ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่

สัญญาใจใต้รัตติกาล - บทที่ 5 โดย กชญาณ์พัฒน์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด,ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สัญญาใจใต้รัตติกาล

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง

รายละเอียด

สัญญาใจใต้รัตติกาล โดย กชญาณ์พัฒน์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่

ผู้แต่ง

กชญาณ์พัฒน์

เรื่องย่อ

 

นาวิน หัวหน้าแก๊งมาเฟียเงาจันทรา ดึง ธนิดา หญิงสาวธรรมดา เข้ามาในโลกอันตรายของเขาด้วยข้ออ้างหนี้ 50 ล้านของพ่อเธอ แต่เมื่อการทรยศของ ภูมิ ลูกน้องคนสนิท และการโจมตีจากแก๊งเสือดาวรุนแรงขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับลึกซึ้งเกินคาด ธนิดาค้นพบความลับของพ่อเธอ ขณะที่นาวินเผยความเปราะบางและความปรารถนาที่จะปกป้องเธอ

ทั้งสองต้องเผชิญสงครามเลือดกับเสือดาว ฝ่าฟันการต่อสู้สุดดุเดือด และการสูญเสียที่เจ็บปวด ธนิดากลายเป็นนักสู้เคียงข้างนาวิน 

เรื่องราวของนาวินและธนิดาคือการเดินทางของความรักที่เกิดท่ามกลางความโหดร้าย การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และคำสัญญาที่แข็งแกร่งกว่าความตาย 

สารบัญ

สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 1,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 2,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 3,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 4,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 5,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 6,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 7,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 8,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 9,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 10,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 11,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 12,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 13,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 14,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 15,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 16

เนื้อหา

บทที่ 5

กลิ่นบุหรี่จางๆ ลอยคละคลุ้งอยู่ในห้องทำงานของนาวิน บรรยากาศในห้องนี้หนักอึ้งและมืดมิดราวกับซ่อนความลับที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง โต๊ะทำงานไม้โอ๊กสีเข้มตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง ล้อมรอบด้วยตู้หนังสือสูงจรดเพดานที่เต็มไปด้วยหนังสือปกแข็งเก่าๆ ซึ่งบางเล่มดูเหมือนไม่เคยถูกเปิดมาก่อน 

แสงจากโคมไฟตั้งโต๊ะสีทองแดงส่องลงมาบนใบหน้าของนาวิน ทำให้รอยแผลเป็นที่มุมคิ้วซ้ายของเขาดูเด่นชัดยิ่งขึ้น เขานั่งอยู่หลังโต๊ะ บุหรี่มวนหนึ่งคีบอยู่ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลาง ควันสีขาวลอยวนขึ้นไปในอากาศก่อนจะจางหายไปในความมืดของห้อง

ธนิดายืนอยู่หน้าตู้หนังสือฝั่งตรงข้าม เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเก่าที่มณีเคยนำมาให้ และกางเกงยีนส์ที่ดูโทรมเล็กน้อยจากเหตุการณ์เมื่อสองคืนก่อน ดวงตาคู่คมของเธอมองไปที่นาวินด้วยความรู้สึกที่ปะปนกัน มันเต็มไปด้วยความระแวง ความโกรธ และความอยากรู้ 

เธอถูกเรียกตัวมาที่นี่หลังจากที่เธอตกลงจะช่วยเขาสอดแนมคนในคฤหาสน์เมื่อคืนนี้ และตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่บนเส้นบางๆ ระหว่างการเป็นพันธมิตรหรือเหยื่อของเขา

“เธอเจออะไรมาบ้าง” นาวินถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เขาเป่าควันบุหรี่ออกจากปากก่อนจะวางมันลงบนที่เขี่ยบุหรี่สีเงินที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ

ธนิดาหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมสติ เธอรู้ว่านี่คือโอกาสที่เธอจะต้องพูดความจริงบางส่วน แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ยังไม่แน่ใจว่าเธอควรเปิดเผยทุกอย่างที่ภูมิพูดกับเธอหรือไม่ เธอตัดสินใจเลือกคำพูดอย่างระมัดระวัง

