ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่

สัญญาใจใต้รัตติกาล - บทที่ 9 โดย กชญาณ์พัฒน์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด,ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สัญญาใจใต้รัตติกาล

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง

รายละเอียด

สัญญาใจใต้รัตติกาล โดย กชญาณ์พัฒน์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่

ผู้แต่ง

กชญาณ์พัฒน์

เรื่องย่อ

 

นาวิน หัวหน้าแก๊งมาเฟียเงาจันทรา ดึง ธนิดา หญิงสาวธรรมดา เข้ามาในโลกอันตรายของเขาด้วยข้ออ้างหนี้ 50 ล้านของพ่อเธอ แต่เมื่อการทรยศของ ภูมิ ลูกน้องคนสนิท และการโจมตีจากแก๊งเสือดาวรุนแรงขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับลึกซึ้งเกินคาด ธนิดาค้นพบความลับของพ่อเธอ ขณะที่นาวินเผยความเปราะบางและความปรารถนาที่จะปกป้องเธอ

ทั้งสองต้องเผชิญสงครามเลือดกับเสือดาว ฝ่าฟันการต่อสู้สุดดุเดือด และการสูญเสียที่เจ็บปวด ธนิดากลายเป็นนักสู้เคียงข้างนาวิน 

เรื่องราวของนาวินและธนิดาคือการเดินทางของความรักที่เกิดท่ามกลางความโหดร้าย การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และคำสัญญาที่แข็งแกร่งกว่าความตาย 

สารบัญ

สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 1,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 2,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 3,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 4,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 5,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 6,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 7,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 8,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 9,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 10,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 11,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 12,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 13,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 14,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 15,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 16

เนื้อหา

บทที่ 9

แสงไฟจากโคมระย้าสีทองแดงในห้องประชุมลับของคฤหาสน์ส่องสว่างลงมาบนโต๊ะไม้ยาวที่ตั้งอยู่กลางห้อง บรรยากาศในห้องนี้หนักอึ้งและเต็มไปด้วยความตึงเครียด ผนังที่บุด้วยไม้สีเข้มและตู้เหล็กที่ล็อกแน่นหนาทำให้ห้องนี้ดูเหมือนป้อมปราการมากกว่าห้องประชุม กลิ่นบุหรี่จางๆ ลอยอยู่ในอากาศ ผสมกับกลิ่นเหงื่อและความกังวลจากคนที่อยู่ในห้อง นาวินนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ สวมเสื้อเชิ้ตสีดำที่ม้วนแขนขึ้นถึงข้อศอก แผลที่แขนซ้ายของเขาถูกพันผ้าไว้อย่างเรียบร้อยจากฝีมือของธนิดาเมื่อคืนนี้ ดวงตาคู่คมของเขาจ้องมองไปยังลูกน้องสี่คนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะด้วยสายตาที่เย็นชาและพิจารณา

ธนิดายืนอยู่มุมหนึ่งของห้อง เธอสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีเทาที่เปื้อนโคลนจากเหตุการณ์เมื่อคืน ปืนพกที่เหน็บไว้ที่เอวของเธอทำให้เธอรู้สึกถึงน้ำหนักของสถานการณ์ที่เธอกำลังเผชิญอยู่ เธอถูกนาวินเรียกตัวมาร่วมประชุมนี้หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงคฤหาสน์ตอนเช้ามืด โดยมีภูมิพาเธอกับนาวินกลับมาด้วยรถของเขา 

เธอยังจำท่าทางแปลกๆ ของภูมิได้ดี การที่เขามองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนกเกินเหตุ และน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อยเมื่อเขาคุยกับนาวิน เธอพยายามขจัดความสงสัยนั้นออกจากหัว แต่มันกลับยิ่งฝังลึกมากขึ้นทุกขณะ

“เมื่อคืนนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ” นาวินเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น เขาวางมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะและมองไปที่ลูกน้องแต่ละคน “แก๊งเสือดาวรู้ว่าเราจะไปที่โกดังนั้น และพวกมันรู้จุดอ่อนของเราดีเกินไป ต้องมีคนทรยศซ่อนตัวอยู่ในนี้แน่ๆ”

คำพูดของเขาทำให้ทุกคนในห้องเงียบกริบ ลูกน้องสี่คนที่นั่งอยู่ เอกชัย ชายร่างใหญ่ที่มีรอยสักที่คอ ไพโรจน์ ชายวัยกลางคนที่ดูนิ่งเงียบ สมิง ชายหนุ่มที่ดูตื่นกลัวเล็กน้อย และ ภูมิ มองหน้ากันด้วยความระแวง ธนิดาสังเกตเห็นว่าภูมิขยับตัวเล็กน้อยบนเก้าอี้ และสายตาของเขาหลบไปจากนาวิน

