"เมื่อเจ้านายผู้เป็นดั่งโลกทั้งใบจากไป... เหลือเพียงแมวตัวหนึ่งและต้นฉบับที่ยังไม่จบ!" ไรเตอร์ แมวข้างถนนที่ได้รับการช่วยเหลือจากโจคิน นักเขียนชื่อดัง แต่วันหนึ่งชะตากลับเล่นตลก... เมื่อเจ้านายของมันจากไป ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าและภารกิจสุดท้าย—สานต่อนิยายมหากาพย์ที่ยังไม่จบ! ท่ามกลางสายตาของผู้คนทั้งโลก อุ้งเท้าคู่นี้จะสามารถจรดปลายปากกาแทนมนุษย์ได้หรือไม่? และที่สำคัญ... พินัยกรรมของเจ้านายได้พลิกชีวิตของมันไปตลอดกาล
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ไทย,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,แฟนตาซี,แมว,ความรัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
อุ้งเท้าและหยดหมึก"เมื่อเจ้านายผู้เป็นดั่งโลกทั้งใบจากไป... เหลือเพียงแมวตัวหนึ่งและต้นฉบับที่ยังไม่จบ!" ไรเตอร์ แมวข้างถนนที่ได้รับการช่วยเหลือจากโจคิน นักเขียนชื่อดัง แต่วันหนึ่งชะตากลับเล่นตลก... เมื่อเจ้านายของมันจากไป ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าและภารกิจสุดท้าย—สานต่อนิยายมหากาพย์ที่ยังไม่จบ! ท่ามกลางสายตาของผู้คนทั้งโลก อุ้งเท้าคู่นี้จะสามารถจรดปลายปากกาแทนมนุษย์ได้หรือไม่? และที่สำคัญ... พินัยกรรมของเจ้านายได้พลิกชีวิตของมันไปตลอดกาล
เมื่อแมวตัวหนึ่ง ต้องสานต่อนิยายระดับโลกที่ยังไม่จบ!
ไรเตอร์ แมวข้างถนนผู้เคยถูกทอดทิ้ง โชคชะตานำพามันมาพบกับ โจคิน นักเขียนชื่อดังที่รับมันมาเลี้ยง วันเวลาผ่านไป แมวส้มตัวจิ๋วกลายเป็นเพื่อนแท้เพียงหนึ่งเดียวของนักเขียนผู้โดดเดี่ยว พวกเขาใช้ชีวิตร่วมกันในห้องทำงานอันเงียบเหงา โดยที่ไรเตอร์เองก็คอยเฝ้าดูเจ้านายของมันสร้างสรรค์เรื่องราวในนิยายแฟนตาซีระดับตำนาน "ตำนานเพลิงอมตะ"
แต่แล้ว... โจคินกลับล้มลงอย่างกะทันหัน เขาจากไปโดยทิ้งนิยายเล่มสุดท้ายไว้เพียงครึ่งเรื่อง
ในขณะที่โลกของนักอ่านกำลังรอคอยบทสรุปของมหากาพย์ที่ไม่มีใครรู้ว่าจบอย่างไร พินัยกรรมของโจคินกลับสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน—ทายาทเพียงผู้เดียวที่จะได้รับมรดกทั้งหมด คือ ไรเตอร์... แมวของเขา!
และเงื่อนไขของพินัยกรรมคือ... นิยายต้องถูกเขียนให้จบ!
แต่ใครกันล่ะ ที่จะสามารถสานต่อผลงานของนักเขียนอัจฉริยะผู้นี้?
หรือว่า...อุ้งเท้าสองข้างของไรเตอร์ จะเป็นผู้หยิบปากกาแล้วเขียนมันขึ้นมาเอง!?
ท่ามกลางแรงกดดันจากทายาทสายเลือดแท้ผู้โลภโมโทสัน และเหล่าแฟนคลับที่เฝ้ารอการปิดฉากตำนานแห่งวรรณกรรม ไรเตอร์จะสามารถเติมเต็มบทสุดท้ายของเรื่องราวนี้ได้หรือไม่?
