ความรักที่เธอเฝ้ารอกับคำสัญญาที่เขาพยายามรักษาไว้ไม่ต่างอะไรกับการวิ่งเทรลมีอุปสรรคมากมายรออยู่ ปลายทางที่วาดฝันร่วมกันสุดท้ายอาจไม่ใช่คำตอบของหัวใจเพราะระหว่างทางมีอะไรให้ต้องค้นหาให้ต้องคิดทบทวนตลอดเวลา บางทีการปล่อยมือกันอาจเป็นวิธีที่ดีกว่า
สืบสวนสอบสวน,ดราม่า,หญิง-หญิง,อาชญากรรม,รัก,ฆาตกรรม,สืบสวนสอบสวน,ดราม่า,ผู้ชายข้ามเพศ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ให้รักคงอยู่ความรักที่เธอเฝ้ารอกับคำสัญญาที่เขาพยายามรักษาไว้ไม่ต่างอะไรกับการวิ่งเทรลมีอุปสรรคมากมายรออยู่ ปลายทางที่วาดฝันร่วมกันสุดท้ายอาจไม่ใช่คำตอบของหัวใจเพราะระหว่างทางมีอะไรให้ต้องค้นหาให้ต้องคิดทบทวนตลอดเวลา บางทีการปล่อยมือกันอาจเป็นวิธีที่ดีกว่า
กว่าจะรักกันได้ก็ว่ายากแล้วรักษาความรักนั้นไว้ให้ยาวนานยากยิ่งกว่า
โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอแห่งหนึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในอำเภอมีหลายอาคารเรียนด้านหน้าสุดเป็นอาคารห้าชั้นถูกทาด้วยสีขาวรวมไปถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวอาคารถูกตกแต่งด้วยโทนสีขาวทั้งสิ้นไม้ดอกไม้ประดับสีขาวสีเงินถูกนำมาตกแต่งทั่วบริเวณสมกับที่ชื่ออาคารสีขาวต้นละอองเงินเบญจมาศเงินไม้ด่างต่างๆ มีแม้กระทั่งต้นโพธ์ขาวที่ถูกจับยัดใส่กระถางเพื่อความสวยงามตั้งเรียงรายประดับตามที่ต่างๆ รอบอาคารเรียนชั้นหนึ่งของอาคารเป็นห้องฝ่ายปกครองธุรการและการเงินชั้นสองถึงชั้นห้าจะเป็นห้องเรียนของชั้นมัธยมปลาย อาคารด้านหลังห่างจากตึกสีขาวประมาณยี่สิบเมตรอาคารหลังนี้เป็นห้องเรียนของชั้นมัธยมต้นตัวอาคารรวมทั้งการตกแต่งรอบๆจะเป็นสีเขียวทั้งหมด ด้านข้างอาคารสีเขียวคือโรงอาหารขนาดใหญ่จำนวนโต๊ะอาหารเพียงพอต่อจำนวนนักเรียนทั้งหมดส่วนด้านหลังจนไปสุดกำแพงโรงเรียนเป็นสระน้ำขนาดใหญ่มีน้ำพุอยู่ตรงกลางรอบขอบสระปูด้วยหญ้าสนามมีต้นไม้เรียงรายรอบสระน้ำชุดโต๊ะม้าหินอ่อนเรียงรายสลับกับพุ่มไม้เป็นที่นั่งเล่นนั่งอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมต่างๆของนักเรียนและคุณครู
เอี๊ยด เอี้ยด เอี๊ยด เสียงรองเท้าผ้าใบนักเรียนเสียดสีกับพื้นปูนบริเวณทางเดินภายในอาคารเรียนมาหยุดอยู่ประตูหน้าชั้นมัธยมศึกษาปีที่6/4 ดึงดูดความสนใจจากคนด้านในห้องให้หันไปดู
