หลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู - ตอนที่ 12 งานเลี้ยงมรณะ โดย หลูซื่อเต๋อ 卢赐徳 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,จีน,เกิดใหม่,ย้อนยุค,ข้ามเวลา,ดราม่า,จีนโบราณ,นิยายจีน ,นิยายจีนโบราณ,ย้อนเวลา,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,จีน,เกิดใหม่,ย้อนยุค,ข้ามเวลา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,จีนโบราณ,นิยายจีน ,นิยายจีนโบราณ,ย้อนเวลา,ย้อนยุค

รายละเอียด

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู โดย หลูซื่อเต๋อ 卢赐徳 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?

ผู้แต่ง

หลูซื่อเต๋อ 卢赐徳

เรื่องย่อ

หลินซือหยู นักศึกษาประวัติศาสตร์สาวจากยุคปัจจุบัน ถูกจี้หยกโบราณพาดิ่งสู่ราชวงศ์ถังอันรุ่งโรจน์แต่เต็มไปด้วยเงามืด เธอตื่นขึ้นในร่างของ หลินซือเยว่ ลูกสาวขุนนางที่ถูกวางยาพิษ และต้องเอาตัวรอดท่ามกลางแผนกบฏขององค์ชายสามที่หมายโค่นบัลลังก์ ด้วยไหวพริบและความรู้สมัยใหม่ ซือหยูจับมือกับ จ้าวหย่งเฉิน แม่ทัพหนุ่มผู้แบกปมจากตระกูลที่ล่มสลาย เพื่อล้างมลทินและปกป้องเมืองหลวง จากความไม่ลงรอยกลายเป็นความรักที่ลึกซึ้งใต้แสงจันทร์

การผจญภัยข้ามกาลเวลา ความรักที่ท้าทายโชคชะตา และการตัดสินใจที่อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์ คุณพร้อมหรือยังที่จะตามซือหยูไปค้นหาคำตอบใต้เงาจันทร์?

สารบัญ

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-บทนำ รอยร้าวแห่งกาลเวลา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 1 จี้หยกแห่งโชคชะตา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 2 ร่างใหม่ โลกเก่า,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 3 แม่ทัพผู้เย็นชา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 4 ความลับในเงามืด,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 5 พันธมิตรจำเป็น,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 6 ปริศนาตระกูลหลิน,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 7 คำพูดจากโลกอนาคต,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 8 เงาขององค์ชาย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 9 ความทรงจำ,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 10 กลยุทธ์จากอนาคต,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 11 หัวใจที่สั่นไหว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 12 งานเลี้ยงมรณะ,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 13 คำสารภาพในเงาจันทร์,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 14 จี้หยกสั่นไหว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 15 ศัตรูใกล้ตัว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 16 แผนการใหญ่,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 17 การเตรียมตัว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 18 ค่ำคืนแห่งโชคชะตา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 19 การเผชิญหน้า,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 20 หัวใจที่ปิดกั้น,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 21 หลักฐานชี้ชัย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 22 การเปลี่ยนแปลง,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 23 ศึกสุดท้าย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 24 ราคาของชัยชนะ,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 25 ทางเลือกสุดท้าย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 26 ชัยชนะของราชสำนัก,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 27 บาดแผลและความหวัง,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 28 บ้านหลังใหม่,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 29 คำสัญญา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 30 เงาจันทร์นิรันดร์

เนื้อหา

ตอนที่ 12 งานเลี้ยงมรณะ

หลินซือหยูรู้สึกถึงกลิ่นน้ำมันตะเกียงและกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ลอยคละคลุ้งในอากาศขณะยืนอยู่ในเรือนพักของแม่ทัพจ้าวที่เมืองฉางอาน หลังจากผ่านเหตุการณ์ถูกดักซุ่มโจมตีจากกองกำลังขององค์ชายสามครั้งล่าสุด เธอก็รู้สึกดีขึ้นมากเมื่อแผนตลบหลังของเธอมันใช้ได้ผล ทำให้หย่งเฉินและทหารสามารถโต้กลับจนคว้าชัยชนะมาได้ จากนั้นทั้งหมดก็พากันเดินทางมาที่เมืองฉางอานอีกครั้ง เพราะมีเป้าหมายว่าจะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อจัดการองค์ชายสามให้ได้ทันเวลาก่อนที่เขาจะเริ่มก่อกบฏ

แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางบานหน้าต่าง เสียงฝีเท้าของทหารที่เดินไปเดินมาเพื่อเตรียมตัวเดินทางดังเป็นจังหวะแว่วมาจากลานกว้างด้านหน้าเรือน เธอมองไปที่จดหมายลับในมืออีกครั้ง 

“เราต้องหาหลักฐานเพิ่มในงานเลี้ยงของขุนนางคืนนี้” เธอเอ่ยพึมพำพลางเงยหน้าขึ้นมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ เธอจ้องที่จี้หยกที่ห้อยอยู่บนคอของเธอ เธอยกมือขึ้นจับมันและภาพในนิมิตก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

‘เธอเห็นภาพหลินซือเยว่ในชุดสีครามปลอมตัวเข้าไปในงานเลี้ยง ใบหน้าซีดเผือดขณะมองไปที่ถังหย่งซานที่ยืนยิ้มเย็นชา แววตาของเขาดูน่ากลัว’

นี่คืองานเลี้ยงซือเยว่เคยไปอย่างนั้นเหรอ...

หรือมันคืองานเดียวกัน...

“เจ้าเตรียมตัวเสร็จแล้วหรือ” เสียงทุ้มของจ้าวหย่งเฉินดังขึ้นในขณะที่เขาเดินเข้ามาภายในบ้าน ทำให้เธอสะดุ้ง มองไปเห็นเขายืนอยู่ในชุดขุนนางสีน้ำเงินที่ดูสะอาดสะอ้าน ใบหน้าคมเข้มของเขาดูสงบ ดวงตาคู่นั้นที่เย็นชาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น 

“เรียบร้อยแล้วค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามซ่อนความตื่นเต้น “งานเลี้ยงคืนนี้สำคัญมาก ถ้าเราหาข้อมูลจากขุนนางได้ เราจะหยุดกบฏขององค์ชายสามได้” 

หย่งเฉินพยักหน้า “ข้าจะปลอมตัวเป็นขุนนางเจียงจากหลัวหยาง ส่วนเจ้ารู้แล้วใช่ไหมว่าเจ้าเป็นใคร” เขาพูด ขณะยื่นชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มให้เธอ “ระวังตัวให้ดี ถ้าพวกมันรู้ตัวตนที่แท้จริงของเรา เราจะไม่รอดออกจากที่นั่น”

หลินซือหยูรู้สึกถึงความตื่นเต้นที่ปะปนกับความกดดันขณะยืนอยู่ในเงามืดของกำแพงคฤหาสน์ขุนนางตระกูลจาง แสงไฟจากคบเพลิงที่ลานกว้างของคฤหาสน์สาดส่องออกมา เสียงดนตรีและการสนทนาดังก้องจากงานเลี้ยงที่กำลังดำเนินไป เธอหันมองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่ยืนข้าง ๆ เขาดูแปลกตาเล็กน้อยในชุดขุนนาง เพราะปกติเธอมักจะเห็นแต่เขาสวมชุดเกราะอยู่เสมอ ใบหน้าคมเข้มของเขาถูกปกปิดบางส่วนด้วยหมวกผ้าตามแบบขุนนางถัง เพื่อซ่อนตัวตนของเขา 

“เราต้องระวังให้ดี อย่าให้พลาด” เขากระซิบด้วยน้ำเสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยความระแวดระวัง “งานเลี้ยงนี้มีสายลับขององค์ชายสาม ถ้าพวกมันรู้ว่าเราแฝงตัวมา เราจะไม่รอดออกไป”

ซือหยูพยักหน้า ชุดผ้าไหมสีครามใหม่ที่หย่งเฉินจัดให้เธอสวมรู้สึกหนักและอึดอัด เธอจับจี้หยกที่ห้อยคอแน่น มันเย็นเงียบในตอนนี้ “ฉันหวังว่าเราจะหาข้อมูลเพิ่มได้จากที่นี่” เธอพูดพลางเก็บซ่อนจี้หยกที่ห้อยคอยเข้าไปภายในชุดที่สวมใส่ ขณะที่หย่งเฉินนำเธอเดินผ่านประตูด้านข้างของคฤหาสน์ โดยใช้ตราประจำตัวปลอมที่เขาเตรียมไว้เป็นบัตรผ่านประตู

