ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่
รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด,ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สัญญาใจใต้รัตติกาลธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่
นาวิน หัวหน้าแก๊งมาเฟียเงาจันทรา ดึง ธนิดา หญิงสาวธรรมดา เข้ามาในโลกอันตรายของเขาด้วยข้ออ้างหนี้ 50 ล้านของพ่อเธอ แต่เมื่อการทรยศของ ภูมิ ลูกน้องคนสนิท และการโจมตีจากแก๊งเสือดาวรุนแรงขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับลึกซึ้งเกินคาด ธนิดาค้นพบความลับของพ่อเธอ ขณะที่นาวินเผยความเปราะบางและความปรารถนาที่จะปกป้องเธอ
ทั้งสองต้องเผชิญสงครามเลือดกับเสือดาว ฝ่าฟันการต่อสู้สุดดุเดือด และการสูญเสียที่เจ็บปวด ธนิดากลายเป็นนักสู้เคียงข้างนาวิน
เรื่องราวของนาวินและธนิดาคือการเดินทางของความรักที่เกิดท่ามกลางความโหดร้าย การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และคำสัญญาที่แข็งแกร่งกว่าความตาย
สายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อครู่เริ่มซาลง เหลือเพียงละอองฝนบางๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศและหยดลงจากรอยรั่วบนหลังคาโกดังร้าง เสียงน้ำหยดกระทบพื้นคอนกรีตดังเป็นจังหวะเบาๆ ผสมกับเสียงลมที่พัดผ่านช่องว่างของกำแพงไม้เก่าๆ ที่ผุพัง แสงจันทร์สีเงินลอดผ่านรอยแตกของหลังคาและหน้าต่างที่แตกออก สาดส่องลงมาบนพื้นโกดังเป็นลำแสงสลัวๆ ทำให้ภายในโกดังดูเหมือนฉากในฝันที่ทั้งเงียบสงบและน่าขนลุกในเวลาเดียวกัน
ธนิดานั่งพิงกองกล่องไม้ที่เต็มไปด้วยฝุ่น เธอหายใจถี่จากความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจากการโจมตีเมื่อครู่ เสื้อแจ็กเก็ตสีเทาของเธอเปียกชุ่มและมีรอยขาดที่ไหล่จากการคลานออกจากรถที่คว่ำ ปืนพกในมือของเธอวางนิ่งอยู่บนตัก เธอมองไปที่มันด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ยังไม่เชื่อตัวเองเลยว่าเธอเพิ่งผ่านการไล่ล่าที่เกือบฆ่าเธอมาได้
นาวินนั่งอยู่ไม่ไกลจากเธอ เขาพิงกำแพงโกดังด้วยท่าทีที่ดูเหนื่อยล้า ปืนกลสั้นของเขาวางอยู่ข้างตัว เขายกมือขึ้นเช็ดหน้าผากที่เปื้อนเลือดจากรอยขีดข่วน แต่ทันใดนั้น เขาก็สะดุ้งเล็กน้อยและกุมแขนซ้ายของตัวเองแน่น ธนิดาสังเกตเห็นสีหน้าที่บิดเบี้ยวของเขา และเมื่อแสงจันทร์ส่องลงมาที่แขนของเขา เธอก็เห็นเลือดสีแดงเข้มไหลซึมออกมาจากใต้แขนเสื้อโค้ตของเขา
“คุณบาดเจ็บ!” เธออุทานออกมาและรีบคลานเข้าไปหาเขา เธอจับแขนของเขาเบาๆ และมองไปที่บาดแผล “ทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่แรก”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง เขาพยายามสะบัดแขนออกจากมือของเธอ แต่เธอก็จับไว้แน่นกว่าเดิม
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรกัน คุณเลือดออกเยอะขนาดนี้!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งโมโหและเป็นห่วง เธอมองไปรอบๆ โกดังและเห็นผ้าขี้ริ้วเก่าๆ วางอยู่บนกองกล่องไม้ เธอรีบลุกไปหยิบมันมาและฉีกมันออกเป็นเส้นยาวด้วยมือที่ยังสั่นอยู่เล็กน้อย
