เอลิอัน อัศวินหนุ่ม เขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งแต่หัวใจกลับอ่อนโยน เอลิอันออกเดินทางเพื่อตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์ ลูนาเรีย ที่เชื่อกันว่าสามารถขจัดคำสาปมืดซึ่งกำลังกลืนกินดินแดนของเขาได้

อัศวินเงามืดใต้แสงจันทร์ - บทที่ 3 สะพานแห่งความว่างเปล่า โดย Raine Whitmore @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ผจญภัย,แฟนตาซี,ญี่ปุ่น,ไซไฟ,นิยายโรแมนติก,นิยายแฟนตาซี,นิยายรัก,นิยายรัก ,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

อัศวินเงามืดใต้แสงจันทร์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ผจญภัย,แฟนตาซี,ญี่ปุ่น,ไซไฟ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายโรแมนติก,นิยายแฟนตาซี,นิยายรัก,นิยายรัก ,นิยายชายหญิง

รายละเอียด

อัศวินเงามืดใต้แสงจันทร์ โดย Raine Whitmore @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เอลิอัน อัศวินหนุ่ม เขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งแต่หัวใจกลับอ่อนโยน เอลิอันออกเดินทางเพื่อตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์ ลูนาเรีย ที่เชื่อกันว่าสามารถขจัดคำสาปมืดซึ่งกำลังกลืนกินดินแดนของเขาได้

ผู้แต่ง

Raine Whitmore

เรื่องย่อ

ในดินแดนแห่ง อาร์เวเนีย ที่ปกคลุมด้วยหมอกสีเงินและป่าโบราณอันลึกลับ มีตำนานเล่าขานถึง เอลิอัน อัศวินหนุ่มผู้มีดวงตาสีฟ้าใสราวกับท้องฟ้าในยามรุ่งสาง เขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งแต่หัวใจกลับอ่อนโยน เอลิอันออกเดินทางเพื่อตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์ ลูนาเรีย ที่เชื่อกันว่าสามารถขจัดคำสาปมืดซึ่งกำลังกลืนกินดินแดนของเขาได้

ระหว่างทาง เอลิอันได้พบกับ เซเรน่า หญิงสาวลึกลับที่มีผมสีขาวราวหิมะและพลังเวทที่ซ่อนอยู่ในตัว เธอเป็นผู้พิทักษ์แห่งป่ามรกต ผู้รู้ความลับของลูนาเรีย แต่ถูกคำสาปผูกมัดให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว เซเรน่าไม่ไว้ใจมนุษย์ โดยเฉพาะอัศวินอย่างเอลิอันที่เธอเชื่อว่าแสวงหาเพียงพลังของดาบเพื่อตัวเอง

แรกเริ่มทั้งคู่ไม่ลงรอยกัน เอลิอันมองว่าเซเรน่าเย็นชาและปิดกั้น ส่วนเซเรน่าคิดว่าเอลิอันเป็นเพียงนักรบหยิ่งผยองที่ไม่เข้าใจความเจ็บปวดของผู้อื่น แต่เมื่อภัยจากคำสาปมืดเริ่มรุกคืบ ทั้งคู่ถูกบังคับให้ร่วมมือกัน พวกเขาเผชิญหน้ากับอสูรกายแห่งเงาและปริศนาโบราณที่ทดสอบทั้งความกล้าและหัวใจ

ในคืนหนึ่งใต้แสงจันทร์ ขณะพักพิงในโพรงต้นไม้โบราณ เอลิอันเล่าถึงความฝันของเขาที่อยากเห็นอาร์เวเนียสงบสุขอีกครั้ง ส่วนเซเรน่าเผยว่าเธอเคยสูญเสียครอบครัวให้กับคำสาปนี้ และการปกป้องลูนาเรียคือภาระที่เธอแบกรับเพียงลำพัง ความเข้าใจเริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งสอง จากศัตรูกลายเป็นสหาย และจากสหายกลายเป็นความผูกพันที่ลึกซึ้ง