หญิงสาวคนคุ้นตาเดินเคียงคู่เข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับชายหนุ่มที่เขาไม่รู้จักรอยยิ้มหายไปจากใบหน้าเมื่อทั้งคู่เดินกุมมือกันมาหยุดอยู่ตรงหน้าความรู้สึกแปลกๆบอกให้รู้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ
“นั่นฟ้าพาใครมาด้วยคะ” สายตาจับจ้องมองดูมือของคนทั้งคู่กอบกุมกันอยู่ค่อยๆปล่อยออกจากกันมือหนาของชายหนุ่มขยับขะเยื่อนเลื่อนเข้าข้างลำตัวของหญิงสาวออกแรงกระชับให้ขยับชิดใกล้กันมากขึ้นส่วนคนที่ถูกโอบเซถลาไปจนแนบชิดตัวติดกันแต่ไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืนหรือลำคานใจเหมือนการกระทำนั้นเป็นเรื่องปกติที่เคยชินกันอยู่แล้ว
"รันคะนี่บอยพึ่งย้ายมาใหม่”
"บอยคะคนนี้ไงรันเพื่อนสนิทที่ฟ้าเคยเล่าให้ฟัง”
“คนนี้เองเหรอเพื่อนสนิทที่ฟ้าเล่าให้ฟังบ่อยๆอยากเจอตัวจริงมานานแล้ว”
“บอยเป็นอะไรกับฟ้า” การกระทำของคนทั้งคู่ไม่ต่างจากคู่รักแต่เขาก็ยังหวังว่าจะได้คำตอบที่แตกต่างออกไปยังหวังว่าเป็นเขาเองที่คิดมากเกินไปทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนพี่น้องที่สนิทกันมากๆเท่านั้นไม่ใช่คู่รักกัน
“รันคะ…..บอยเป็นคู่หมั้นของฟ้าค่ะ” น้ำฟ้าแนะนำคนข้างๆพร้อมกับสถานะอย่าชัดถ้อยชัดคำเธอรู้ว่าเขาต้องเจ็บปวดมากแค่ไหนแต่ถึงยังไงอีกไม่กี่เดือนเรียนจบก็ต้องแยกย้ายกันอยู่ดีจะบอกตอนนี้หรือตอนไหนความหมายก็ไม่ต่างกัน
"สวัสดีครับรันยินดีที่ได้รู้จักฟ้าพูดถึงคุณให้ผมฟังอยู่บ่อยๆได้เจอตัวจริงสักทีนะครับ”
น้ำฟ้าเดินเข้ามากอดชรันยาแล้วกระซิบข้างๆหูให้ได้ยินกันแค่สองคน "ขอโทษนะที่ต้องเป็นแบบนี้แต่ฟ้ายังรักรันเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ"
“คู่หมั้นงั้นเหรอ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” ชรันยาผลักน้ำฟ้าออกห่างสติที่เหลือเพียงน้อยนิดกำลังจะหลุดลอยหายไปตอนนี้ไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งนั้นสองคนนั่นเป็นคู่หมั้นกันแล้วฉันละฉันอยู่ตรงไหนของเรื่องราวบ้าๆนี้เขาทำได้เพียงหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้นออกมาก่อนจะห้ามน้ำตาตัวเองไว้ไม่ไหวเจ็บปวดไปทั้งหัวใจเจ็บเหมือนกำลังจะตาย ชรันยาเดินตรงไปยังห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดช่วงเวลานี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้อยู่กับตัวเองตามลำพัง ทุกอย่างรอบตัวเหมือนจะหยุดนิ่งไปแล้วโลกหยุดหมุนรอบตัวเองแต่ทว่า..มีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวออกมาจากดวงตากลมโตน้ำใสๆ เอ่อล้นออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลออกมาชำระล้างความเจ็บปวดมีคำถามเต็มไปหมดวกวนอยู่ภายในหัวสมองและหัวใจ
