ข้าเลือกเป็นอมตะ เพื่อหน้าที่…แต่สิ่งที่ข้าเฝ้ารอมา 3000 ปี นั่นคือความตาย โชคชะตาพาผมมาเจอคุณช้าไป แต่ไม่เป็นไร เพราะผมจะทำให้คุณติดใจ ‘รักผมจนไม่อยากตายอีกเลย!’
ชาย-ชาย,แฟนตาซี,รัก,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,เมะเมะ,boylove/yaoi,โรแมนติก ,โรแมนติกแฟนตาซี,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แสงสุดท้ายของนิรันดร์ข้าเลือกเป็นอมตะ เพื่อหน้าที่…แต่สิ่งที่ข้าเฝ้ารอมา 3000 ปี นั่นคือความตาย โชคชะตาพาผมมาเจอคุณช้าไป แต่ไม่เป็นไร เพราะผมจะทำให้คุณติดใจ ‘รักผมจนไม่อยากตายอีกเลย!’
3000 ปีก่อน เอโอเนียส ตัดสินใจสละความเป็นมนุษย์ เลือกเส้นทางแห่งความเป็นอมตะ เพื่อแบกรับหน้าที่อันไม่มีวันสิ้นสุด แม้เวลาผ่านไปนับพันปี เขากลับไม่ได้เป็นผู้ครอบครองสิ่งใด มีเพียงหน้าที่ที่พันธนาการเขาไว้ และความเงียบงันที่กัดกินหัวใจ
เขาเฝ้ารอเพียงสิ่งเดียว…
วันที่ใครสักคนจะปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ
ลูค เด็กหนุ่มที่เติบโตมากับภาพนิมิตประหลาดในหัว เหตุการณ์ที่เขาไม่เคยมีส่วนร่วม บุคคลที่เขาไม่เคยรู้จัก แต่ทุกเรื่องราวกับชัดเจน บีบคั้นหัวใจราวเป็นความทรงจำของตัวเองเอง
จนถึงวันหนึ่ง…วันที่โชคชะตาพาเขามาพบชายผู้อยู่ใต้เงารัตติกาลอันมืดมิด
“คุณรอผมอยู่ใช่ไหมครับ”
.
.
.
“ใช่…เพื่อจบทุกอย่าง”
**คำเตือน**
นิยายเรื่องนี้ไม่ฟิกโพสิชั่น ทุกอย่างลื่นไหลไปตามความรักของพวกเขาทั้งสอง
ยูนีเซีย หมายถึง อาณาจักรอันเป็นหนึ่งเดียว อาณาจักรแห่งนี้เหมาะสมกับชื่อนั้น ยูนีเซียครอบคลุมอาณาเขตกว้างใหญ่ ครอบครองทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ความรู้วิทยาการพัฒนาก้าวหน้า มีทั้งความรุ่งเรือง สันติสุข และเสถียรภาพที่ยาวนานมานับพันปี
แต่ทว่า…
ยุคที่พลังพิเศษเคยหล่อเลี้ยงมนุษย์ให้รุ่งเรืองได้จบลงไปนานแล้ว
ยุคที่มนุษย์เคยมีพลังพิเศษ ทรงพลังขนาดเรียกลม สั่งฟ้า ห้ามฝนได้ดั่งใจ บัดนี้….ทั้งหมดกลายเป็นเพียงตำนาน
มนุษย์ในปัจจุบันเราจะเรียกลม เรียกฝนไปทำไมกัน เรามีทรัพยากรที่สมบูรณ์ ไม่ต้องเรียกฝน ฝนก็ตกตามฤดูกาล อากาศร้อนก็เปิดแอร์ อากาศหนาวก็มีฮีตเตอร์ นวัตกรรมที่เกิดจากปัญญาของมนุษย์สามารถทดแทนพลังพิเศษที่มนุษย์ยุคเก่ามี และนำพามนุษย์ไปได้ไกลมากกว่าจะมายึดติดกับพลังติด ๆ ดับ ๆ ที่ตกทอดมาทางพันธุกรรม