📖🐾 "อุ้งเท้าและหยดหมึก" เรื่องราวของมิตรภาพ ความฝัน และพันธะสัญญาที่ถูกส่งต่อ...แม้ในวันที่เจ้าของมันจากไป
ร้านหนังสือทุกแห่งล้วนมีสินค้าขายดีวางอยู่รอบตัวลูกค้าเพื่อดึงดูดให้พวกเขาหยิบติดมือโดยไม่รู้ตัวเพื่อถมกองดองของตัวเองให้สูงขึ้นหรือคุณคือแฟนคลับเดนตายของหนังสือเล่มนั้นจนอดใจยั้งมือไม่ไหวกระทั่งสูญทรัพย์ในกระเป๋าแล้วยืนสมองโล่งกับถุงสินค้าและใบเสร็จ
แต่สำหรับ ‘มาร์คัส’ ผู้ได้ฉายาว่าเป็น ‘ทายาทแห่งเจ.โจคิน’ เดินตรงไปยังชั้นหนังสือนิยายมหากาพย์ ‘ตำนานเพลิงอมตะ’ ตกแต่งไปด้วยสแตนดี้ขนาดเท่าคนจริงของตัวละครหลัก ชั้นบนสุดมีรูปถ่ายโจคินกำลังยิ้มขณะเขียนนิยายซึ่งเป็นภาพที่สื่อทุกสำนักมีกันหมดติดอยู่พร้อมตัวอักษรภาษาอังกฤษ R.I.P. (สู่สุคติ) หนังสือนิยายเล่มหนาตั้งแต่เล่มหนึ่งถึงเล่มหก
หลายเล่มถูกเหล่าแฟนคลับและพ่อค้าแม่ค้ารีเซลกว้านซื้อไปจนเหลือไม่กี่เล่มยืนนิ่งพลางกวาดตามองไปมา มือถือตะกร้าของร้านหนังสือสั่นระริกพร้อมความลังเลสุมอยู่เต็มอก
หนังสือนิยายยังเหลืออยู่ครบก็จริงแต่เหลือน้อยเต็มที
“เออ… ขอโทษครับ ช่วยหลีกทีครับ พอดีผมอยากได้เรื่องนี้” เสียงเด็กชายวัยเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มเอ่ยขึ้นฉุดกระชากสติของมาร์คัสกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
“ขอโทษทีน้อง…” เขารีบเขยิบหนีพลางมองเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนมัธยมที่กำลังหยิบนิยาย ‘ตำนานเพลิงอมตะ’ เล่มหนึ่งต่อด้วย เล่มสอง เล่มสาม เล่มสี่ เล่มห้าและเล่มหกจนเต็มแขน รอยยิ้มเผยบนใบหน้าอย่างมีความสุขแม้กำลังแบกรับน้ำหนักจนแขนอันผอมบางสั่นรัว
“นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว”
“นี่น้อง ถามอย่างนึงสิ ไอ้นิยายเรื่องนี้มันสนุกตรงไหน?” มาร์คัสเอ่ยปากถาม เด็กหนุ่มมองหน้าก่อนตอบแบบแทบไม่ต้องคิด
“ผมยืมเพื่อนอ่านที่โรงเรียนแล้วมันสนุกดี ตอนแรกผมคิดว่าจะค่อย ๆ เก็บเงินซื้อทีละเล่ม แต่พอได้ข่าวว่านักเขียนตายผมเลยขอเงินพ่อแม่มาเหมาหมดเลยเพราะเพื่อนขู่ว่ามันจะหมดครับ” เด็กหนุ่มตอบพร้อมดวงตาเป็นประกาย
“งั้นเหรอ…?”
“ผมอ่านไปแค่บทเดียวสนุกมาก ๆ เลย มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กชายผู้เกิดมาในชนบทในยุคที่มังกรกำลังครองอาณาจักรโดยไม่มีพลังเวทย์ เขาต้องฝึกฝนต่อสู้กับอาจารย์ดราก้อนสเลเยอร์เพื่อปราบมังกร ดูดกลืนพลังแล้วส่งแบ่งให้กับคนอื่น เขาเลยต้องตะปี้ตะบันล่ามังกรเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง รวบรวมพรรคพวกที่แข็งแกร่งเพื่อพิชิตราชันย์มังกร” เด็กหนุ่มเล่าเรื่องคร่าว ๆ ทำให้มาร์คัสเกิดขนลุกซู่ไปทั่วร่าง คำถามในใจถูกไขกระจ่าง “แต่เสียดายที่ผมคงไม่ได้อ่านเล่มเจ็ด แต่มีเล่มก่อนหน้าไว้ในมืออุ่นใจกว่า”
เขาหันไปคว้าเล่มหนึ่งไร้ความลังเล ปรากฏว่าเด็กหนุ่มดันตัดหน้าเล่มสุดท้ายไปแล้ว
“เดี๋ยวก่อนน้อง! พี่ขอเล่มหนึ่งเถอะนะ!! พี่ต้องการมันจริง ๆ!!” มาร์คัสคว้าไหล่เด็กหนุ่มบีบจนอีกฝ่ายเกร็งแน่น
“มะ…ไมได้สิครับพี่ ผมเป็นฝ่ายหยิบก่อนนะ!!” อีกฝ่ายเถียงกลับด้วยเหตุผล
“น้องไม่รู้เหรอว่าพี่เป็นใคร?”
