อาคมพิศวงหาได้ใช่อาคมทั่วไปไม่ อาคมนี้ไม่ใช่-
พารานอมอล,ระทึกขวัญ,รั้วโรงเรียน,ไทย,เลือดสาด,สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
อาคมพิศวงอาคมพิศวงหาได้ใช่อาคมทั่วไปไม่ อาคมนี้ไม่ใช่-
ในราตรีนี้มีเพียงแค่เธอกับเขาที่ชะตาขาด
คำเตือนเนื้อหาภายในตอนต่อไปนี้ได้เต็มไปด้วยเนื้อหาจำพวก 18+ เช่น ความรุนแรง, การฆ่าตัวตาย, การล่วงละเมิด, การใช้ยาเสพติด และเนื้อหาสยองขวัญแบบชวนอ้วกพอสมควร ฯลฯ ซึ่งอาจส่งกระทบต่อความรู้สึกหรือทำให้เกิดความไม่สบายใจแก่ผู้อ่าน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ขอบคุณครับ/ค่ะ
ทรีชากับนิมาเดินตามภานพเข้าไปด้านในบูธที่ดูราวกับเป็นโลกอีกใบหนึ่ง ประตูไม้เก่าที่พวกเธอผ่านเข้ามาปิดลงเองอย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดที่ชวนให้รู้สึกหวั่นๆ
บรรยากาศภายในถูกตกแต่งด้วยผ้าม่านสีดำสนิทกับแสงเทียนที่ส่องประกายวูบไหว กำแพงมีรูปอักขระประหลาดแกะสลักอย่างประณีต โต๊ะยาวกลางห้องถูกคลุมด้วยผ้าสีแดงเข้มและมีหนังสือโบราณกับของสะสมแปลกๆ วางเรียงราย
ทรีชา: {ที่นี่...เหมือนหลุดออกมาจากนิยายไสยศาสตร์เลยอะ}//กระซิบกับนิมาเบาๆ//
นิมา: ฉันชอบที่นี่จัง ดูลึกลับดี//ตอบกลับอย่างตื่นเต้น//
ภานพ: นั่งก่อนสิ//กล่าวพลางผายมือไปยังเก้าอี้ไม้ที่ดูเก่าแก่ แต่ยังคงแข็งแรง//
ทรีชาและนิมานั่งลงอย่างเกร็งๆ ขณะที่ภานพเดินไปที่ชั้นหนังสือและหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมา มันดูเก่าจนหน้าปกเริ่มลอกหลุดไปบ้าง แต่ตัวอักษรสีทองยังคงเปล่งประกาย
ภานพ: นี่เป็นหนึ่งในตำราที่ชมรมเราศึกษากันอยู่ มันบอกเล่าเกี่ยวกับอามคมโบราณที่สาบสูญไปนานแล้ว//พูดอย่างใจเย็น แต่แววตากลับดูจริงจังอย่างน่าประหลาด//
ทรีชา: อาคมโบราณเหรอ?//ถามอย่างสงสัย//
ทรีชา: แล้วทำไมต้องศึกษาเรื่องพวกนี้ด้วย? มันดูแบบ...ไม่รู้ดิ
ภานพ: เพราะเวทมนตร์พวกนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าหรือนิทาน มันคือพลังที่มีอยู่จริง//ตอบด้วยน้ำเสียงของเขาที่ช่างมั่นใจจนทำให้ทรีชารู้สึกขนลุกเล็กน้อย//
นิมา: พูดเหมือนนายเคยเห็นมันจริงๆ ยังไงยังงั้น//ยิ้มขำๆ คิดว่าภานพคงแค่พยายามสร้างบรรยากาศให้ดูน่าตื่นเต้น//
ภานพยิ้มมุมปาก ก่อนจะเปิดหนังสือหน้าใดหน้าหนึ่งให้ทั้งสองดู
ภานพ: นี่คือตำราเวทมนตร์ที่ชื่อว่า "อาคมพิศวง" มันบอกวิธีการเรียกใช้พลังที่เกินกว่ามนุษย์จะควบคุมได้ รวมถึง...คำสาป
คำพูดสุดท้ายของภานพทำให้ทรีชากลับรู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว
ทรีชา: คำสาป?//ถามเสียงสั่นๆ//
ภานพ: ใช่ คำสาปที่สามารถทำให้คนผู้หนึ่งต้องพบกับโชคร้าย หรือแม้กระทั่ง...ความตาย//พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ราวกับกำลังเล่าเรื่องธรรมดาทั่วไป//
นิมา: น่ากลัวจัง แต่ก็เจ๋งดีนะ//หัวเราะเบา ๆ ขณะที่ทรีชาได้แต่นั่งนิ่ง รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง//
ภานพ: พวกเธออยากลองทำพิธีเรียกพลังเวทไหมล่ะ?//ยิ้มบางๆ พร้อมวางหนังสือลงตรงหน้าทรีชา//
นิมา: พิธีเรียกพลังเวท?//ตาเป็นประกาย//
นิมา: ฉันอยากลอง!