เมื่อถึงจุดหมาย ณ หอคอยแห่งแสงนิรันดร์ พวกเขาพบว่าลูนาเรียไม่ใช่เพียงอาวุธ แต่เป็นกุญแจสู่การเสียสละ เซเรน่าต้องยอมสละพลังเวทของเธอเพื่อปลดปล่อยดาบ ขณะที่เอลิอันต้องเผชิญหน้ากับความกลัวที่ลึกที่สุดในจิตใจ แต่ด้วยความเชื่อใจกันและกัน ทั้งคู่สามารถทำลายคำสาปได้สำเร็จ อาร์เวเนียกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง

หลังจากนั้น เอลิอันและเซเรน่าเลือกที่จะไม่แยกจากกัน พวกเขาเดินทางไปด้วยกัน ไม่ใช่ในฐานะอัศวินและผู้พิทักษ์ แต่เป็นคู่ชีวิตที่เติมเต็มกันและกัน ท่ามกลางโลกแฟนตาซีที่ทั้งคู่ปกป้องร่วมกัน

สารบัญ

อัศวินเงามืดใต้แสงจันทร์-บทที่ 1 อัศวินแห่งหมอก,อัศวินเงามืดใต้แสงจันทร์-บทที่ 2 หุบเหวแห่งเงา,อัศวินเงามืดใต้แสงจันทร์-บทที่ 3 สะพานแห่งความว่างเปล่า

เนื้อหา

บทที่ 3 สะพานแห่งความว่างเปล่า

"ข้าจะผสานพลังของข้ากับดาบของเจ้า" เธอตอบ เธอวิ่งมาหยุดข้างเขาแล้ววางมือลงบนใบดาบของเขา แสงสีเขียวจากคทาไหลผ่านฝ่ามือของเธอเข้าไปในดาบ จนใบดาบเริ่มเรืองแสงสีเขียวอ่อน ๆ "ตีที่หัวใจของมัน ตรงกลางอก!"

อสูรกายฉีกกำแพงเถาวัลย์ขาดและพุ่งเข้ามาอีกครั้ง เอลิอันกระโจนขึ้นไปในอากาศ ดาบที่เรืองแสงในมือของเขาพุ่งเข้าหาตรงกลางร่างของมัน ใบดาบแทงทะลุเข้าไปในจุดที่เป็นเงาดำเข้มข้น อสูรกายกรีดร้องดังลั่นจนใบไม้รอบลานสั่นสะเทือน ร่างของมันแตกสลายกลายเป็นควันดำที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะหายไป

เอลิอันลงสู่พื้น เขาคุกเข่าลงด้วยความเหนื่อยล้า ดาบของเขายังคงปักคาอยู่กับพื้นเพื่อพยุงตัว ขณะที่เซเรน่าเดินมาหยุดข้างเขา หายใจถี่ด้วยความตื่นเต้น "เจ้า...ทำได้ดี" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย

"เรา ทำได้ดี" เอลิอันแก้ไข เขามองเธอด้วยรอยยิ้มเหนื่อย ๆ "ข้าคิดว่าเราทำงานร่วมกันได้ดีกว่าที่เจ้าจะยอมรับ"

เซเรน่าหันหน้าหนี แต่เอลิอันสังเกตเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ "อย่ามั่นใจเกินไป อัศวิน" เธอตอบ "นี่แค่จุดเริ่มต้น"

ทั้งคู่เงียบไปครู่หนึ่ง ขณะที่ลมพัดผ่านลานศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง บรรยากาศเริ่มสงบลง แต่ท้องฟ้าที่มืดมิดเหนือป่ายังคงเต็มไปด้วยหมอกหนา และในส่วนลึกของป่า เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นราวกับมีบางสิ่งกำลังเฝ้ามองอยู่

