุกอย่าง!)

"ก็แค่หาเงินเลี้ยงปากท้อง… แต่ทำไมดันไปติดบั๊กหมาป่าเจ้าเล่ห์ เจ้าหมาโกลเด้นจอมปลอมเจ้าแผนการ และเสือที่พร้อมจะขย้ำได้ตลอดเวลา?"

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มนักสู้ชีวิต สายหาเช้ากินค่ำ ผู้ใช้ชีวิตแบบ "ไม่กินบุญใคร" เช้าเป็นพนักงานบริษัท เย็นขับไรเดอร์หาเงินเสริม อุดมการณ์ชัดเจน "ผมไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร" แต่แล้วชีวิตก็เหมือนโดนโกงเมื่อเจอ หลี่เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดเพอร์เฟกต์ที่ดูเหมือนจะ "มีแต่ให้" ...แต่แปลกที่เจ้าตัวกลับมองเขาด้วยสายตาล้อเลียนทุกครั้ง

???? จากไรเดอร์ส่งอาหาร สู่ของหวาน(?) ของใครบางคน
“คุณไรเดอร์ครับ เหนื่อยมั้ย?”
“...อะไรของนาย?”

??”? บั๊กแรก: เสือร้ายจอมขี้แกล้ง ??”?
เจียหยาง ลูกครึ่งจีน-เยอรมัน หล่อ รวย แถมขี้แกล้งระดับเทพ(?) ชอบหาเรื่องปั่นประสาทภีมทุกครั้งที่เจอ “ฉันอยากเลี้ยงแมวส้ม” เขาพูดเปรยๆ ก่อนจะเหลือบมองภีมที่กำลังทำหน้าเหมือนจะข่วนใส่!

??”? บั๊กสอง: หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ ??”?
เอริค ฮาเกน มหาเศรษฐี/นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งนอร์เวย์ เจ้าของบริษัทที่ภีมต้องคอนซัลต์งานให้ ดันสนใจหนุ่มไรเดอร์คนนี้เข้าอย่างจัง... “เธอนี่เหมือนลูกจิ้งจอกจริงๆ นะ ระแวงไปหมด” ภีมขมวดคิ้ว เอริคแค่ยิ้มมุมปาก “แต่ฉันชอบจิ้งจอกนะ”

??”? บั๊กสาม: หมาโกลเด้นท์ผู้รู้ทันทุกอย่าง ??”?
ฮารุ เพื่อนสนิทตัวดีของภีมที่ไม่เคยพลาดสังเกตอะไร! ผู้คอยดูแลใส่ใจตลอด แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนความคลั่งรัก และความรักที่ยึดติด “ให้ผมเป็นหมาน้อยของภีมได้มั๊ยครับ? ผมอยากมีภีมเป็นเจ้าของของผมคนเดียว”

??”? แค่พล็อตเบสิค แต่บั๊กเยอะจนคาดไม่ถึง ??”?
✔️ ฮาแตกทุกซีน กับมุกจิกกัดสุดเฉียบของภีมที่รับมือกับพวกตัวร้าย(?)
✔️ เคมีระหว่างคนซื่อตรง vs คนเจ้าเล่ห์ มันคือสงครามประสาทที่ไร้ผู้ชนะ
✔️ หักมุมยิ่งกว่าถนนในเมือง ชีวิตภีมแค่จะหาเงิน แต่ทำไมมันกลายเป็นละครวายไปได้!?

???? เตรียมตัวให้พร้อมกับนิยายวายสุดปั่น! ที่พระเอกสู้ชีวิต…แต่ชีวิตติดบั๊ก!
#หนุ่มไรเดอร์สายลุย #แต่จะดันโดนหมาป่าจับกิน #ปากร้ายจิกกัด #หักมุมตลอดเรื่อง   