ทรีชา: เดี๋ยวก่อนสิ นิมา มันดูอันตรายนะ//พยายามดึงแขนเพื่อนไว้ แต่นิมากลับหัวเราะพร้อมกับคว้าเอาหนังสือไปเปิดดูอย่างรวดเร็ว//
นิมา: ไม่ต้องห่วงหรอกน่า แค่ลองเล่นๆ ดูใช่ไหมภานพ?//หันไปถามภานพที่พยักหน้าตอบรับ//
ภานพ: ใช่แล้ว แค่ทำตามขั้นตอนนี้ไปเรื่อยๆ แล้วจะรู้ว่ามันไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด//พูดเสียงนุ่มอย่างเชิญชวน//
ทรีชา://รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่อยากขัดความตื่นเต้นของนิมา//
ทรีชา: เอาเป็นว่า...ฉันจะลองดูด้วยก็ได้ แต่ต้องอย่าทำอะไรที่มันเกินไปก็พอ//พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง//
นิมา: แน่นอน! งั้นมาเริ่มกันเถอะ//พูดอย่างร่าเริง ก่อนจะวางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วเริ่มทำพิธีตามที่ภานพบอก//
ทันใดนั้นเองก็ได้มีนักเรียนชายปริศนาโผล่มาขัดจังหวะพวกเขา ใบหน้าของเขาถูกขีดเขียนด้วยพวกปากกาเมจิกหลากสี ทำให้เวลามองหน้าเขาก็จะดูตลกเอามากๆ เช่นกัน
นักเรียนชายปริศนา://ได้ผลักประตูห้องชุมนุมเข้ามาอย่างแรง พร้อมกับเสียงตะคอกที่ดุดัน//
ศักดิ์: ไอ้ภานพ! มึงทำเหี้ยอะไรของมึงวะ!//น้ำเสียงกราดเกรี้ยว//
ศักดิ์://ใบหน้าถูกขีดเขียนด้วยหมึกปากกาเมจิกหลากสีจนดูตลกสุดๆ แต่ตอนนี้คงจะไม่มีใครกล้าขำ//
ภานพ: โถ่ไอ้ศักดิ์...แค่เล่นกันนิดเดียวเอง คงไม่ได้เป็นอะไรหรอก
ทรีชา: อ้าว ศักดิ์เหรอ?//มองไปที่หน้าของศักดิ์ ก่อนจะหลุดขำออกมาเล็กน้อย//
ทรีชา: ทำไมหน้าถึงเป็นแบบนั้นอ่ะ ไปทำอะไรมา ดูตลกดีนะ ว่าไม่ได้
ศักดิ์: ห๊ะ! ทรีชา? เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย!? แล้วมีนามาด้วยมั้ยเนี้ย?//ทำหน้าตกใจ แต่ก็มีแววโล่งใจเล็กน้อยที่เห็นทรีชาอยู่ที่นี่//
ทรีชา: มีนาไม่มาวันนี้ เธอลากิจไปทำธุระกับครอบครัวน่ะ
ศักดิ์://ใบหน้าเปลี่ยนเป็นหงอยเหงาเล็กน้อย ก่อนจะตวาดใส่ภานพอย่างดุดัน//ไอ้เหี้ยภานพ! มึงกล้าพาคนนอกมาที่ห้องชุมนุมของพวกเราได้ยังไงวะ!?