ซือหยูและหย่งเฉินปลอมตัวเข้างานเลี้ยงในคฤหาสน์ใหญ่ของขุนนางจางอย่างแนบเนียน ภายในงานเลี้ยง ห้องโถงใหญ่ถูกประดับด้วยโคมไฟสีแดงและผ้าไหมสีทอง ไฟตะเกียงนับร้อยสว่างไสวในห้องโถงใหญ่ โต๊ะยาวเต็มไปด้วยอาหารเลิศรส ไม่ว่าจะเป็นเป็ดย่าง หมูอบน้ำผึ้ง และเหล้าจากหลัวหยาง กลิ่นหอมของดอกไม้ กลิ่นเครื่องหอม อาหาร และเครื่องเทศ ลอยคละคลุ้งอบอวลไปในอากาศ ขุนนางในชุดผ้าไหมสีสันสดใสเดินไปมา ถือถ้วยเหล้าสาลี่และพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงที่ดังเกินจริง เสียงดนตรีจากพิณและขลุ่ยดังเบา ๆ เป็นฉากหลัง ซือหยูรู้สึกถึงความตื่นเต้นปนกลัวขณะเดินตามหย่งเฉินอย่างใกล้ชิด

“ระวังตัวด้วย อย่าทำอะไรให้พวกมันสงสัย”  หย่งเฉินกระซิบย้ำ เขาค่อนข้างเป็นกังวล เพราะหากพลาด นั่นหมายถึงชีวิตของพวกเขาอาจจบลงที่นี่ เขายื่นมือไปจับแขนของเธอเบา ๆ เพื่อนำทางเธอไปยังโต๊ะอาหาร “เราต้องหาคนที่มีรายชื่อในจดหมายลับของตระกูลหลินให้ได้”

ซือหยูพยักหน้าขณะที่มองไปรอบ ๆ คฤหาสน์ตระกูลจางตั้งอยู่ในเขตขุนนางของฉางอาน ไม่ไกลจากกำแพงตะวันออกที่หลินเซี่ยงจือเคยยืนปกป้องเมืองในสมัยถังไท่จง การตกแต่งเต็มไปด้วยความหรูหราเกินหน้าเกินตาขุนนางในระดับเดียวกันจนน่าสงสัย

ถ้าถังหย่งซานสมคบกับตระกูลจางจริง งานนี้ต้องมีเบาะแสอะไรบ้างล่ะ...  

เธอคิดในขณะที่หยิบถ้วยน้ำชาจากโต๊ะข้าง ๆ ขึ้นมาจิบเพื่อกลบความตื่นเต้น หย่งเฉินยืนข้างเธอ มือของเขาวางอยู่ใกล้มีดสั้นที่ซ่อนไว้ใต้ชุดอย่างระมัดระวัง จี้หยกที่ซ่อนใต้ชุดของเธอเริ่มร้อนขึ้นอีกครั้ง เธอรู้สึกได้จึงรีบสัมผัสมันผ่านผ้าไหมและเห็นภาพวาบเข้ามาในหัว 

วูบ!

‘ภาพของหลินซือเยว่ยืนในงานเลี้ยง ใบหน้าซีดเผือดขณะได้ยินขุนนางคนหนึ่งกระซิบพูดว่า องค์ชายสามจะโจมตีในงานเลี้ยงใหญ่ของราชสำนัก’ 

ซือหยูสะดุ้งขึ้นหลังภาพจบลง

นี่มันงานเลี้ยงเดียวกันหรือเปล่านะ! 