มนุษย์ทุกคนในปัจจุบันไม่มีใครมีพลังพิเศษเลย อันที่จริงควรเรียกว่ามนุษย์ยุคเก่าที่เคยมีพลังนั้นได้สูญพันธุ์ไปเป็นหลายร้อยปีแล้ว เพราะเมื่อใช้ปัญญาแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนได้ ความจำเป็นต้องใช้พลังก็น้อยลง มนุษย์ที่เคยมีพลังจึงลดลงเรื่อย ๆ และสุดท้ายก็ไม่เหลืออยู่อีกเลย
มันควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะเรื่องนี้ก็ได้รับการยืนยันมานานนับร้อยปี
‘ไม่มีมนุษย์คนใดที่มีพลังพิเศษอีกแล้ว’ ทุกคนทั้งอาณาจักรต่างรู้ดี
แต่ ลูค ไม่เคยเชื่อ
เขามีนิมิตประหลาด
ตั้งแต่จำความได้เขามักเห็นภาพแปลกประหลาดปรากฏอยู่ในหัวเสมอ เหตุการณ์ที่เขาไม่เคยมีส่วนร่วม บุคคลที่เขาไม่เคยรู้จัก แต่มันกลับชัดเจน และบีบคั้นหัวใจราวเป็นความทรงจำของตัวเอง แม้ไม่ปะติดปะต่อ แต่กลับฝังลึกในสมอง แผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ประจักษ์ชัดเกินกว่าจะเรียกว่าฝันหรือปัดมันทิ้งไปได้
บางครั้งเป็นภาพหญิงสาวผมสีเทายืนหันหลัง และเจรจาอะไรบางอยู่ ในบางครั้งก็เป็นผู้ชายลอยตัวอยู่เหนือพื้น เส้นผมดำยาวพลิ้วไหวตามสายลม ภาพเหล่านั้นผุดขึ้นมาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย และเขาไม่รู้เลยว่าภาพถัดไปเขาจะมองเห็นอะไร
‘ท่านพี่ ท่านคิดว่ามันจะสำเร็จหรือไม่’
‘มันจะสำเร็จแน่นอน เพียงแต่เมื่อใดเท่านั้น’
‘หากเป็นจริงดั่งท่านพี่ว่า แล้วเหตุใดจึงกังวลนัก’
‘อนาคตไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ควรรับรู้ แม้แต่พี่ก็มิอาจรู้ทั้งหมด’
‘ข้ามั่นใจว่าเราจะทำสำเร็จ ขึ้นกับเวลาเท่านั้น เราทำได้เพียงรอ’
‘การรอก็เป็นอุปสรรคของเราเช่นกัน’
‘เช่นนั้น ข้าก็จะทำให้กาลเวลาอยู่ข้างเรา’
ตลอดชีวิตของเขามีภาพความทรงจำที่ไม่เคยเป็นของเขา ฉายวนซ้ำไปมา ภาพที่ได้เห็นผ่านสายตา บรรยากาศรอบกาย ณ ขณะนั้น ความรู้สึกซับซ้อนตีวนอยู่ในใจ หลอกหลอนเขาเสมอไม่ว่าตื่นหรือหลับ
ลูคตั้งคำถามมาเป็นพัน ๆ ครั้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเคยพยายามอย่างมากในการค้นหาคำตอบ สืบหาเรื่องราว รวมถึงวิธีที่เขาจะหายจากอาการพวกนี้ แต่ไม่ว่าลูคจะพยายามเท่าไหร่ ทุกคำถามก็ยังคงไร้ซึ่งคำตอบเหมือนที่ผ่าน ๆ มา
ถึงแม้จะล้มเลิกการค้นหาคำตอบ พยายามใช้ชีวิตดั่งคนทั่วไป แต่ภาพเหล่านั้นก็มีผลกระทบต่อชีวิตของเขามากทีเดียว ลูคในวัยเด็กหวาดกลัวการนอนหลับ แทบไม่เคยมีคืนใดที่เขาได้หลับสนิทโดยไม่เห็นภาพนั่นตามมาปรากฏในฝัน หรือไม่สะดุ้งตื่นมาร้องไห้กลางดึกอันเงียบสงัด