สารบัญ

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 1 พระแม่ครับ โปรดประทานพรให้ผมเถอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 2 ชีวิตต้องสู้ เพราะกู้มาเยอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 3 ตู้เจ้ากรรม นำพานายเวรมาพานพบ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 4 ถึงจะโสด ก็ได้โปรดอย่าจีบ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 5 พี่พร้อมจะโอนเพราะน้องมันโดนใจ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 6 เมื่อเงินมา งานก็เดิน,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 7 ป.ปลาตากลม กับคนทำความสะอาด,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 8 ฟัดจ์บราวนี่เนื้อนุ่มๆ หรือจะสู้ลุงที่ทำไข่เจียวอุ่นๆ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 9 วิบากของลูกจิ้งจอก กับหมาป่าจอมกลับกลอก,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 10 OK Goodboy มาทำให้ใจพี่ ม่วนจอยหน่อยได้มั้ย?,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 11 ถ้าอยากกินข้าว อย่าห้าวกับพี่,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 12 ข้อเสนอ ที่ทำให้เผลอใจเต้น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 13 อย่าท้าทายพี่ฝรั่ง ถ้ายังไม่รู้จักกันดีพอ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 14 เจ้าเหยื่อผู้น่าสงสาร กับการหยอกของเหล่าไฮยีน่าขี้เล่น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 15 ก๋วยเตี๋ยวแค่ถ้วยเดียว แต่มันเปรี้ยวไปถึงใจ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 16 แผนการล่า ของหมาป่าตัวโต

เนื้อหา

ตอนที่ 16 แผนการล่า ของหมาป่าตัวโต


แสงแดดยามเช้า กำลังสาดส่องลอดผ่านกระจกบานใหญ่ของห้องชุดหรู แสงสีทองอ่อนโรยตัวลงบนพื้นไม้ขัดมัน

 สะท้อนความเงางามของห้องที่ตกแต่งอย่างประณีต ม่านสีครีมถูกรั้งขึ้นเป็นบางส่วน ปล่อยให้ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศผสมกับไอแดดอุ่น

 ชายหนุ่มสัญชาตินอร์วย์ร่างสูง ยืนพิงกรอบหน้าต่าง ใช้ดวงตาคู่งามสีฟ้าเทามองเหม่อลงไปยังทิวทัศน์ของเมืองที่เริ่มเคลื่อนไหว

 รถราบนถนนกำลังค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้น พร้อมกับเสียงจอแจของวันใหม่เริ่มแว่วมาไกล ๆ

ในมือของชายหนุ่ม มีแก้วกาแฟสีดำเรียบหรู ของเหลวในแก้วเริ่มคลายไอร้อนจาง ๆ ปลายนิ้วเรียวยาวแตะ 

เคาะกับขอบแก้วเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ราวกับกำลังใช้ความคิด นัยน์ตาคมกริบของเขาหลุบลงครุ่นคิด ก่อนที่ริมฝีปากจะแค่นยิ้มออกมาเบา ๆ

"ลูกจิ้งจอก..."

เขาพึมพำชื่ออีกฝ่ายกับตัวเองอย่างแผ่วเบา แฝงไว้ด้วยอารมณ์ที่ยากจะอธิบาย นักล่าที่ดีจำเป็นต้องรู้จัก 

จังหวะ จะไล่ล่าโดยไม่ให้เหยื่อตายใจก็ไม่ได้ เขาจะต้องถอยห่างออกมาให้เหยื่อคิดว่าปลอดภัย 

แต่แท้จริงแล้ว—เหยื่อนั้น..มันต้องไม่หลุดรอดไปจากสายตา

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ร่างสูง ละสายตาจากวิวเมือง หันไปทางประตูพร้อมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขารู้ว่าใครมา—

เสียงอบอุ่นของหญิงสูงวัยดังมาจากอีกฟากของประตู

"คุณเอริคคะ ดิฉันขออนุญาตเข้ามาทำความสะอาดนะคะ เห็นว่าคุณอยู่เลยแวะมาถามก่อนน่ะค่ะ"

ชายหนุ่มกระตุกยิ้มขึ้นทันที—เหมือนโชคกำลังเข้าข้างเขาเสียแล้ว เขาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะกระจกข้างโซฟา

 ก่อนเดินไปเปิดประตูด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร

"เข้ามาสิครับ ป้า"

ป้าต้อย—เธอเป็น แม่บ้านวัยกลางคนในชุดทำงานเรียบร้อย ยิ้มรับอย่างสุภาพ และกำลังจะก้าวเข้าไป

 แต่เอริคกลับยังไม่รีบร้อนเปิดทาง เขาไล่สายตามองอีกฝ่ายอย่างพินิจพิเคราะห์ 

ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงนัยยะบางอย่าง

"ป้าต้อยครับ... ผมได้ยินมาว่าช่วงนี้ป้าลำบากอยู่ใช่ไหมครับ?"