‘มันเกิดอะไรขึ้นไม่กี่นาทีที่แล้วเรายังเป็นแฟนกันอยู่เลยแต่ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนอื่นไปแล้วเรื่องระหว่างเราทุกอย่างมันดีมาตลอดดีจนไม่คิดว่าจะมีจุดจบแบบนี้ฉันทำอะไรผิดเธอถึงทำร้ายกันได้ขนาดนี้ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยวะ’ ชรันยาใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำกับตัวเองเป็นชั่วโมงกว่าจะหยุดร้องได้ถึงจะเจ็บมากแค่ไหนเขาจะไม่มีวันทำตัวไร้ค่าอ้อนวอนขอความรักจากผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีการเสียน้ำตาให้กับความรักแย่ๆแบบนี้อีกเมื่อคุยกับตัวเองจนแน่ใจแล้วว่าน้ำตาจะไม่ไหลออกมาให้เห็นอีกชรันยาสูดลมหายใจเข้าสุดปอดแล้วปล่อยออกมาเฮือกเดียวก่อนจะผลักประตูห้องน้ำออกไปเผชิญหน้ากับความจริง
ปึ้ก! ! "โอ๊ย!! "
เสียงบานประตูกระแทกเข้ากับวัตถุบางอย่างหรืออาจจะเป็นหน้าใครบางคนที่อยู่อีกฝั่งขอบบานประตูอีกทั้งเสียงปากกาสมุดหนังสือร่วงหล่นกระเด็นกระจัดกระจายลงพื้น
"บ้าเอ้ย! เปิดให้มันเบาๆหน่อยเส้หัวแตกหรือเปล่าเนี่ย” ยุพายกมือขึ้นกุมจุดที่กระแทกกับประตู
"ขอโทษไม่ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาตอนนี้แต่แค่นี้คงไม่ตายหรอกมั้งถ้าหัวแตกก็ไปห้องพยาบาลหายาทาซะ” ชรันยาพูดจาน้ำเสียงเรียบเฉยขณะเดียวกันก็ก้มเก็บของที่กระจัดกระจายอยู่
“นี่มันห้องน้ำส่วนรวมไม่ต้องใช้ความคิดในการวิเคราะห์หรอกนะยังไงก็ต้องมีคนเข้าออกได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว”
“ขอโทษไปแล้วจะเอาอะไรอีก”
" แล้งน้ำใจชะมัดทำคนอื่นเจ็บตัวแล้วยังไม่พาไปห้องพยาบาลอีก"
“อะนี่หนังสือของเธอ" ชรันยาลุกขึ้นยืนเต็มตัวจ้องมองคนตรงหน้าด้วยใบหน้าและสายตาที่เรียบเฉยมีเพียงขอบตาแดงๆเท่านั้นที่บอกเล่าถึงความรู้สึกในตอยนี้ได้ดีที่สุด
“ขอบใจ”
“เธอนี่มันน่าลำคานจริงๆเลยห้องพยาบาลอยู่ใกล้ๆนี่เองแค่เจ็บหัวนิดหน่อยขาก็ไม่ได้เป็นอะไรเดินไปเองก็ได้มั้ง”
“ฉันพึ่งย้ายมาใหม่ไม่รู้หรอกนะว่าห้องพยาบาลอยู่ตรงไหน”
“เออๆพาไปก็ได้เรื่องเยอะจริงๆ”
“ไม่อยากไปแล้วจะไปห้องเรียน”
“เอ้า!เธอนี่มันยังไงกันเดี๋ยวไปเดี๋ยวไม่ไป”
“ไม่ไปหรอกแค่นี้เองทายาหม่องก็หายแล้ว”
“ตามใจ งั้นฉันไปเรียนก่อนนะ”
"เดี๋ยวก่อนสิเธอชื่ออะไรเหรอ"