เธอคิด ขณะที่หย่งเฉินพาเธอไปนั่งที่โต๊ะใกล้กับมุมห้อง ขุนนางรอบ ๆ เริ่มมองมาที่ทั้งคู่ด้วยสายตาสงสัย

“เจ้าจงมองหาคนที่ชื่อจางหย่งเซวียน” หย่งเฉินพูดเบา ๆ “เขาเป็นขุนนางที่อยู่ในจดหมายลับ ถ้าเราจับพิรุธเขาได้ เราจะมีหลักฐานเพิ่ม”

ซือหยูมองไปรอบ ๆ และเห็นชายวัยกลางคนในชุดผ้าไหมสีแดงเข้มยืนคุยกับกลุ่มขุนนาง เขามีใบหน้าที่เรียบเฉย แต่ดวงตาของเขาแหลมคมราวกับเหยี่ยว “นั่นเขาไหม?” เธอกระซิบถาม 

หย่งเฉินมองตามและพยักหน้า “ใช่ นั่นคือจางหย่งเซวียน หลังจากนี้ระวังคำพูดของเจ้าด้วย”

ซือหยูพยักหน้าโดยไม่ได้กล่าวตอบอะไรออกไป

ในระหว่างนั้นขุนนางคนหนึ่งในชุดสีน้ำเงินเข้มก็เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยทักหย่งเฉิน “ท่านเจียง ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน” เขาพูดพลางผายมือชี้ไปที่มุมห้อง 

หย่งเฉินพยักหน้าพลางยิ้มรับก่อนจะหันไปหาซือหยู “เจ้ารอที่นี่” พูดจบเขาก็เดินตามขุนนางคนนั้นไป

ซือหยูพยายามทำตัวให้กลมกลืนตามที่หย่งเฉินแนะนำ เธอยืนนิ่งหลบอยู่มุมห้องเพื่อที่ผู้คนในงานจะได้ไม่ต้องพบเห็นเธอมากนัก แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเธอสักเท่าไหร่ เมื่ออยู่ ๆ ก็มีขุนนางอ้วนในชุดสีแดงเข้มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่มจนน่ากลัว

“เจ้าเป็นใคร” เขาเอ่ยทัก

“ท่านขุนนาง” เธอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ท่าทางอ่อนหวานตามที่เธอฝึกมา “ข้าชื่อหลิวหยู่หลาน เป็นบุตรสาวตระกูลหลิวแห่งหลัวหยาง” 

ขุนนางอ้วนได้ฟังก็จ้องมองเธอนิ่ง ดวงตาของเขามีแววสงสัย “ตระกูลหลิวงั้นหรือ ข้าไม่ยักจะเคยได้ยิน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วเจ้ามากับผู้ใด” 

“มากับท่านเจียง จากหลัวหยาง” ซือหยูเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมให้นิ่ง แม้ในใจของเธอจะกำลังตื่นเต้นเป็นที่สุด

“ท่านขุนนางหลี่! นานแล้วที่ไม่ได้พบท่าน” หย่งเฉินกลับมาได้ทันเวลาพอดี ทำเอาซือหยูถึงกับลอบถอนหายใจออกมา 

เกือบไปแล้วเรา...

“ท่านเจียงจากหลัวหยาง ข้าแทบจำท่านไม่ได้แล้ว ไม่ได้พบกันเสียนาน” ขุนนางร่างอ้วนในชุดสีแดงเข้มพูด ขณะยกถ้วยเหล้าขึ้นดื่ม “ท่านมาเมืองหลวงบ่อยหรือ ทำไมเราถึงไม่ได้พบปะกันบ้าง” 

หย่งเฉินยิ้มเย็น ๆ “ข้าอยู่ที่หลัวหยางนาน ไม่ค่อยได้มาเมืองหลวง” เขาตอบด้วยน้ำเสียงสงบ 

ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้นขุนนางหลี่เหลือบตามามองเธอด้วยสายตาสงสัย “นางบอกว่ามากับท่าน”

“ใช่ นางมากับข้า”

“นางดูคล้ายคนที่ข้าเคยเห็นมาก่อน” ขุนนางหลี่เอ่ยพูดขึ้นในขณะที่ยกเหล้าขึ้นดื่มอีกอึก ทำเอาทั้งซือหยูและหย่งเฉินรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาพร้อม ๆ กัน

ถ้าเขาจำหลินซือเยว่ได้ขึ้นมา จะทำยังไงดี...