ปลายเสียงของเขาเจือความปรานีที่ตั้งใจจะให้ฟังดูเป็นมิตร แต่แววตานั้นกลับอ่านยาก

 ป้าต้อยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจ

 เอริคยังคงรักษารอยยิ้มละมุนละไม ราวกับนักธุรกิจที่กำลังยื่นข้อเสนอ

"ผมได้ยินมาว่า..ลูกป้าต้องเข้ารักษาตัวสินะครับ... ค่าใช้จ่ายคงหนักพอตัว"

ป้าต้อยเม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ เอริคหัวเราะในลำคอ หยิบซองเอกสารจากโต๊ะใกล้ ๆ แล้วยื่นให้

"ผมอาจช่วยป้าได้นะครับ ถ้าป้ายอมช่วยอะไร ผมเล็ก ๆ น้อย ๆ"

เสียงของเขาอ่อนโยน แต่แฝงความเจ้าเล่ห์ แววตาทอประกายวาววับราวกับหมาป่าที่กำลังเสนอเหยื่อต่อรอง

 ป้าต้อยลังเล มือค่อย ๆ เอื้อมไปรับซองมาเปิดดู

 และทันทีที่เห็นตัวเลขข้างใน แววตาของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึง...

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

ในสัปดาห์ที่เอริค ฮาเกน หายตัวไปจากโปรเจกต์และการติดต่อในฐานะผู้ประสานงาน

 ภีมกลับพบว่าตัวเองรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด

 ไม่มีคำสั่งกดดันหรือสายตาที่จ้องมองเหมือนพยายามจับจุดอ่อนของเขา 

ไม่ต้องคอยตอบคำถามแปลกๆ ที่ทำให้เขาอึดอัด 

แม้รู้ว่าเอริคมีธุระสำคัญกับบริษัทต่างชาติที่สังกัดอยู่ แต่ในใจภีมกลับรู้สึกคล้ายกับว่าช่วงเวลานี้..

.เขาได้พื้นที่ส่วนตัวที่หายไป กลับคืนมาแล้ว

ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา มันทำให้ภีมรู้สึกกังวลทุกครั้งที่คิดถึงเอริค 

แต่การที่เขาไม่ต้องเจอ เจ้าฝรั่งตัวโตในช่วงนี้ 

ช่างเหมือนกับว่าภาระหนักอึ้งในใจถูกยกออกไปชั่วคราว

..................แต่การไม่มีเขา... กลับทำให้ภีมรู้สึกว่า มันหายใจโล่งใจอย่างน่าประหลาด

 

ไม่ต้องเผชิญกับสายตากดดัน ไม่ต้องรู้สึกเหมือนกับถูกจับจ้องทุกอิริยาบถ

 หรือแม้แต่ต้องคอยระแวด ระวังว่าอีกฝ่ายจะเล่นเกมบ้าๆอะไรอีก เหนื่อยชะมัด

“ดีแล้วที่..หายไป” ภีมคิดกับตัวเอง แม้ว่าจะพยายามไม่คิดมาก 

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขายังรู้สึกระแวงเล็ก ๆ กับการกลับมาของเอริค

แต่อีกมุมหนึ่ง... ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลก ๆ กันนะ?

ภีมยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน สายตาทอดมองจอคอมพิวเตอร์ แต่ความคิดกลับล่องลอยไปที่อื่น 

พื้นที่ของเขา... เขาได้คืนมันกลับมาแล้วไม่ใช่หรือไง? เขาควรจะพอใจกับความสงบนี้สิ

—แต่มันเงียบเกินไป... มันสงบ..ราวกับคลื่นใต้น้ำ

เขาสะบัดความคิดนั้นออกจากหัว ใบหน้าเหวี่ยงๆ ฉายแววเหนื่อยล้าเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจปิดโน้ตบุ๊กประจำตัว 

และลุกขึ้นคว้าเสื้อคลุม และเตรียมตัวกลับ

บ่ายวันนั้น ขณะที่ภีมกำลังเตรียมตัวจะกลับจากการทำงานและเก็บของที่โต๊ะ

 โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาดูบนหน้าจอ ชื่อที่ปรากฏทำให้ภีมยิ้มออกมาเล็กน้อย

เขากำลังเดินออกจากออฟฟิศ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นเบา ๆ

ปริม เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย

"ฮัลโหล ปริม" ภีมรับสายพร้อมรอยยิ้มบาง

"ไง! นายยังจำเสียงฉันได้หรือเปล่า เจ้าขี้วีน? ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"

ปลายสายดังขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริงและคุ้นเคย ทำให้มุมปากของภีมยกขึ้นเล็กน้อย

"ปริม... เธอโทรมาได้ไง เป็นไงบ้างอ่ะ?"

"นี่ๆ ฉันเพิ่งเปิดร้านดอกไม้! อยู่แถวสุขุมวิทนี่เอง นายอยู่แถวนั้นบ้างรึเปล่า? ถ้ามีเวลาว่าง แกก็แวะมานะ 

ไม่ได้เจอแกตั้งนาน คิดถึงแกเลยโทรมาชวน ไปเจอหน้ากันหน่อยมั้ย?"

ภีมกะพริบตา นึกย้อนกลับไปถึงช่วงมหาวิทยาลัย ปริมเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขา

เธอเป็นหญิงสาว สดใสร่าเริง ตรงไปตรงมา และคอยช่วยเหลือเขามาตลอด 

แม้จะไม่ได้ติดต่อกันบ่อยหลังเรียนจบ แต่พวกเขายังถือว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกัน

"...ร้านดอกไม้เหรอ?" เขาหัวเราะเบา ๆ 

"ดูไม่เข้ากับแกเลยนะ เอาจริงดิ่!!"

"โอ๊ย! ไอ้บ้านี่ ฉันก็มีมุมหวาน ๆ เหมือนกันนะยะ 

 ฉันเองก็ไม่คิดมาก่อนเหมือนกัน แต่สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นไปแล้วเนี่ย"

 ปริมตอบกลับ

 "มาเถอะ! ฉันอยากเลี้ยงกาแฟแกด้วย ร้านฉันมีมุมคาเฟ่เล็ก ๆ ด้วยนะ น่าสนใจใช่มะ? กาแฟฉันอร่อยน้า"

ภีมนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า แม้รู้ว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็น

"โอเคๆ แก งั้นเดี๋ยวฉันไป เพิ่งเลิกงานพอดี"

"ได้! ฉันจะรอแกนะ—อ้อ! แล้วจะซื้อดอกไม้กลับไปฝากแฟนด้วยก็ได้นะ"

"ไม่มีแฟนว้อย!!" เขาตอบเสียงขัดใจ

หลังจากบทสนทนาสั้นๆ นั้น ภีมตัดสินใจว่านี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะได้ออกจากความเงียบเหงาและความคิดมากมายในหัว

 เขาเลยเก็บของแล้วมุ่งหน้าไปสถานีรถไฟฟ้า

ระหว่างทางบนรถไฟฟ้า ภีมนั่งเงียบ ๆ มองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ายามบ่ายที่ปลอดโปร่งทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย

 คิดถึงช่วงเวลาที่เขากับปริมเคยใช้เวลาเรียนด้วยกันในมหาวิทยาลัย 

ความทรงจำที่ดีมากมายเกิดขึ้นระหว่างเพื่อนสนิทกลุ่มเล็กๆ ที่มักคอยช่วยเหลือและสนับสนุนกัน

เขาหลับตาลง พยายามลืมเรื่องราวของเอริคและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

บางที...การได้เจอปริม อาจจะทำให้เขาหลุดพ้นจากความรู้สึกกดดันและหวาดระแวง

ที่คอยตามหลอกหลอนมาตลอดสัปดาห์นี้ได้บ้างก็ได้...

