ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่

สัญญาใจใต้รัตติกาล - บทที่ 4 โดย กชญาณ์พัฒน์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด,ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สัญญาใจใต้รัตติกาล

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง

รายละเอียด

สัญญาใจใต้รัตติกาล โดย กชญาณ์พัฒน์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่

ผู้แต่ง

กชญาณ์พัฒน์

เรื่องย่อ

 

นาวิน หัวหน้าแก๊งมาเฟียเงาจันทรา ดึง ธนิดา หญิงสาวธรรมดา เข้ามาในโลกอันตรายของเขาด้วยข้ออ้างหนี้ 50 ล้านของพ่อเธอ แต่เมื่อการทรยศของ ภูมิ ลูกน้องคนสนิท และการโจมตีจากแก๊งเสือดาวรุนแรงขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับลึกซึ้งเกินคาด ธนิดาค้นพบความลับของพ่อเธอ ขณะที่นาวินเผยความเปราะบางและความปรารถนาที่จะปกป้องเธอ

ทั้งสองต้องเผชิญสงครามเลือดกับเสือดาว ฝ่าฟันการต่อสู้สุดดุเดือด และการสูญเสียที่เจ็บปวด ธนิดากลายเป็นนักสู้เคียงข้างนาวิน 

เรื่องราวของนาวินและธนิดาคือการเดินทางของความรักที่เกิดท่ามกลางความโหดร้าย การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และคำสัญญาที่แข็งแกร่งกว่าความตาย 

สารบัญ

สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 1,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 2,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 3,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 4,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 5,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 6,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 7,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 8,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 9,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 10,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 11,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 12,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 13,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 14,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 15,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 16

เนื้อหา

บทที่ 4

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากการบุกโจมตีของแก๊งเสือดาว ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งคืนเริ่มซาลง เหลือเพียงละอองฝนบางๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ ธนิดายืนอยู่ที่หน้าต่างห้องพักของเธอ มองออกไปยังสวนหลังคฤหาสน์ที่ปรากฏให้เห็นผ่านม่านกำมะหยี่สีดำที่เธอแง้มออกเล็กน้อย สวนนั้นกว้างขวางและเงียบสงบ มีน้ำพุหินอ่อนตั้งอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจีที่ใบยังเปียกชื้นจากฝนเมื่อคืน ลมเย็นพัดผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้ ทำให้กลิ่นดินเปียกและใบไม้ลอยเข้ามาคลอเคลียที่ปลายจมูกของเธอ

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามให้อากาศเย็นๆ ช่วยขจัดความรู้สึกอึดอัดที่ยังคงกดทับอยู่ในอกตั้งแต่เมื่อคืน ภาพของการต่อสู้ในโถงทางเข้าหลักยังคงติดตาเธออยู่ เสียงปืนที่ดังสนั่น กลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้ง และใบหน้าของนาวินที่เปลี่ยนไปเมื่อเธอยิงช่วยเขา เธอยังจำน้ำเสียงของเขาได้ดีเมื่อเขาพูดว่า ‘น่าสนใจ’ คำพูดนั้นวนเวียนอยู่ในหัวของเธอราวกับปริศนาที่เธอยังหาคำตอบไม่ได้

ธนิดาตัดสินใจว่าเธอทนอยู่ในห้องที่ถูกล็อกนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอต้องการอากาศบริสุทธิ์ ต้องการหลุดพ้นจากความรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษนี้ แม้ว่าจะเป็นแค่ชั่วครู่ก็ตาม เธอเดินไปที่ประตูและเคาะมันเบาๆ ไม่นานนัก เสียงกุญแจดังกริ๊กจากด้านนอก และประตูก็ถูกเปิดออกโดยลูกน้องของนาวินคนหนึ่ง เขามองเธอด้วยสายตาที่ระแวง แต่ไม่ได้พูดอะไร

“ฉันอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “แค่ในสวนหลังบ้าน ไม่หนีไปไหนแน่”

ลูกน้องคนนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าและพาเธอเดินลงบันไดไปยังชั้นล่าง เขาเดินตามหลังเธอห่างๆ พร้อมปืนกลสั้นที่แนบชิดกับลำตัว แต่ธนิดาไม่สนใจ เธอแค่ต้องการหายใจให้เต็มปอดสักครั้ง

เมื่อเธอเดินออกมาถึงสวนหลังคฤหาสน์ อากาศเย็นชื้นสัมผัสผิวของเธอทันที เสียงน้ำพุที่ไหลลงสู่แอ่งหินดังเบาๆ ผสมกับเสียงลมที่พัดผ่านใบไม้ ทำให้เธอรู้สึกสงบลงบ้าง เธอเดินไปนั่งที่ม้านั่งหินใกล้น้ำพุ และมองไปยังคฤหาสน์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง กำแพงสูงและกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ทุกมุมทำให้เธอรู้สึกเหมือนอยู่ในกรงขนาดยักษ์

ขณะที่เธอกำลังนั่งนิ่งอยู่นั้น เสียงฝีเท้าเบาๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เธอหันไปมองและเห็นร่างของภูมิชายร่างสูงผอมที่แนะนำตัวว่าเป็นคนสนิทของนาวินเมื่อวานนี้ เขาเดินเข้ามาใกล้ สวมเสื้อสูทสีดำเหมือนเดิม ผมสีน้ำตาลเข้มถูกหวีเรียบไปด้านหลัง และดวงตาคู่เล็กของเขามองมาที่เธอด้วยท่าทีที่เย็นชาแต่แฝงด้วยบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก

“ทำไมคุณออกมาอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

ธนิดามองเขาด้วยความระแวง “ฉันแค่อยากสูดอากาศบ้างก็เท่านั้น” เธอตอบ “ที่นี่มันอึดอัดเกินไปสักหน่อยน่ะค่ะ”

ภูมิพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินมานั่งที่ม้านั่งหินฝั่งตรงข้ามของเธอ เขามองไปรอบๆ ราวกับตรวจสอบว่ามีใครอยู่ใกล้ๆ หรือไม่ ก่อนจะก้มตัวลงและพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาจนแทบเป็นกระซิบ “ฟังผมให้ดีนะครับ มีคนในคฤหาสน์นี้ที่กำลังทรยศนายท่าน”

คำพูดของเขาทำให้ธนิดาชะงัก เธอขมวดคิ้วและมองเขาด้วยความสงสัย “ทรยศเหรอ คุณหมายถึงใคร”

“ผมก็ยังไม่แน่ใจ” ภูมิตอบ “แต่ผมกำลังสงสัยป้ามณี แม่บ้านที่ดูแลคุณ เธอดูแปลกๆ มาตั้งแต่เมื่อคืน เธออยู่ใกล้โถงทางเข้าตอนที่เสือดาวบุกมา แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด”

ธนิดารู้สึกถึงความหนาวเย็นที่วิ่งผ่านกระดูกสันหลังของเธอ เธอนึกถึงมณี หญิงวัยกลางคนที่มีรอยแผลเป็นที่แขนและท่าทางที่ดูไม่น่าไว้ใจ เธอเคยเห็นมณีแอบกดโทรศัพท์เมื่อวานนี้ และคำพูดของภูมิยิ่งทำให้เธอเริ่มสงสัยในตัวแม่บ้านคนนั้นมากขึ้น

“แล้วทำไมคุณถึงมาบอกฉันล่ะ” เธอถามต่อ “คุณไม่กลัวว่าฉันจะไปบอกนาวินเหรอคะ”

ภูมิยิ้มมุมปาก รอยยิ้มนั้นดูเหมือนจะซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ “เพราะคุณธนิดาเป็นคนนอก คุณไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเงาจันทรา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น คุณอาจเป็นคนเดียวที่รู้ความจริง”

