ข้าเลือกเป็นอมตะ เพื่อหน้าที่…แต่สิ่งที่ข้าเฝ้ารอมา 3000 ปี นั่นคือความตาย โชคชะตาพาผมมาเจอคุณช้าไป แต่ไม่เป็นไร เพราะผมจะทำให้คุณติดใจ ‘รักผมจนไม่อยากตายอีกเลย!’

แสงสุดท้ายของนิรันดร์ - บทนำ ต้นกำเนิดอาณาจักร โดย LucenSorin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,รัก,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,เมะเมะ,boylove/yaoi,โรแมนติก ,โรแมนติกแฟนตาซี,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

แสงสุดท้ายของนิรันดร์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,รัก,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,เมะเมะ,boylove/yaoi,โรแมนติก ,โรแมนติกแฟนตาซี,ดราม่า,แฟนตาซี

รายละเอียด

แสงสุดท้ายของนิรันดร์ โดย LucenSorin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ข้าเลือกเป็นอมตะ เพื่อหน้าที่…แต่สิ่งที่ข้าเฝ้ารอมา 3000 ปี นั่นคือความตาย โชคชะตาพาผมมาเจอคุณช้าไป แต่ไม่เป็นไร เพราะผมจะทำให้คุณติดใจ ‘รักผมจนไม่อยากตายอีกเลย!’

ผู้แต่ง

LucenSorin

เรื่องย่อ

3000 ปีก่อน เอโอเนียส ตัดสินใจสละความเป็นมนุษย์ เลือกเส้นทางแห่งความเป็นอมตะ เพื่อแบกรับหน้าที่อันไม่มีวันสิ้นสุด แม้เวลาผ่านไปนับพันปี เขากลับไม่ได้เป็นผู้ครอบครองสิ่งใด มีเพียงหน้าที่ที่พันธนาการเขาไว้ และความเงียบงันที่กัดกินหัวใจ 


เขาเฝ้ารอเพียงสิ่งเดียว…


วันที่ใครสักคนจะปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ




ลูค เด็กหนุ่มที่เติบโตมากับภาพนิมิตประหลาดในหัว เหตุการณ์ที่เขาไม่เคยมีส่วนร่วม บุคคลที่เขาไม่เคยรู้จัก แต่ทุกเรื่องราวกับชัดเจน บีบคั้นหัวใจราวเป็นความทรงจำของตัวเองเอง 


จนถึงวันหนึ่ง…วันที่โชคชะตาพาเขามาพบชายผู้อยู่ใต้เงารัตติกาลอันมืดมิด


“คุณรอผมอยู่ใช่ไหมครับ”


.


.


.


“ใช่…เพื่อจบทุกอย่าง”





**คำเตือน**

นิยายเรื่องนี้ไม่ฟิกโพสิชั่น ทุกอย่างลื่นไหลไปตามความรักของพวกเขาทั้งสอง

สารบัญ

แสงสุดท้ายของนิรันดร์-บทนำ ต้นกำเนิดอาณาจักร,แสงสุดท้ายของนิรันดร์-บทที่ 1 ผู้มีนิมิต

เนื้อหา

บทนำ ต้นกำเนิดอาณาจักร

ท่ามกลางรัตติกาลที่จันทร์ส่องแสงนวลสว่าง ชายหนุ่มผมยาวดำขลับ ดวงตาสีนิลทอดมองอาณาจักรอันรุ่งเรืองด้วยแววตาว่างเปล่า


ในอดีต ณ ที่แห่งนี้ คือสนามรบซึ่งอาบไปด้วยเลือดของเหล่านักรบที่สาดกระเซ็น แต่ในวันนี้...นี่คือดินแดนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่เหล่ามวลมนุษย์นั้นได้ครอบครอง


เวลายาวนานหลายพันปีดำเนินไป ตามแผนการของใครบางคนที่วางไว้ เพื่อให้ ยูนีเซีย ได้ถือกำเนิด


ผู้วางแผนไม่มีโอกาสได้เห็น ว่าผลลัพธ์สุดท้ายของสิ่งที่วาดฝันไว้มันเป็นเช่นไร


มีเพียงเขาเท่านั้น ที่ได้ทอดมองความยิ่งใหญ่นี้…


เขา ผู้ที่เฝ้ามองทุกสิ่งตลอดมา


3000 ปีแห่งความโดดเดี่ยว ทำให้เขาไม่มีความปรารถนาใดหลงเหลืออยู่ สิ่งเดียวที่เฝ้ารอคอย…คือวันที่เขาจะถูกปลดปล่อย


“มีเรน่า เจ้ามาหาข้ามีอะไรงั้นรึ”


สิ้นเสียงทุ้ม ก็ปรากฏร่างหญิงชราพร้อมกับสายลมพัดปะทะกาย จนผมดำยาวถึงกลางหลังปลิวไสว