ศักดิ์: แถมมึงยังจะให้พวกเขาทำพิธีคำสาปอีก คนทำก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยแต่เป็น “ทรีชา” กับเพื่อนของเธอ มึงกล้าทำแบบนี้ได้ยังไงวะ มึงยังห่วงความปลอดภัยของเพื่อนบ้างมั้ย!?
นิมา: {เกิดอะไรขึ้นเหรอ?}//กระซิบถามกับทรีชา สีหน้าเริ่มเป็นกังวล//
ทรีชา: {กูก็ไม่รู้ อีเหี้ย!}//กระซิบตอบกลับอย่าง งงๆ//
ศักดิ์://รีบหันหน้ามองทรีชาและนิมา สีหน้าจริงจังจนทั้งคู่รู้สึกได้ถึงอันตรายบางอย่าง// พวกเธอสองคน ออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้เลยนะ! อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน!
ทรีชาและนิมาหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกจากห้องชุมนุมทันที ราวกับรู้ว่าหากยังอยู่ต่อ อาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นก็เป็นได้
ภานพ://สีหน้าเปลี่ยนเป็นสำนึกผิดทันที// โห...คนนอกอะไรกัน เดี๋ยวพวกเขาก็จะเป็นคนของชุมนุมเราแล้ว
ศักดิ์://ชี้นิ้วไปที่หน้าภานพด้วยความโกรธ//มึงคิดบ้าอะไรของมึงวะ!? เล่นกับพิธีคำสาปโดยให้คนที่ไม่ได้ฝึกมาทำเนี่ยนะ!?
ศักดิ์: มึงรู้มั้ยว่าถ้ามันพลาด ไม่ใช่แค่ครูรัศมีที่จะลงโทษมึง แต่ทางกระทรวงแพทยาคมอาจจะตัดสินโทษของมึงถึงตายได้เลย! ดีนะที่กูรีบกลับมาพอดี ไม่งั้นเรื่องมันคงแย่กว่านี้แน่...
ภานพ://ก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด//กูคิดว่ากูคุมอยู่ตอนแรก แต่ตอนนี้กูพึ่งคิดได้จริงๆ ว่ามันเกินไป ขอโทษว่ะ ไอ้ศักดิ์
ศักดิ์: มึงต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้นะ ภานพ ช่วงนี้มีพวกใช้ไสยศาสตร์ไปทำเรื่องเลวร้ายกันเกลื่อนมาก ข่าวคนตายเพราะคำสาปก็มีทุกวัน ทางกระทรวงแพทยาคมยังหาตัวคนทำผิดไม่ได้เลย มึงต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ เข้าใจมั้ย?
ภานพ: เออๆ กูเข้าใจแล้ว ขอโทษว่ะ...
ณ เวลา 18.00 น.