เมื่ออาทิตย์ลับฟ้า ความมืดโรยตัว ทุกอย่างเกิดขึ้นเวียนวนซ้ำไปราวไม่มีวันสิ้นสุด ลูคเคยหวังว่า เมื่อเขาเติบโตสิ่งเหล่านี้จะจางหาย
เวลาหลายปีดำเนินไป จากเด็กหนุ่มกลายเป็นชายหนุ่ม เวลาทั้งหมดนั่นเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า มันไม่เป็นอย่างที่เขาคิด มันแย่ยิ่งกว่า จากแต่เดิมที่นิมิตปรากฏเพียงยามเข้าสู่ห้วงฝันที่หลับใหล ตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไป ไม่ว่าเมื่อไหร่ สิ่งนั้นก็แทรกเข้ามาในสมอง และหัวใจของเสมอ
สารพัดวิธีที่เขาจะทำได้ เขาลองมาหมดแล้ว
‘ผลตรวจร่างกาย และสมองของคนไข้เป็นปกตินะครับ ไม่มีความผิดปกติที่น่าจะทำให้เห็นภาพหลอนได้’
เขาทนไม่ไหวกับความเจ็บปวดที่ได้เห็น เหตุการณ์นั้นเกิดบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาดำดิ่ง จิตตก ตัดสินใจไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการบำบัด แน่นอนว่า มันไม่มีประโยชน์ เขาก็ยังคงพบเจอเรื่องบ้า ๆ นั่น ด้วยความเจ็บปวด และสับสนในใจอยู่เช่นเดิม สุดท้ายทางเดียวที่ลูคทำได้ มีเพียงอดทนใช้ชีวิตไปทั้งแบบนั้น
มีชีวิตอยู่ให้ได้ ไม่ว่าจะเห็นอะไร หรือเจ็บปวดเพียงใด เขาจะต้องใช้ชีวิตได้ปกติ อย่างที่มนุษย์คนนึงควรจะเป็น...
มันคือความตั้งใจของเขาที่จะไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิตอย่างเด็ดขาด!
และทุกวันนี้ลูคก็คิดว่าตัวเองใช้ชีวิตได้คุ้มค่ามากทีเดียว
“บายครับพี่ ไว้เจอกันใหม่” ลูคเอ่ยร่ำลาพี่สาวคนสวยที่มอบความสุขให้เขามาตลอดทั้งคืน
ลูคเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี เรื่องแบบนี้ถือเป็นปกติ เขาสามารถนอนกับใครก็ได้ที่เขาถูกใจ โดยไม่จำเป็นต้องผูกมัดกันไว้ นั่นเพราะไม่มีใครมาเป็นตัวจริงในใจของลูคได้ จะสนุกไปกับเซ็กส์สักเท่าไหร่ก็ไม่มีใครมาว่าอะไร
บรรยากาศยามเช้า อรุณทอแสงนวลละมุน สาดส่องกระทบตึกรามบ้านช่อง ปลุกผู้คนให้เริ่มออกใช้ชีวิตในเช้าวันใหม่ แรงลมปะทะชายหนุ่มร่างสูงบนรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่ขับขี่แหวกอากาศในยามเช้า
ลูคไม่ชอบกลางคืน เขาชอบการอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สว่างจ้า และอบอุ่น มันทำให้เขาสบายใจ อุ่นใจ เลยมักเป็นคนตื่นเช้า ออกมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ยามเช้าเสมอ อย่างการออกวิ่ง ชื่นชมเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับของยูนีเซีย พูดคุยเล็กน้อยกับผู้คนที่ผ่านไปมา หรือจะเป็นการขี่มอเตอร์ไซค์สัมผัสสายลมและแสงแดด ก็สร้างความเพลิดเพลินให้วันใหม่ของเขาได้ดี เหมือนอย่างตอนนี้
