หลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู - ตอนที่ 4 ความลับในเงามืด โดย หลูซื่อเต๋อ 卢赐徳 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,จีน,เกิดใหม่,ย้อนยุค,ข้ามเวลา,ดราม่า,จีนโบราณ,นิยายจีน ,นิยายจีนโบราณ,ย้อนเวลา,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,จีน,เกิดใหม่,ย้อนยุค,ข้ามเวลา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,จีนโบราณ,นิยายจีน ,นิยายจีนโบราณ,ย้อนเวลา,ย้อนยุค

รายละเอียด

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู โดย หลูซื่อเต๋อ 卢赐徳 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?

ผู้แต่ง

หลูซื่อเต๋อ 卢赐徳

เรื่องย่อ

หลินซือหยู นักศึกษาประวัติศาสตร์สาวจากยุคปัจจุบัน ถูกจี้หยกโบราณพาดิ่งสู่ราชวงศ์ถังอันรุ่งโรจน์แต่เต็มไปด้วยเงามืด เธอตื่นขึ้นในร่างของ หลินซือเยว่ ลูกสาวขุนนางที่ถูกวางยาพิษ และต้องเอาตัวรอดท่ามกลางแผนกบฏขององค์ชายสามที่หมายโค่นบัลลังก์ ด้วยไหวพริบและความรู้สมัยใหม่ ซือหยูจับมือกับ จ้าวหย่งเฉิน แม่ทัพหนุ่มผู้แบกปมจากตระกูลที่ล่มสลาย เพื่อล้างมลทินและปกป้องเมืองหลวง จากความไม่ลงรอยกลายเป็นความรักที่ลึกซึ้งใต้แสงจันทร์

การผจญภัยข้ามกาลเวลา ความรักที่ท้าทายโชคชะตา และการตัดสินใจที่อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์ คุณพร้อมหรือยังที่จะตามซือหยูไปค้นหาคำตอบใต้เงาจันทร์?

สารบัญ

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-บทนำ รอยร้าวแห่งกาลเวลา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 1 จี้หยกแห่งโชคชะตา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 2 ร่างใหม่ โลกเก่า,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 3 แม่ทัพผู้เย็นชา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 4 ความลับในเงามืด,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 5 พันธมิตรจำเป็น,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 6 ปริศนาตระกูลหลิน,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 7 คำพูดจากโลกอนาคต,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 8 เงาขององค์ชาย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 9 ความทรงจำ,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 10 กลยุทธ์จากอนาคต,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 11 หัวใจที่สั่นไหว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 12 งานเลี้ยงมรณะ,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 13 คำสารภาพในเงาจันทร์,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 14 จี้หยกสั่นไหว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 15 ศัตรูใกล้ตัว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 16 แผนการใหญ่,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 17 การเตรียมตัว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 18 ค่ำคืนแห่งโชคชะตา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 19 การเผชิญหน้า,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 20 หัวใจที่ปิดกั้น,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 21 หลักฐานชี้ชัย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 22 การเปลี่ยนแปลง,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 23 ศึกสุดท้าย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 24 ราคาของชัยชนะ,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 25 ทางเลือกสุดท้าย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 26 ชัยชนะของราชสำนัก,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 27 บาดแผลและความหวัง,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 28 บ้านหลังใหม่,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 29 คำสัญญา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 30 เงาจันทร์นิรันดร์

เนื้อหา

ตอนที่ 4 ความลับในเงามืด

หลินซือหยูก้าวตามจ้าวหย่งเฉินด้วยขาที่สั่นเทา ป่ามืดที่เต็มไปด้วยกลิ่นดินชื้นและคาวเลือดจากร่างโจรสามคนที่ล้มกองอยู่ด้านหลังยังคงติดอยู่ในจมูกของเธอ เสียงฝีเท้าม้าของเขาดังก้องในความเงียบ เธอมองไปที่แผ่นหลังกว้างในชุดเกราะสีดำของเขา เกราะที่เปื้อนเลือดแห้งกรังสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายจาง ๆ เธอรู้สึกถึงน้ำหนักของคำพูดสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้เมื่อครู่