บ้านของชายลักษณะตุ้งติ้งคนหนึ่ง
บ้านไม้หลังเล็กที่ตั้งอยู่ในมุมลึกของซอยเปลี่ยว เงามืดปกคลุมทั่วบริเวณ ทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวอย่างประหลาด ด้านในบ้านมีกลิ่นธูปคละคลุ้งไปทั่ว ทั้งกลิ่นสมุนไพรและควันธูปที่เผาไหม้ผสมกันจนชวนให้รู้สึกเวียนหัว
"มาดา" นักเรียนหญิงมัธยมปลายโรงเรียนเดียวกับทรีชา เธอนั่งอยู่หน้าพานทองเหลืองที่ประดับด้วยดอกไม้สีแดงเข้ม ใบหน้าแฝงด้วยความเคียดแค้นและอิจฉา ข้างๆ เธอคือแก๊งค์เพื่อนๆ ที่มาด้วยกัน ได้แก่ เข็มมิท จินรา เมรา และโมด้า ทั้งหมดมองไปที่ของชายลักษณะตุ้งติ้งคนหนึ่งที่มีชื่อว่า "เจ๊เลี๊ยบ" อย่างลุ้นระทึก
เจ๊เลี๊ยบ เป็นน้าแท้ๆ ของมาดา เธอเป็นกะเทยรูปร่างอวบ ผิวแทน ผมสีดำยาวถึงบั้นท้าย ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยการสักยันต์ลงอาคม ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเข้มจัด และสิ่งที่เด่นก็คือ หน้าอกและบั้นท้ายของเธอที่ไปเสริมมาจนใหญ่กว่าลูกแตงโมเสียอีก
ตอนนี้เจ๊เลี๊ยบเธอกำลังนั่งพับเพียบอยู่หน้าโต๊ะพิธีกรรม มือทั้งสองยกขึ้นพร้อมกับถือกะลามะพร้าวที่บรรจุของเหลวสีดำคล้ายกับน้ำมันที่เหม็นสาบ
เจ๊เลี๊ยบ: พร้อมหรือยังมาดา? พิธีนี้มันจะทำให้เด็กคนนั้นเจอแต่ความทรมาน ถอยกลับตอนนี้ก็ยังได้นะ//น้ำเสียงฟังดูเย็นชาและจริงจัง//
มาดา: ฉันพร้อมค่ะน้าเลี๊ยบ! ฉันต้องการให้มันเจ็บปวดที่สุด ให้มันได้รับรู้ว่าการแย่งพี่ต้นกล้าไปจากฉันมันมีราคามากแค่ไหน//พูดด้วยความโกรธแค้นที่เดือดดาล//
เจ๊เลี๊ยบ: เอ่อกูถามไปอย่างงั้นแหละ
เจ๊เลี๊ยบ://หันหน้าไปหาพวกเพื่อนๆ ของมาดาที่ตอนนี้มีแต่คนกลัว บางคนก็พนมมือสวดมนต์ไหว้พระ บางคนก็เอามือมาปิดตา//
เจ๊เลี๊ยบ: โอ๊ย! บอกเพื่อนๆ ของมึงด้วยถ้ากลัวมากก็หลับตาหรือออกไปเลย อีดอกกลัวเหี้ยอะไรนักหนา!
มาดา: โอ๊ย...แรงอะน้า
เจ๊เลี๊ยบ: เคดี งั้นเรามาเริ่มกันเลย
เจ๊เลี๊ยบ: โอม องค์เทพสามตามาดลใ-
มาดา: น้า! คนละเรื่อง เดี๋ยวติดลิขสิทธิ์
เจ๊เลี๊ยบ: เออ โทษทีๆ
เจ๊เลี๊ยบ://เริ่มกลับมาตั้งใจรีบทำพิธีอย่างจริงจังให้มันเสร็จสิ้นไป//
เจ๊เลี๊ยบได้วางกะลามะพร้าวลงบนพานทองเหลือง ใส่เส้นผมของตัวเธอเองและเปลือกไข่มากมายที่ทำพิธีสะกดไว้ลงไปในน้ำสีดำ จากนั้นก็หยิบตุ๊กตาดินน้ำมันที่ปั้นขึ้นมาใหม่ออกมา ถือไว้ในมืออย่างแน่นหนา แล้วก็ค่อยวางข้างขาซ้ายของเธอเองอย่างนุ่มนวล
เจ๊เลี๊ยบ: อาคมจงสำแดงฤทธิ์! นำพาความเจ็บปวดไปสู่เป้าหมาย จงให้มันต้องทรมานไปจนกว่าความแค้นนี้จะได้รับการชำระ!//เสียงเจ๊เลี๊ยบเปล่งออกมาอย่างทรงพลัง//