“ข้าเพียงมาเตือนท่าน”


ชายหนุ่มละสายตาจากภาพกว้างของมหานครอันรุ่งเรือง มาจับจ้องหญิงชราผมเทาแซมขาว นัยน์ตาสีม่วงลึกล้ำตรงหน้า


เป็นการพบกันอีกครั้ง ในรอบหลายพันปี


“เวลาของท่านที่หยุดนิ่งมาตลอด 3000 ปี กำลังจะเดินอีกครั้ง แต่โปรดจำไว้ เมื่อถึงเวลานั้นท่านจะไม่ใช่ผู้เลือก” เสียงนุ่มเย็นของหญิงชราพัดมาตามสายลมเอื่อย


“ข้ารู้ดี”


“ขอให้โชคชะตาเห็นใจท่าน”


“ข้าก็หวังเช่นนั้น” การเฝ้ารอยาวนานราวนิรันดร์ของเขาจะได้จบลงเสียที


เมื่อลมพัดผ่านร่างอีกครั้ง หญิงชราที่เคยอยู่ตรงหน้าเขาก็หายไปจากครรลองสายตา


เหลือเพียงเอโอเนียสยืนอยู่ลำพัง


…เช่นเดียวกับทุกค่ำคืนที่ผ่านมา




ในอดีตก่อนการรวบรวมอาณาจักรยูนีเซีย ธรรมชาติคือศัตรูอันโหดร้ายที่สุดต่อทุกสิ่งมีชีวิต พายุโหมกระหน่ำบ้าคลั่ง ฝนตกกินเวลายาวนานจนพื้นดินกลายเป็นพื้นน้ำ ขณะที่บางดินแดนความแห้งแล้งแผ่ขยายไปทั่วทั้งแผ่นดิน และเปลวเพลิงจากภูเขาไฟ ก็คอยแผดเผาทุกสรรพสิ่งที่กีดขวาง


ในสภาวะแวดล้อมอันโหดร้ายเช่นนี้ มนุษย์ คือสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอที่สุด


เพื่อความอยู่รอด มนุษย์ถูกบีบบังคับให้วิวัฒนาการ เพราะหากไม่แข็งแกร่งพอ ก็ต้องสูญสิ้นไป นั่นคือ กฎของธรรมชาติ


การวิวัฒน์โดยการผสมผสานเลือดเนื้อเข้ากับพลังธรรมชาติ ก่อเกิดมนุษย์ผู้มีพลัง ผู้อยู่ใกล้วารีอันเชี่ยวกราด ได้รับพลังจากพื้นน้ำแห่งชีวิต อาทิตย์ที่สาดส่องสำแดงพลังแก่มนุษย์ผู้ศรัทธา ผู้อาศัยกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชน มีอัคคีอันโชติช่วงเป็นพลัง และสายลมกรรโชกพัดคือลมหายใจของผู้ใช้วาโย


เวลายาวนานที่มนุษย์ดำรงอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันแสนเกรี้ยวกราด แต่ละเผ่าพันธุ์มีวิถีชีวิตแตกต่างกันไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน


ความกลัว และ ไม่ไว้ใจ


มนุษย์ไม่เคยไว้ใจสิ่งใดที่แตกต่างไปจากตน การเผชิญหน้ากับเผ่าอื่น หมายถึงการต่อสู้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด สัญชาตญาณแห่งการเอาชีวิตรอดก็ยังคงฝังอยู่ลึกในจิตใจ


เริ่มจากข้อพิพาทเล็ก ๆ ระหว่างเผ่า กลายเป็นสงครามขยายอาณาเขต สงครามแย่งชิงทรัพยากร สงครามเพื่อศักดิ์ศรีที่ไม่อาจยอมให้กันได้ และเมื่อเวลาผ่านไป สงครามเหล่านั้นยิ่งทวีความรุนแรง จนกลายเป็นวงจรแห่งการแก้แค้นที่ไม่มีวันสิ้นสุด เพราะถูกทำร้ายมา จึงไม่ลังเลที่จะตอบกลับไป ด้วยความรุนแรงที่มากกว่า เป็นเช่นนี้อยู่ร่ำไป


แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สักวันหนึ่ง…จะไม่เหลือเผ่าพันธุ์ใดหลงเหลืออยู่อีกเลย


ในห้วงแห่งความสิ้นหวัง หญิงสาวผู้หนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้น นางมิใช่ผู้นำเผ่า และมิใช่นักรบที่กล้าแกร่งแต่อย่างใด นางเป็นเพียงเด็กสาวที่ได้รับพร


พร ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดควรได้ครอบครอง


พรแห่งอนาคต


มีเรน่า คือ ผู้มองเห็นอนาคต นางเห็นการล่มสลายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ หากยังไม่หยุดต่อสู้กันเอง ทุกสิ่งที่ดำรงอยู่จะหายไป