“ฉันรู้สึกเหมือนกันว่าป้ามณีมีท่าทีแปลกๆ” เธอเริ่มพูด “เมื่อวานตอนที่เธอเอาอาหารมาให้ ฉันเห็นเธอหลบตา และมือของเธอสั่นเล็กน้อยเหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง พอเธอหันหลัง ฉันได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังจากกระเป๋าเสื้อของเธอ เธอรีบปิดมันทันทีเหมือนไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอกำลังติดต่อกับใคร”

นาวินนั่งนิ่ง สายตาของเขาจ้องมาที่เธออย่างพิจารณา เขาดูเหมือนกำลังชั่งน้ำหนักคำพูดของเธออยู่ว่าจะเชื่อหรือไม่ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พยักหน้าเบาๆ 

“ฉันสงสัยมณีมานานแล้ว” เขาพูด “เธอทำงานที่นี่มากว่าสิบปี ฉันเคยไว้ใจเธอ แต่ตั้งแต่สองสามเดือนก่อน เธอเริ่มมีท่าทีแปลกๆ”

“แปลกยังไงคะ” ธนิดาถามต่อ เธอขยับตัวเข้าใกล้โต๊ะเล็กน้อยเพื่อฟังคำตอบของเขาให้ชัดขึ้น

“เธอหายตัวไปจากคฤหาสน์บ่อยครั้ง โดยเฉพาะตอนกลางคืน” นาวินตอบ “ฉันเคยส่งคนตามเธอ แต่เธอฉลาดเกินกว่าจะทิ้งหลักฐานไว้ และเมื่อวานตอนที่เสือดาวบุกมา เธออยู่ใกล้โถงทางเข้า แต่กลับไม่มีรอยขีดข่วนสักนิด”

ธนิดารู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ไหลผ่านร่างของเธอ คำพูดของนาวินสอดคล้องกับสิ่งที่ภูมิเตือนเธอในสวนเมื่อวานนี้ เธอเริ่มแน่ใจแล้วว่ามณีต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลแน่ๆ แต่คำถามที่ยังค้างอยู่ในใจของเธอคือ ถ้ามณีเป็นสายลับของเสือดาวจริง ทำไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่นานขนาดนี้โดยไม่มีใครจับได้

“คุณมีหลักฐานอะไรบ้าง” เธอถาม “ถ้าคุณสงสัยเธอมานาน ทำไมไม่จัดการเธอไปเลยล่ะ”

นาวินยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม “เพราะฉันต้องการจับตัวการที่แท้จริง ไม่ใช่แค่หมากตัวเล็กๆ อย่างมณี ถ้าเธอเป็นสายลับจริง คนที่สั่งเธอต้องเป็นคนใหญ่กว่านี้ และฉันจะไม่ลงมือจนกว่าฉันจะรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง”

ธนิดาพยักหน้ารับ เธอเข้าใจตรรกะของเขา แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกถึงความอันตรายที่เพิ่มขึ้น ถ้ามณีเป็นสายลับจริง และถ้าเธอถูกจับได้ว่ากำลังสอดแนม เธออาจตกอยู่ในอันตรายมากกว่าที่เธอคิด

นาวินลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปที่ตู้เล็กๆ ข้างตู้หนังสือ เขาเปิดลิ้นชักและหยิบปืนพกสีดำขนาดกะทัดรัดออกมา ก่อนจะเดินกลับมาที่เธอและยื่นมันให้เธอ

“อะไร ให้ฉันทำไม” ธนิดาถามด้วยความสงสัย เธอมองปืนในมือของเขาด้วยสายตาที่ระแวง

“เก็บไว้ป้องกันตัว” เขาตอบสั้นๆ “ถ้าเธอจะช่วยฉันสอดแนม เธอต้องมีอะไรติดตัวไว้บ้าง”

ธนิดาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอรู้ว่าการรับปืนจากเขาคือการยอมรับบทบาทที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในโลกนี้ โลกที่เธอไม่เคยอยากเข้ามา แต่เมื่อเธอนึกถึงร่างของลุงสมชายที่นอนจมกองเลือด และการต่อสู้เมื่อคืนที่เธอเกือบตาย เธอก็รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่น เธอยื่นมือออกไปรับปืนนั้นและจับมันแน่น มันเย็นและหนักในมือของเธอ แต่ก็ให้ความรู้สึกปลอดภัยในแบบที่แปลกประหลาด

“ในโลกนี้ไม่มีใครไว้ใจได้” นาวินพูดต่อ น้ำเสียงของเขาต่ำลงจนแทบเป็นกระซิบ “แม้แต่ฉัน...”

คำพูดของเขาทำให้ธนิดาชะงัก เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขาและพยายามหาความหมายที่ซ่อนอยู่ แต่สิ่งที่เธอเห็นมีเพียงความมืดมิดที่ลึกเกินหยั่งถึง เธอพยักหน้าเบาๆ และเก็บปืนไว้ที่เอวของเธอ โดยซ่อนมันไว้ใต้เสื้อเชิ้ตนั้น

“ฉันจะจำไว้” เธอตอบ “แต่ถ้าฉันช่วยคุณ คุณต้องสัญญาว่าจะลดหนี้ของพ่อฉันจริงๆ”

นาวินยิ้มเล็กน้อย “ถ้าเธอทำได้ดี ฉันจะพิจารณา”

เขาหันหลังและเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ โดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ธนิดารู้ว่านี่คือสัญญาณให้เธอออกไป เธอเดินออกจากห้องทำงานด้วยหัวใจที่เต้นแรง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งก้าวเข้าไปในเกมที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม เกมแห่งความไว้ใจที่ไม่มีใครรู้ว่าใครคือมิตรหรือศัตรู

คืนนั้น ธนิดานอนไม่หลับ เธอนั่งอยู่บนเตียงในห้องพักของเธอ มือของเธอจับปืนที่ซ่อนอยู่ใต้หมอนแน่น ความเงียบในคฤหาสน์ทำให้เธอรู้สึกกดดันผิดปกติ เธอพยายามทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้น คำพูดของภูมิเกี่ยวกับมณี คำเตือนของนาวิน และท่าทีแปลกๆ ของมณีที่เธอเห็นเมื่อวาน เธอตัดสินใจว่าเธอจะต้องหาทางเข้าใกล้มณีให้มากขึ้นเพื่อหาความจริง

ปัง!

ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงปืนดังขึ้นจากชั้นล่างของคฤหาสน์ ทำให้เธอสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงฝีเท้าที่วิ่งกันวุ่นวาย เธอรีบคว้าปืนจากใต้หมอนและลุกขึ้นยืนทันที หัวใจของเธอเต้นรัวราวกับจะหลุดออกจากอก

“เกิดอะไรขึ้น?!” เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะวิ่งไปที่ประตู เธอพยายามบิดลูกบิด แต่ประตูถูกล็อกจากด้านนอกเหมือนทุกคืน เธอทุบประตูสองสามครั้งและตะโกนออกไป “มีใครอยู่ข้างนอกไหม!! ปลดล็อกเดี๋ยวนี้!”

แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ มีเฉพาะเสียงปืนที่ดังขึ้นอีกสองนัด...

ปัง! ปัง!

เสียงร้องโอดครวญที่ดังแว่วมาจากโถงชั้นล่าง เธอรู้สึกถึงความกลัวที่พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันผสมกับความโกรธ เธอไม่ยอมถูกขังไว้ที่นี่โดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ธนิดามองไปรอบๆ ห้องและเห็นเก้าอี้ไม้ตัวเล็กที่วางอยู่ใกล้โต๊ะ เธอหยิบมันขึ้นมาและทุบไปที่ลูกบิดประตูด้วยแรงทั้งหมดที่เธอมี 

ปัง! ปัง!ปัง!

