ภณถูกส่งมาฝึกงานใต้การดูแลของธนัชในแผนกศัลยกรรมกระดูกและข้อ เขาตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับ “เทพบุตรแห่งห้องผ่าตัด” แต่ธนัชกลับเย็นชาและเข้มงวดกับภณมากเป็นพิเศษ
ชาย-ชาย,รัก,ผู้ใหญ่,ไทย,ดราม่า,แฟนตาซี,วาย,nc,18+,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เส้นเเบ่งระหว่างหัวใจเเละหน้าที่ภณถูกส่งมาฝึกงานใต้การดูแลของธนัชในแผนกศัลยกรรมกระดูกและข้อ เขาตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับ “เทพบุตรแห่งห้องผ่าตัด” แต่ธนัชกลับเย็นชาและเข้มงวดกับภณมากเป็นพิเศษ
ภณถูกส่งมาฝึกงานใต้การดูแลของธนัชในแผนกศัลยกรรมกระดูกและข้อ เขาตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับ “เทพบุตรแห่งห้องผ่าตัด” แต่ธนัชกลับเย็นชาและเข้มงวดกับภณมากเป็นพิเศษ วันแรกที่เจอกัน ภณทำถาดเครื่องมือผ่าตัดตกพื้นเพราะตื่นเต้น ธนัชต่อว่าเขาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “ถ้าคุมสติตัวเองไม่ได้ ก็ออกไปจากห้องนี้ซะ” ภณอายมาก แต่แอบตั้งปณิธานว่าจะทำให้ธนัชยอมรับเขาให้ได้
ในขณะเดียวกัน ธนัชอยู่ในห้องผ่าตัดที่ 2 ห้องที่เต็มไปด้วยแสงไฟสีขาวสว่างจากโคมไฟผ่าตัดขนาดใหญ่ ผนังสีเขียวอ่อนสะท้อนแสงจนดูเย็นตา โต๊ะผ่าตัดโลหะสีเงินวางอยู่ตรงกลาง คนไข้ชายวัย 42 ปีนอนอยู่บนนั้น ร่างของเขาถูกคลุมด้วยผ้าสีเขียวสะอาดที่มีช่องเปิดตรงสะโพก กลิ่นยาฆ่าเชื้อฉุนขึ้นจมูกผสมกับกลิ่นโลหะจากเครื่องมือผ่าตัดที่วางเรียงบนถาดมีดผ่าตัด คีมหนีบหลอดเลือด เลื่อยตัดกระดูกทุกชิ้นสะท้อนแสงวาววับ
ธนัชสวมชุดผ่าตัดสีเขียวเข้ม หมวกผ่าตัดปิดผมสีดำเข้มของเขาไว้จนมิด หน้ากากอนามัยสีขาวปิดครึ่งหน้าล่าง เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่คมที่จดจ่อกับงาน เขายืนอยู่ข้างโต๊ะผ่าตัด มือขวาถือมีดผ่าตัด ใบมีดคมกริบสะท้อนแสงจากโคมไฟ เขากรีดผิวหนังของคนไข้ด้วยความแม่นยำ เสียง “ฉึก” เบา ๆ ดังขึ้นขณะมีดตัดผ่านผิวหนัง เลือดสีแดงสดไหลออกมาช้า ๆพยาบาลรีบใช้ผ้าก๊อซซับทันที
“หนีบหลอดเลือด” ธนัชสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา น้ำเสียงที่ไม่มีอารมณ์ปนอยู่ พยาบาลรีบยื่นคีมให้เขา เขาคีบหลอดเลือดเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในเนื้อเยื่อ มือของเขาคงที่ ไม่สั่นแม้แต่น้อย