“ก็ไม่รู้จริง ๆ นี่!!”
“พี่เป็นลูกของนักเขียนนิยายเรื่องนี้นะโว้ย!” เขาหยิบไหล่นักเรียนชายแรงขึ้นโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายเริ่มทำสีหน้าเหยเก น้ำตาคลอเบ้าด้วยความกลัว แต่มาร์คัสกลับไม่ยอมรามือง่าย ๆ “ฉันสัญญาเลยว่าจะเขียนให้จบแล้วเอามาให้น้องอ่านเป็นคนแรก”
เด็กหนุ่มชุดนักเรียนมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“พี่พูดจริงดิ?” เขาอ้าปากค้าง ร่างกายร้อนผ่าวแตกพล่านไปทั่วร่าง ส่งผลให้ใบหน้าใบหูแดงก่ำ “พี่เป็นทายาทแห่งเจ.โจคินงั้นเหรอ?”
“อะ… เออ… ใช่ เขาว่ากันอย่างนั้น ก็ใช่แหละ”
“โห! พี่ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะได้มาเจอกันเป็น ๆ” อีกฝ่ายเบิกตาโตส่องประกายไม่ต่างจากลูกสุนัขพบท่อนกระดูกของโปรด จากนั้นเขากลับชะงักเหมือนนึกบางอย่างออก “ว่าแต่…พี่เป็นลูกชายคนเดียวของเจ.โจคิน… ทำไมถึงต้องมาแย่งซื้อหนังสือผมด้วยล่ะ? ที่บ้านของพ่อคุณก็น่าจะมีต้นฉบับหรือหนังสืออยู่ไม่ใช่เหรอครับ?”
“เออ… คือ… พ่อพี่…” เมื่อมาร์คัสถึงคราวตัน เขาจึงตัดสินใจดีดตัววิ่งหนีออกจากร้านหนังสือพร้อมหอบความเจ็บแค้นสุมเต็มอกท่ามกลางความงงงวยของเด็กหนุ่มและพนักงานร้านหนังสือก่อนตรงดิ่งไปยังอีกร้านแล้วรีบคว้าหนังสือนิยาย ‘ตำนานเพลิงอมตะ’ ใส่ตะกร้าสินค้าโดยเร็วปราศจากความลังเล
เงินในบัญชีของเขาเริ่มร่อยหรอลงทุกวัน แม้จะพยายามประหยัดให้ได้มากที่สุดแต่ความกินหรูอยู่แพงจนเคยชิน จนอดไม่ได้ที่จะต้องเข้าภัตตาคารหรูทุกมื้อค่ำราวกับสิ่งเร้าภายในซึ่งถูกออกแบบมาดั่งใยแมงมุมล่อเหยื่อเข้ามาติดกับดักแห่งทุนนิยมแสนแขยง
มือใหญ่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปนกำสมาร์ตโฟนแน่นจนจอร้าว หน้าจอเผยให้เห็นจำนวนเงินในแอปพลิเคชันธนาคารไม่ถึงสี่หลัก ลมหายใจเข้าออกถี่ยิบ ร่างกายร้อนผ่าวและเหงื่อซึมผ่านรูขุมขนใต้ร่มผ้า สุดท้ายแทนที่จะลงทุนด้วยเงินปัจจุบัน กลายเป็นว่าตัดสินใจเลือกทรัพย์สินในอนาคตเพื่อการลงทุนระยะยาว
“มรดกของพ่อ… จะต้องเป็นของฉัน ของฉันคนเดียว” เขาพึมพำในลำคอ ดวงตาแข็งกร้าวจับจ้องหนังสือผลงานของบิดาผู้ล่วงลับ บัตรเครดิตแตะเครื่องอ่าน เสียงสัญญาณเตือนดังให้นำมันออก ร่างกายอ่อนยวบเหมือนถูกสูบวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น “ของฉันคนเดียวเท่านั้น”