นาวินมองเธอด้วยสายตาที่ประหลาดใจ แต่เขาไม่ขัดขืนเมื่อเธอกลับมานั่งข้างเขาและเริ่มเลิกแขนเสื้อของเขาขึ้น เธอเห็นบาดแผลจากกระสุนที่เฉียดผ่านแขนซ้ายของเขา มันไม่ลึกมาก แต่ก็ทำให้เลือดไหลออกมาไม่หยุด เธอกัดฟันแน่นและใช้ผ้าขี้ริ้วพันรอบแผลของเขาให้แน่นเพื่อห้ามเลือด
“เจ็บไหม” เธอถามเบาๆ ขณะมัดผ้าให้แน่นขึ้น
“เคยชินแล้ว” เขาตอบสั้นๆ แต่สีหน้าของเขายังคงบิดเบี้ยวเล็กน้อยจากความเจ็บปวด
ธนิดาเงียบไปครู่หนึ่ง เธอมองไปที่ใบหน้าของเขา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและความเหนื่อยล้า ก่อนจะรู้สึกถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไปในใจของเธอ เธอเคยกลัวเขา เคยเกลียดเขา แต่ตอนนี้ หลังจากที่เธอเห็นเขาเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเธอในรถเมื่อครู่ เธอเริ่มรู้สึกถึงความผูกพันที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“ทำไมคุณถึงต้องพาฉันมาด้วยก็ไม่รู้” เธอถามออกไปในที่สุด “ถ้าคุณรู้ว่ามันอันตราย คุณไม่น่าจะให้ฉันมาเสี่ยงตายแบบนี้ คุณเองก็ด้วย”
นาวินเงียบไปนานกว่าปกติ เขามองไปที่แสงจันทร์ที่ลอดผ่านหลังคา ก่อนจะหันมามองเธอด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย “ฉันเริ่มรู้สึกผิดละ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลง “ที่ดึงเธอเข้ามาในโลกนี้”
คำพูดของเขาทำให้ธนิดาชะงัก เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขาและเห็นความจริงใจที่ซ่อนอยู่ลึกๆ “รู้สึกผิดเหรอ” เธอถาม “คุณเคยบอกว่าคุณไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำไป”
“ฉันโกหก” เขาตอบ “อันที่จริงฉันเสียใจทุกวัน แต่ฉันไม่มีทางเลือก... จนกระทั่งได้เจอเธอ” เขาหยุดพูดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “เธอไม่เหมือนคนอื่น เธอไม่ยอมจำนน และเธอทำให้ฉันเริ่มสงสัยว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่”
ธนิดารู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น เธอไม่เคยคิดว่านาวิน ชายที่เย็นชาและโหดร้ายจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา เธอยิ้มบางๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง “ฉันเลือกเอง ฉันเลือกที่จะสู้เคียงข้างคุณ ไม่ใช่แค่ว่าคุณดึงฉันเข้ามา”
นาวินมองเธอนานกว่าปกติ สายตาของเขาเปลี่ยนไปจากความเย็นชาเป็นความอบอุ่นที่แทบจะมองไม่เห็น เขายกมือที่ไม่บาดเจ็บขึ้นและแตะที่ไหล่ของเธอเบาๆ “เธอแน่ใจเหรอ โลกนี้มันไม่ใช่ที่สำหรับคนอย่างเธอหรอกนะ”
“ฉันไม่รู้ว่าฉันเหมาะกับที่ไหน แต่ตอนนี้ ฉันอยู่ที่นี่ และฉันจะไม่หนีแน่นอน”
ทั้งคู่เงียบไปชั่วขณะ เฉพาะเสียงฝนที่ตกลงมาเบาๆ และลมหายใจของพวกเขาที่ดังขึ้นในความเงียบ ธนิดารู้สึกถึงความผูกพันที่ลึกซึ้งขึ้นระหว่างเธอกับเขา มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวประกันกับผู้จับกุมอีกต่อไป แต่มันเป็นบางอย่างที่มากกว่านั้นบางอย่างที่เกิดจากความเข้าใจและการต่อสู้เคียงข้างกัน
