เอลิอัน อัศวินหนุ่ม เขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งแต่หัวใจกลับอ่อนโยน เอลิอันออกเดินทางเพื่อตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์ ลูนาเรีย ที่เชื่อกันว่าสามารถขจัดคำสาปมืดซึ่งกำลังกลืนกินดินแดนของเขาได้
ชาย-หญิง,ผจญภัย,แฟนตาซี,ญี่ปุ่น,ไซไฟ,นิยายโรแมนติก,นิยายแฟนตาซี,นิยายรัก,นิยายรัก ,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
อัศวินเงามืดใต้แสงจันทร์เอลิอัน อัศวินหนุ่ม เขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งแต่หัวใจกลับอ่อนโยน เอลิอันออกเดินทางเพื่อตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์ ลูนาเรีย ที่เชื่อกันว่าสามารถขจัดคำสาปมืดซึ่งกำลังกลืนกินดินแดนของเขาได้
ในดินแดนแห่ง อาร์เวเนีย ที่ปกคลุมด้วยหมอกสีเงินและป่าโบราณอันลึกลับ มีตำนานเล่าขานถึง เอลิอัน อัศวินหนุ่มผู้มีดวงตาสีฟ้าใสราวกับท้องฟ้าในยามรุ่งสาง เขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งแต่หัวใจกลับอ่อนโยน เอลิอันออกเดินทางเพื่อตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์ ลูนาเรีย ที่เชื่อกันว่าสามารถขจัดคำสาปมืดซึ่งกำลังกลืนกินดินแดนของเขาได้
ระหว่างทาง เอลิอันได้พบกับ เซเรน่า หญิงสาวลึกลับที่มีผมสีขาวราวหิมะและพลังเวทที่ซ่อนอยู่ในตัว เธอเป็นผู้พิทักษ์แห่งป่ามรกต ผู้รู้ความลับของลูนาเรีย แต่ถูกคำสาปผูกมัดให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว เซเรน่าไม่ไว้ใจมนุษย์ โดยเฉพาะอัศวินอย่างเอลิอันที่เธอเชื่อว่าแสวงหาเพียงพลังของดาบเพื่อตัวเอง
แรกเริ่มทั้งคู่ไม่ลงรอยกัน เอลิอันมองว่าเซเรน่าเย็นชาและปิดกั้น ส่วนเซเรน่าคิดว่าเอลิอันเป็นเพียงนักรบหยิ่งผยองที่ไม่เข้าใจความเจ็บปวดของผู้อื่น แต่เมื่อภัยจากคำสาปมืดเริ่มรุกคืบ ทั้งคู่ถูกบังคับให้ร่วมมือกัน พวกเขาเผชิญหน้ากับอสูรกายแห่งเงาและปริศนาโบราณที่ทดสอบทั้งความกล้าและหัวใจ
ในคืนหนึ่งใต้แสงจันทร์ ขณะพักพิงในโพรงต้นไม้โบราณ เอลิอันเล่าถึงความฝันของเขาที่อยากเห็นอาร์เวเนียสงบสุขอีกครั้ง ส่วนเซเรน่าเผยว่าเธอเคยสูญเสียครอบครัวให้กับคำสาปนี้ และการปกป้องลูนาเรียคือภาระที่เธอแบกรับเพียงลำพัง ความเข้าใจเริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งสอง จากศัตรูกลายเป็นสหาย และจากสหายกลายเป็นความผูกพันที่ลึกซึ้ง
เมื่อถึงจุดหมาย ณ หอคอยแห่งแสงนิรันดร์ พวกเขาพบว่าลูนาเรียไม่ใช่เพียงอาวุธ แต่เป็นกุญแจสู่การเสียสละ เซเรน่าต้องยอมสละพลังเวทของเธอเพื่อปลดปล่อยดาบ ขณะที่เอลิอันต้องเผชิญหน้ากับความกลัวที่ลึกที่สุดในจิตใจ แต่ด้วยความเชื่อใจกันและกัน ทั้งคู่สามารถทำลายคำสาปได้สำเร็จ อาร์เวเนียกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง
หลังจากนั้น เอลิอันและเซเรน่าเลือกที่จะไม่แยกจากกัน พวกเขาเดินทางไปด้วยกัน ไม่ใช่ในฐานะอัศวินและผู้พิทักษ์ แต่เป็นคู่ชีวิตที่เติมเต็มกันและกัน ท่ามกลางโลกแฟนตาซีที่ทั้งคู่ปกป้องร่วมกัน
