ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่
รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด,ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สัญญาใจใต้รัตติกาลธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่
นาวิน หัวหน้าแก๊งมาเฟียเงาจันทรา ดึง ธนิดา หญิงสาวธรรมดา เข้ามาในโลกอันตรายของเขาด้วยข้ออ้างหนี้ 50 ล้านของพ่อเธอ แต่เมื่อการทรยศของ ภูมิ ลูกน้องคนสนิท และการโจมตีจากแก๊งเสือดาวรุนแรงขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับลึกซึ้งเกินคาด ธนิดาค้นพบความลับของพ่อเธอ ขณะที่นาวินเผยความเปราะบางและความปรารถนาที่จะปกป้องเธอ
ทั้งสองต้องเผชิญสงครามเลือดกับเสือดาว ฝ่าฟันการต่อสู้สุดดุเดือด และการสูญเสียที่เจ็บปวด ธนิดากลายเป็นนักสู้เคียงข้างนาวิน
เรื่องราวของนาวินและธนิดาคือการเดินทางของความรักที่เกิดท่ามกลางความโหดร้าย การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และคำสัญญาที่แข็งแกร่งกว่าความตาย
แสงจากโคมระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ที่ห้อยลงมาจากเพดานของห้องอาหารในคฤหาสน์เงาจันทราส่งแสงสลัวๆ ไปทั่วทั้งบริเวณ
โต๊ะอาหารยาวที่ทำจากไม้โอ๊กสีเข้มถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบด้วย
จานชามสีขาวสะอาดตาและช้อนส้อมเงินที่วางเรียงกันอย่างพิถีพิถัน บรรยากาศในห้องนี้ควรจะดูสงบและหรูหรา แต่ความเงียบที่หนักอึ้งและสายตาที่เย็นชาของนาวินที่จ้องมาจากปลายโต๊ะทำให้ทุกอย่างรู้สึกกดดันราวกับมีพายุซ่อนอยู่ในความสงบนั้น
ธนิดานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเขา ห่างออกไปเกือบสามเมตร เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเก่าที่มณีนำมาให้เปลี่ยนหลังจากชุดของเธอเปียกฝน มือของเธอวางนิ่งอยู่บนตัก แม้ว่าจะถูกปลดเชือกที่มัดข้อมือออกแล้ว แต่รอยแดงที่เกิดจากการรัดแน่นยังคงปรากฏชัดเจน เธอมองไปที่จานอาหารตรงหน้า สเต๊กเนื้อชิ้นหนาที่มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยและมันบดสีครีมที่ถูกจัดวางอย่างสวยงาม น่ากินอยู่ไม่น้อย แต่เธอไม่มีอารมณ์จะแตะมันเลยสักนิด
รอบห้องอาหาร ลูกน้องของนาวินสามคนยืนนิ่งราวกับรูปปั้น แต่ละคนสวมเสื้อสูทสีดำและถือปืนกลสั้นที่แนบชิดกับลำตัว สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ธนิดาและประตูทางเข้าหลักของห้องราวกับพร้อมที่จะลงมือทุกเมื่อ เสียงฝนที่ตกลงมาจากด้านนอกยังคงดังแว่วเข้ามาเป็นระยะๆ ผสมกับเสียงลมหอนที่พัดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่ปิดม่านกำมะหยี่สีแดงเข้มไว้แน่นหนา
“กินสิ” นาวินพูดขึ้นเป็นคนแรกหลังจากความเงียบที่ยาวนาน เขาตัดสเต๊กชิ้นหนึ่งเข้าปากด้วยท่าทีสงบ แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องมาที่เธอไม่วางตา
“ฉันไม่หิว” ธนิดาตอบกลับสั้นๆ เธอพยายามไม่ให้เสียงของเธอสั่น แต่ความโกรธและความกลัวที่ยังคงวนเวียนอยู่ในใจทำให้เธอต้องกำมือแน่นใต้โต๊ะ
นาวินวางส้อมลงบนจานช้าๆ เสียงโลหะกระทบกับเซรามิกดังขึ้นเล็กน้อยในความเงียบ เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้และยกแก้วไวน์แดงขึ้นจิบก่อนจะพูดต่อ “ถ้าเธอไม่กิน เธอจะไม่มีแรง และถ้าเธอไม่มีแรง เธอจะตายเร็วขึ้นในโลกแห่งนี้”
“โลกแห่งนี้ที่คุณสร้างขึ้นมาเองงั้นเหรอ” เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประชด เธอรู้ดีว่าการพูดแบบนี้อาจทำให้เขาโมโห แต่เธอไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว เธอเบื่อที่จะต้องกลัวเขา เบื่อที่จะต้องนั่งนิ่งและยอมรับทุกอย่าง
นาวินยกยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยียบและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม “โลกนี้มีมานานก่อนที่ฉันจะเกิดซะอีก และพ่อของเธอก็เป็นคนเลือกที่จะเข้ามาในโลกนี้เอง”
คำพูดของเขาทำให้ธนิดาชะงัก เธอขมวดคิ้วและมองเขาด้วยความสงสัย “คุณหมายความว่ายังไง”
นาวินวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะและพิงตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ดวงตาคู่คมของเขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ “หนี้ 50 ล้านของพ่อเธอไม่ใช่แค่เรื่องการพนันธรรมดา เขาไม่ได้แค่เสียเงินในบ่อนใต้ดินแล้วหนีหายไป เขาถูกบงการโดยคนที่ต้องการล่อฉันออกมา”
“ล่อคุณออกมางั้นเหรอ” ธนิดาถามต่อ ความสับสนเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเธอ “ใครกันที่ต้องการตัวคุณ แล้วพ่อของฉันเกี่ยวอะไรด้วย”
“ศัตรูของฉัน...” นาวินตอบสั้นๆ “เงาจันทราไม่ได้มีแค่พันธมิตร เราเป็นเป้าหมายของแก๊งอื่นๆ ที่อยากครอบครองเมืองนี้ และพ่อของเธออาจเป็นแค่หมากตัวหนึ่งในเกมนี้”
ธนิดารู้สึกเหมือนมีบางอย่างกระแทกเข้าใส่หัวใจของเธอ เธอเคยสงสัยในตัวพ่อของเธอมาก่อน เขาเคยหายตัวไปเป็นวันๆ โดยไม่บอกเหตุผล และบางครั้งเขาก็กลับมาพร้อมกับรอยช้ำที่แขนหรือใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าเกินกว่าคนธรรมดาจะเป็น แต่เขาไม่เคยเล่าอะไรให้เธอฟังเลยสักครั้ง เธอเคยคิดว่าเขาคงแค่มีปัญหาการพนัน แต่คำพูดของนาวินทำให้เธอเริ่มสงสัยว่ามันอาจมีอะไรมากกว่านั้น
“คุณโกหก” เธอพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว “พ่อของฉันไม่ใช่คนแบบนั้น เขา...”
“เขาเป็นอะไร?!” นาวินขัดขึ้นทันควัน “เป็นพ่อที่ดีงั้นเหรอ? หรือเป็นแค่คนที่ทิ้งลูกสาวไว้กับหนี้ก้อนโตแล้วหายตัวไป” เขาหยุดพูดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขึ้น “เธอไม่ได้รู้จักพ่อของเธอดีเท่าที่เธอคิดหรอก”
ธนิดากำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ความโกรธและความสับสนปะปนกันอยู่ในใจของเธอ เธออยากจะเถียงกลับ อยากจะบอกเขาว่าเขาคิดผิด แต่ลึกๆ แล้วเธอก็รู้ว่ามีบางอย่างในคำพูดของเขาที่อาจเป็นความจริง เธอก้มหน้าลงและพยายามกลั้นน้ำตาที่เริ่มเอ่อขึ้นมาในดวงตา
ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ เสียงระเบิดดังสนั่นจากด้านหน้าคฤหาสน์ก็ทำให้ทุกคนในห้องอาหารสะดุ้งสุดตัว
ตูม!
พื้นสั่นสะเทือนเล็กน้อย โคมระย้าบนเพดานสั่นไหวจนแสงจากคริสตัลกระพริบวูบวาบ ลูกน้องทั้งสามคนในห้องยกปืนขึ้นทันทีและวิ่งไปที่ประตู นาวินลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยท่าทีที่ยังคงสงบ แต่ใบหน้าของเขาเริ่มตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น?!” เขาตะโกนสั่งลูกน้องด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
หนึ่งในลูกน้องวิ่งกลับเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “นายท่าน! แก๊งเสือดาวบุกมา! พวกมันระเบิดประตูหน้าและกำลังเข้ามาในเขตคฤหาสน์แล้ว!”
“เสือดาวเหรอ?” นาวินพูดพึมพำกับตัวเองก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องทันที “เรียกกำลังเสริมมาเดี๋ยวนี้! และพาเธอไปซ่อนตัว” เขาชี้มาที่ธนิดาด้วยสายตาที่เฉียบคม
ลูกน้องคนหนึ่งรีบวิ่งมาที่ธนิดาแล้วจับแขนเธอเพื่อลากเธอออกจากห้อง แต่ธนิดาสะบัดแขนออกด้วยความโมโห “ฉันไม่ไป!” เธอตะโกน “ถ้าฉันต้องตายที่นี่ ฉันจะไม่หนีไปซ่อนตัวเหมือนหนูไร้ค่าหรอกนะ!”
นาวินหันมามองเธอด้วยความประหลาดใจ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร เสียงปืนก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัง! ปัง!ปัง!