นาวินปล่อยมือจากไหล่ของเธอและพิงกำแพงอีกครั้ง เขาปิดตาลงช้าๆ ราวกับพยายามพักผ่อน แต่ธนิดายังคงมองเขาอยู่ เธอรู้สึกถึงหัวใจที่เริ่มสั่นไหว และเธอไม่แน่ใจว่ามันเกิดจากความกลัวหรืออะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น
ขณะที่ทั้งคู่นั่งนิ่งอยู่ในโกดัง เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นจากด้านนอกก็ทำให้ธนิดาสะดุ้ง เธอคว้าปืนขึ้นมาทันทีและลุกขึ้นยืน นาวินเปิดตาขึ้นและหยิบปืนกลของเขาขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว เขาทำสัญญาณมือให้เธอเงียบ และทั้งคู่เคลื่อนตัวไปหลบหลังกองกล่องไม้
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งประตูโกดังถูกผลักออกช้าๆ เสียงไม้เก่าดังเอี๊ยดในความเงียบ ธนิดากำปืนแน่นและเตรียมพร้อมที่จะยิง แต่เมื่อร่างของผู้มาใหม่ปรากฏขึ้นในแสงจันทร์ เธอก็ลดปืนลงทันที
“ภูมิ?” เธออุทานออกมาเบาๆ
ภูมิยืนอยู่ที่ประตู เขาสวมเสื้อสูทสีดำที่เปียกฝน ผมสีน้ำตาลเข้มของเขายุ่งเหยิง และใบหน้าของเขาดูตึงเครียด เขาถือปืนพกในมือและมองไปรอบๆ โกดังก่อนจะเห็นนาวินและธนิดา
“นายท่าน!” เขาเรียกออกมา “ผมตามหาท่านอยู่ พวกเสือดาวโจมตีรถของท่านใช่ไหม”
นาวินลุกขึ้นจากที่หลบและเดินออกไปหาภูมิ สายตาของเขายังคงระแวง “ทำไมถึงมาที่นี่ได้ ใครบอกนาย”
“ผมได้ยินจากลูกน้องที่คฤหาสน์” ภูมิตอบ “พวกเขาบอกว่ารถของคุณหายไปหลังจากออกจากคฤหาสน์ ผมเลยเดาว่าคุณอาจมาที่โกดังนี้”
นาวินพยักหน้ารับ แต่ธนิดาสังเกตเห็นบางอย่างที่แปลกในท่าทางของภูมิ เขาดูตื่นตระหนกเกินไป และมือของเขาที่จับปืนสั่นเล็กน้อย เธอนึกถึงคำเตือนของเขาเกี่ยวกับมณีเมื่อหลายวันก่อน และเริ่มสงสัยว่าเขารู้เรื่องการโจมตีครั้งนี้มากกว่าที่เขาพูดหรือไม่
“คุณมาคนเดียวเหรอ” เธอโพล่งถามออกไปโดยสัญชาตญาณ
ภูมิหันมามองเธอชั่วครู่ สายตาของเขาดูเหมือนจะหลบตาเล็กน้อย “ใช่ครับ ผมรีบมาทันทีที่รู้”
นาวินมองภูมิด้วยสายตาที่พิจารณา แต่เขาไม่พูดอะไรเพิ่มเติม เขาหันไปสั่งธนิดา “เก็บของ เตรียมตัวกลับกันเถอะ ภูมิจะพาเราไป”
ธนิดาพยักหน้ารับ แต่ในใจของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย เธอเดินไปหยิบปืนและยืนใกล้นาวิน ขณะที่ภูมิเดินนำออกไปจากโกดัง เธอสังเกตเห็นว่าเขามองไปรอบๆ บ่อยครั้งเกินไป ราวกับกำลังกลัวอะไรบางอย่าง เธอตัดสินใจเก็บความสงสัยนี้ไว้ในใจ และจับปืนของเธอแน่นขึ้น เธอรู้ว่าถึงแม้ภูมิจะมาช่วย แต่บางอย่างในตัวเขาดูไม่น่าไว้ใจ
เมื่อทั้งสามคนเดินออกจากโกดัง รถยนต์สีดำของภูมิจอดรออยู่ไม่ไกล ฝนหยุดตกแล้ว แต่ความมืดมิดยังคงห่อหุ้มทุกอย่างไว้ ธนิดามองไปที่นาวินและเห็นรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าของเขา เธอรู้สึกถึงความผูกพันที่เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างพวกเขา และในใจของเธอ เธอเริ่มยอมรับว่าเธออาจไม่ได้เกลียดเขาอีกต่อไป
แต่ท่ามกลางความรู้สึกนั้น ความสงสัยเกี่ยวกับภูมิก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ และเธอรู้ว่าในโลกนี้ โลกที่เต็มไปด้วยอันตรายและการทรยศ เธอต้องระวังตัวให้มากกว่านี้