"รัน"
"ฉันชื่อยุพานะ"
"อือ"
"รันช่วยบอกทางไปห้อง6/4หน่อยสิ"
"จะไปก็ตามมาเงียบปากด้วยพูดมากจริงๆไม่รู้ตอนเกิดคาบนกหวีดออกมาด้วยรึเปล่าวี้ดๆอยู่ได้หรือโตมาพร้อมกับนกแก้วถึงได้พูดไม่หยุดเลย"
"ว่าคนอื่นเขาไม่ดูตัวเองปากร้ายแบบนี้ฉันคนนึงแหละไม่เอาทำแฟนหรอก”
“เธอพูดจาแบบนี้กับคนที่ตัวเองพึ่งขอความช่วยเหลือเหรอ”
“ก็เธอมาว่าฉันก่อนแล้วนี่จะบอกทางได้หรือยังเข้าเรียนไม่ทันกันพอดี"
"เออๆตามมาแต่วิชาแรกคงเข้าไม่ทันแล้วแหละ"
“เดี๋ยวๆรันหยุดก่อน”
“อะไรอีกละทีนี้”
“ขอบตาแกแดงมากเลยมานี่มา” ยุพาดึงแขนชรันยาเข้าไปในห้องน้ำแล้วหยิบแป้งพับในกระเป๋าออกมาตบๆทั่วทั้งใบหน้าให้ชรันยาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพึ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาแต่ร้องไห้เพราะเรื่องอะไรเธอก็คงไม่กล้าละลาบละล้วงไปถาม เพียงไม่กี่นาทีฝีมือการแต่งหน้าของยุพาก็ทำให้หน้าตาของชรันยาดูสดใสขึ้นได้จริงๆ
“ขอบใจ”
“อือไม่เป็นไรเรารีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะเข้าเรียนไม่ทันอีก”
“อือ”
"ถึงแล้วนี่แหละห้อง6/4"
"ขอบใจมากนะเพื่อนรัก"
"พึ่งเจอกันไม่ถึงชั่วโมงเป็นเพื่อนรักเลยเหรอ"
"แหงละที่นี่ฉันมีแกเป็นเพื่อนแค่คนเดียวนิรันนี่"
"ถ้าจะเป็นเพื่อนกันอย่าเรียกชื่อฉันแบบนั้นอีกมันน่าขนลุกขนพอง"
"ฮ่าฮ่าฮ่า” ยุพาหัวเราะร่วนกับท่าทางของชรันยา
น้ำฟ้าเดินออกมาหาชรันยาที่หน้าห้องเรียนตอนนี้เขากำลังยืนคุยอยู่กับใครที่เธอไม่รู้จัก
"รันเป็นยังไงบ้างแล้วนี่ใครคะ" เธอหันสายตาไปทางยุพามองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า
ชรันยาไม่ตอบคำถามเขาเดินผ่านไปเหมือนไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น
น้ำฟ้าได้แต่ยืนอึ้งเขาทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนนี่คงเป็นสิ่งที่เธอสมควรจะได้รับจากคนๆนี้สินะคนที่เธอพึ่งจะทำร้ายจิตใจไปเมื่อกี้
"รันแกไปทำอะไรเขาทำไมถึงได้นิ่งเป็นหินถูกสาปอย่างนั้น"
"อย่าไปสนใจคนแบบนั้นเลยเข้าห้องกันเถอะ"
" เดี๋ยวนะ! เข้าห้องกันหมายความว่าแกก็เรียนอยู่ห้องนี้เหมือนกันเหรอ"
"ก็ใช่นะสิพามาถึงขนาดนี้แล้วยังจะถามอีก"
"กรี๊ด!กรี๊ด!..ดีใจว่ะ" ยุพากระโดดกอดชรันยาจนตัวเซไปด้านข้างไม่สนใจสายตาของอีกคนที่กำลังมองดูการกระทำของทั้งคู่อยู่
"ฉันดีใจมากเลยนะรันที่ได้เรียนอยู่ห้องเดียวกันกับแก"
"เวอร์นั่งลงได้แล้วโต๊ะข้างๆยังว่างอยู่"
"ถามจริง!”