หลังจากทุบไปสามครั้ง ลูกบิดก็หลุดออก และประตูเปิดแง้มออกเล็กน้อย เธอผลักมันออกและวิ่งออกไปจากห้องทันที

เมื่อเธอมาถึงโถงชั้นล่าง สิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอหยุดชะงัก ร่างของลูกน้องนาวินสองคนนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นหินอ่อน หนึ่งในนั้นมีบาดแผลถูกยิงที่หน้าอก อีกคนถูกยิงที่ศีรษะ เลือดไหลนองออกมาจนพื้นเปื้อนเป็นสีแดงเข้ม กลิ่นคาวเลือดผสมกับกลิ่นควันปืนลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เธอรู้สึกคลื่นไส้พุ่งขึ้นมา แต่เธอกัดฟันแน่นเพื่อกลั้นมันไว้

“นาวิน!” เธอตะโกนเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ เธอเดินไปที่โถงทางเข้าหลัก ซึ่งยังคงมีร่องรอยความเสียหายจากการบุกเมื่อสองคืนก่อน ประตูหน้าถูกเปิดทิ้งไว้ และลมเย็นจากด้านนอกพัดเข้ามาพร้อมกับละอองฝนบางๆ

ขณะที่เธอกำลังสำรวจอยู่นั้น เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เธอหันกลับไปและเห็นนาวินเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ เขาถือปืนพกในมือ และเลือดเปื้อนอยู่ที่แขนเสื้อของเขา แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เลือดของเขาเอง

“เกิดอะไรขึ้น” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา

“มีคนบุกเข้ามา” เขาตอบสั้นๆ “ฆ่าลูกน้องฉันสองคนแล้วหนีไป”

“ใคร...” เธอถามต่อ

นาวินมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา “ฉันยังไม่รู้ แต่มีคนที่ฉันสงสัย...” เขาหยุดพูดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “...มณีหายตัวไป”

ธนิดารู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น คำพูดของภูมิและคำเตือนของนาวินเกี่ยวกับมณีผุดขึ้นมาในหัวของเธอทันที 

“คุณคิดว่าเธอเป็นคนทำเหรอ” เธอถาม

“อาจจะ” นาวินตอบ “หรือเธออาจเป็นคนเปิดทางให้ศัตรูเข้ามา ไม่ว่าจะยังไง เธอก็หายตัวไปแล้ว และฉันจะตามหาเธอให้เจอ”

เขาหันไปสั่งลูกน้องที่เริ่มวิ่งเข้ามาในโถง “ตามหามณีเดี๋ยวนี้! ถ้าเจอ อย่าปล่อยให้รอด!” จากนั้นเขาหันกลับมามองธนิดา “ส่วนเธอ กลับไปที่ห้อง และระวังตัวให้ดี”

ธนิดาพยักหน้ารับ แต่ในใจของเธอเต็มไปด้วยคำถาม มณีหายไปจริงหรือ หรือเธอถูกฆ่าตายและซ่อนร่างไว้ที่ไหนสักแห่งกันแน่ แล้วถ้ามณีเป็นสายลับของเสือดาวจริง ทำไมเธอถึงเลือกหนีไปตอนนี้ ทำไมไม่รอจังหวะที่ดีกว่านี้อีกสักหน่อย

เมื่อเธอกลับมาที่ห้องพักของตัวเองในคืนนั้น เธอนั่งลงบนเตียงและจับปืนที่เขาให้มาแน่น เธอรู้สึกถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในทุกอณูของร่างกาย และคำพูดของนาวินที่ว่า ‘ในโลกนี้ไม่มีใครไว้ใจได้ แม้แต่ฉัน’ ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเธอ เธอเริ่มรู้สึกว่าเกมแห่งความไว้ใจนี้กำลังจะกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่มีวันจบ และเธออาจต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่โหดร้ายยิ่งกว่านี้ในไม่ช้า