เมื่อถึงจุดหมาย ภีมก้าวลงจากรถไฟฟ้า มุ่งหน้าไปยังร้านดอกไม้ที่ปริมบอกไว้ 

เขารู้สึกถึงความเบาในหัวใจในขณะที่เดินเข้าใกล้จุดหมาย

 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

เสียงเครื่องยนต์ของ Audi สีดำเคลื่อนตัวไปบนถนนอย่างนุ่มนวล เครื่องยนต์เงียบเชียบ แต่ทรงพลัง 

ดวงตาคมสีฟ้าเทา ของเอริคทอดมองทิวทัศน์ของเมืองผ่านกระจกหน้ารถ ยามเช้าในเมืองเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหว 

ถนนสองข้างทางมีร้านรวงเปิดรับลูกค้า คนเดินขวักไขว่

 และเสียงจอแจของชีวิตที่กำลังดำเนินไปตามปกติ

เอริคเอนตัวสบายพิงเบาะ สายตาเหม่อมองออกไปข้างนอก แววตานิ่งเรียบ 

แต่ภายในความคิดกลับไม่ได้สงบตามไปด้วย

—เขาต้องการเวลาให้เหยื่อตายใจ แต่ทำไมก็ไม่รู้... เขาถึงรู้สึกเหมือนเป็นฝ่ายถูกทิ้งห่างเสียเอง—

จังหวะเดียวกับที่รถเคลื่อนผ่านซอยหนึ่ง สายตาของเอริคสะดุดเข้ากับภาพที่ไม่คาดคิด

ริมฟุตบาทด้านซ้าย มีร้านดอกไม้เล็ก ๆ ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์

 ดอกไม้หลายชนิดเรียงตัวอยู่ในกระถางไม้เล็ก ๆ สีพาสเทล และตรงหน้าร้าน...

ภีม ยืนอยู่ตรงนั้น

เด็กหนุ่มในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีอ่อนและกางเกงผ้าสบาย ๆ วันนี้เขาดูผ่อนคลายกว่าทุกครั้งที่เอริคเคยเห็น 

ท่าทางของภีมไม่ได้มีความเงียบขรึมเหมือนในห้องพัก หรือแววตาที่เคยหวาดระแวงเมื่ออยู่กับเขา

ตรงกันข้าม—รอยยิ้มของภีมในตอนนี้ ดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติอย่างน่าโมโห

และที่สำคัญ เขาไม่ได้อยู่คนเดียว

หญิงสาวคนหนึ่ง เธอยืนอยู่ข้าง ๆ เจ้าลูกจิ้งจอก

ผมยาวดัดลอนอ่อน ๆ สวมเสื้อไหมพรมแขนยาวและกางเกงยีนส์ เ

ธอกำลังหัวเราะเบา ๆ ให้กับเจ้าลูกจิ้งจอก ก่อนจะแกล้งขยี้ผมภีมอย่างสนิทสนม

 เด็กหนุ่มขมวดคิ้วพลางหัวเราะเบา ๆ ดวงตาของเขาส่องประกายคล้ายคนที่รู้สึกสบายใจ

—นั่นมันสายตาแบบไหนกัน? —

หัวใจของเอริคกระตุกวูบ

เขาเพิ่งรู้จักภีมได้ไม่นาน แต่เขากลับแน่ใจ... ภีมไม่เคยมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น

ข้อนิ้วของเอริคเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะช้า ๆ แต่หนักแน่น 

รอยยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก แต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่อ่อนโยนอีกแล้ว

 มันเต็มไปด้วยอะไรบางอย่างที่ขมขึ้นในอก

"หึ..."