ธนิดาเงียบไปครู่หนึ่ง เธอไม่รู้ว่าควรเชื่อภูมิหรือไม่ เขาดูเหมือนคนที่ไว้ใจได้ในแวบแรก แต่สายตาของเขาที่จ้องเธอตลอดเวลาทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ เธอพยักหน้าเบาๆ และตัดสินใจเก็บคำพูดของเขาไว้ในใจก่อน

“ฉันจะลองสังเกตดู” เธอพูดสั้นๆ “แต่ถ้าคุณโกหก ฉันจะไม่ปล่อยคุณไว้แน่”

ภูมิลุกขึ้นจากม้านั่งและพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินหายไปในเงาของต้นไม้ใหญ่โดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ธนิดามองตามหลังเขาไปด้วยหัวใจที่เต้นแรง เธอเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงเข้าไปในเกมที่ซับซ้อนและอันตรายมากขึ้นทุกขณะ

เมื่อถึงช่วงค่ำของวันนั้น ธนิดานั่งอยู่ในห้องพักของเธอตามลำพัง เธอพยายามทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่เธอมาถึงคฤหาสน์แห่งนี้ การบุกของเสือดาว คำพูดของนาวินเกี่ยวกับพ่อของเธอ และคำเตือนของภูมิเกี่ยวกับมณี เธอตัดสินใจว่าถ้าเธอต้องอยู่ที่นี่ เธอจะต้องหาความจริงให้ได้ ไม่ใช่แค่นั่งรอให้คนอื่นตัดสินชะตาของเธอ

ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอก เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นเงาของใครบางคนผ่านช่องใต้ประตู เธอลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตู แต่ก่อนที่เธอจะได้เคาะมัน ประตูถูกปลดล็อกและเปิดออก เผยให้เห็นมณียืนอยู่ตรงนั้น เธอถือถาดอาหารที่มีข้าวต้มร้อนๆ และน้ำเปล่ามาวางให้เหมือนทุกครั้ง

“ทานให้อร่อยนะคะคุณธนิดา” มณีพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่ธนิดาสังเกตเห็นว่าเธอหลบตาเล็กน้อย

“ขอบคุณค่ะ” ธนิดาตอบสั้นๆ เธอจ้องมองมณีอย่างพิจารณา และสังเกตเห็นว่าแม่บ้านคนนี้ดูตื่นตระหนกมากกว่าปกติ มือของเธอสั่นเล็กน้อยขณะวางถาดลง และเมื่อมณีหันหลังเดินออกไป ธนิดาได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเบาๆ จากกระเป๋าเสื้อของเธอ มณีรีบหยิบมันขึ้นมากดปิดอย่างรวดเร็วก่อนจะปิดประตู

“น่าแปลกจริงๆ” ธนิดาพึมพำกับตัวเอง เธอเริ่มแน่ใจแล้วว่ามณีต้องซ่อนอะไรบางอย่างไว้แน่ๆ เธอตัดสินใจว่าเธอจะต้องจับตาดูมณีให้มากขึ้น และอาจต้องหาทางเข้าใกล้เธอเพื่อดูว่าเธอกำลังติดต่อกับใคร

คืนนั้น ขณะที่ธนิดานอนอยู่บนเตียงและพยายามข่มตาให้หลับ เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นก็ดังขึ้นจากโถงทางเดิน เธอลุกขึ้นนั่งทันที และไม่นานนัก ประตูห้องของเธอก็ถูกเปิดออกโดยนาวิน เขายังคงสวมเสื้อโค้ตสีดำเหมือนเดิม แต่คราวนี้ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้ากว่าที่เธอเคยเห็น ดวงตาคู่คมของเขามองมาที่เธอด้วยท่าทีที่จริงจัง

“ลุกขึ้น” เขาสั่งสั้นๆ “ฉันมีอะไรจะคุยกับเธอ”