"เออ นั่งๆไปเถอะเเล้วหยุดพูดสักทีแค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว"
"เธอ! เก็บของๆเธอออกไปจากโต๊ะเรียนของฉันเดี๋ยวนี้" น้ำฟ้าเข้ามายืนประชิดทันทีที่เห็นยุพาวางอุปกรณ์การเรียนลงบนโต๊ะข้างๆชรันยาโต๊ะตัวที่เธอเคยนั่งเรียนเป็นประจำ
"ฉันชื่อยุพาค่ะจะเป็นพระคุณอย่างยิ่งถ้าเธอจะกรุณาจำได้และเรียกให้ถูกส่วนเรื่องที่ฉันนั่งตรงนี้เพราะรันบอกว่าที่ตรงนี้ว่างอยู่"
"จริงเหรอคะรัน"
" อือ” ชรันยาตอบโดยที่ไม่มองหน้าอีกคนด้วยซ้ำ
“ทำไมให้คนอื่นมานั่งโต๊ะฟ้าแบบนี้ละ”
“ขอร้องละกับไปที่ของเธอเถอะนะน้ำฟ้าอย่าทำให้ฉันรู้สึกแย่มากไปกว่านี้เลย”
“รัน….” น้ำฟ้าจำใจต้องเดินกลับไปทั้งๆที่อยากจะอยู่ตรงนี้แต่จะให้ทำยังไงได้ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอคนเดียวเธอที่รักเขาไม่เคยเปลี่ยนแต่ก็ทำได้เพียงเก็บไว้ในใจ
………………
"สวัสดีค่ะฉันชื่อไอรดา จันทร์เฉิดฉายชื่อเล่นน้องไอร์ ย้ายมาจากโรงเรียน AA พร้อมกับพี่สาวอีกหนึ่งคนเหตุผลที่ย้ายกลางเทอมเพราะพ่อต้องย้ายที่ทำงานกระทันหันยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ"
"สวัสดีเราชื่อไวน์"
"ส่วนเราชื่อชัย" เอกชัยพูดแล้วทำตาเป็นประกายระยิบระยับ
"ไอร์มานั่งข้างไวน์ก็ได้นะ"
"ไม่ได้ไม่ได้มานั่งข้างๆชัยดีกว่า"
"มึงหยุดเลยนะไอร์มานั่งข้างเราไอ้ชัยมันขี้หลี"
"งั้นไอร์นั่งกับไวน์ดีกว่า"
"เอ้า! ไวน์แกจะจีบไอร์ตัดหน้าฉันใช่ไหม”
“ มึงจะบ้าเหรอชัยกูไม่กินเพื่อนตัวเองเว้ย ไม่ใช่แกนะจีบเขาไปทั่ว"
" ไอร์อย่าไปเชื่อไอ้ไวน์มันเรานะพึ่งจะเจอรักแรกพบก็ตอนที่เจอไอร์นี่แหละ"
"อ๊วกก.. " ไวน์ทำท่าอาเจียนหลังจากที่เอกชัยพูดจบ
ติ้ง. (Massenger)
ยุพา: ไอร์ ไอรดา: ว่ายังไงคะพี่สาว
ยุพา: เป็นยังไงบ้างมีเพื่อนหรือยัง
ไอรดา: มีแล้วค่ะ
ยุพา: ดีแล้ว ตอนพักเที่ยงไปกินข้าวด้วยกันสิจะได้รู้จักกับเพื่อนพี่ด้วย
ไอรดา: โอเคค่ะหนูจะชวนเพื่อนไปด้วย
ยุพา: โอเคไปเจอกันที่โรงอาหารเลยนะ
ไอรดา : ค่ะ
"ไวน์ตอนเที่ยงไปกินข้าวด้วยกันไหมเราอยากแนะนำให้รู้จักกับพี่สาวของเราน่ะ"
"ได้สิถ้าวันไหนมีโอกาสเราจะแนะนำให้รู้จักกับพี่สาวเรานะ"
