จากคนที่ส่งมาให้สังหารศัตรูกับเเปรเปลี่ยนความคิดเเละเลือกฝั่งศัตรูเเทน เพราะเหตุผลบางอย่าง
แอคชั่น,ชาย-ชาย,ญี่ปุ่น,รัก,ดราม่า,ดราม่า,nc,ผจญภัย,มาเฟีย,มาเฟีย ,วาย,yaoi,yaoi ,นิยายเกย์,นิยายโรแมนติก,นิยายโรมานซ์,นิยาย18+,นิยายNC,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากศัตรูกลับกลายเป็นคนรู้ใจจากคนที่ส่งมาให้สังหารศัตรูกับเเปรเปลี่ยนความคิดเเละเลือกฝั่งศัตรูเเทน เพราะเหตุผลบางอย่าง
ในเมืองทมิฬที่แสงไฟจากตึกระฟ้าถูกกลบด้วยควันปืนและกลิ่นคาวเลือด “ริว” หัวหน้าแก๊งมาเฟียหนุ่มที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมและเย็นชา เขาคือเงามืดที่ครอบครองใต้ดินของเมืองนี้ ด้วยดวงตาสีเทาดุจเหล็กกล้าและรอยแผลเป็นที่พาดผ่านคิ้วซ้าย ริวไม่เคยไว้ใจใคร นอกจากปืนในมือและลูกน้องที่พร้อมตายเพื่อเขา
แต่แล้ววันหนึ่ง ชีวิตของริวก็ต้องสั่นคลอน เมื่อ “ไค” ชายหนุ่มปริศนาที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และสายตาที่อ่านยาก ปรากฏตัวในฐานะนักฆ่ารับจ้างที่ถูกส่งมาเพื่อปลิดชีวิตเขา ไคมีผมสีดำสนิทและรอยสักรูปงูที่คอ เขาคืออาวุธที่สมบูรณ์แบบ เงียบ รวดเร็ว และไร้ความปราณี แต่ในคืนที่เขาควรจะลงมือ ไคกลับเลือกที่จะทรยศนายจ้าง และยื่นข้อเสนอให้ริวแทน
จากจุดเริ่มต้นที่เต็มไปด้วยความระแวงและการต่อสู้ ริวกับไคกลายเป็นคู่หูที่ไม่มีใครในเมืองกล้าท้าทาย ไคกลายเป็นเงาของริว คนที่คอยกำจัดศัตรูในความมืด ขณะที่ริวปกป้องไคจากอดีตที่ตามหลอกหลอนเขา แต่เมื่อแก๊งคู่แข่งเริ่มขุดคุ้ยความลับว่าไคเคยถูกส่งมาเพื่อฆ่าริว ความไว้วางใจที่เปราะบางของทั้งคู่ก็ถูกทดสอบ
แสงจากกองไฟในโพรงหินสั่นไหวเมื่อลมหนาวพัดผ่านป่าสน กลิ่นควันไม้ผสมกับกลิ่นดินชื้นและน้ำค้างลอยอบอวลในอากาศเย็นยะเยือก เปลวไฟสีส้มสาดแสงไปทั่วโพรงหินที่เต็มไปด้วยรอยแตกและมอสสีเขียวเข้มที่เกาะตามผิวหิน รากต้นสนขนาดยักษ์ที่โค้งงอเป็นกำแพงธรรมชาติสั่นสะเทือนเล็กน้อยเมื่อลมแรงพัดผ่านยอดสนด้านนอก เสียงไม้ไหม้ดังเปรี๊ยะ ๆ ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงฝีเท้าที่ดังชัดขึ้นจากระยะไกล
ริวและไคละสายตาจากกันทันที มือของริวคว้าปืนลูกโม่สีเงินที่วางอยู่ข้างกองไฟ กระบอกปืนเย็นเฉียบจากการสัมผัสอากาศในป่า เขาลุกขึ้นยืน ร่างสูงโปร่งในแจ็กเก็ตหนังสีดำที่ขาดวิ่นทอดเงายาวไปตามพื้นดินที่ปกคลุมด้วยใบสนแห้ง ไคหยิบมีดสั้นสองเล่มจากเอว มือของเขาสั่นเล็กน้อยจากแผลที่ท้องที่ยังไม่หายดีเเต่ก็ยังฝืนลุกขึ้นยืนเคียงข้างริว ดวงตาสีเข้มของเขาสอดส่ายไปรอบ ๆ เงามืดของป่า
“มากี่ตัว?” ไคกระซิบ เสียงของเขาแหบพร่าจากความเหนื่อยล้า