เขาหัวเราะในลำคอแผ่วเบา แต่กลับไร้แววขบขัน

—เหยื่อคิดว่ามันมีพื้นที่ของตัวเองแล้วจริง ๆ ใช่ไหม? —

รถ Audi เคลื่อนผ่านร้านดอกไม้ไป เอริคเอนตัวไปด้านหลัง 

หลับตาลงชั่วขณะ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง แววตาของเขาเย็นชา แต่ภายในเต็มไปด้วยแรงขับบางอย่างที่หนักแน่น

—น่าสนใจ... ให้เวลาหายใจแค่นี้ เหยื่อก็เริ่มวิ่งออกจากกรงซะแล้วซิ—

...แต่สุดท้ายแล้ว เขาคือหมาป่า และหมาป่าไม่เคยปล่อยเหยื่อไปง่าย ๆ อยู่แล้ว

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ภีมเดินเข้าไปในร้านดอกไม้ของปริม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้สดตลบอบอวลในอากาศ 

ผสมเข้ากับกลิ่นกาแฟจาง ๆ ที่ลอยมาจากมุมคาเฟ่เล็ก ๆ ภายในร้านเล็กๆน่ารัก

ปริมกำลังจัดดอกไม้อยู่ที่เคาน์เตอร์ เธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มกว้างเมื่อเห็นเพื่อนเก่า

"มาแล้วหรอ นั่งนี่ก่อนสิ เดี๋ยวฉันชงกาแฟให้" เธอว่าพร้อมกับพยักพเยิดไปทางโต๊ะมุมร้าน

ภีมถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งอย่าง คนหมดแรง

 ปริมเดินมาพร้อมกับแก้วกาแฟอุ่น ๆ วางลงตรงหน้าเขา 

แล้วดึงเก้าอี้มานั่งตรงข้าม มองหน้าเพื่อเก่า ที่ดูอิดโรย

"ช่วงนี้ แกเป็นไงบ้างวะ?" ปริมถามขึ้นก่อน

ภีมเงียบไปครู่หนึ่ง สายตามองแก้วกาแฟแต่ความคิดล่องลอยไปไกล  สายตาว่างเปล่า

"ก็...เรื่อย ๆ อ่ะ งานก็หนักเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยช่วงนี้...ก็...สงบดี" เขาเว้นคำ

"สงบ?" หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นอย่างจับสังเกต 

"แต่ฟังดูไม่เหมือนแกกำลังแฮปปี้เลยนะ? มันดูขื่นๆ ฝืนๆ"

ภีมหัวเราะแห้ง ๆ พลางยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ

 "ไม่รู้ดิ แค่รู้สึก...โล่งใจ....ละมั้ง?"

ปริมจ้องเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มบาง ๆ 

"แกโล่งใจ หรือเหงา ห๊ะ?อิภีม"

คำถามของเธอทำให้ภีมชะงักไปเล็กน้อย เขาหัวเราะเบา ๆ แต่ไม่ได้ตอบอะไร

"ชั้นรู้จักแกดี แกน่ะไม่เคยเปิดใจให้ใครเลยอะภีม

 แกเคยคิดมั้ยว่าบางที...มันอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่นเลย แต่มันเป็นเพราะตัวแกเองนั่นแหล่ะ?"

 ปริมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความจริงใจ

ภีมเงียบลง หัวใจของเขากระตุกวูบกับคำพูดนั้น

"ฉันรู้.... ว่าแกน่ะ เป็นคนระวังตัว แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบให้ใครเข้ามาในพื้นที่ของตัวเองมากไป ถ้าไม่สนิทใจ

แต่บางครั้ง แกก็ต้องยอมรับน้ะเว้ย ว่าชีวิตคนเรา มันไม่ใช่แค่การปกป้องตัวเองไปตลอดหรอกนะ

 บางที...แกอาจจะต้องปล่อยให้ตัวเองได้รู้สึกอะไรจริง ๆ บ้าง"

ภีมหลุบตาลง ความรู้สึกบางอย่างค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาในใจ เขาไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่เขารู้ดีว่าคำพูดของปริม...มันจี้ใจเขาอย่างจัง

"ก็. ถ้าแกไม่ลองเปิดใจดูเลย แกจะรู้ได้ไงวะว่า...ที่ผ่านมามันเป็นเพราะคนอื่น หรือเป็นเพราะตัวแกเองกันแน่? แกก็เป็นซะอย่างนี้ 

ปากร้ายใจดีกับทุกคน ยกเว้นตัวเอง"

 ปริมทิ้งท้าย ก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ จิบกาแฟของตัวเองอย่างสบาย ๆ

ภีมนั่งนิ่ง เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่ภายในใจกลับเริ่มมีบางอย่างเคลื่อนไหว