“นายท่านหมายถึงอะไรครับ” ไพโรจน์ถามด้วยน้ำเสียงที่ระวังตัว “มณีตายไปแล้ว และเธอเป็นสายลับของเสือดาวไม่ใช่เหรอครับ”

“มณีเป็นแค่จุดเริ่มต้น” นาวินตอบ “การโจมตีเมื่อคืนแสดงให้เห็นว่ามีคนในนี้ที่ยังส่งข่าวให้พวกมันอยู่” เขาหยุดพูดชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองภูมิที่นั่งอยู่ปลายโต๊ะ “นายอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้วภูมิ”

ภูมิชะงัก สายตาของเขาที่มองนาวินแข็งทื่อขึ้นทันที “สิบสองปีครับ นายท่าน” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้หนักแน่น “ผมทำงานให้ท่านตั้งแต่เริ่มต้น ผมไม่มีทางทรยศนายท่านแน่นอนครับ”

“หึ!” นาวินยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยียบและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม “ฉันไม่ได้บอกว่านายทรยศ” เขาพูด “แต่ฉันแค่สงสัย ทำไมนายถึงไปถึงโกดังนั้นได้ถูกจังหวะขนาดนั้น”

“ผมบอกแล้วไงครับ” ภูมิโต้กลับ “ว่าผมได้ยินจากลูกน้องที่คฤหาสน์ว่ารถของคุณหายไป ผมเลยเดาว่าคุณอาจไปที่โกดังนั้น”

“เดาเหรอ” นาวินถามต่อ “นายเดาเก่งเกินไปหรือเปล่า”

ความเงียบครอบงำห้องอีกครั้ง ธนิดารู้สึกถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในอากาศ เธอมองไปที่ภูมิและเห็นเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นที่หน้าผากของเขา แม้ว่าอากาศในห้องจะเย็นจากเครื่องปรับอากาศ เธอเริ่มรู้สึกว่านาวินอาจสงสัยถูกคน แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็สงสัยว่านาวินอาจยังไม่พร้อมที่จะเชื่ออย่างเต็มที่

“ผมภักดีต่อท่านเสมอ” ภูมิพูดในที่สุด "ถ้าท่านไม่เชื่อผม ผมพิสูจน์ได้”

นาวินมองเขาอยู่นานก่อนจะพยักหน้า “ดี!” เขาพูดสั้นๆ “ฉันจะให้โอกาสนายพิสูจน์ แต่ถ้าฉันจับได้ว่านายโกหก นายจะได้เห็นชะตากรรมที่แย่กว่ามณี”

เขาหันไปสั่งลูกน้องคนอื่นๆ “ออกไปได้แล้ว เตรียมคนไปตรวจโกดังทั้งหมดในเขตนี้ ฉันจะไม่ให้เสือดาวมีโอกาสอีก” ลูกน้องทั้งสามคนลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปทันที เหลือเพียงนาวิน ธนิดา และภูมิอยู่ในห้อง

“นายไปด้วย” นาวินสั่งภูมิ “ดูแลให้ทุกอย่างเรียบร้อย”

ภูมิพยักหน้ารับและลุกขึ้น เขาเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ธนิดามองตามหลังเขาและรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลในท่าทางของเขา เธอหันไปมองนาวินและเห็นว่าเขากำลังจุดบุหรี่มวนใหม่

“คุณเชื่อเขาเหรอ” เธอถาม

“ไม่” นาวินตอบสั้นๆ เขาเป่าควันออกจากปากและมองไปที่เธอ “แต่ฉันยังไม่มีหลักฐาน ถ้าเขาคิดจะทรยศ เขาจะเผยตัวเองออกมาในไม่ช้า”

ธนิดาพยักหน้ารับ เธอรู้ว่านาวินฉลาดเกินกว่าที่จะตัดสินใจอะไรโดยไม่มีเหตุผล แต่ในใจของเธอ ความสงสัยเกี่ยวกับภูมิยังคงวนเวียนอยู่ เธอตัดสินใจว่าเธอจะต้องหาความจริงให้ได้ ไม่ใช่แค่เพื่อนาวิน แต่เพื่อตัวเธอเองด้วย

ช่วงบ่ายของวันนั้น ธนิดาเดินไปตามโถงทางเดินของคฤหาสน์เพื่อหาน้ำดื่ม เธอรู้สึกเหนื่อยล้าจากการนอนไม่หลับและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสองวันนี้ ขณะที่เธอกำลังจะเลี้ยวเข้าห้องครัว เธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยเบาๆ ดังมาจากมุมหนึ่งของโถง เธอหยุดชะงักและซ่อนตัวหลังกำแพงทันที 

เสียงนั้นเป็นของภูมิ...