ตามข้าไปที่ค่ายทหาร ข้าจะสืบว่าเจ้าเป็นใคร

มันไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำสั่งที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ เธอกำจี้หยกในมือแน่นขึ้น มันร้อนผ่าวแต่เธอไม่กล้าปล่อยมันทิ้ง เพราะมันทำให้เธอยังพอที่จะรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง

“เร็วเข้า ถ้าเจ้ายังอยากมีชีวิตถึงรุ่งเช้า” หย่งเฉินพูดโดยไม่หันมามอง น้ำเสียงทุ้มของเขายังคงแฝงด้วยความอบอุ่นที่ขัดแย้งกับความน่าเกรงขาม 

ซือหยูรีบเร่งฝีเท้า แม้ว่าชุดผ้าไหมที่ขาดวิ่นของเธอจะพันขาให้รำคาญ เธอสะดุดรากไม้เล็ก ๆ จนเผลอส่งเสียงร้องออกมา แต่หย่งเฉินก็ไม่แม้แต่จะหยุดรอหรือหันมามอง เขาควบม้าต่อไปราวกับไม่สนใจว่าเธอจะตามทันหรือไม่

เขาไม่มีความเมตตาบ้างเลยเหรอเนี่ย... 

เธอคิดในขณะที่พยายามควบคุมลมหายใจที่หอบเหนื่อย

หลังจากเดินไปได้ราวครึ่งชั่วโมง เส้นทางในป่าเริ่มเปิดกว้าง เต็นท์ผ้าสีเทาหลายหลังปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงไฟจากคบเพลิง ค่ายทหารชั่วคราวนี้เต็มไปด้วยทหารในชุดเกราะที่เดินไปมา บางคนกำลังลับดาบ บางคนนั่งล้อมกองไฟพร้อมพูดคุยกันเบา ๆ กลิ่นควันไฟผสมกับกลิ่นอาหารลอยมาแตะจมูกของเธอ 
หย่งเฉินกระโดดลงจากม้า มอบบังเหียนให้ทหารคนหนึ่งก่อนจะหันมามองเธอ 

“ตามข้ามา” เขาพูดสั้น ๆ แล้วเดินนำไปยังเต็นท์ใหญ่ตรงกลางค่าย

ซือหยูลังเลอยู่ชั่วขณะ เธอมองไปรอบ ๆ ลานกว้าง ทหารหลายคนจ้องเธอด้วยสายตาสงสัย บางคนก็แอบกระซิบกันเบา ๆ แต่เพราะความเงียบจึงทำให้เธอได้ยินหัวข้อที่พวกเขาสนทนากันได้อย่างชัดเจน

นั่นลูกสาวตระกูลหลินไม่ใช่หรือ

เธอรีบก้มหน้าลงเพื่อหลบคำถามและสายตาสงสัยที่เหล่าทหารมองมา เธอไม่อยากสบตาใครทั้งนั้นในเวลานี้ แม้ว่าอันที่จริงเธอจะไม่ใช่ลูกสาวตระกูลหลินจริง ๆ ก็ตาม แต่ร่างที่เธอมาอาศัยอยู่มันก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ เธอเร่งฝีเท้าเดินตามหย่งเฉินเข้าไปในเต็นท์ทันที ภายในเต็นท์มีโต๊ะไม้หยาบ ๆ ขนาด
ปานกลางวางแผนที่เก่า ๆ และอาวุธรวมถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นวางอยู่โดยรอบ 

หย่งเฉินนั่งลงบนที่นั่งตัวหนึ่ง ชี้ไปที่อีกตัวที่ยังว่างอยู่ แล้วเอ่ยปากสั่ง “นั่งสิ”

“...” ซือหยูไม่พูดอะไร ยอมทำตามอย่างว่าง่าย แต่หัวใจยังเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น

เขามองเธอนิ่ง ๆ อยู่ครู่ใหญ่ ดวงตาของเขาที่เย็นเยือกและเฉียบคมราวกับเหยี่ยวจับจ้องที่ใบหน้าของเธออย่างไม่ลดละ