ในดินแดน อาร์เวเนีย ที่ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเงินตลอดกาล และต้นไม้โบราณสูงตระหง่านราวกับยามของโลกเก่า เอลิอัน เบรย์ธอร์น อัศวินหนุ่มแห่งตระกูลขุนนางเล็ก ๆ เดินทางผ่านทุ่งหญ้าที่แห้งเหือด ดวงตาสีฟ้าเย็นเยียบของเขาจับจ้องไปยังขอบฟ้าที่มืดมิด เขาสวมเกราะหนังสีน้ำตาลเข้มที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน และดาบยาวที่พาดอยู่ด้านหลังสะท้อนแสงจันทร์จาง ๆ
เอลิอันไม่ได้ออกเดินทางเพื่อชื่อเสียงหรือเกียรติยศเหมือนอัศวินคนอื่น ๆ เขามีเป้าหมายเดียว: หาดาบศักดิ์สิทธิ์
ลูนาเรีย ที่เล่ากันว่าถูกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของป่ามรกต ตำนานกล่าวว่าดาบเล่มนี้มีพลังเพียงพอที่จะขจัด คำสาปเงามืด ซึ่งค่อย ๆ กลืนกินอาร์เวเนีย หมู่บ้านถูกทิ้งร้าง พืชผลเหี่ยวเฉา และผู้คนเริ่มสูญเสียความหวัง ครอบครัวของเอลิอันเองก็พินาศไปในคืนที่เงามืดบุกโจมตี เขาสาบานกับตัวเองว่าจะหยุดมันให้ได้ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร
ทว่า การเดินทางของเขาไม่ได้ราบรื่น ขณะที่ม้าของเขาก้าวผ่านโคลนตมใกล้ชายป่า เขาสังเกตเห็นเงาราง ๆ เคลื่อนไหวในหมอก "ใครอยู่ตรงนั้น!" เขาตะโกน มือหนึ่งจับด้ามดาบแน่น แต่สิ่งที่ปรากฎไม่ใช่อสูรกายหรือโจรป่า หากแต่เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง
เธอมีผมยาวสีขาวราวหิมะที่ปลิวไสวไปกับสายลม ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองเขาด้วยความระแวดระวัง เธอสวมชุดคลุมสีเขียวเข้มที่ดูเหมือนกลมกลืนกับใบไม้รอบตัว ในมือของเธอถือคทาไม้ที่แกะสลักด้วยลวดลายโบราณ "เจ้าเป็นใคร และมาทำอะไรที่นี่?" เสียงของเธอเย็นชาแต่แฝงด้วยพลังที่ไม่อาจมองข้าม
"ข้าชื่อเอลิอัน อัศวินแห่งเบรย์ธอร์น ข้ามาตามหาลูนาเรีย" เขาตอบตรงไปตรงมา มองเธอด้วยสายตาที่พยายามประเมินว่าเธอเป็นมิตรหรือศัตรู
หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ แต่ไม่ใช่เสียงที่เป็นมิตร "ลูนาเรียงั้นหรือ? เจ้าคิดว่าตัวเองคู่ควรกับมันหรือ อัศวิน? ดาบนั้นไม่ใช่ของเล่นสำหรับมนุษย์ที่โลภในพลัง" เธอหันหลังเดินจากไป แต่เอลิอันไม่ยอมให้โอกาสนี้หลุดลอย
"รอเดี๋ยว! ถ้าเจ้ารู้เรื่องลูนาเรีย ข้าขอให้ช่วย ข้าต้องการมันเพื่อหยุดคำสาปเงามืด" เขาก้าวตามเธอเข้าไปในป่า แม้จะรู้สึกถึงสายตานับไม่ถ้วนจากเงารอบตัวที่จ้องมองเขาอยู่
หญิงสาวหยุดชะงัก หันกลับมามองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย "คำสาปเงามืด? เจ้าจะเข้าใจอะไรเกี่ยวกับมัน" เธอพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น "ข้าคือเซเรน่า ผู้พิทักษ์แห่งป่ามรกต และข้าจะไม่ยอมให้คนนอกอย่างเจ้ามายุ่งกับสิ่งที่เจ้าไม่เข้าใจ"
ก่อนที่เอลิอันจะได้โต้แย้ง พื้นดินใต้เท้าพวกเขาก็สั่นสะเทือน เสียงคำรามต่ำ ๆ ดังมาจากส่วนลึกของป่า อสูรกายเงามืดตัวหนึ่งปรากฎตัว มันมีร่างกายเป็นเงาดำที่บิดเบี้ยว ดวงตาสีแดงเพลิงจ้องมองทั้งคู่ด้วยความหิวกระหาย เอลิอันชักดาบออกมาทันที ขณะที่เซเรน่ายกคทาขึ้น แสงสีเขียวอ่อน ๆ เริ่มเปล่งประกายจากปลายคทา
"ดูเหมือนเราจะไม่มีเวลาทะเลาะกันแล้ว" เอลิอันพูดพร้อมยิ้มมุมปาก เขากระโจนเข้าหาอสูรกายโดยไม่ลังเล ขณะที่เซเรน่าส่งพลังเวทเป็นสายเถาวัลย์พุ่งเข้าโจมตีศัตรู การต่อสู้ครั้งแรกของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางป่าที่เงียบสงัด และนี่คือจุดเริ่มต้นของโชคชะตาที่จะผูกพันพวกเขาไว้ด้วยกัน