"ได้เลยค่ะ"
"ขอไปด้วยคนสิอยากไปแนะนำตัวกับพี่สาวว่าที่แฟน" เอกชัยเดินมาหยุดอยู่ข้างๆโต๊ะของไอรดาทำตาละห้อยเหมือนเจ้าตูบรอขนมจากเด็กน้อย
" ไอ้ขี้หลีเอ้ยเอาเวลาจีบสาวไปอ่านหนังสือนู่นไป"
“ไวน์มึงก็ให้โอกาสกูได้จีบไอร์หน่อยดิวะเผื่อไอร์จะชอบกู”
“กูกล้าพูดตอนนี้เลยว่ามึงไม่มีทางจีบไอร์ติด”
“ให้เราไปด้วยนะไอร์ นะนะนะ”
“อยากไปก็ไปสิไม่ได้ห้ามสักหน่อยเราบอกพี่สาวเราแล้วว่าจะพาเพื่อนไปด้วย”
“ฮ่าฮ่าฮ่าแค่นี้ก็รู้แล้วว่าจะ จีบ ติด หรือ ไม่ ติด” นริสราจงใจเน้นเสียงทีละคำล้อเลียนเอกชัย
“หุบปากไปเลยไอ้ไวน์”
"รันตอนเที่ยงฉันชวนน้องสาวไปกินข้าวด้วยนะ”
“ตามใจ”
“ในฐานะเพื่อนรักฉันอยากแนะนำให้รู้จักกับน้องสาวเพียงคนเดียว”
“แกนี่เวอร์ได้ทุกเรื่องเลยนะ”
“เออแล้วแกมีพี่น้องหรือเปล่าฉันอยากรู้จักบ้าง”
“ยุพามึงคิดอะไรกับกูหรือเปล่าเนี่ยรุกกูจัง”
“คิดสิ”
“ห๊ะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าล้อเล่นน่ะแต่เมื่อกี้กูมึงเลยนะนี่แสดงว่าเราสนิทกันจริงๆแล้วสินะ”
“ตรรกะอะไรของมึงวะเนี่ย”
“แล้วตกลงมึงมีพี่น้องหรือเปล่า”
“ไม่มี”
“เหงาแย่เลยอะดิไม่มีพี่น้องแบบฉัน”
“ไม่นะถ้ามีพี่น้องแบบแกปวดหัวตายกันพอดีขออยู่คนเดียวแบบนี้ยังดีกว่า” “โอ้ยไอ้รันไอ้เลว”
“รันคะเที่ยงแล้วไปกินข้าวกันค่ะ” น้ำฟ้าเดินมาหยุดอยู่ข้างๆชรันยาแล้ววางมือข้างหนึ่งลงบนหัวไหล่เขา
“เอามือเธอออกแล้วช่วยไปไกลๆ” ชรันยาทำเสียงเรียบนิ่งไม่มองหน้าคู่สนทนาด้วยซ้ำ
น้ำฟ้าทำได้เพียงเดินก้มหน้าหงอยกลับมาที่โต๊ะเรียนของตัวเองรู้ทั้งรู้ว่าถ้าเดินไปหาเขาแล้วจะเจอกับอะไรบ้างแต่เธอก็ยังอยากใกล้ชิดเขาอยู่ดีไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานสักแค่ไหนไม่รู้ว่าเขาจะให้อภัยเธอได้หรือเปล่า
“แกกับน้ำฟ้าทะเลาะอะไรกันวะรัน” ยุพาพูดขึ้นตอนที่น้ำฟ้าเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเองแล้ว
“เป็นแฟนเก่าเลิกกันเมื่อเช้านี้ผู้หญิงคนนั้นนอกใจฉันไอ้หน้าหล่อที่นั่งอยู่ข้างๆกันนั่นแหละคู่มั่นของเธอละ”
“ที่ตาแกแดงเมื่อเช้า”
“อือ”
“รัน..”