บางที...เขาควรเริ่มคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังสักที

เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกลิลลี่ที่ลอยอวลอยู่ในอากาศ

 “ร้านดอกไม้ของปริม” เป็นร้านเล็กๆ ที่ตกแต่งอย่างอบอุ่นด้วยโทนไม้สีอ่อนและกระถางต้นไม้แขวนระย้า

 มีแจกันดอกไม้สดวางอยู่ตามจุดต่างๆ ของร้าน ทุกอย่างดูละมุนละไม

 ยกเว้น อาการเจ้าของร้านที่กำลังเท้าสะเอว มองเพื่อนสนิทอย่างจับผิด 

หลังจากที่ได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้น ที่เจ้าเพื่อนซี้ ขี้วีน ได้เล่าให้ฟัง กับการไปมูเตลูตามอาเจ๊ ที่พาไปดูซินแส

“แกเนี่ยนะ…ไม่เคยขอพรเกี่ยวกับเรื่องความรัก?” ปริมเลิกคิ้วอย่างเหลือจะเชื่อ

 “แต่ดันไปขอพรกับพระแม่ลักษมีเนี่ยนะ?”

ภีมนั่งเอนตัวพิงเคาน์เตอร์ หยิบขวดน้ำมากรอกปาก ก่อนจะตอบเสียงเรียบ

 “ฉัน..แค่อ่านผิดอ่ะ ก็ตอนนั้น มันอ่านตามกระดาษที่จดและลืมตัดออก เลยอ่านตามที่ซินแสบอกมา”

“เวรล่ะ อ่านผิด? นี่แกโง่ หรือเซ่อวะเนี่ย!!!”

“เออ” ภีมถอนหายใจ 

“ก็ตอนแรก ความตั้งใจ คือจะขอเรื่องงานกับเงินไง…แต่อ่านตามที่เขียนผิดไปพ่วงเรื่องเนื้อคู่ด้วย”

ปริมอ้าปากค้าง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา ด้วยว่าขบขันกับความเปิ่นของเพื่อน

 “โอ๊ย!!! อิภีม! พระแม่ลักษมีขึ้นชื่อเรื่องขอพรเนื้อคู่นะเว้ย! ไม่ใช่เรื่องเล่นๆละนะแก”

ภีมชะงักไปนิดหนึ่ง มือที่กำลังหมุนขวดน้ำอยู่หยุดลงครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบไหวไหล่ทำเป็นไม่สนใจ

 “แล้วไง นั่น..ก็แค่ความเชื่อ”

ปริมจ้องเพื่อนสนิทนิ่งๆ ราวกับอ่านทะลุความคิดอยู่ ก่อนจะพยักหน้ากับตัวเอง

 “เอาเหอะ เดี๋ยวแกก็รู้”

ทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนมือถือของปริมดังขึ้น 

ติ๊ง! ติ๊ง! เธอเหลือบดูแล้วเบิกตากว้าง

“เฮ้ย! ลูกค้าใหม่ออเดอร์ช่อดอกไม้มาสามเจ้าเลย!”

เธอรีบคว้ามือถือขึ้นมาเช็กข้อความ พลางหยิบสมุดโน้ตมาจดรายละเอียดไปด้วยอย่างคล่องแคล่ว ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

 ภีมมองเพื่อนสาวที่กำลังยุ่งวุ่นวายด้วยรอยยิ้มจางๆ พลางนั่งมองเธอจัดการงานไปเงียบๆ

บรรยากาศร้านดอกไม้ที่เคยสงบ กำลังเริ่มคึกคักขึ้นมาทันที

 ปริมที่กำลังจัดช่อดอกไม้ไป คุยโทรศัพท์ไป มือก็เลื่อนหาภาพตัวอย่างให้ลูกค้าดู

เธอ ดูมีความสุขกับงานของตัวเองสุดๆ

เจ้าคนหน้าเหวี่ยง เผลอพิงแก้มลงกับฝ่ามือ มองเพื่อนด้วยสายตาสบายๆ 

พลางปล่อยความคิดให้ล่องลอยไป กับบรรยากาศ

"เออ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันว่ะ"