ทันทีที่มาร์คัสหอบถุงหนังสือหนักอึ้งถึงโรงแรมรูหนูซึ่งราคาถูกสุดในย่านก่อนใช้เวลาทั้งคืนอ่านหนังสือทั้งหกเล่มของพ่อจนจบเล่ม ดวงตาของเขาแดงพร่าปวดแสบร้อนอย่างฝืนทน รวมถึงความตึงเครียดในภาระหนี้สินแบกรับจนไม่สามารถนั่งหลังตรงอกผายอย่างมั่นใจ กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นเขาติดต่อ บ.ก.ต้นกล้า ผ่านสำนักพิมพ์หลังพลิกกระดาษหนังสือหน้าสุดท้ายทันทีพร้อมแนะนำตัวและนัดแนะเวลาพูดคุยเจรจาเรื่องการเขียนนิยาย ‘ตำนานเพลิงอมตะ’ เล่มที่เจ็ด
ฝั่งทางบ.ก.ต้นกล้าได้ยินดังนั้นจึงขนลุกซู่ไปทั่วร่าง ความหวังพรั่งพรูฉุดดึงชายวัยกลางคนขึ้นออกสู่ปากเหว
“คุณบ.ก.สะดวกออกมาคุยกันสักหน่อยไหมครับ?” มาร์คัสเอ่ยถามเข้าเรื่องพลางกระดกเครื่องดื่มชูกำลังพร้อมกาแฟดำ รอบดวงตาคล้ำดำมืด นัยน์ตาเลื่อนลอยเนื่องจากอดหลับอดนอน
“หยะ…ยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ ไม่คิดว่าทายาทจะเสนอตัวมาเอง” บ.ก.ต้นกล้าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อยากพุ่งออกไปหาทายาทแห่งเจ.โจคินเสียเดี๋ยวนี้ให้ได้ “เจอกันเมื่อไหร่ดีครับ ถ้าเป็นร้านกาแฟชั้นล่างของตึกสำนักพิมพ์จะดีไหมครับ?”
“ยินดีครับ เจอกันสักเที่ยงตรง จะได้หาอะไรทานและพูดคุยกัน”
………………………………
ความหวังอันแรงกล้าเปรียบเหมือนเทียนไขท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำ แน่นอนว่าไฟดวงเล็กดับวูบลงเมื่อสายตาบรรณาธิการมืออาชีพผู้มีความสามารถพิเศษการมองคนอย่างทะลุปรุโปร่งเมื่อได้เห็นสภาพอิดโรยไร้เรี่ยวแรงของชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเป็นทายาทนักเขียนนิยายระดับโลก ในทางกลับกันเขาเลือกที่จะไม่ตัดสินบุคคลอันด้วยปัจจัยภายนอก เพราะบางทีต่อให้ตาประสาทตา แต่ไม่เห็นดวงใจก็เท่านั้น ดวงตาคือประตูแห่งหัวใจ บ.ก.ต้นกล้าจึงเลือกมองลึกเข้าไปในดวงนัยน์เนตรโดยไม่สนขอบคล้ำ
สัญชาตญาณบางอย่างตะโกนบอกให้ชายวัยกลางคนลุกเดินออกไปแทนเสียเวลานั่งคุยกับมนุษย์ไร้ความรับผิดชอบคนนี้ แต่ยิ่งมองบุคคลตรงหน้ายิ่งเหมือนกับได้มองโจคินสมัยหนุ่มไม่มีผิด
ทั้งสองรู้จักกันมาเนิ่นนานตั้งแต่เรียนอักษรศาสตร์ด้วยกัน อาชีพการงานระหว่างเพื่อนซี้ทั้งสองแตกแยกออกจากกันช่วงเวลาหนึ่งก่อนโคจรกลับมาพบกันในฐานะบรรณาธิการและนักเขียน
“ช่างเหมือนกันมาก ๆ…”