ซือหยูรู้สึกถึงเหงื่อเย็นที่ไหลลงแผ่นหลัง ในขณะนั้นจี้หยกก็เริ่มร้อนขึ้นจนแทบลวกผิว เธอพยายามควบคุมสีหน้าเอาไว้ แต่หย่งเฉินก็สังเกตเห็นจึงลอบวางมือบนหลังมือของเธอเบา ๆ เพื่อให้เธอสงบสติลง ดวงตาของเขามองเธออย่างมั่นคง ทำให้เธอรู้สึกถึงความปลอดภัยท่ามกลางความตึงเครียดนั้น

“นางอาจคล้ายอนุภรรยาของท่าน” หย่งเฉินเอ่ยพูดเชิงติดตลกเรียกเสียงหัวเราะจากขุนนางหลี่ได้เป็นอย่างดี

“ฮ่าๆ ท่านช่างมีอารมณ์ขันนัก เอาล่ะ ข้าขอตัวก่อน” ขุนนางหลี่เอ่ยชมก่อนจะหันไปคุยกับขุนนางคนอื่นต่อ 

ซือหยูรู้สึกถึงความตึงเครียดก่อนเอ่ยกระซิบ “เขาเริ่มสงสัยแล้วแน่ ๆ” 

หย่งเฉินพยักหน้า “เราต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมจากเขาให้ได้ก่อนที่เขาจะเริ่มสงสัยเรามากกว่านี้”

เสียงดนตรีที่กำลังบรรเลงหยุดลงและขุนนางคนหนึ่งตะโกนเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ “ท่านขุนนางทุกท่าน ขอต้อนรับท่านจางหย่งเซวียนและแขกพิเศษจากราชสำนัก!” 

ฝูงชนที่ยืนรวมกลุ่มกันแหวกทางออก และชายในชุดผ้าไหมสีดำเข้มเดินเข้ามา ใบหน้าคมเข้มของเขามีรอยแผลเป็นที่มุมปาก ดวงตาคมของเขาดุดันและเย็นชา 

ซือหยูรู้สึกถึงความร้อนจากจี้หยกที่คอทันที “นั่น... ถังหย่งซาน!” เธอกระซิบด้วยความตื่นตระหนก 

หย่งเฉินจับแขนของเธอแน่น “เงียบ!” เขากระซิบ “อย่าให้เขารู้ว่าเราอยู่ที่นี่”

ถังหย่งซานยิ้มเย็นชา ขณะที่ยกถ้วยเหล้าขึ้น “ข้าขอขอบคุณตระกูลจางที่จัดงานนี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มและน่าเกรงขาม “ราชสำนักจะรุ่งเรืองขึ้นเมื่อเรากำจัดศัตรูทั้งหมดได้”

ฝูงชนปรบมือกันเกรียวกราวหลังคำพูดนั้น แต่ซือหยูกลับรู้สึกถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดเหล่านั้น เพราะเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าหย่งซานรู้เรื่องจดหมายลับที่ซือเยว่ซ่อนเอาไว้ที่เรือนใหญ่ตระกูลหลินหรือไม่

วูบ!

ภาพนิมิตฉายขึ้นในหัวของซือหยูอีกครั้งเพราะปลายนิ้วของเธอเผลอไปสัมผัสเข้ากับจี้หยกที่เธอซ่อนเอาไว้ด้านในชุด

‘หลินซือเยว่ที่เธอเห็นอยู่เป็นประจำกำลังยืนถือจี้หยกอยู่กลางงานเลี้ยงก่อนจะถูกสายลับลอบแทงจากด้านหลัง’

นะ... นี่มันคือคำเตือนแน่ ๆ

มันคือการแจ้งเตือนเหตุการณ์ล่วงหน้าก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง!

สิ้นความคิดพร้อมกับภาพนิมิตจางหายไป เธอรีบมองไปรอบ ๆ สถานที่จัดงานก่อนจะพบเห็นเงาดำเคลื่อนไหวอยู่ในมุมมืดของงาน

“หย่งเฉิน!” เธอกระซิบ “มีคนซุ่มอยู่!” 

