หลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?
ชาย-หญิง,จีน,เกิดใหม่,ย้อนยุค,ข้ามเวลา,ดราม่า,จีนโบราณ,นิยายจีน ,นิยายจีนโบราณ,ย้อนเวลา,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เงาจันทร์ซ่อนพันฤดูหลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?
หลินซือหยู นักศึกษาประวัติศาสตร์สาวจากยุคปัจจุบัน ถูกจี้หยกโบราณพาดิ่งสู่ราชวงศ์ถังอันรุ่งโรจน์แต่เต็มไปด้วยเงามืด เธอตื่นขึ้นในร่างของ หลินซือเยว่ ลูกสาวขุนนางที่ถูกวางยาพิษ และต้องเอาตัวรอดท่ามกลางแผนกบฏขององค์ชายสามที่หมายโค่นบัลลังก์ ด้วยไหวพริบและความรู้สมัยใหม่ ซือหยูจับมือกับ จ้าวหย่งเฉิน แม่ทัพหนุ่มผู้แบกปมจากตระกูลที่ล่มสลาย เพื่อล้างมลทินและปกป้องเมืองหลวง จากความไม่ลงรอยกลายเป็นความรักที่ลึกซึ้งใต้แสงจันทร์
การผจญภัยข้ามกาลเวลา ความรักที่ท้าทายโชคชะตา และการตัดสินใจที่อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์ คุณพร้อมหรือยังที่จะตามซือหยูไปค้นหาคำตอบใต้เงาจันทร์?
ความหนาวเย็นซึมผ่านชุดผ้าไหมสีครามของซือหยูเข้ามาจนเธอสัมผัสได้ในระหว่างที่วิ่งตามหย่งเฉินฝ่าป่ามืดทึบนอกเมืองฉางอาน หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับจะฉีกขาด หน้าอกของเธอแน่นไปหมด เสียงฝีเท้าของทหารที่ไล่ตามจากถนนในเมืองเงียบลงไปแล้ว ในขณะที่ฝ่ามือที่เปียกฝนและเปื้อนเลือดของหย่งเฉินจับข้อมือของเธอแน่น
“เกือบถึงแล้ว!” เขาเอ่ยบอกด้วยความตื่นเต้นพร้อมพาเธอฝ่าพุ่มไม้หนาที่ยื่นกิ่งออกมาขวางทาง
ฝนเริ่มซาลง แต่ลมหนาวยังคงกรีดผิวของเธอ เธอสัมผัสจี้หยกที่ห้อยคอ มันยังคงร้อนและสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง แม้จะเบาลงกว่าตอนแรกแต่ก็ยังไม่สงบ
หย่งเฉินหยุดชะงักเมื่อมาถึงหน้าปากถ้ำที่ซ่อนอยู่ในเงาของต้นไม้ใหญ่ เขาใช้ดาบฟันกิ่งไม้บางส่วนที่ปกคลุมปากถ้ำออก และพาเธอเข้าไปข้างใน กลิ่นอับชื้นและเหม็นเน่าจากซากต่าง ๆ ลอยมาแตะจมูก เสียงฝนตกกระทบผืนป่าดังเบาลงเมื่อพวกเขาเข้ามาด้านใน หย่งเฉินวางดาบสั้นที่เปื้อนเลือดลงบนพื้น เขาหันมามองเธอ ใบหน้าคมเข้มของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือดและโคลน ดวงตาที่เย็นชาของเขามีแววของความเหนื่อยล้าและความกังวล “เราน่าจะปลอดภัยแล้ว อย่างน้อยก็ในตอนนี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหอบ ขณะที่เดินเข้ามาใกล้และยกมือสัมผัสใบหน้าของเธอ “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
“ฉันไม่เป็นไร” ซือหยูพยักหน้า ขณะที่หายใจหอบ เธอรู้สึกถึงความหนักอึ้งในร่างกายจนแทบจะล้มลงไปนอนกับพื้นถ้ำ
ลมหนาวจากสายฝนที่พัดกระหน่ำนำพาไอเย็นเข้ามาภายในถ้ำที่ซือหยูและหย่งเฉินพากันหลบพักจากศัตรู ความมืดของถ้ำถูกเจือด้วยแสงจันทร์ที่ลอดผ่านปากถ้ำ ทั้งสองคนขยับตัวเข้าหากันเพื่อหวังว่าไออุ่นจากความใกล้ชิดจะช่วยลดทอนความหนาวได้ ครู่หนึ่งเขาหันมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ขณะที่พยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ
“คุณเสียเลือดเยอะ ก่อนที่คุณจะถามอะไรฉัน ฉันต้องช่วยคุณก่อน” เธอพูด ขณะที่ฉีกชายชุดผ้าไหมสีครามของเธอออกเป็นเส้นยาว พร้อมจับแขนของเขา และค่อย ๆ ถลกเสื้อที่ขาดวิ่นขึ้นเพื่อดูบาดแผล
บาดแผลที่ไหล่ของหย่งเฉินลึกและฉีกขาด เลือดไหลซึมออกมาผสมกับน้ำฝนที่ยังเปียกชุ่ม เธอเห็นรอยกรีดที่แขนของเขาด้วย มีดสั้นของสายลับฝังลึกจนเกือบถึงกระดูก เธอสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับความกลัว “ฉันต้องหยุดเลือด” เธอพูดพร้อมฉีกผ้าอีกชิ้นจากชุดของเธอ และพันรอบบาดแผลที่ไหล่ของเขาแน่น มือของเธอสั่นขณะที่พยายามกดผ้าลง เธอรู้สึกถึงเลือดอุ่น ๆ ที่ซึมผ่านนิ้วของเธอ หย่งเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก และกัดฟันแน่นเพื่อกลั้นความเจ็บปวด “เจ้า... ไม่ต้องทำ...” เขาพูดในขณะที่พยายามขยับแขน
“อย่าขยับ!” ซือหยูเอ่ยสั่งเสียงแข็ง แววตาประกายไปด้วยความเป็นห่วง “ถ้าคุณขยับ มันจะแย่กว่านี้!”
“เข้าใจแล้ว” แม่ทัพจ้าวถึงกับเสียงอ่อนเมื่อได้เห็นท่าทีจริงจังจากอีกฝ่าย
ซือหยูค้นถุงผ้าที่หล่นจากชุดของเธอและพบสมุนไพรแห้งที่เสี่ยวหลานเคยให้เธอไว้เมื่อนานมาแล้ว เธอบดสมุนไพรด้วยหินในถ้ำ และทาลงบนบาดแผลที่แขนของเขา กลิ่นสมุนไพรฉุนลอยขึ้นมา เธอฉีกผ้าอีกชิ้นพันรอบแผลนั้นแน่น จนเลือดเริ่มซึมช้าลง “คุณต้องไม่เป็นอะไร” เธอพูดพร้อมน้ำตาที่ไหลลงมา “ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณตาย”
หย่งเฉินมองเธอด้วยดวงตาที่พร่ามัว “เจ้า... กลัวข้าตายขนาดนั้นเชียวหรือ” เขาพูดพร้อมยกมือขึ้นสัมผัสแก้มของเธออย่างอ่อนโยน “ข้าเองก็ต้องการให้เจ้าอยู่ด้วยกันกับข้า” เขากระซิบด้วยน้ำเสียงที่ลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความรู้สึก
ซือหยูรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงจนเจ็บ เธอก้มศีรษะลงสัมผัสหน้าผากของเขาด้วยหน้าผากของเธอ “ฉัน... ก็อยากอยู่กับคุณ” เธอพูดออกมาในที่สุด น้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้ม
หย่งเฉินสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง “เจ้าก็อยากอยู่กับข้าหรือ”
“ใช่... แต่ฉันก็กลัวการจากลา ฉันไม่รู้ว่าฉันจะอยู่ที่นี่ได้อีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าฉันจะต้องกลับไปในที่ที่ฉันจากมาเมื่อไหร่”
แต่ยังไม่ทันที่หย่งเฉินจะได้พูดอะไรต่อ จี้หยกตระกูลหลินก็เรืองแสงสีเขียวเข้มอย่างรุนแรง มันสั่นแรงและร้อนจนซือหยูต้องรีบถอดออกจากคอ
“มัน... สั่นแรง และร้อนกว่าทุกครั้งเลย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
หย่งเฉินมองจี้หยกในมือของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและความหวาดกลัว “ของสิ่งนี้...” เขาพูด “มันหมายความว่าอย่างไร”
“ฉัน... คิดว่ามันกำลังแจ้งเตือนเรา” เธอพูด
“เรื่องอะไร”
“ฉันไม่รู้”
วูบ!