เขากลับมาถึงห้องของตัวเองในช่วงสาย หลังจากที่เขาแวะกินอาหารเช้าร้านประจำที่เขากินมาตลอด 4 ปี ห้องพักของเขาอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนอยู่ อันที่จริงต้องบอกว่าเคยล่ะนะ เพราะตอนนี้เขาพึ่งเรียนจบหมาด ๆ ถึงจะยังไม่เป็นทางการก็เถอะ แต่เขาได้รับอนุมัติวุฒิบัตรแน่นอน เหลือเพียงรอเวลาเอกสารออกมาอย่างเป็นทางการเท่านั้น
วันนี้ลูคตั้งใจว่าเขาจะต้องเริ่มเก็บของในห้อง 16 ตร.ม ที่อัดแน่นไปด้วยสิ่งของมากมายตลอดหลายปีของเขาลงกล่อง เพื่อขนย้ายบางส่วนกลับออสเทน บ้านเกิดของเขาที่อยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองหลวงยูนีเซีย
ชายหนุ่มรื้อของจำนวนมากที่ซุกซ่อนอยู่ในบริเวณต่าง ๆ ของห้องขนาดเล็กนี่ ทำเอาตกใจอยู่เหมือนกัน ว่าเขามีของพวกนี้อยู่เยอะขนาดนี้ได้ยังไง หลาย ๆ อย่างที่ค้นเจอก็ทำเอานึกย้อนไปถึงความทรงจำที่มีร่วมกับของชิ้นนั้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา
หลายชั่วโมงผ่านไป
“เห้ออออ เหนื่อย ไม่ค่อยได้เก็บอะไรเท่าไหร่เลย มีแต่ห้องรกขึ้น” เสียงบ่นพร้อมดวงตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองของระเกะระกะกระจายไปทั่วห้อง
“ช่างมัน พักก่อนล่ะ ง่วงด้วย” เพราะเมื่อคืนเขาไม่ได้นอนแถมยังออกแรงไปไม่น้อยเลย ทำเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน
ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนบนเตียงเดี่ยว บริเวณมุมห้องข้างหน้าต่างที่แสงแดดส่องถึง บอกแล้วว่าเขาชอบแสงอาทิตย์ เพราะงั้นความสว่างไม่ใช่อุปสรรคต่อการนอนหลับของเขาเลย
ไม่นานหลังดวงตาสีน้ำตาลเข้มปิดลง ลูคก็ดำดิ่งสู่ห้วงนิทราจากความเหนื่อยล้า
“เจ้า ผู้มีเจตจำนงแห่งเอเลน่า”
“เจ้า ผู้มีหน้าที่ปลดพันธนาการให้แก่คนผู้นั้น”
“เจ้า คือชิ้นส่วนสุดท้ายของแผนการ ที่ดำเนินมายาวนานกว่า 3000 ปี”
เสียงที่ดังกังวานอยู่รอบตัวลูค เรียกสติเขากลับมา มันไม่ได้น่าตกใจเท่าไหร่ อย่างที่บอกเขาเจอเรื่องแปลก ๆ แบบนี้มาตลอดชีวิต เขาจะตื่นเต้นตกใจอะไรอีก ถึงคราวนี้จะแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาก็เถอะ
เพราะครั้งนี้ ผู้หญิงชราในชุดขาวยาวโปร่งพลิ้วไหว ผมสีเทาแซมขาว ตาสีม่วงสวยงามลึกลับแต่กลับคุ้นตา กำลังจ้องมองมาที่เขาโดยตรง และเอ่ยในสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยิน
“ลูค” ทำไมผู้หญิงคนนี้เรียกชื่อเขาล่ะ?