แต่นางก็ได้เห็นสิ่งหนึ่ง...ที่ต่างออกไป


อาณาจักรที่ไม่เคยมีมาก่อน อาณาจักรอันยิ่งใหญ่กว่าดินแดนที่ชนเผ่าใดจะครอบครอง อาณาจักรซึ่งรวมทุกคนไว้เป็นหนึ่งเดียว


ยูนีเซีย


ในขณะที่เหล่าผู้นำกำลังตัดสินใจว่าควรฆ่านาง หรือควรใช้พลังของนางอย่างไร มีเรน่าก็เริ่มลงมือทำตามสิ่งที่นางเห็น


แต่มีเรน่าไม่ได้อยู่เพียงลำพังบนเส้นทางนี้ ข้างกายนางมีหญิงสาวผู้หนึ่งที่คอยเดินเคียงข้างเสมอ


เอเลน่า น้องสาวของมีเรน่า ผู้ไม่ได้ครอบครองพรดั่งที่พี่สาวมี แต่นาง…เป็นผู้ทำให้อนาคตเหล่านั้นเป็นจริง


หากมีเรน่าเป็นดั่งแสงนำทาง เอเลน่า คือมือที่ลงแรง คือสมองที่วางแผน เพื่อสร้างอาณาจักรนี้ขึ้นมา นางเป็นผู้วางรากฐานการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์


แต่อาณาจักรไม่สามารถถูกสร้างขึ้นได้ในวันเดียว และนางรู้ดีว่า…สิ่งที่นางและพี่สาวหวังไว้อาจไม่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตของนางเอง


เวลา คือสิ่งที่มีเรน่า และเอเลน่ากังวลที่สุด


มนุษย์อ่อนแอเกินกว่าจะรอคอยสิ่งใดที่อยู่ไกลเกินเอื้อม แม้วันนี้อาจร่วมมือกันได้ แต่ใครจะรับรองได้เล่าว่ารุ่นลูกหลานจะยังเชื่อมั่นในอุดมการณ์เดียวกัน?


ในวันที่มีเรน่ามองเห็นอนาคตอันยิ่งใหญ่ของยูนีเซีย และวันที่เอเลน่าเริ่มวางรากฐานของมัน ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ก้าวมาพร้อมคำสัญญา


“ข้าจะเป็นผู้เฝ้ามองเอง”


ชายหนุ่มผมดำยาว ยืนหยัดอยู่กลางที่ประชุม นัยน์ตารัตติกาลสะท้อนเจตจำนงอันแน่วแน่


“ข้าจะอยู่เหนือกาลเวลา…เฝ้ามองอาณาจักรนี้ให้ถือกำเนิด และดำรงอยู่เพื่อให้มันดำเนินไปตามเส้นทางที่ควรจะเป็น”


“แต่เอโอเนียส…”


“การตัดสินใจนี้หมายถึงการเสียสละทุกสิ่ง แม้แต่…ความเป็นมนุษย์ของท่านเอง”


“ข้ายินดี”


แม้มีเรน่าจะเป็นผู้มองเห็นอนาคต และเอเลน่าเป็นผู้สร้างเส้นทางแห่งมัน แต่เอโอเนียสคือผู้ที่เลือกแบกรับมันไว้บนบ่า


เอเลน่าไม่เคยต้องการให้มีใครที่ต้องแบกรับภาระนี้ แต่ในขณะเดียวกัน นางก็รู้ดีว่า หากไม่มีเอโอเนียสแผนของนางจะไม่มีวันสำเร็จ


“ท่านแน่ใจหรือ?”


“หากท่านเลือกเส้นทางนี้แล้ว จะไม่มีวันหวนกลับมาได้อีก”


“ข้ารู้” และเอโอเนียสเลือกแล้ว


เขาคือผู้ยอมสละทุกสิ่ง เพื่อให้ยูนีเซียถือกำเนิดขึ้นมา


3000 ปีต่อมา


อาณาจักรยูนีเซียถือกำเนิดตามที่มีเรน่ามองเห็น ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น


…ยกเว้นเพียงสิ่งเดียว


เอโอเนียส เขาไม่ได้เป็นมนุษย์อีกต่อไป ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นเพียงผู้เฝ้ามองอาณาจักรที่เขาเคยเดิมพันทุกสิ่งเอาไว้


3000 ปีแห่งความโดดเดี่ยว ไม่ได้มีไว้เพื่อรอพบใคร ไม่ได้มีไว้เพื่อรอคอยความรักให้หวนคืน ไม่ได้มีไว้เพื่ออะไรเลย


เขาเพียงรอ...วันที่จะถูกปลดปล่อย