อยู่ ๆ จี้หยกก็ฉายภาพบางอย่างขึ้นมาให้เธอเห็น ทั้งที่เธอยังไม่ได้สัมผัสที่จี้หยกด้วยซ้ำ มันดูคล้ายกับว่าจะเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่างให้ซือหยูได้รับรู้
‘เธอยืนอยู่ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติในโลกปัจจุบันพร้อมพรั่งด้วยเพื่อน ๆ รอบกาย พร้อมกับจี้หยกที่ถูกจัดแสดงไว้ในตู้โชว์ตามปกติ ก่อนจะพากันเดินออกไปจากตรงนั้นราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น’
“ฉันว่าคงใกล้หมดเวลาของฉันแล้ว” ซือหยูเอ่ยพูดเสียงสั่น
“เจ้าเห็นอะไร”
“เห็นภาพที่ฉันกลับไปใช้ชีวิตปกติในที่ที่ฉันจากมา”
“ข้าไม่เข้าใจ ที่ผ่านมาข้าคิดว่าเป็นเพราะเจ้าถูกวางยาพิษ ความจำของเจ้าจึงเลอะเลือน จดจำตัวเอง และจดจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้...” เขาจ้องหน้าเธอด้วยแววตาสับสน “เจ้ากำลังคิดจะเล่นตลกกับข้าอยู่หรือหลินซือเยว่” เขายกมือขึ้นแตะไหล่ของเธอแน่น ฝ่ามือของเขายังคงเปียกและหนาวเย็นจากฝน
“ฉันบอกคุณแล้วไงว่าฉันไม่ใช่หลินซือเยว่” เธอพูดออกมาในที่สุด น้ำเสียงของเธอสั่นสะท้าน “ฉันคือหลินซือหยู อย่างที่เคยบอก ฉัน... มาจากกาลเวลาข้างหน้าที่ห่างจากยุคสมัยนี้ไปกว่าพันสองร้อยปี จี้หยกนี้พาฉันมา... ”
เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “รู้ไหมว่าเจ้ากำลังพูดเหมือนนักบวชที่เสียสติ” เขาคลายมือจากไหล่ของเธอ และยันตัวลุกขึ้นยืน ดวงตาของเขามีแววของความสับสนและความโกรธ “เจ้ากำลังบอกว่าทั้งหมดนี้ ทั้งการต่อสู้ ทั้งกลยุทธ์ มันเป็นเพราะเจ้ามาจากโลกที่ข้าไม่รู้จักงั้นหรือ” เขาก้าวถอยหลัง ขณะที่ยกมือขึ้นเกลี่ยผมเปียกจากหน้าผาก “ข้าควรเชื่อเจ้าหรือไม่”
ซือหยูรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากคำถามนั้น เธอลุกขึ้นยืนด้วยขาที่สั่นเทา “ฉันพูดความจริง” เธอพูด “ฉันไม่รู้ว่าทำไมจี้หยกพาฉันมา แต่ฉันมาจากโลกที่มีเรื่องราวของพวกคุณบันทึกเอาไว้ในหนังสือ เราเรียกมันว่าประวัติศาสตร์ ฉันรู้ล่วงหน้าทั้งหมดว่าที่นี่จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะในโลกของฉันเรื่องราวของพวกคุณมันจบลงไปหมดแล้ว ไม่มีจักรพรรดิแล้วด้วยซ้ำ!” เธอโพล่งคำพูดออกมาไม่หยุดด้วยความน้อยใจ หย่งเฉินถึงกับนิ่งอึ้งเมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เธอบอกว่าในโลกของเธอไม่มีจักรพรรดิอีกแล้ว
“ข้าไม่อยากจะเชื่อ...”