ธนิดาขมวดคิ้วแต่ก็ลุกขึ้นตามคำสั่ง เธอเดินตามเขาออกไปจากห้องและลงบันไดไปยังห้องทำงานที่ชั้นล่าง ห้องนั้นมีกลิ่นบุหรี่จางๆ ลอยอยู่ในอากาศ โต๊ะทำงานไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ล้อมรอบด้วยตู้หนังสือสูงจรดเพดาน และมีเก้าอี้หนังสีน้ำตาลเข้มสองตัววางอยู่หน้าตู้

“นั่งสิ” เขาชี้ไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง

ธนิดานั่งลงและมองเขาด้วยความสงสัย “คุณจะให้ฉันทำอะไรอีกล่ะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความระแวง

นาวินเดินไปนั่งที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เขาจุดบุหรี่มวนหนึ่งและสูบมันช้าๆ ก่อนจะพูดขึ้น “เมื่อคืน เธอพิสูจน์แล้วว่าเธอไม่ใช่แค่ตัวประกันธรรมดา แต่เธอยิงปืนได้ และเธอไม่กลัวที่จะสู้ ฉันต้องการให้เธอช่วยฉัน”

“ช่วยอะไร?” เธอถามต่อ

“ฉันรู้ว่ามีคนในคฤหาสน์นี้ที่กำลังทรยศฉัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “การบุกของเสือดาวเมื่อคืนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พวกมันรู้จุดอ่อนของคฤหาสน์นี้ดีเกินไป ฉันต้องการให้เธอสอดแนมคนในบ้านให้ฉัน”

ธนิดาชะงัก เธอนึกถึงคำพูดของภูมิทันที แต่เธอไม่แสดงออกมาให้เขาเห็น “ทำไมต้องเป็นฉัน” เธอถาม “คุณมีลูกน้องตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องให้ฉันทำด้วย”

“เพราะเธอเป็นคนนอก” นาวินตอบแบบเดียวกับที่ภูมิบอกเธอเป๊ะ “เธอไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเงาจันทรา และไม่มีใครในนี้สงสัยว่าเธอจะทำอะไรแบบนี้” เขาหยุดสูบบุหรี่ชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าเธอช่วยฉัน หนี้ของพ่อเธออาจลดลง หรือบางที ฉันอาจจะปล่อยเธอไปเร็วกว่าเดิม”

คำพูดของเขาทำให้ธนิดาคิดหนัก เธอรู้ว่านี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่เธอจะได้อิสรภาพคืนมา แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้ว่านี่คือการก้าวเข้าไปในเกมที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขาและพยายามหาความจริงจากมัน แต่สิ่งที่เธอเห็นมีเพียงความมืดมิดที่ลึกเกินหยั่งถึง

“ฉันจะลองดู” เธอตอบในที่สุด “แต่ถ้าฉันเจออะไร ฉันจะบอกคุณตามที่ฉันเห็น”

นาวินพยักหน้าและเป่าควันบุหรี่ออกจากปาก “ดี” เขาพูดสั้นๆ “คุณเริ่มจากมณีก่อนเลย เธอแปลกๆ มาตั้งแต่เมื่อวาน”

ธนิดารู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น เธอไม่บอกเขาว่าภูมิเคยเตือนเธอเรื่องนี้มาก่อน เธอตัดสินใจเก็บความลับนี้ไว้กับตัวเองก่อน จนกว่าเธอจะแน่ใจว่าเธอสามารถเชื่อใจใครได้บ้าง

เมื่อเธอกลับมาที่ห้องพักของตัวเองในคืนนั้น เธอนอนลงบนเตียงและมองไปที่เพดานด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วน สายลมแห่งความสงสัยได้พัดเข้ามาในชีวิตของเธอแล้ว และเธอรู้ว่าเธอต้องเผชิญหน้ากับมัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม