"ภาคิน" ทายาทมาเฟียผู้เย็นชาและแข็งกร้าว ถูกบังคับให้แต่งงานกับ "ศรัณย์" ทนายหนุ่มสุดแสนจะเรียบร้อย เพื่อล้างหนี้บุญคุณระหว่างสองตระกูล ไม่มีใครเต็มใจในข้อตกลงนี้ แต่เมื่ออยู่ร่วมกันไปติดตามต่อจ้าา
ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ไทย,ผู้ใหญ่,ดราม่า,วาย,มาเฟีย,มาเฟีย ,มาเฟียโหด,yaoi,yaoi ,ชาย-ชาย,ชายชาย,ชายรักชาย,ชายรับ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
รักร้ายพ่ายใจ"ภาคิน" ทายาทมาเฟียผู้เย็นชาและแข็งกร้าว ถูกบังคับให้แต่งงานกับ "ศรัณย์" ทนายหนุ่มสุดแสนจะเรียบร้อย เพื่อล้างหนี้บุญคุณระหว่างสองตระกูล ไม่มีใครเต็มใจในข้อตกลงนี้ แต่เมื่ออยู่ร่วมกันไปติดตามต่อจ้าา
แนว: โรแมนติก ดราม่า มาเฟีย อบอุ่นหัวใจ
เรื่องย่อ: "ภาคิน" ทายาทมาเฟียผู้เย็นชาและแข็งกร้าว ถูกบังคับให้แต่งงานกับ "ศรัณย์" ทนายหนุ่มสุดแสนจะเรียบร้อย เพื่อล้างหนี้บุญคุณระหว่างสองตระกูล ไม่มีใครเต็มใจในข้อตกลงนี้ แต่เมื่ออยู่ร่วมกันไป ความเย็นชาของภาคินกลับถูกทลายลงทีละนิด ขณะที่ศรัณย์ก็ค่อย ๆ เปิดเผยความลับบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปตลอดกาล
ศรัณย์ใช้ชีวิตในคฤหาสน์อัครเดชมาได้สามวันแล้ว
ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้คือความเงียบ ความเย็นชา ที่เต็มไปด้วยระยะห่างระหว่างเขากับภาคิน พวกเขาแทบไม่ได้พูดกันนอกจากเวลาที่จำเป็น และถึงจะเผชิญหน้ากันในห้องอาหารหรือทางเดิน ก็ไม่มีบทสนทนาใด ๆ นอกจากคำทักทายพื้นฐานที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า
ศรัณย์ไม่ได้รู้สึกอึดอัด เพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอีกฝ่าย แต่สิ่งที่เขาเริ่มสังเกตได้ก็คือ…
สายตาของคนในบ้าน
ไม่ว่าจะเป็นบอดี้การ์ด แม่บ้าน หรือแม้แต่พ่อบ้าน ทุกคนต่างจับตามองเขา ไม่ใช่ในเชิงหวาดระแวง แต่เป็นความรู้สึกแปลก ๆ ราวกับกำลังเฝ้าดูว่าเขาจะ ‘อยู่รอด’ ในบ้านหลังนี้ได้นานแค่ไหน
และนั่นก็ทำให้ศรัณย์สงสัยว่า…
‘ก่อนหน้านี้เคยมีใครเข้ามาอยู่ในตำแหน่งนี้เหมือนฉันหรือเปล่า?’
ช่วงบ่ายวันนั้น ศรัณย์เลือกที่จะนั่งอ่านหนังสืออยู่ในสวนหลังบ้าน แสงแดดอ่อน ๆ และลมเย็น ๆ ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
แต่ไม่นานนักก็มีเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินเข้ามาใกล้
เขาเงยหน้าขึ้นก่อนจะพบกับชายร่างสูงในชุดสูทดำ ดวงตาคมกริบที่เต็มไปด้วยไหวพริบทำให้ศรัณย์รู้ได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดธรรมดา
“คุณคือศรัณย์ใช่ไหมครับ?”
ศรัณย์วางหนังสือลงแล้วพยักหน้า “ครับ”
ชายคนนั้นยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ผมชื่อภพ เป็นมือขวาของคุณภาคิน”
ศรัณย์ไม่ได้แปลกใจนัก เขารู้ว่าคนอย่างภาคินต้องมี ‘คนสนิท’ ที่คอยดูแลเรื่องต่าง ๆ อยู่แล้ว และคน ๆ นั้นก็คงไม่พ้นชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ศรัณย์ถามตรง ๆ
ภพหัวเราะเบา ๆ “ใจเย็นครับ ผมแค่อยากมาทักทายและแนะนำตัว”
เขาหยุดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ “คุณอาจจะรู้สึกว่าในบ้านนี้มีบรรยากาศแปลก ๆ ใช่ไหมครับ?”