สิ้นเสียงก็ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของผู้คนก่อนจะตามมาด้วยคำสั่งตะโกนของลูกน้องที่เริ่มปะทะกับศัตรู
“ถ้าเธออยากตายก็ตามใจ” นาวินพูดสั้นๆ ก่อนจะหยิบปืนพกสีเงินจากเอวของเขาและวิ่งออกไปที่ประตู
ธนิดามองตามหลังเขาไปด้วยหัวใจที่เต้นรัว เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะนั่งนิ่ง เธอต้องทำอะไรสักอย่าง
สายตาของเธอเหลือบไปเห็นปืนพกอีกกระบอกที่วางอยู่ใต้โต๊ะอาหาร คงเป็นของลูกน้องคนหนึ่งที่วางทิ้งไว้ เธอรีบก้มลงหยิบมันขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย ปืนนั้นเย็นและหนักกว่าที่เธอจำได้จากสมัยที่พ่อสอนเธอยิง แต่ความรู้สึกคุ้นเคยเริ่มกลับมาในมือของเธอ เธอปลดเซฟตี้และถือมันแน่น ก่อนจะวิ่งตามนาวินออกไปจากห้อง
เมื่อเธอมาถึงโถงทางเข้าหลักของคฤหาสน์ เธอเห็นภาพที่วุ่นวายและน่าสะพรึงกลัว ประตูหน้าถูกระเบิดจนพังยับ เศษไม้และโลหะกระจัดกระจายไปทั่วพื้น กลุ่มชายชุดดำที่สวมหน้ากากสีแดง พวกนั้นคงเป็นคนของแก๊งเสือดาว กำลังยิงปะทะกับลูกน้องของนาวิน กลิ่นควันปืนและเลือดลอยคละคลุ้งในอากาศ เสียงปืนดังสนั่นราวกับสงครามขนาดย่อม
นาวินยืนอยู่กลางโถง เขายิงปืนพกของเขาด้วยความแม่นยำที่น่ากลัว ศัตรูสองคนล้มลงทันทีเมื่อกระสุนเจาะเข้าที่หน้าอกและศีรษะ แต่ศัตรูมีจำนวนมากเกินไป และลูกน้องของเขาค่อยๆ ถูกล้มลงทีละคน
ธนิดาเห็นชายคนหนึ่งในชุดแดงแอบเล็งปืนมาที่นาวินจากด้านข้าง เธอไม่คิดอะไรนานกว่านั้น เธอยกปืนขึ้นและเหนี่ยวไกทันที
ปัง!
กระสุนเจาะเข้าที่ไหล่ของชายคนนั้น เขากรีดร้องและล้มลงกับพื้น นาวินหันมามองเธอด้วยความตกตะลึงชั่วขณะ แต่เพียงวินาทีต่อมา ศัตรูอีกคนก็พุ่งเข้ามาที่เธอด้วยมีดในมือ
“ระวัง!” นาวินตะโกนก่อนจะยิงศัตรูคนนั้นล้มลงทันทีที่มันเข้าใกล้เธอ
ธนิดาหายใจถี่ เธอยังคงถือปืนแน่นและมองไปยังนาวินที่ยืนหอบอยู่ไม่ไกล เสียงปืนเริ่มเงียบลงเมื่อลูกน้องของนาวินที่เหลือจัดการศัตรูที่รอดชีวิตได้ เขาเดินเข้ามาหาเธอช้าๆ สายตาของเขาที่มองเธอเปลี่ยนไปจากเดิม มันเปลี่ยนจากความเย็นชาเป็นความสนใจ
“เธอยิงปืนเป็นด้วยเหรอ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ผสมด้วยความประหลาดใจ
“พ่อเคยสอนฉันตอนเด็ก” เธอตอบสั้นๆ หัวใจของเธอยังเต้นรัวจากอะดรีนาลีนที่พุ่งพล่าน
นาวินมองเธออยู่นานครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “น่าสนใจ” เขาพูดพึมพำ “บางทีเธออาจจะมีประโยชน์มากกว่าที่ฉันคิด”
เขาหันหลังและสั่งลูกน้องให้เก็บกวาดสถานที่ แต่ในใจของธนิดากลับเต็มไปด้วยคำถาม เธอเพิ่งช่วยชีวิตเขา และเขาก็ช่วยชีวิตเธอ แต่คำพูดของเขาเกี่ยวกับพ่อของเธอยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ถ้าพ่อของเธอถูกบงการจริง ใครกันที่อยู่เบื้องหลัง และทำไมเธอถึงต้องถูกดึงเข้ามาในเกมนี้
ฝนยังคงตกลงมาอย่างหนักนอกคฤหาสน์ ขณะที่ธนิดายืนนิ่งท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและควันปืน เธอรู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ในอนาคตอย่างแน่นอน