“เจ้า ผู้มีเจตจำนงแห่งเอเลน่า” ใคร? แล้วเกี่ยวอะไรกับเขา
“เจ้า ผู้มีหน้าที่ปลดพันธนาการให้แก่คนผู้นั้น” หน้าที่อะไร?
“เจ้า คือชิ้นส่วนสุดท้ายของแผนการ ที่ดำเนินมายาวนานกว่า 3000 ปี”
ทำไมคนตรงหน้าถึงเรียกชื่อเขา? ทำไมถึงพูดกับเขาล่ะ? ที่ผ่านมาทุกครั้งเวลาเขาเห็นอะไรก็ตาม มันเหมือนเขาได้กลายเป็นคนอื่นแล้วเห็นภาพนั้น ๆ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ เขาเป็นเขา และผู้หญิงคนนี้ตั้งใจพูดกับเขา ถึงจะไม่รู้เรื่องเลยก็ตาม
“คุณพูดอะไร? ผมไม่เข้าใจ อธิบายผมให้มากกว่านี้สิ”
“ลูค เจ้าจะได้รู้ทุกอย่าง แต่ไม่ใช่ข้าที่ไขข้อสงสัยให้เจ้า ทุกอย่างล้วนอยู่ในตัวเจ้าเสมอ เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา”
“เวลาอะไร? ที่ผ่านมา 20 กว่าปีของผม ที่จะเป็นบ้าเพราะเรื่องพวกนี้มันนานเกินไปแล้ว!”
“สำหรับเด็กน้อยอย่างเจ้า คงว่านาน แต่กับบางคนมันแค่ชั่วพริบตา เมื่อเทียบกับชีวิตที่ผ่านมา”
“โอ๊ยคุณ! ผมไม่รู้เรื่อง ตั้งใจพูดกับผมจริงมั้ยครับเนี่ย” ลูคเริ่มยัวะขึ้นมา
“เด็กน้อย เจ้าจะได้เจอคำตอบทุกคำถามที่ค้นหามาทั้งชีวิตเจ้า”
“งั้นบอกมาสิครับ! พูดอะไรวกไปวนมาอยู่นั่นแหละ”
“บอกแล้วว่าไม่ใช่หน้าที่ข้า”
“เอ้า!” นี่เขาจะโมโหจริง ๆ แล้วนะ
“ก่อนเที่ยงคืนวันนี้ หากเจ้าไปยังสถานที่นี้ เจ้าจะพบคำตอบของทุกสิ่ง”
“คุณไม่ได้หลอกผมใช่มั้ยครับ?”
“ข้าจะหลอกเด็กน้อยที่น่าเอ็นดูอย่างเจ้าไปทำไมกัน”
คิ้วได้รูปสวยของลูคขมวดแน่น ผู้หญิงคนนี้พูดเหมือนผู้ใหญ่ที่เย้าแหย่เด็กเล่นตลอดเวลาที่สนทนากัน เขาไม่ได้โมโหที่ถูกเรียกว่าเด็กหรอก รูปลักษณ์ของหญิงคนนี้ก็เหมาะสมที่จะเรียกเขาแบบนั้น แต่ที่เขาหงุดหงิดเพราะเขาฟังเธอไม่รู้เรื่องนี่แหละ พูดอะไรไม่เข้าใจเลย ถึงจะดูไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ก็ไม่ชอบใจอยู่ดี
“ถ้าผมไป ผมจะได้คำตอบจริง ๆ ใช่รึเปล่าครับ”
“แน่นอน”
ในเมื่อคนตรงหน้ายืนยันขนาดนั้น เขาก็จะลองดูอีกสักครั้ง กับการค้นหาความจริงที่เกิดขึ้น หวังว่าทุกอย่างจะจบลงสักที เขาเหนื่อยกับชีวิตแบบนี้มานานแล้ว
“ทุกอย่างจะต้องจบลง แต่เรื่องที่เจ้าเหนื่อย ข้าว่าเจ้าก็ยังคงต้องเหนื่อยต่อไปนะ ในความหมายอื่นน่ะ”
ลูคกำลังจะเอ่ยปากถาม
เฮือก
เขาก็สะดุ้งตื่นจากฝัน ลืมตาขึ้นทันที ร่างกระตุกเบา ๆ เหมือนจิตของตัวเองถูกกระชากกลับมาจากที่แสนไกล
เขากุมขมับ หัวใจเต้นแรง เสียงของหญิงชราแปลกหน้ายังดังก้องในหัว
“เจ้า คือชิ้นส่วนสุดท้ายของแผนการที่ดำเนินมายาวนานกว่า 3000 ปี” มันคืออะไร?