“ความจริงอาจจะเป็นตัวฉันเองก็ได้ที่มาทีหลัง”
“แกโอเคหรือเปล่า”
“เที่ยงแล้วไปกินข้าวกันดีกว่าหิวจะแย่” ชรันยาเก็บอุปกรณ์การเรียนใส่กระเป๋าแล้วลุกพรวดออกไปจนยุพาเก็บของวิ่งตามแทบจะไม่ทัน
“เอ๊าไอ้นี่พอจะไปก็ปุ้บปั้บเลย”
โรงอาหาร
"พี่ยุพี่ยุทางนี้ค่ะ" ไอรดาโบกมือไหวๆให้พี่สาวได้มองเห็นเธอและเพื่อน "พี่ยุคะไวน์กับชัยเป็นเพื่อนใหม่ของน้องเองค่ะ” ไอรดาคล้องแขนยุพามากอดไว้แล้วผายมือไปที่เพื่อนทั้งสองคน
“ไวน์ ชัย นี่ไงพี่สาวคนสวยที่เราเล่าให้ฟัง”
“สวัสดีค่ะพี่ยุ”
“สวัสดีครับพี่ยุ”
"สวัสดีจ้าพี่ฝากดูยัยน้องสาวตัวแสบของพี่ด้วยนะ"
“ได้ครับพวกเราจะดูแลไอร์เป็นอย่างดีเลย”
“รันยัยเด็กกระโปโลนี่น้องสาวฉันเอง”
"น้องไอร์นี่ไงไอ้รันที่พี่เล่าให้ฟังเมื่อเช้า" ยุพาวาดวงแขนอีกข้างเข้าคล้องคอชรันยาดึงเข้ามาใกล้จนหัวชนกัน
"สวัสดีค่ะพี่รัน"
“สวัสดีค่ะน้องไอร์” ชรันยาส่งยิ้มน้อยๆให้สาวสวยตรงหน้าแล้วเบนสายตาไปข้างๆไอรดามีคนที่เขาไม่อยากเจอหน้ายืนอยู่ตรงนั้น
“โลกกลมจังเลยนะไวน์”
“มีเพื่อนแบบนี้ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะคะน้องไอร์ให้ใจเมื่อไรมันก็หักหลัง” "พี่รัน!! อย่ามาพาลใส่ไวน์นะอย่าดึงเพื่อนไวน์เข้ามาเกี่ยวด้วย"
"ไวน์เป็นอะไรหรือเปล่ารู้จักกับพี่รันด้วยเหรอ”ไอรดากระซิบถามเพื่อนแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ
"เออ..ผมว่าเราไปหาดูของกินกันดีกว่านะคับมัวชักช้าเดี๋ยวของอร่อยหมดก่อนพอดี" เอกชัยเอ่ยขึ้นหวังทำลายบรรยากาศระอุบนโต๊ะอาหาร
“พี่ก็ว่างั้นแหละหิวจะแย่แล้ว” ยุพาพูดเสริมเอกชัยต่างคนต่างแยกย้ายกันไปซื้ออาหารร้านที่ตัวเองต้องการ
"น้องไอร์พี่ให้ไข่พะโล้" ชรันยาตักไข่พะโล้ของตัวเองวางลงบนจานข้าวไอรดา
"ขอบคุณค่ะ"
"รับไข่พี่ไปแล้วอย่าลืมให้ใจพี่กลับมาด้วยนะ"
"ห๊ะ!!อะไรนะคะ"
"รันมึงทำให้น้องกูเขินจนตัวแดงหมดแล้ว”
"อย่าแซวน้องสิถ้าน้องไอร์ไม่มากินข้าวกับเราอีกฉันจะทำยังไง" ชรันยาหันไปขยิบตาใส่ไอรดา
‘ไอ้อาการหัวใจเต้นแรงหายใจไม่ทั่วท้องนี่มันอะไรกันเกิดมาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยแล้วยังร้อนวูบวาบบนใบหน้าอีกนี่ฉันแพ้เขาขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยเพื่อนของพี่สาวที่พึ่งเจอกันครั้งแรก’ "พี่รันพี่จะมาหยอดไอร์เล่นๆ แบบนี้ไม่ได้นะคับคนนี้ผมจองผมจีบอยู่อีกอย่างพี่ก็มีพี่ฟ้าเป็นแฟนอยู่แล้วทั้งคนยังจะมาจีบคนอื่นอีก"