เช้าวันต่อมา หลังจากพักผ่อนเพียงเล็กน้อย เซเรน่าพาเอลิอันเดินทางต่อไปยังหุบเหวลึกที่ซ่อนอยู่ในป่า เส้นทางคดเคี้ยวผ่านโขดหินที่ปกคลุมด้วยมอสสีเทาเข้มและรากไม้ที่ยื่นออกมาเหมือนกับดัก บางช่วงของเส้นทางเต็มไปด้วยโคลนที่ดูดเท้าจนแทบเคลื่อนไหวไม่ได้ และบางครั้งทั้งคู่ต้องปีนผ่านก้อนหินขนาดใหญ่ที่ขวางทาง

เมื่อถึงปากหุบเหว เอลิอันมองลงไปเห็นเพียงความมืดที่ไร้ก้นบึ้ง หมอกสีดำลอยขึ้นมาจากด้านล่างราวกับมีชีวิต และกลิ่นเหม็นเน่าของซากศพปะปนอยู่ในอากาศ "ลูนาเรียอยู่ที่นี่จริง ๆ หรือ?" เขาถามด้วยความสงสัย

เซเรน่าพยักหน้า "ไม่ใช่แค่ลูนาเรีย แต่เป็นสถานที่ที่คำสาปเริ่มต้น" เธอชี้ไปยังสะพานเชือกเก่า ๆ ที่โยกเยกข้ามหุบเหว "ถ้าจะไปต่อ เจ้าต้องข้ามไปกับข้า"

เอลิอันมองสะพานที่ดูพร้อมจะขาดได้ทุกเมื่อ แต่เขาก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น "ไปกันเถอะ" เขาพูด "ข้าจะไม่ยอมถอย"

เซเรน่ามองตามหลังเขาด้วยสายตาที่ซับซ้อน เธอเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งในตัวอัศวินผู้นี้บางสิ่งที่อาจเปลี่ยนโชคชะตาของทั้งคู่

ลมเย็นยะเยือกพัดผ่านปากหุบเหวลึกของป่ามรกต เสียงลมดังหอนราวกับเสียงร้องไห้ของวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้ในความมืด หมอกสีดำหนาที่ยกตัวขึ้นจากก้นหุบเหวหมุนวนเป็นเกลียวคล้ายพายุขนาดย่อม กลิ่นเหม็นเน่าปนกับกลิ่นกำมะถันลอยขึ้นมาจนแสบจมูก เอลิอันยืนอยู่ที่ขอบหินสีเทาเข้มที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว เขามองลงไปในความมืดที่ไร้จุดสิ้นสุด ดวงตาสีฟ้าของเขาสะท้อนความรู้สึกหวาดหวั่นปนกับความมุ่งมั่น ดาบที่พาดหลังของเขาสะท้อนแสงจันทร์จาง ๆ ที่ลอดผ่านหมอกหนาได้เพียงเล็กน้อย

ข้าง ๆ เขา เซเรน่ายืนนิ่งราวกับรูปปั้น ผมสีขาวราวหิมะของเธอปลิวไสวไปกับสายลม เผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเซียวแต่ยังคงงดงาม คทาในมือของเธอกุมแน่นราวกับเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวเพียงอย่างเดียว ชุดคลุมสีเขียวเข้มของเธอมีรอยขาดจากหนามและกิ่งไม้จากการเดินทาง และคราบโคลนเกาะอยู่ที่ชายผ้า "สะพานนี้เก่าแก่เกินกว่าที่มนุษย์จะจดจำ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่แฝงด้วยความตึงเครียด "มันถูกสร้างโดยผู้พิทักษ์รุ่นแรก เพื่อปกป้องบางสิ่ง...หรือขังบางสิ่งไว้"