แสงจันทร์สีเงินสาดส่องผ่านรอยแยกของใบไม้หนาที่ยื่นออกมาจากต้นไม้โบราณในป่ามรกต กลิ่นดินชื้นและมอสเปียกปนกับกลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ลอยอยู่ในอากาศ ขณะที่เอลิอันยืนหอบหายใจ ดาบในมือของเขาสะบัดหยดน้ำสีดำเหนียวข้นจากร่างของอสูรกายเงามืดที่เพิ่งล้มลง รอบตัวเขาคือพื้นดินที่แตกร้าวจากแรงปะทะ หญ้าสีเขียวเข้มถูกเหยียบย่ำจนเละเป็นโคลน
เซเรน่ายืนอยู่ไม่ไกล คทาในมือของเธอยังคงเรืองแสงสีเขียวอ่อน ๆ สายเถาวัลย์ที่เธอเรียกขึ้นมาจากพื้นดินค่อย ๆ ม้วนตัวกลับลงไปใต้ผิวดินราวกับมีชีวิต เธอหายใจถี่เล็กน้อย ใบหน้าสวยงามที่เคยเย็นชาของเธอตอนนี้มีเหงื่อเกาะอยู่บาง ๆ "เจ้าไม่เลวเลย...สำหรับอัศวิน" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังคงมีแววดูถูก แต่สายตาของเธอเผยความประหลาดใจเล็กน้อย
"ข้าก็เคยฝึกฝนมาบ้าง" เอลิอันตอบกลับพร้อมยิ้มมุมปาก เขาเก็บดาบเข้าฝักแล้วหันไปมองซากของอสูรกายที่ค่อย ๆ ละลายกลายเป็นควันดำลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า "แต่พลังของเจ้า...มันไม่เหมือนเวทมนตร์ที่ข้าเคยเห็น มันเหมือนกับป่าแห่งนี้เชื่อฟังเจ้า"
เซเรน่าไม่ตอบ เธอเดินไปยังต้นไม้ใหญ่ที่มีรากโผล่พ้นพื้นดินราวกับงูยักษ์ เธอวางมือลงบนเปลือกไม้หยาบกร้านที่ปกคลุมด้วยมอสสีเขียวเข้ม แสงจากคทาของเธอไหลผ่านฝ่ามือเข้าไปในต้นไม้ ราวกับเธอกำลังสื่อสารกับมัน "ป่าแห่งนี้คือบ้านของข้า" เธอพูดโดยไม่หันมามอง "และมันไม่ต้อนรับคนนอกอย่างเจ้า"
เอลิอันขมวดคิ้ว เขาก้าวเข้าไปใกล้เธอ แต่ระวังไม่ให้เข้าไปในระยะที่อาจทำให้เธอรู้สึกถูกคุกคาม "ถ้าข้าเป็นภัยจริง ๆ เจ้าคงไม่ช่วยข้าสู้เมื่อครู่ ข้าคิดว่าเราเริ่มต้นกันใหม่ได้ เซเรน่า ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าเพื่อหาลูนาเรีย"
เธอหันมามองเขาด้วยสายตาที่เย็นเยียบ "เจ้าไม่รู้หรอกว่าลูนาเรียคืออะไร มันไม่ใช่แค่อาวุธ แต่มันคือ..." เธอหยุดพูดกะทันหัน ราวกับตระหนักว่าตัวเองเผลอพูดมากเกินไป เธอหันหลังแล้วเดินลึกเข้าไปในป่า "ตามข้ามา ถ้าจะตายก็ตายเสียที่นี่"
เอลิอันลังเลเพียงครู่เดียวก่อนจะควบม้าตามเธอไป ท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยหมอกเริ่มมืดลง แสงจันทร์ค่อย ๆ ถูกบดบังด้วยกิ่งไม้หนาที่ยื่นออกมาปกคลุมเส้นทาง เสียงใบไม้เสียดสีกันดังซ่า ๆ ปนกับเสียงนกฮูกที่ร้องไกล ๆ ทำให้บรรยากาศในป่ารู้สึกทั้งลึกลับและกดดัน เขาสังเกตเห็นดอกไม้สีม่วงเข้มที่เรืองแสงจาง ๆ เกาะอยู่ตามโคนต้นไม้ และบางครั้งก็เห็น เงาราง ๆ เคลื่อนไหวในพุ่มไม้ แต่เมื่อมองชัด ๆ กลับไม่พบอะไร
หลังจากเดินทางได้ครู่หนึ่ง เซเรน่าพาเขามาถึงลานกว้างกลางป่า พื้นที่นี้แตกต่างจากส่วนอื่น ๆ ของป่ามรกต ตรงกลางลานมีบ่อน้ำขนาดเล็กที่น้ำใสราวกับกระจกสะท้อนแสงจันทร์ รอบ ๆ บ่อน้ำเต็มไปด้วยหินสีขาวที่เรียงตัวเป็นวงกลมอย่างเป็นระเบียบราวกับถูกจัดวางโดยฝีมือมนุษย์ ต้นไม้รอบลานสูงตระหง่านจนเกือบปิดท้องฟ้า แต่แสงจันทร์ยังคงส่องลงมาถึงพื้นได้อย่างน่าประหลาด