เจ๊เลี๊ยบ://เริ่มพนมมือร่ายคาถา//
เจ๊เลี๊ยบ: มั้นนัล จง งง ตายยะ โอล์มั้นนัล จง งง ตายยะซะ มะนังจงตาย โอมมะนังจงตายซะ (มันจงตาย โอมมันจงตายซะ มันจงตาย โอมมันจงตายซะ)//พูดซ้ำหลายรอบจนเทียนไฟตรงหน้าโต๊ะพิธีกรรมมันก็กลับดับของมันไปเอง//
ณ โรงเรียน
ที่ตึกอาคาร 5 ของกลุ่มสาระภาษาไทย
"ฟินธ์" นักเรียนหญิงมัธยมปลายที่กำลังจะกลับบ้านหลังจากช่วยงานโรงเรียนเสร็จ เธอเก็บข้าวของอย่างเงียบๆ ในห้องโฮมรูมของเธอที่ตอนนี้ไม่มีใครเหลืออยู่แล้ว บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดอย่างน่าประหลาด
ในขณะที่กำลังเดินอยู่ตรงโถงทางเดินข้างระเบียงชั้น 4 จู่ๆ ฟินธ์ก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีอะไรมากดทับอยู่ในท้อง ความเจ็บปวดเริ่มทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ
ฟินธ์: อึก...ทำไม...ปวดท้องจัง...//พูดเสียงสั่น ก่อนที่ร่างกายจะรู้สึกปั่นป่วนอย่างรุนแรง//
ทันใดนั้นเอง ฟินธ์อาเจียนออกมาอย่างรุนแรง สิ่งที่ออกมากับเลือดสีแดงเข้ม คือเปลือกไข่แตกละเอียดและเส้นผมที่พันกันยุ่งเหยิง
ฟินธ์: อ๊ากกกกก!//กรีดร้องอย่างหวาดกลัว จนต้องพยายามทรงตัวให้ได้ แต่ความเจ็บปวดก็ยังไม่หยุดลง//
ที่บ้านของเจ๊เลี๊ยบ
เจ๊เลี๊ยบจุดไฟเทียนที่ดับไปเมื่อกี้อีกครั้ง คราวนี้เธอหยิบตุ๊กตาดินน้ำมันที่วางอยู่ข้างขาซ้ายของเธอขึ้นมา พร้อมกับดัดแขนข้างขวาของตุ๊กตาให้หันเข้าและดัดขาข้างซ้ายของตุ๊กตาให้หันออกแบบผิดรูปอย่างโหดเหี้ยม รอยยิ้มพึงพอใจผุดขึ้นบนใบหน้า
เจ๊เลี๊ยบ://ร่ายคาถาอีกครั้ง//
เจ๊เลี๊ยบ: โอลูอมลู รูลูปุลูร่างลูหน้าลูตาลูจิลุติลุใจลูแลลูร่างลูกายลูจนลุบิลุดลุเบี้ยวลูผิดลุรูลูปุลูผิดลุแปลกลูไปลู (โอม รูปร่างหน้าตาจิตใจแลร่างกายจนบิดเบี้ยวผิดรูปผิดแปลกไป)
ที่โรงเรียน
ฟินธ์รู้สึกถึงแรงกระแทกที่รุนแรง แขนข้างขวาและขาข้างซ้ายของเธอหักจนบิดเบี้ยว ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง แต่ก่อนที่เธอจะทันได้กรีดร้องอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่หนักหน่วงกว่านั้นก็เริ่มขึ้น
ที่บ้านของเจ๊เลี๊ยบ
เจ๊เลี๊ยบบีบตุ๊กตาดินน้ำมันตรงกลางลำตัวอย่างแรง สีหน้าของเธอแสดงความเคียดแค้นอย่างชัดเจน
เจ๊เลี๊ยบ://ร่ายคาถาอีกรอบ//
เจ๊เลี๊ยบ: โอลูอมลู จงลูไร้ลูซึ่งลูสิ่งลุที่ลูมีลูคุณลุค่าลูในลุกาลูหายลูใจลูแลลุกาลูลุดำลุรงลุที่ลูใช้ลุชีลุวิลุตลู (โอม จงไร้ซึ่งสิ่งที่มีคุณค่าในการหายใจและการดำรงที่ใช้ชีวิต)
ที่โรงเรียน