เอลิอันหันมองสะพานเชือกที่โยกเยกข้ามหุบเหว เชือกสีน้ำตาลเข้มที่ผูกมันไว้เต็มไปด้วยเชื้อราสีเขียวและขาดหลุดลุ่ยในบางจุด ไม้กระดานที่วางเรียงเป็นทางเดินมีรอยผุพังและแตกหัก บางแผ่นหายไปจนเหลือเพียงช่องว่างที่มองเห็นความมืดด้านล่าง เขาก้าวไปแตะเชือกด้านหนึ่งด้วยเท้าเพื่อทดสอบความแข็งแรง สะพานสั่นไหวทันที เสียงไม้ลั่นดังเอี๊ยดอ๊าดราวกับจะพังลงในวินาทีถัดไป "เจ้าคิดว่ามันจะรับน้ำหนักเราได้ไหม?" เขาถาม มองเซเรน่าด้วยแววตาที่ไม่แน่ใจ

"ถ้าเจ้ากลัวก็กลับไปได้" เธอตอบสั้น ๆ แต่สายตาของเธอก็เผยความกังวลที่ซ่อนอยู่ เธอก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทีมั่นคง วางเท้าลงบนไม้กระดานแผ่นแรก สะพานโยกเยกแรงขึ้น แต่เธอยังคงเดินต่อไปอย่างระมัดระวัง "ตามข้ามา และอย่ามองลงไปเด็ดขาด"

เอลิอันสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วก้าวตามเธอไป เขาจับเชือกทั้งสองข้างแน่นจนข้อนิ้วขาว มือของเขารู้สึกถึงความหยาบกร้านและความชื้นของเชือกที่เปียกฝนเก่า ๆ ทุกย่างก้าวที่เขาเดิน ไม้กระดานใต้เท้าส่งเสียงดังเอี๊ยด และบางครั้งก็รู้สึกได้ถึงการโค้งงอของไม้ที่ใกล้จะหักเต็มที ลมจากหุบเหวพัดขึ้นมาปะทะหน้าเขา แรงจนเกือบทำให้เสียหลัก เขากัดฟันแน่น พยายามโฟกัสที่แผ่นหลังของเซเรน่าที่อยู่ข้างหน้า

ครึ่งทางของสะพาน หมอกสีดำเริ่มหนาขึ้นจนแทบมองไม่เห็นอะไร เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นจากด้านล่างราวกับมีคนนับร้อยกำลังพูดพร้อมกันในภาษาที่เขาไม่เข้าใจ "เจ้าได้ยินอะไรไหม?" เอลิอันถาม เสียงของเขาสั่นเล็กน้อยจากทั้งความหนาวและความรู้สึกไม่สบายใจ

เซเรน่าหยุดเดินกะทันหัน เธอหันมามองเขาด้วยดวงตาสีเขียวมรกตที่เรืองแสงจาง ๆ ในความมืด "อย่าฟังมัน" เธอเตือน "มันคือเสียงของผู้ที่ตกลงไปในหุบเหวนี้ พวกมันจะพยายามดึงเจ้าไปด้วย"

ก่อนที่เอลิอันจะได้ตอบอะไร สะพานสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ไม้กระดานใต้เท้าของเขาหักลงทันที เขาคว้าเชือกข้างหนึ่งไว้ได้ทันเวลา ร่างของเขาห้อยต่องแต่งอยู่เหนือความมืด "เซเรน่า!" เขาตะโกน หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก

เซเรน่าหันกลับมาทันที เธอวางคทาลงบนสะพานแล้วยื่นมือไปคว้าแขนของเขา "อย่าปล่อย!" เธอตะโกนกลับ พยายามดึงเขาขึ้นมา แสงสีเขียวจากคทาของเธอไหลลงไปที่เชือก ทำให้มันแข็งแรงขึ้นชั่วครู่ แต่หมอกสีดำจากด้านล่างเริ่มพุ่งขึ้นมาเป็นเส้น ๆ คล้ายหนวดยักษ์ พยายามคว้าขาของเอลิอัน