“แล้วตั้งแต่ที่ฉันมาถึง ฉันก็พยายามช่วยคุณ ช่วยตระกูลหลิน และช่วยหยุดถังหย่งซาน” เธอยื่นจี้หยกให้เขา “ถ้าคุณยังไม่เชื่อ ก็ดูนี่สิ! มันมีพลังจริง ๆ” จี้หยกในมือของเธอเรืองแสงสีเขียวเข้ม และสั่นแรงขึ้นราวกับพร้อมจะระเบิด
หย่งเฉินมองจี้หยกด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขายกมือขึ้นสัมผัสมันเบา ๆ และสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงความร้อน “มัน... มันมีพลังจริง ๆ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่น เขามองเธอด้วยดวงตาที่เริ่มคลายความโกรธ “ถ้าเจ้าพูดความจริง...” เขาหยุดชะงัก ขณะที่ก้าวเข้ามาใกล้ “เจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร? เพื่อข้า หรือเพื่อตระกูลหลิน?”
ซือหยูรู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลลงมา “ฉันไม่รู้” เธอพูด “ตอนแรกฉันก็แค่อยากเอาชีวิตรอดไปจากเรื่องบ้า ๆ นี่ แต่ตอนนี้... ฉันอยากช่วยคุณ ฉันไม่อยากให้คุณตาย ไม่อยากให้ทุกอย่างจบแบบหลินเซี่ยงจือ” เธอหยุดพูด ขณะที่ภาพของหลินเซี่ยงจือที่ล้มลงในตรอกมืดผุดขึ้นในหัวอีกครั้ง หย่งเฉินมองเธอนิ่ง ๆ “หลินเซี่ยงจือหรือ” เขาถาม “เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
“ฉันเห็นเขาในภาพจากจี้หยก เขาพยายามปกป้องเมือง แต่สุดท้ายเขาตายในตรอกมืดแบบนี้ ฉันกลัวว่าเราจะจบแบบเขา”
หย่งเฉินเงียบไปชั่วขณะ ดวงตาของเขามีแววของความเข้าใจ “ถ้าเจ้าพูดจริง...” เขาพูด “...ก็หมายความว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อเปลี่ยนโชคชะตาของตระกูลหลิน... และโชคชะตาของข้าอย่างนั้นหรือ” เขาก้าวเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น ใบหน้าของเขาเกือบแตะกับใบหน้าของเธอ
ซือหยูพยักหน้า “ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อหยุดหย่งซาน” เธอพูด “ถึงแม้ว่ามันจะหมายถึงการที่ฉันต้องติดอยู่ที่นี่”
หย่งเฉินยกมือขึ้นสัมผัสแก้มของเธอเบา ๆ “ถ้าเจ้าจะอยู่ที่นี่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำและหนักแน่น “ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า” เขากระซิบ ขณะที่ฝ่ามือของเขากดที่แก้มของเธอแน่น “ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ากลับไป ถ้าเจ้าเลือกที่จะอยู่”
ซือหยูรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงจากคำพูดนั้น “ฉัน...” เธอเริ่มพูด แต่ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอกถ้ำ
“พวกมันอยู่ในถ้ำ!” เสียงของสายลับของหย่งซานตะโกนดังขึ้น
หย่งเฉินคว้าดาบจากพื้นทันที “ซ่อนตัว!” เขากระซิบ ขณะที่ผลักเธอไปหลังเนินหินงอกด้านในถ้ำ เขาหันไปเผชิญหน้าทางเข้าถ้ำ ดึงดาบออกจากฝักดาบด้วยมือที่สั่น “ข้าจะจัดการพวกนั้นเอง” เขาพูดพร้อมกับยันตัวกับกำแพงหิน แต่ร่างของเขาก็เกือบล้มลงจากอาการอ่อนเพลียเพราะร่างกายได้รับบาดเจ็บมา