ไอรดาเงยหน้าขึ้นมองชรันยาทันทีที่ได้ยินเอกชัยพูดแบบนั้น ‘ที่แท้ก็มีเจ้าของแล้วยังจะมาหยอดคำหวานใส่เราอีกเกลียดจริงๆคนที่ชอบล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น’
"มึงรู้ไดยังไงว่ากูแค่หยอดน้องไอร์เล่นๆกูอาจจะจีบน้องไอร์จริงๆก็ได้อีกอย่างนึงเพื่อนมึงคงยังไม่ได้บอกให้รู้สินะว่ากูกับน้ำฟ้าเลิกกันแล้วอีกความหมายนึงคือกูโสดกูจะหน้าม่อใส่ใครกี่คนก็ได้มันเรื่องของกู”
“พี่กับพี่ฟ้าเนี่ยนะเลิกกันรักกันปานจะกลืนกินขนาดนี้ใครจะไปเชื่อ”
“นั่นนะสิ! รักกันขนาดนั้นทำไมนะทำไมถึงเลิกกันได้ง่ายดายจังเลยวะกูก็สงสัยเหมือนมึงนี่แหละลองถามเพื่อนรักของมึงดูสิ"
ชรันยาดึงคอเสื้อเอกชัยกระชากเข้ามาใกล้ๆใช้มือข้างซ้ายที่ถนัดบีบสันกรามทั้งสองข้างแรงจนคนตรงหน้าต้องร้องออกมา
“โอ๊ย! พี่รันปล่อยผม”
“ไอ้รันพอแล้วน้องมันเจ็บจนจะร้องอยู่แล้ว” ยุพาตบไหลชรันยาเรียกสติเพื่อน
ตุ้บ!!
“โอ้ย!!”
ชรันยาเหวี่ยงเอกชัยลงกระแทกพื้นแล้วหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่สนใจสายตานับร้อยคู่ภายในโรงอาหารกำลังมองมาที่เขา
ยุพาวิ่งตามชรันยามาติดๆโดยไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอจะไปไหน
สระน้ำขนาดใหญ่ด้านหลังอาคารโรงอาหารมีต้นไม้ล้อมรอบให้ความร่มรื่นขอบสระปูด้วยหญ้าเขียวขจีไปทั่วทั้งบริเวรให้บรรยากาศที่สดชื่นและผ่อนคลาย
“ขอโทษ…” ยุพายืนมองแผ่นหลังของคนตรงหน้าที่ถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
“ขอโทษอะไร”
“ฉันไม่น่าชวนน้องไอร์มาเลย”
"ไม่เป็นไรทั้งแกและน้องไอร์ไม่ได้ผิดอะไรฉันต่างหากต้องขอโทษที่ทำนิสัยแย่ๆแบบนั้นออกไปจนทำเสียบรรยากาศหมด”
“ฉันเข้าใจคิดว่าน้องไอร์ก็คงเข้าใจเหมือนกัน”
“ขอบใจ”
“โลกก็กลมจริงๆเลยเนาะน้องของน้ำฟ้ามาเป็นเพื่อนกับยัยไอร์เฉยเลย” "อือตกใจเหมือนกันไม่คิดว่าโชคชะตาจะเล่นตลกแบบนี้"
“ตาแดงอีกแล้วแกโอเคหรือเปล่า”
“ฉันโอเค! ต้องขอบใจแกถึงจะถูกถ้าไม่มีแกคอยทำตัววุ่นวายให้ปวดหัวทั้งวันฉันก็คงจมอยู่กับเรื่องนั้น”
“เออ…นี่คือกำลังถูกชมอยู่ใช่ป่ะ”
“ก็ชมสิวะ”
“โอเคชมก็ชม”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”