มือสองข้างขยับควานหาโทรศัพท์เพื่อดูเวลา
4 ชั่วโมง นี่เขางีบหลับไปนานขนาดนี้เลย
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นใกล้ค่ำแล้ว สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดยังคงคาใจ
ก่อนเที่ยงคืน
ลูคเหลือบมองเวลาอีกครั้ง… ถ้างั้นเขาก็ยังพอมีเวลาอีกนิดหน่อย ก่อนออกไปตามหาปริศนายามค่ำคืน
ลูคตั้งใจว่าจะเตรียมตัวก่อนออกไป เขากินข้าวเย็นง่าย ๆ อยู่ในห้อง แล้วก็เหลือบไปเห็นสมุดบันทึกเล่มหนึ่งของเขากองรวมอยู่ในกองหนังสือใหญ่
สมุดบันทึกของลูค ที่เล่าเหตุการณ์ที่เขาเคยเห็นทั้งหมดในความทรงจำตั้งแต่เด็ก เคยจดไว้เพราะต้องการตามหาคำตอบ แต่พอถอดใจจะสืบต่อ สมุดเล่มนี้เลยถูกซ่อนให้อยู่ไกลสายตา จะทิ้งไปก็ตัดใจไม่ลง เพราะต่อให้ทิ้งก็ไม่ได้แปลว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นหายไปด้วย
“เอเลน่า”
ชื่อนี้ได้ยินบ่อยครั้งในความทรงจำ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร
“มีเรน่า”
เป็นอีกชื่อหนึ่งที่คุ้นหูมาก แต่แน่นอนว่า ถ้าหากคุณเป็นชาวยูนีเซียยังไงก็ต้องรู้จักชื่อนี้แน่ ๆ เพราะ มีเรน่า คือเทพีผู้สร้างแห่งยูนีเซีย เธอเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรแห่งนี้
ลูคเลยยิ่งไม่เข้าใจ
มีเรน่า ในความทรงจำเขาคือบุคคลในประวัติศาสตร์ผู้นั้นจริงหรอ?
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ บุคคลที่มีชีวิตเมื่อ 3000 กว่าปีก่อน มาปรากฏให้เขาเห็นทำไม
หรือเขาจะมองเห็นอดีตได้จริง แต่เพื่ออะไร?
ท่านมีเรน่าเป็นมนุษย์ผู้เห็นอนาคต ความสามารถนั้นนำพามวลมนุษย์ไปข้างหน้า แล้วการมองเห็นอดีตมีประโยชน์อะไร? หรือกับใคร? มันเกิดขึ้น และผ่านไปแล้ว นอกจากมีไว้เพื่อศึกษาแล้ว ยังทำอะไรได้อีก
ความสับสนตีวนอยู่ในสมองลูค เขาเคยเลิกคิดเรื่องนี้ไปนานมาก แต่ตอนนี้เขากำลังคิดวิเคราะห์อย่างหนัก เพื่อประกอบการตัดสินใจของเขาก่อนที่จะเผชิญความจริงในคืนนี้ ตามคำบอกของผู้หญิงคนนั้น