ริวเงี่ยหูฟัง เสียงฝีเท้าที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอบ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวที่มีระเบียบ “ไม่ใช่สัตว์” เขาตอบ “คน … อย่างน้อยสาม” ดวงตาสีเทาของเขาแหลมคมราวกับเหยี่ยว เขาดับกองไฟด้วยการเตะดินโคลนที่เปียกชื้นเข้าไป ควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นก่อนที่แสงส้มจะมอดลง ป่ากลับสู่ความมืดสนิท มีเพียงแสงจันทร์สีเงินที่ลอดผ่านยอดสนเป็นเส้นบาง ๆ
ทั้งสองเคลื่อนตัวออกจากโพรงหินอย่างเงียบเชียบ ริวเดินนำ ใช้มีดพร้าตัดกิ่งไม้ที่ขวางทาง ใบไม้สีเขียวเข้มที่ถูกตัดหล่นลงพื้น ส่งกลิ่นน้ำยางขม ๆ ลอยขึ้นมา ไคตามหลัง มือหนึ่งกุมท้องเพื่อลดความเจ็บจากการเคลื่อนไหว พวกเขาแอบซ่อนตัวหลังต้นสนขนาดใหญ่ที่ลำต้นเต็มไปด้วยรอยขูดขีดจากกรงเล็บของสัตว์ป่า
จากระยะห่างไม่ถึงสิบเมตร เงาดำสามร่างปรากฎขึ้นในหมอกที่ลอยต่ำเหนือพื้นดิน พวกมันสวมชุดพรางสีเข้มที่กลมกลืนกับป่า ใบหน้าถูกปกปิดด้วยผ้าคลุมสีดำ เหลือเพียงดวงตาที่เรืองรองจากแสงจันทร์สะท้อน มือของแต่ละคนถือปืนไรเฟิลติดกล้องเล็ง และมีดยาวเหน็บที่เอว หนึ่งในนั้นหยุดเดิน ก้มลงมองรอยเท้าของริวและไคที่ทิ้งไว้บนดินโคลน
“พวกมันอยู่ใกล้” เสียงแหบต่ำดังขึ้นจากชายที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้า เขายกมือขึ้นทำสัญญาณให้ลูกน้องแยกกันค้น
ริวกระซิบกับไค “ข้าจะจัดการตัวที่อยู่ขวา เจ้าจัดการตัวซ้าย” เขามองไคด้วยความกังวล “ถ้าไม่ไหว บอกข้า”
ไคพยักหน้า “ข้าไม่ใช่เด็ก” เขาตอบ ก่อนจะเคลื่อนตัวไปทางซ้ายอย่างเงียบเชียบราวกับเงา
ริวรอจังหวะ เมื่อชายคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ต้นสนที่เขาซ่อนอยู่ เขากระโจนออกไป ใช้แขนล็อกคอของศัตรูแน่นจนอีกฝ่ายดิ้นไม่หลุด ปืนไรเฟิลหล่นลงพื้น ดังกระทบโขดหินเล็ก ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่รอบ ๆ ริวบิดคอของชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว เสียงกระดูกหักดังกร็อก ก่อนที่ร่างนั้นจะทรุดลงนิ่ง
ทางด้านไค เขาแอบย่องไปด้านหลังศัตรูอีกคนที่กำลังก้มมองรอยเท้า ไคใช้มีดสั้นแทงเข้าที่ด้านหลังคออย่างแม่นยำ เลือดสีแดงเข้มพุ่งออกมาเปื้อนใบสนแห้ง เขาดึงมีดออก ร่างของศัตรูล้มลงท่ามกลางพุ่มไม้เตี้ยที่ใบสั่นไหวจากแรงกระแทก
แต่ชายคนที่สามหัวหน้าของกลุ่มหันมาเห็นเหตุการณ์ เขาคว้าปืนไรเฟิลขึ้นเล็งทันที “ที่นี่!” เขาตะโกน กระสุนพุ่งออกจากปากกระบอก เฉียดไหล่ของไคไปเพียงนิดเดียว เสียงปืนดังสนั่นสะท้อนไปทั่วป่า นกป่าที่หลับอยู่บนยอดสนบินหนีแตกตื่น
ริววิ่งฝ่าความมืดไปหาไค “เจ็บไหม?” เขาถาม มือหนึ่งจับไหล่ของไคเพื่อตรวจดู
“แค่เฉี่ยว” ไคตอบ หายใจถี่ “จัดการมันก่อน!”