“เจ้าเรียกตัวเองว่า หลินซือหยู แต่โจรพวกนั้นเรียกเจ้าว่าหลินซือเยว่ ข้าจะให้โอกาสเจ้าพูดความจริงครั้งสุดท้าย เจ้ามาจากไหน และเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหลิน” เขาวางดาบยาวลงบนโต๊ะข้างตัว ปลายดาบที่ยังมีคราบเลือดแห้งกรังส่งกลิ่นคาวจาง ๆ มาถึงเธอ

ซือหยูกลืนน้ำลายลงคอ เธอรู้ว่าเธอต้องระวังคำพูด “ฉัน... ฉันชื่อหลิน
ซือหยูจริง ๆ ค่ะ ฉันหลงทางมา” เธอพูดเท่าที่จะเลี่ยงได้ 

หย่งเฉินขมวดคิ้ว “หลงทางงั้นหรือ จากที่ใด สำเนียงการพูดของเจ้าเหมือนคนที่ไม่ใช่ชาวถัง คำว่า ‘ไวไฟ’ ที่เจ้าเอ่ยในป่าคืออะไร” เขายันตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย สายตาของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกเจาะลึกเข้าไปในจิตใจ

“มัน... มันเป็นภาษาท้องถิ่นของฉันค่ะ” เธอโกหกมั่ว ๆ “หมายถึง... เอ่อ เครื่องมือจากบ้านเกิดฉันค่ะ” เธอรู้ว่าคำตอบนี้ฟังดูงี่เง่า แต่เธอก็ไม่มีอะไรจะพูดไปมากกว่านี้ “ใช้ช่วยส่งสัญญาณ”

หย่งเฉินพิงพนักเก้าอี้ มองเธอด้วยแววตาที่ระแวงยิ่งขึ้น “ภาษาท้องถิ่นหรือ ข้าเดินทางทั่วแผ่นดินของราชสำนักถังมาเกือบสิบปี ไม่เคยได้ยินคำเช่นนั้น” เขาเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดต่อ “ข้าจะบอกเจ้าให้รู้ ข้าคือจ้าวหย่งเฉิน แม่ทัพแห่งกองทัพเหนือ รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้สืบหาความจริงเกี่ยวกับขบวนการกบฏในเมืองหลวง และตระกูลหลินก็ตกเป็นเป้าสงสัย”

ซือหยูรู้สึกถึงความหนักอึ้งของคำว่า กบฏ เธอจำได้จากตำราประวัติศาสตร์ว่าราชวงศ์ถังมีกบฏสำคัญหลายครั้ง

“แล้วตระกูลหลินเกี่ยวอะไรด้วยเหรอ” เธอถามโดยไม่ทันคิดก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองหลุดปากในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป “ฉันหมายถึง... ทำไมถึงสงสัยตระกูลนั้น”

หย่งเฉินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่เย็นชา “เจ้าไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งโง่กันแน่ หลินซือเยว่ ลูกสาวคนเล็กของตระกูลหลิน ถูกกล่าวหาว่ารู้ความลับของกบฏที่วางแผนโค่นบัลลังก์ และมีรายงานว่านางถูกวางยาพิษเมื่อสามวันก่อน แต่เจ้ากลับยืนอยู่ตรงหน้าข้าตอนนี้”

ซือหยูรู้สึกถึงความเย็นที่วิ่งจากปลายเท้าขึ้นมาถึงท้ายทอย “ฉัน... ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย” เธอพูด ขณะที่พยายามนึกถึงสิ่งที่เสี่ยวหลานบอก 

หลินซือเยว่ถูกวางยาพิษ และตระกูลของเราอาจมีคนทรยศ

หย่งเฉินลุกขึ้น เดินมาหยุดตรงหน้าเธอ เขาก้มลงมองเธอใกล้ ๆ จนเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา “ถ้าเจ้าบอกว่าไม่รู้ ข้าก็จะหาความจริงจากเจ้าให้ได้” เขาพูดเบา ๆ แต่ทุกคำเต็มไปด้วยคำขู่

ในขณะนั้นเอง ซือหยูรู้สึกถึงความร้อนจากจี้หยกในมือที่กำแน่น เธอเผลอคลายมือออก หย่งเฉินสังเกตเห็นทันที เขารีบคว้ามือของเธอขึ้นมาดู 

“แล้วจี้หยกนี่ล่ะ” เขาถาม พลางมองจี้หยกสีเขียวมรกตที่อยู่ในฝ่ามือของเธอ รอยสลักตัวอักษร 林 (หลิน) ดูชัดเจนขึ้นเมื่อถูกแสงตะเกียงส่องถึง 

“เอ่อ... มันคือ...”

เขาขมวดคิ้ว “มันคือสมบัติของตระกูลหลิน แต่มันหายไปนานแล้ว เจ้าได้มันมาจากไหน”

“มัน... มันเป็นของฉันมาตั้งแต่แรก” ซือหยูตอบโดยไม่รู้จะพูดอะไร 

หย่งเฉินจ้องเธอนิ่ง ๆ “ของเจ้า หรือของหลินซือเยว่” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัยยิ่งขึ้น 

ซือหยูรู้สึกถึงอันตรายจากคำถามนั้น เธอพยายามดึงมือกลับ แต่หย่งเฉินจับข้อมือเธอไว้แน่น 

“ถ้าเจ้าไม่ใช่หลินซือเยว่จริง ๆ เจ้าจะพิสูจน์ได้อย่างไร” เขาถาม 

“คือฉัน...” 

หย่งเฉินยื่นปลายนิ้วของเขาไปสัมผัสกับจี้หยก มันร้อนขึ้นทันที เขาสะดุ้ง รีบถอนมือออกแล้วมองเธอด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป “ของสิ่งนี้มีพลังแปลก ๆ”

“ท่านแม่ทัพ! มีข้อความด่วนจากเมืองหลวง!” ก่อนที่ซือหยูจะตอบ มีเสียงตะโกนดังจากนอกเต็นท์ขัดขึ้น เป็นทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ

หย่งเฉินหันไปมองพร้อมเอ่ยปากสั่ง “พูดมา”

“มีรายงานว่าเมืองหลวงถูกโจมตีโดยกองโจรไม่ทราบฝ่าย ขุนนางหลายคนถูกสังหาร และมีข่าวลือว่าตระกูลหลินอาจเกี่ยวข้อง” 

“...” หย่งเฉินเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะหันมามองซือหยู “ดูเหมือนโชคชะตาของเจ้าจะซับซ้อนกว่าที่ข้าคิดนัก”

“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย!” ซือหยูโต้กลับ

“ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าจงพิสูจน์ตัวเองในค่ายนี้ ข้าจะจับตาดูเจ้า และถ้าข้าพบว่าเจ้าโกหก...” เขาหยุดพูด ชักมีดสั้นจากเอวขึ้นมาแทงลงบนโต๊ะไม้ข้างเธอ

กึก!

ทั้งเสียงและภาพตรงหน้าทำให้เธอสะดุ้งด้วยความตกใจปนหวาดกลัว

“...เจ้าจะได้เห็นว่าข้าจัดการกับศัตรูของราชสำนักอย่างไร” หย่งเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นก่อนจะเดินออกจากเต็นท์ ทิ้งเธอไว้กับทหารที่ยืนเฝ้ายาม

ซือหยูนั่งนิ่ง มองมีดที่ปักอยู่บนโต๊ะด้วยความกลัว เธอรู้สึกถึงจี้หยกที่ยังร้อนอยู่ในมือก่อนจะก้มลงไปมอง

ในเมื่อมันพาฉันมาที่นี่ มันก็ต้องพาให้ฉันรอดได้เหมือนกันแหละน่า!

เธอคิดก่อนจะหันไปมองตามหลังจนเงาของหย่งเฉินหายไปในแสงไฟนอกเต็นท์ เสียงปักมีดลงบนโต๊ะของเขาดังก้องในใจของเธอราวกับเป็นคำเตือนที่ไม่อาจลบเลือน