“เอาเถอะครับ เรามารีบเข้าเรื่องกันเถอะว่าผมต้องเขียนสักกี่บท หนึ่งบทเขียนกี่คำ ต้องส่งแต่ละบทให้ภายในวันไหน ตั้งเดตไลน์มาได้เลยครับ ผมจะสานต่อและจบเรื่องราวของคุณพ่อให้ดีที่สุดไม่ให้คุณและแฟนคลับทั้งโลกผิดหวัง” คำพูดของมาร์คัสโพล่งขัดอารมณ์อาลัยอาวรณ์ของบ.ก.ต้นกล้า ทำให้จิตใจยิ่งห่อเหี่ยว แม้ว่าเปลวเพลิงโหมกระหน่ำดั่งอภิมหาพายุในดวงตาทายาทกลับไม่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นแม้แต่นิดเดียว กล้ามเนื้อใบหน้าของชายวัยกลางคนตกลงตามแรงโน้มถ่วงอย่างไร้การควบคุม
“แล้ว… คิดว่าจะให้เรื่องราวต่อจากเล่มก่อนหน้ายังไงเหรอครับ?” บ.ก.ต้นกล้าตัดสินใจถามโดยไม่ต้องมีพิธีรีตอง แต่ลืมถามคำถามที่สำคัญกว่านั้นไป เขาถึงสติกลับมาจึงนึกขึ้นได้ “ว่าแต่…คุณมาร์คัส เคยเขียนนิยายมาก่อนไหมครับ เท่าที่ผมได้อยู่วงการนี้มาเกือบสิบปี ผมไม่เคยเห็นผลงานของคุณเลย แม้แต่โจคินพ่อของคุณไม่เคยอวดผลงานให้ดูตามประสาพ่อผู้ชื่นชมในความสำเร็จของลูกชายร่วมสายเลือดเลยนี่ครับ”
“เออ… ไม่” มาร์คัสยอมรับ ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจซึ่งอุตส่าห์ปั้นมาตลอดทางกลับแตกสลายเหลือเพียงความลังเล มือทั้งสองประสานบีบแน่นสั่นเทิ้มและเขย่าขาขวา “ผมไม่เคยพิมพ์นิยายออกมาเป็นเล่ม แต่เคยเขียนนิยายสมัยวัยรุ่นแล้วให้เพื่อนยืมอ่านจนมีแต่คนชอบนิยายเรื่องนั้นมาก ๆ”
“คืออย่างนี้นะ ผมอยากพูดในฐานะคนที่โตมีวุฒิภาวะแล้ว…”
“ผมไม่มีวุฒิภาวะตรงไหน?” มาร์คัสสวนกลับพลางขมวดคิ้วใส่ สถานการณ์ตอนนี้บ.ก.ต้นกล้าเป็นต่ออีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด การพูดคุยกับทายาทนักเขียนระดับโลกซึ่งทะนงตนนั้นกดดันยิ่งกว่ายืนรอรับเงินทอนในร้านสะดวกซื้อโดยมีคนต่อแถวมากมาย “ผมเขียนเพียงช่วงเรียนจบมัธยมแล้วไม่ได้เขียนอีกเลย”
“ต้องขอโทษที่ผมอาจใช้คำพูดละลาบละล้วงจนเกินไป แต่ต่อให้คุณจะเป็นทายาททางสายเลือดก็ตาม แต่ประสบการณ์แค่นั้นผมคงไม่ไว้ใจให้คุณเขียนต่อหรอกครับ” ในความเป็นจริงเขาควรเลือกใช้คำว่า ‘ไม่มีพรสวรรค์’ เลยด้วยซ้ำ “ผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันก็ไม่มี แถมคำบอกเล่าจากปากโจคิน ยิ่งทำให้ผมไม่มั่นใจในความรับผิดชอบอีก จะให้ผมฝากนิยายระดับโลกไว้ในมือคนอย่างคุณไม่ได้หรอกครับ”
“คุณบรรณาธิการ” มาร์คัสเอ่ยเสียงแข็ง ทำเอาร้านกาแฟบรรยากาศเย็นร่มรื่นด้วยเครื่องปรับอากาศกดดันขึ้น ออร่าทมิฬชั่วร้ายแผ่พุ่งออกมาจากชายหนุ่ม ดวงตาเฉียบคมจับจ้องบรรณาธิการหนุ่มไม่ละ “คุณไม่เชื่อใจผมงั้นเหรอครับ?”
“ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจครับ” บ.ก.ต้นกล้ากำมือแน่นกัดลิ้นให้พอเจ็บเพื่อเรียกสติเค้นไอเดียเพื่อต่อรอง “ผมคิดไว้ว่าจะให้คุณลองเขียนมาให้จบเล่มก่อนแล้วค่อยมาตรวจดูทีละบทจนกว่าต้นฉบับจะเสร็จสมบูรณ์ แต่ผมอยากให้เสร็จภายในสามเดือน”
“สามเดือน…” ชายหนุ่มทวนคำพลางครุ่นคิดกลอกตาไปมา มือจับคาง “ขอสามวันพอครับ”
“เฮ้ย! ใจเย็น ๆ ก่อนคุณ!” บ.ก.ต้นกล้าสะดุ้งพร้อมยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามปราม “จะวู่วามฝืนตัวเองแบบนี้ไม่ได้ ช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงาม จำสุภาษิตนี้ไม่ได้หรือไง?”
“คุณอาจจะมีเวลาอยู่ถมเถ” มาร์คัสลุกขึ้นยืน ดวงตาแข็งกร้าวจับจ้องไปยังอีกฝ่าย “แต่สำหรับผม มันนับถอยหลังลงทุกลมหายใจ”
ค่ำคืนนั้นบ.ก.ต้นกล้ากระดกของเหลวสีเหลืองทองดั่งน้ำอมฤตอันมีสรรพคุณช่วยให้ลืมความทุกข์ช์ขวดที่ห้าภายในบาร์แห่งขึ้นซึ่งเหล่าบรรณาธิการของสำนักพิมพ์มักชวนกันไปดื่มหลังเลิกงานเป็นประจำ ด้วยบรรยากาศร้านที่ตกแต่งเป็นแนวยุคกลางถูกจริตเหล่านักเขียนนักอ่านและเหล่าบรรณาธิการสายประวัติศาสตร์จึงเป็นสถานที่พบปะของคนในวงการเขียนและสื่อสิ่งพิมพ์อยู่บ่อย ๆ
ชายวัยกลางคนเปิดรูปถ่ายระหว่างโจคินและเขาในวันเปิดตัวหนังสือ ‘ตำนานเพลิงอมตะ’ วันแรก ใบหน้ายิ้มแย้มสุดขีดของทั้งหมดแสดงออกทางสีหน้า วาดแขนกอดไหล่ซึ่งกันและกันโดยพื้นหลังเป็นชั้นวางหนังสืออันว่างเปล่าพร้อมสแตนดี้ตัวละครหลัก
ไม่กี่อึดใจหยาดใสไหลอาบแก้ม มือหยาบอวบยกขึ้นปิดใบหน้า ร่างกายสั่นสะท้านเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดถึงถวิลหา กลุ่มฟันบนล่างกัดแน่นไม่ให้เสียงสะอึ้นเล็ดลอดพลางสูดน้ำมูกจนบาเทนเดอร์หนุ่มหนวดเฟิ้มดวงตาวาวมรกตเดินเข้ามาพร้อมแก้วเป็กใส่ของเหลวสีน้ำตาลอมดำก่อนจุดไฟบนผิวจนลุกโชกช่วงสีฟ้าคราม ความร้อนจากเปลวเพลิงบนเครื่องดื่มตัดความเย็น เขามองหน้าบาเทนเดอร์ใบ้ผู้ยกชูหัวแม่มือเป็นเชิงให้กำลังใจ
“ขอบใจมาสเตอร์” เขากล่าวก่อนกระดกซดเครื่องดื่มติดไฟลงคอรวดเดียว
………………………………….
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“อาจารย์โจคินครับ… เอิ๊ก! ผม… บ.ก.ต้นกล้าเอง จากสำนักพิมพ์มุทะลุ มารับต้นฉบับนิยายตำนานเพลิงอมตะเล่มเจ็ดคร้าบ” ชายวัยกลางคนพูดเสียงดังพลางเคาะประตูอพาร์ทเม้นท์อย่างที่เคยทำในสภาพเมามาย เปลือกตาหนักอึ้งปิดแหล่ไม่ปิดแหล่และร่างกายโงนเงนไปมา “อาจารย์! หลับแล้วเหรอครับ? งั้นผมคงต้องเสียมารยาท”
เขาหยิบกุญแจสำรองออกมาไขเปิดประตูเข้าไป ภาพที่เขาเห็นทำให้ตกใจต่อสภาพพื้นห้องเกลื่อนด้วยหนังสือราวกับพายุฟ้าคะนองถล่ม รวมถึงกระดาษต้นฉบับที่โจคินใช้เขียนแทนคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจสะดวกกว่า
“กะ… เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” บ.ก.ต้นกล้าหยิบขวดเบียร์ออกมาจากถุงร้านสะดวกซื้อจับบริเวณปากขวดต่างอาวุธป้องกันตัว “ออกมานะโว้ย! ใครกันที่บังอาจบุกรุกบ้านคนอื่น! แบบนี้มันไม่น่ารักเลยนะโว้ย! ฉันจะนับถึงสาม ถ้าไม่ออกมาอย่าหาว่าไม่เตือน!!”