ริวหันกลับไป หัวหน้าศัตรูวิ่งหลบไปหลังต้นสนใหญ่ เขาโหลดกระสุนใหม่ เสียงโลหะกระทบกันดังแกร๊งในความเงียบ ริวและไคแยกกันเคลื่อนที่ ริวไปทางขวา ไคไปทางซ้าย พวกเขาคลานต่ำผ่านพุ่มไม้เตี้ยที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคม หนามเกี่ยวเสื้อของไคจนขาดเป็นริ้ว แต่เขากัดฟันเงียบ
เมื่อเข้าใกล้ ริวโยนก้อนหินไปทางซ้ายเพื่อล่อให้ศัตรูหันไปมอง หัวหน้าหันปืนไปตามเสียงทันที ไคฉวยโอกาสนั้นกระโจนออกจากพุ่มไม้ ใช้มีดสั้นปักเข้าที่ต้นขาของชายคนนั้น เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ปืนหลุดจากมือ ริวตามเข้ามา ใช้ปืนลูกโม่ยิงเข้าที่หน้าอกของศัตรูสองนัดติด เลือดสาดกระจายไปทั่วลำต้นสน หัวหน้ากลุ่มล้มลงนิ่ง
ทั้งสองหอบหายใจ มองหน้ากันท่ามกลางความมืด กลิ่นคาวเลือดผสมกับกลิ่นยางสนลอยหนักในอากาศ ริวเดินไปดึงไคขึ้น “เจ้าฝืนตัวเองอีกแล้ว” เขาพูด ดวงตาสีเทาของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย
ไคยิ้ม “แต่เราชนะ” เขาตอบ ก่อนจะทรุดลงเล็กน้อยจากความเจ็บที่ท้อง
หลังการต่อสู้ ริวพยุงไคเดินลึกเข้าไปในป่าอีกเพื่อหาที่หลบภัย พวกเขาพบลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านโขดหินเรียบสีเทา น้ำใสเย็นฉ่ำสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายระยิบระยับ ลำธารเต็มไปด้วยหญ้าสูงสีเขียวเข้มและดอกไม้ป่าสีขาวเล็ก ๆ ที่ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ กลิ่นน้ำค้างและดินชื้นผสมกับกลิ่นหญ้าสดทำให้อากาศเย็นสดชื่น
ริววางไคลงบนพื้นหญ้าข้างลำธาร เขาถอดแจ็กเก็ตหนังออก พับมันเป็นหมอนให้ไคหนุน “พักก่อน” เขาพูด เดินไปตักน้ำจากลำธารด้วยขวดที่พกมา น้ำเย็นถึงใจไหลลงขวด เสียงน้ำกระทบกันดังเบา ๆ
ไคนอนมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวผ่านช่องว่างของยอดสน “สวยกว่าที่ข้าคิด” เขาพูด “ป่านี้ … มันน่ากลัวแต่ก็สวย”
ริวกลับมานั่งข้าง ๆ หยิบผ้าจากเป้มาชุบน้ำแล้วเช็ดคราบเลือดจากใบหน้าของไค “ข้ากลัวมากกว่าเจ้าเสียอีก” เขาพูด “กลัวว่าเจ้าจะไม่รอด”
ไคจับมือของริวไว้ “ข้าจะไม่ตายง่าย ๆ” เขาพูด “ไม่จนกว่าเราจะได้ไปทะเลด้วยกัน”
ริวหัวเราะเบา ๆ “เจ้าดื้อจริง ๆ” เขาก้มลง จูบหน้าผากของไคเบา ๆ กลิ่นน้ำลำธารและหญ้าสดผสมกับกลิ่นเลือดจาง ๆ จากตัวไค เขาดึงไคเข้ามากอด วางคางพิงศีรษะของอีกฝ่าย “ข้าจะปกป้องเจ้า ไม่ว่าต้องเจออะไรในป่านี้”
ทั้งคู่นั่งกอดกันอยู่นาน เสียงน้ำไหลในลำธารดังกล่อมเบา ๆ ผสมกับเสียงลมที่พัดผ่านยอดสน แสงจันทร์ส่องลงมาบนใบหน้าของทั้งสอง เงาของพวกเขาทอดยาวไปตามพื้นหญ้า