ฟินธ์เริ่มหายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งมากดทับที่หน้าอก ซี่โครงของเธอค่อยๆ หักทีละท่อน เสียงแตกดังสะท้อนในความเงียบ เธอล้มลงไปนอนกับพื้นด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
ฟินธ์: ช่วย...ด้วย...//พยายามส่งเสียงร้องออกมา แต่ไม่มีใครได้ยิน//
ที่บ้านเจ๊เลี๊ยบ
เจ๊เลี๊ยบได้ขว้างตุ๊กตาดินน้ำมันที่อยู่ในมือลงในกะลามะพร้าวอย่างแรง จนตุ๊กตาดินน้ำมัน กะลามะพร้าว และพานทองเหลืองกระเด็นตกลงสู่พื้น บริเวณนั้นเลยเต็มไปด้วยเส้นผม เปลือกไข่ และน้ำสีดำที่หกเต็มทั่วพื้น
เจ๊เลี๊ยบครั้งนี้ได้หยิบหม้อดินเผาขนาดเท่าลูกเมล่อนออกมา เธอแกะเชือกสายสิญจน์ที่มัดผูกผ้ายันต์บนหม้อดินเผา แล้วดึงผ้ายันต์ออกจึงเริ่มท่องคาถาต่อ
เจ๊เลี๊ยบ://พนมมือและเริ่มร่ายคาถาอีกครั้ง//
เจ๊เลี๊ยบ: โอลูอมลู มุลันลูจงลูตายลู โอลูอมลู มุลันลูจงลูตายลูซะลู โอลูอมลู จงลูนำลูวิลุงลูญาณลูของลุมันลูมาลูให้ลูข้าลูเพื่อลูมาลูเป็นลูบริลุวารลูของลูข้าลูซะลู (โอม จงนำวิญญาณของมันมาให้ข้าเพื่อมาเป็นบริวารของข้าซะ)
ทันใดนั้นเองก็ได้มีกลุ่มก้อนควันสีเทาปริศนาลอยออกมาจากหม้อดินเผานั้นแล้วลอยหายไปในอากาศ
ที่โรงเรียน
ดวงตาของฟินธ์เริ่มพร่ามัว จู่ๆ เงาสีเทาปริศนาก็โผล่มาตรงหน้า ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยความอาฆาต เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้นในหัวของฟินธ์
ความกลัวท่วมท้นจนเกินจะทนไหว ฟินธ์รีบพาร่างที่บาดเจ็บแถมใกล้จะหมดแรงของตัวเอง โดยใช้แขนข้างซ้ายและขาข้างขวาที่ยังพอใช้ได้คลานไปใกล้กับระเบียงทางเดินของตึกที่ห่างจากตัวเธอเพียงไม่กี่นิ้วอย่างเสียสติ
ฟินธ์: อย่าเข้ามา! อย่าเข้ามา!//หันไปมองที่เงาสีเทานั่นเป็นครั้งสุดท้าย//
แล้วสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น ฟินธ์ใช้แขนข้างซ้ายจับระเบียงดึงจนเธอพอพยุงร่างกายให้ยืนได้แล้วเอนตัวลงจากระเบียงไปเบื้องล่าง เสียงร่างกระแทกพื้นดังสะท้อนก้องไปทั่วบริเวณ เลือดแดงฉานไหลออกจากศีรษะที่แตกกระจาย สายตาที่เคยส่องประกายสดใสกลับกลายเป็นความว่างเปล่าอย่างน่าสลด
ณ บ้านของเจ๊เลี๊ยบ
เจ๊เลี๊ยบ: จบแล้ว...เสร็จสักที//พูดเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มพึงพอใจที่มุมปาก ขณะที่มาดาและเพื่อนๆ ต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจและยินดีปนเปกันไป//
แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่า สิ่งที่พวกเขาได้ทำลงไปนั้น ได้เป็นการปลดปล่อยพลังบางอย่างที่เกินกว่าจะควบคุมได้.....