ศรัณย์มองอีกฝ่ายนิ่ง ๆ ก่อนจะพยักหน้า
“ทุกคนกำลังจับตามองผมอยู่”
ภพพยักหน้าช้า ๆ “ใช่ครับ แต่ไม่ต้องกังวล ทุกคนไม่ได้เกลียดคุณหรอก พวกเขาแค่… ไม่แน่ใจว่าคุณจะอยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหน”
ศรัณย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่ายังไง?”
ภพถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ก่อนหน้าคุณ… มีคนเคยถูกพามาอยู่ในฐานะ ‘คนของคุณภาคิน’”
คำพูดนั้นทำให้ศรัณย์ชะงักไปครู่หนึ่ง “แล้วตอนนี้… คนพวกนั้นอยู่ที่ไหน?”
ภพเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะยิ้ม
“ไม่มีใครอยู่ที่นี่อีกแล้ว”
ศรัณย์ไม่ได้ถามต่อ แต่เขารู้ว่าคำตอบนั้นมีความหมายมากกว่าที่ภพกำลังบอกเขา
และมันทำให้เขาเข้าใจอะไรบางอย่าง…
‘ที่นี่ไม่ใช่แค่บ้าน แต่มันเป็นสนามรบเงียบ ๆ ที่คนอ่อนแอไม่มีวันอยู่รอดได้’
ตกดึกคืนนั้น ศรัณย์ยังคงนั่งครุ่นคิดอยู่บนเตียง
เขาไม่รู้ว่าคนที่เคยอยู่ในตำแหน่งนี้ก่อนหน้าเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจ—
เขาจะไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองกลายเป็น ‘เหยื่อ’ ของสถานที่แห่งนี้
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น
ก๊อก.. ก๊อก..
ศรัณย์ขมวดคิ้ว ก่อนจะลุกไปเปิดประตู และพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือภาคิน
อีกฝ่ายอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมสองเม็ดเหมือนเดิม มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกข้างถือแก้ววิสกี้ไว้หลวม ๆ ดวงตาคมกริบจับจ้องมาที่เขา
“คุณจะยืนจ้องหน้าผมแบบนี้อีกนานไหม?”
ศรัณย์กลอกตาเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวให้ภาคินเดินเข้ามา
“คุณมาหาผมดึกขนาดนี้ มีอะไรหรือเปล่า?”
ภาคินไม่ได้ตอบในทันที เขาเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องของศรัณย์ก่อนจะยกแก้วขึ้นจิบช้า ๆ
ศรัณย์ยืนกอดอกรอคำตอบ แต่ภาคินกลับเงียบอยู่นาน จนกระทั่งในที่สุด อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาเบา ๆ
“ฉันรู้ว่าภพมาคุยกับนายแล้ว”
ศรัณย์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “คุณรู้?”
ภาคินกระตุกยิ้มเย็น ๆ “ที่นี่ไม่มีอะไรที่ฉันไม่รู้”
ศรัณย์ไม่ได้แปลกใจ เพราะเขารู้ว่าคนอย่างภาคินต้องคุมทุกอย่างไว้ในมืออยู่แล้ว
“แล้วคุณมีอะไรจะคุยกับผม?”
ภาคินมองเขานิ่ง ๆ ก่อนจะพูดขึ้นช้า ๆ
“ฉันไม่สนใจว่านายจะอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร หรือคิดจะออกไปเมื่อไหร่”
“แต่มีอย่างหนึ่งที่นายต้องจำไว้…”
เขาวางแก้วลงบนโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ศรัณย์จนแทบจะประชิดตัว
แววตาของภาคินเย็นชาและลึกลับยิ่งกว่าที่เคยเป็น
“ถ้านายคิดจะทำอะไรที่ทำให้ฉันไม่พอใจ…”
เสียงทุ้มต่ำกระซิบเบา ๆ ข้างหู
“…อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากที่นี่ง่าย ๆ”
คำพูดนั้นทำให้ศรัณย์รู้ได้ทันทีว่า—
‘นี่คือคำเตือน’