ทีมผ่าตัดทำงานเงียบ ๆ มีเพียงเสียงเครื่องวัดชีพจรที่ดัง “ปิ๊บ ปิ๊บ” เป็นจังหวะ และเสียงเครื่องมือที่กระทบกันเบา ๆ ธนัชเจาะลึกเข้าไปในสะโพกของคนไข้ กระดูกที่ร้าวปรากฎชัดเจน เขาหยิบแผ่นโลหะขนาดเล็กจากถาดแผ่นสีเงินที่ออกแบบมาเพื่อตรึงกระดูก แล้วเริ่มเจาะรูที่กระดูกด้วยสว่านไฟฟ้า เสียง “วี๊ง” ดังขึ้นขณะสว่านทำงาน ฝุ่นกระดูกสีขาวลอยขึ้นเล็กน้อย
เขาทำงานด้วยความแม่นยำ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่วราวกับเครื่องจักร แต่ในใจของเขา ความคิดถึงภณยังคงวนเวียน คำพูดของภณ “ผมแค่อยากให้หมอยอมรับ” ดังก้องในหัว เขากำมีดผ่าตัดแน่นขึ้นเล็กน้อย เล็บจิกลงบนถุงมือยางจนรู้สึกเจ็บ เขาเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถให้คำตอบชัดเจนกับภณได้ เกลียดที่ความรู้สึกของเขาขัดแย้งกันเอง
“หมอธัน” เสียงของพยาบาลเรียกเขา “เลือดออกมากขึ้นค่ะ”
ธนัชพยักหน้า “ดูดเลือดออก” เขาสั่ง เขาหยิบเครื่องดูดเลือด ท่อใสที่ดูดเลือดสีแดงเข้มออกจากบาดแผล แล้วทำงานต่อ เขาพยายามโฟกัสกับงาน พยายามลืมภาพของภณที่ยืนน้ำตาคลอในโถงทางเดิน แต่ยิ่งเขาพยายาม เขายิ่งรู้สึกถึงความร้อนที่ผุดขึ้นในอก ความร้อนที่เขาไม่ยอมรับ
เมื่อผ่าตัดเสร็จ ธนัชถอนหายใจยาว ลมหายใจของเขาพ่นออกมาผ่านหน้ากากอนามัย เขามองร่างของคนไข้ที่ถูกเย็บแผลเรียบร้อย ด้ายสีดำตัดกับผิวหนังที่แดงระเรื่อ เขาถอดถุงมือยางออกเสียง “แปละ” ดังขึ้นขณะยางถูกดึงออก แล้วโยนลงถังขยะสีเหลืองที่มุมห้อง เขาเดินออกจากห้องผ่าตัด ฝีเท้าของเขาดังก้องในโถงเล็ก ๆ นอกห้อง หัวใจของเขายังคงหนักอึ้ง
ฟางเดินกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเองหลังจากออกจากห้องพักแพทย์ ห้องของเธออยู่ชั้น 3 ห้องเล็ก ๆ ที่มีโต๊ะไม้สีอ่อนวางพิงหน้าต่าง ผนังสีขาวสะอาดตกแต่งด้วยใบรับรองแพทย์ในกรอบไม้เรียบ ๆ ชั้นวางหนังสือที่เต็มไปด้วยตำราการแพทย์และวารสารเก่า ๆ วางอยู่มุมห้อง ฝุ่นเกาะบาง ๆ ที่ขอบชั้น แสงแดดยามบ่ายส่องผ่านหน้าต่าง ม่านสีครีมบางถูกดึงไปด้านข้างสะท้อนเงาของเธอบนพื้นไม้สีน้ำตาลอ่อน
เธอนั่งลงบนเก้าอี้หมุนเบาะหนังสีดำส่งเสียง “แอ๊ด” เบา ๆ ขณะรับน้ำหนัก เธอวางแฟ้มเคสลงบนโต๊ะ ฝุ่นเล็กน้อยลอยขึ้นจากแรงกระแทก เธอหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กจากลิ้นชัก สมุดปกหนังสีน้ำตาลเข้มที่ขอบเริ่มลอกแล้วเปิดออก เธอจดอะไรบางอย่างด้วยปากกาหมึกสีดำตัวหนังสือของเธอคมชัดและเป็นระเบียบ
“ภณยังโง่อยู่เหมือนเดิม” เธอพูดกับตัวเองขณะจด “ยอมให้ธนัชทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่เคยมองฉัน” เธอกดปากกาแรงขึ้นจนหมึกซึมออกมาจากปลายปากกาเป็นจุดเล็ก ๆ บนกระดาษ