“เมี๊ยว!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นในเวลาต่อมา บ.ก.ต้นกล้าชะงักเมื่อเห็นแมวส้มเดินมุดตัวออกมาจากกองกระดาษหนังสือเหล่านั้นพร้อมปากกาด้ามโปรดของโจคินในอุ้งเท้าเปื้อนหยดหมึกสีดำ
“ไรเตอร์…” เขาเห็นแมวของเพื่อนสนิทแล้วย่อตัวนั่งพร้อมวางของในมือลงกับพื้น ความรู้สึกพลุ่งพล่านแล้วกางแขนเรียกไรเตอร์เข้ามาหา “มาหาฉันนี่มา เมี๊ยว ๆ ยังจำกันได้อยู่ใช่ไหม?”
เจ้าแมวส้มเห็นดังนั้นจึงเดินอย่างมั่นใจสู่อ้อมกอดและซุกไซ้อย่างเคยชิน ไรเตอร์จำกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของบ.ก.ต้นกล้าได้ แม้จะได้กลิ่นอีกอย่างที่ดูเป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
“แกคงเหงาล่ะสิที่เจ้านายของแกหายไปอยู่อย่างนี้ ฉันเองก็เหงาอยู่เหมือนกัน” บ.ก.ต้นกล้าพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง “แต่ที่เศร้าไม่แพ้กันก็คือ…ลูกชายของโจคินกำลังจะทำลายนิยายตำนานเพลิงอมตะแล้ว ถ้าฉันไม่สู้ต่อคงต้องสังเวยตัวเองด้วยการล้างมือออกจากวงการกลับบ้านไปเลี้ยงควายดีกว่ามั้ง แกคิดว่ายังไงล่ะ…? ถ้าอย่างนั้นฉันคงเอาแกไปเลี้ยงแทนได้แหละนะ”
ไรเตอร์มองลึกเข้าไปในดวงตาท่วมท้นไปด้วยหยดน้ำใสจึงกระโดดออกจากอ้อมอกเดินไปยังกระดาษแผ่นหนึ่งแล้วมองกลับมาแทนประโยคเอื้อนเอ่ย
บ.ก.ต้นกล้าเริ่มได้สติจึงไปตามที่เจ้าแมวขนนุ่มเรียก เนื้อตัวของตัวเปรอะไปด้วยน้ำหมึกสีดำกระจายไปทั่ว แต่อุ้งเท้าทั้งสี่ยิ่งเปื้อนเหมือนจุ่มลงทั้งข้าง เขามองกระดาษแผ่นนั้นอันเต็มไปด้วยลายมือยึกยือในช่วงแรก แต่หลังจากช่วงกลางแผ่นเริ่มอ่านออกโดยไม่อาศัยการคาดเดา เขาอ่านเนื้อหาในกระดาษนั้นไปเรื่อย ๆ กระทั่งแอลกอฮอลล์ในร่างกายถูกขับออกทางรูขุมขนแทนที่ด้วยอะดรีนาลินแห่งความตื่นเต้นและความหวังสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง
“หนะ… นี่มัน… ระ… ไรเตอร์… นี่ใครเป็นคนเขียนกันน่ะ…?” ดวงตาของชายวัยกลางคนเบิกกว้าง “ไม่ผิดแน่ ๆ ตัวละครนี้ ฉันจำได้ ฉันจำได้แม่น เป็นตัวที่ฉันเป็นคนเสนอให้โจคินสร้างขึ้นมาเพื่อให้ส่งผลกระทบต่อเนื้อเรื่อง ว่าแต่…ใครเป็นคนเขียนกันล่ะ? แถมยังเป็น… บทสุดท้ายของเล่มเจ็ดแล้วด้วย… เขาไม่เคยบอกสักครั้งว่ากำลังเขียนเล่มเจ็ดแต่แค่บอกว่าอยากใช้ชีวิตอยู่กับแมว… หรือว่า…”
เขามองไปยังอุ้งเท้าของไรเตอร์ ทุกอย่างจึงกระจ่าง
__________________________
To Be Continue CHAPTER 4