ซือหยูคว้าแขนของเขา “คุณบาดเจ็บหนัก! ปล่อยฉัน! ให้ฉันช่วยคุณเถอะ” เธอพูด ขณะที่คว้าถุงดินปืนหยาบที่ยังเหลือจากชุดของเธอ
ทหารหกคนในชุดเกราะเปียกฝนพุ่งเข้ามาในถ้ำ ดาบ หอก และมีดสั้นในมือของพวกมันสะท้อนแสงจันทร์ “พวกเจ้าตายแน่!” ทหารคนแรกตะโกน ขณะที่ยกดาบพุ่งเข้าหาหย่งเฉิน เขาหลบได้ฉิวเฉียด ดาบกรีดผ่านกำแพงหินด้านหลัง เศษหินแตกกระจาย หย่งเฉินตวัดดาบตัดขาของทหารคนนั้นขาด เลือดสาดกระจายไปบนพื้นถ้ำ ทหารคนที่สองพุ่งเข้ามาด้วยหอก หย่งเฉินคว้าปลายหอก และแทงดาบเข้าที่ท้องของมัน แต่ทหารคนที่สามยกดาบยาวฟันลงมาจากด้านหลัง เขาหลบไม่ทัน ดาบกรีดลงที่หลังของเขา เลือดไหลออกจากบาดแผลใหม่ หย่งเฉินกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และล้มลงไปคุกเข่ากับพื้น
“หย่งเฉิน!” ซือหยูตะโกน ขณะที่คว้าถุงดินปืนและโยนใส่ทหารสามคนที่เหลือ เธอคว้าตะเกียงจากพื้น และโยนตามไปทันที
ตูม!
เสียงระเบิดดังสนั่น ควันสีดำพุ่งขึ้นในถ้ำ กลิ่นกำมะถันฉุนจนแสบจมูก ทหารสามคนนั้นกรีดร้องขณะที่ร่างของพวกมันถูกไฟคลอก เปลวไฟลามไปทั่วชุดเกราะที่เปียกฝน พวกมันล้มลงในควันหนา กลิ่นเนื้อไหม้ลอยคละคลุ้ง ทหารคนที่หกพุ่งออกจากควันด้วยมีดสั้น หย่งเฉินผลักซือหยูหลบ และยกดาบขึ้นป้องกัน
แกร๊ง!
เสียงดังสนั่นเมื่อโลหะกระทบกัน เขาคว้าข้อมือของทหาร และบิดจนกระดูกหัก มีดสั้นหล่นลงพื้น เขาแทงดาบเข้าที่อกของทหารคนนั้น เลือดสาดกระจายไปบนใบหน้าของเขา เขาล้มลงนั่งหอบเหนื่อย ร่างของเขาสั่นเทาจากบาดแผล เลือดไหลออกมามากจนเขาเกือบจะหมดแรงอยู่แล้ว เปลือกตารู้สึกหนักขึ้นทุกที
ซือหยูรีบคลานไปหาเขา และประคองเขาขึ้น “หย่งเฉิน! ตื่นเถอะ!” เธอตะโกน ขณะที่ฉีกผ้าจากชุดของเธอเพิ่ม และพันรอบบาดแผลใหม่ที่หลังของเขา เธอกดผ้าแน่นเพื่อหยุดเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด “คุณจะต้องไม่ตาย!” เธอพูด ขณะที่น้ำตาไหลลงมา
หย่งเฉินลืมตาขึ้นช้า ๆ “เจ้า... เก่งมาก...” เขากระซิบ ขณะที่ยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของเธอ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านราวกับกำลังหนาวเหน็บ
“ไม่ๆ คุณต้องไม่เป็นอะไร!!” เธอร้องดัง น้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้ม “ฉัน... ฉันรักคุณ ฉันยังอยากมีคุณอยู่ในชีวิต คุณห้ามตายนะ!!”
หย่งเฉินมองเธอด้วยดวงตาที่เปียกชื้น “ข้า... ข้าจะไม่ยอม.... ตาย... ง่าย ๆ” เขาพูดอย่างติดขัด ขณะที่คว้ามือของเธอแน่น “ข้า... ต้องการให้เจ้าอยู่กับข้า ข้าสัญญา... ข้าจะสู้... เพื่อเจ้า” เขาดึงเธอเข้ามากอดแน่น ร่างของเขาสั่นเทาจากบาดแผลและความกลัว