หย่งเฉินมองตามสายตาของเธอ และเห็นชายในชุดดำถือมีดสั้นซ่อนตัวหลังม่าน “เจ้ามากับข้า” เขาพูด ขณะที่จับมือของเธอแน่นและนำเธอไปยังประตูทางออก

แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะไปถึงทางออก จางหย่งเซวียนก็เดินเข้ามาขวางหน้าเอาไว้เสียก่อน “คุณหนูหลิวหยู่หลาน บุตรสาวตระกูลหลิวแห่งหลัวหยาง...” เขาเรียกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าจำได้ว่าตระกูลหลิวแห่งหลัวหยางไม่มีลูกสาวชื่อนี้นี่”

ซือหยูรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่อก “ฉัน... ฉัน...” เธอพูดติด ๆ ขัด ๆ 

หย่งเฉินก้าวเข้ามาขวาง “นางมากับข้า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยน้ำหนัก “ถ้าท่านมีเรื่องใดสงสัย โปรดถามข้า”

“ท่านขุนนางเจียง... ข้าไม่อาจตั้งข้อสงสัยใดกับท่าน” จางหย่งเซวียนมองทั้งคู่ด้วยสายตาที่เริ่มเย็นชาก่อนที่เขาจะยกยิ้มมุมปากอย่างไม่น่าไว้ใจ

“แม่นางหลิวรู้สึกไม่ค่อยสบาย ยังไงข้าต้องขอตัวพานางกลับไปพัก” หย่งเฉินพยายามที่จะหาเหตุผลเพื่อพาตัวเองและซือหยูออกจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้ไวที่สุด

“เชิญเถิดท่าน ข้าไม่รบกวน” จางหย่งเซวียนผายมือไปยังประตูทางออกพลางยกยิ้ม แต่แววตาไม่ได้แสดงออกถึงความเป็นมิตรเลยสักนิด

“เราต้องไปเดี๋ยวนี้!” หย่งเฉินหันไปกระซิบกับซือหยูแล้วรีบพาเธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังทางออกด้านข้าง

กรี๊ดดด!! 

เสียงกรีดร้องดังขึ้นท่ามกลางจากฝูงชน สายลับในชุดดำโผล่ออกมาจากม่าน ถือมีดสั้นพุ่งเข้ามาขวางหน้าซือหยูในทันที “จะรีบไปไหนล่ะคุณหนูหลินซือเยว่! ตายยากเสียจริง ๆ” 

หย่งเฉินผลักเธอหลบไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงมีดสั้นที่ซ่อนไว้ใต้ชุดออกมาป้องกัน มีดของสายลับกระทบมีดสั้นของเขาจนเกิดเสียงดังก้อง

แกร๊ง!

หย่งเฉินหมุนตัวปาดมีดสั้นเข้าที่ลำคอของสายลับทันที เลือดสาดกระจายไปทั่วพื้น ฝูงชนกรีดร้องและแตกตื่น วิ่งหนีตายกันอุตลุด

“วิ่ง!” หย่งเฉินตะโกนพร้อมคว้ามือของซือหยูแล้ววิ่งออกจากงานเลี้ยง

จี้หยกร้อนขึ้นอีกครั้ง แต่เธอไม่มีเวลามากพอที่จะสัมผัสมันเพราะต้องหนีเอาตัวรอดให้ได้เสียก่อน ฝนเริ่มตกหนักเป็นอุปสรรคต่อการหนีของพวกเขาสองคนมาก แต่ก็ไม่อาจทำให้พวกเขายอมแพ้ต่อโชคชะตาได้

ฝนเริ่มตกหนักนอกคฤหาสน์ตระกูลจาง เสียงฝีเท้าของทหารและสายลับดังตามหลัง ความร้อนจากหยกยังคงเป็นสัญญาณเตือนให้กับซือหยูได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ในเวลานี้เธอยังไม่มีโอกาสที่จะได้จับมันเพื่อดูคำบอกใบ้ในอนาคต เพราะเธอต้องเอาชีวิตรอดเสียก่อน

เกือบตายแล้วไหมล่ะ...