เธอรู้ทุกอย่างรู้ถึงความสัมพันธ์ที่คลุมเครือของภณและธนัช รู้ถึงความเจ็บปวดของภณที่พยายามซ่อน และรู้ถึงความขัดแย้งในใจของธนัชที่ไม่ยอมรับ เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้มานาน แกล้งทำเหมือนไม่เห็นน้ำตาของภณ แต่ความแค้นที่ฝังลึกในใจของเธอเริ่มปะทุ เธอเกลียดที่ภณไม่เคยมองเธอ ไม่เคยเห็นความรักที่เธอให้ตั้งแต่วันรับปริญญา และยิ่งเกลียดที่เขายอมให้ตัวเองเจ็บเพื่อคนที่ไม่เคยให้อะไรกลับมา
ฟางปิดสมุดบันทึกเสียง “ตั๊บ” ดังขึ้นเบา ๆ เธอพิงพนักเก้าอี้ มองออกไปนอกหน้าต่างท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มจากแสงยามเย็น เธอยิ้มให้ตัวเอง รอยยิ้มที่เย็นชาและเต็มไปด้วยแผนการ “ถ้านายเลือกที่จะพังแบบนี้” เธอพูดเบา ๆ “ฉันจะทำให้มันพังให้ถึงที่สุด และวันนั้น ฉันจะเป็นคนเก็บชิ้นส่วนของนาย”ค่ำคืนคลืบคลานเข้ามาครอบคลุมโรงพยาบาลศรีธัญญา ท้องฟ้าด้านนอกเปลี่ยนจากสีส้มอ่อนเป็นสีน้ำเงินเข้ม เมฆหนาที่ยังหลงเหลือจากฝนเมื่อวานลอยตัวต่ำ บดบังดวงดาวที่ควรจะส่องแสงระยิบระยับ แสงไฟนีออนจากป้ายโรงพยาบาลส่องสว่างเป็นตัวอักษรสีขาวตัดกับความมืด ลมเย็นพัดผ่านหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ในโถงทางเดินชั้นล่าง ม่านสีขาวบางปลิวไหวราวกับผีเสื้อที่ติดอยู่ในกรง กลิ่นดินชื้นจากสวนด้านนอกปะปนกับกลิ่นยาฆ่าเชื้อที่ลอยออกมาจากห้องต่าง ๆ กลิ่นที่ทั้งคุ้นเคยและน่าหดหู่
ภณยังคงนั่งอยู่ในห้องพักแพทย์ โซฟาหนังสีน้ำตาลเข้มที่เขาทรุดตัวลงเมื่อบ่ายนี้ยังคงเย็นสัมผัสกับหลังของเขา เขานั่งพิงพนักโซฟา ขาทั้งสองข้างเหยียดยาวไปข้างหน้า รองเท้าผ้าใบสีขาวที่เขาใส่มีรอยเปื้อนโคลนจาง ๆ จากการวิ่งไปห้องฉุกเฉินเมื่อเช้า ชุดกาวน์ของเขาถูกถอดออกแล้ว กองอยู่ข้างตัวเป็นก้อนยับยู่ยี่ เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนที่ยับไม่ต่างกัน ผมสีน้ำตาลอ่อนของเขายุ่งเหยิงบางเส้นติดกันจากเหงื่อที่แห้งไปแล้ว เขากำขวดน้ำพลาสติกในมือขวา ขวดที่ฟางให้เขาเมื่อบ่าย น้ำเย็นที่เหลือครึ่งขวดสะท้อนแสงจากโคมไฟตั้งพื้นสีเหลืองนวลที่มุมห้อง
ห้องพักแพทย์เงียบสงัด มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดัง "วี๊ง" เบา ๆ จากมุมเพดาน และเสียงนาฬิกาตั้งโต๊ะที่เดิน "ติ๊ก ต็อก" เป็นจังหวะสม่ำเสมอ โต๊ะไม้เล็ก ๆ ข้างโซฟาเต็มไปด้วยของกระจัดกระจาย แก้วกาแฟที่เย็นชืด ขวดน้ำที่ถูกบีบยับ และสมุดบันทึกเล่มหนึ่งที่ถูกทิ้งไว้โดยแพทย์คนอื่น กลิ่นกาแฟเก่าผสมกับกลิ่นเหงื่อจาง ๆ จากกาวน์ของภณลอยคละคลุ้งกลิ่นที่ทำให้เขานึกถึงคืนที่ระเบียงกับธนัช