“ถึงเวลาลงมือแล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำและตื่นตระหนก “ทุกอย่างพร้อมแล้ว แค่รอสัญญาณ”

ธนิดารู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น เธอแอบมองออกไปจากมุมกำแพงและเห็นภูมิยืนอยู่คนเดียว เขากำลังถือโทรศัพท์แนบหูและมองไปรอบๆ ราวกับกลัวว่าใครจะได้ยิน เธอพยายามฟังต่อ แต่เขาก็ปิดโทรศัพท์ลงและเดินออกไปจากโถงทันที

“ถึงเวลาลงมือแล้ว?” เธอพึมพำกับตัวเอง คำพูดนั้นวนเวียนอยู่ในหัวของเธอราวกับระฆังเตือนภัย เธอรู้สึกแน่ใจแล้วว่าภูมิกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง และมันต้องเกี่ยวข้องกับเสือดาวแน่ๆ เธอรีบวิ่งกลับไปที่ห้องประชุมลับเพื่อบอกนาวิน

เมื่อเธอมาถึง นาวินยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ เขากำลังดูแผนที่ของเมืองที่วางอยู่บนโต๊ะ และสูบบุหรี่มวนที่สองของเขา เธอหายใจถี่และพูดออกไปทันที 

“นาวิน! ฉันได้ยินภูมิคุยโทรศัพท์ เขาบอกว่า 'ถึงเวลาลงมือแล้ว'"

นาวินหยุดชะงัก เขาวางบุหรี่ลงบนที่เขี่ยและมองเธอด้วยสายตาที่พิจารณา “เธอแน่ใจเหรอ” 

“แน่ใจ!” เธอตอบ " ฉันเห็นท่าทีของเขาดูตื่นตระหนก และเขาเช็กดูรอบๆ เหมือนกลัวใครจะได้ยิน ตั้งแต่เมื่อวานที่เข้าไปช่วยเราแล้ว”

นาวินเงียบไปครู่หนึ่ง เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่ปิดม่านไว้ เขาแง้มม่านออกเล็กน้อยและมองออกไปข้างนอก 

“ถ้าเป็นเรื่องจริง ภูมิก็กำลังเล่นเกมอันตรายมากๆ อยู่” เขาพูด “แต่มันก็ยังไม่ชัดเจนพอ ฉันต้องการหลักฐานเพิ่มเติม”

“คุณจะรอให้เขาทำอะไรก่อนเหรอ” ธนิดาถามด้วยน้ำเสียงที่โมโห “ถ้าเขาคือคนทรยศ เขาอาจฆ่าคุณได้ทุกเมื่อ”

นาวินหันมามองเธอ สายตาของเขาเย็นชาแต่แฝงด้วยความลังเล “ฉันรู้จักเขามานาน” เขาพูด “เขาอยู่กับฉันตั้งแต่ฉันเริ่มสร้างเงาจันทรา ถ้าฉันตัดสินเขาผิด ฉันอาจเสียคนที่ภักดีที่สุดของฉันไป”

“แต่ถ้าคุณตัดสินถูก คุณอาจไม่ต้องเสียอะไรสักสิ่ง!” เธอโต้กลับ “คุณสอนฉันเองนะว่าในโลกนี้ไม่มีใครไว้ใจได้ แล้วทำไมคุณถึงยังไว้ใจเขาอยู่ได้”

นาวินมองเธอนานกว่าปกติ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “เธอพูดถูก”เขาพูด “ฉันจะจับตาดูเขา แต่ฉันจะไม่ลงมือจนกว่าฉันจะแน่ใจ”

ธนิดารู้สึกถึงความหงุดหงิดที่พุ่งขึ้นมาในอก แต่เธอก็รู้ว่าเธอไม่สามารถบังคับเขาได้ เธอพยักหน้ารับและเดินออกจากห้องไป โดยในใจของเธอเต็มไปด้วยความกังวล เธอรู้สึกว่านาวินกำลังเดินเข้าไปในกับดัก และเธออาจเป็นคนเดียวที่เห็นมัน

คืนนั้น ความเงียบในคฤหาสน์ถูกทำลายด้วยเสียงระเบิดดังสนั่นจากทิศตะวันออก 

ตูม!

ธนิดาสะดุ้งตื่นจากเตียง เธอรีบคว้าปืนจากใต้หมอนและวิ่งออกไปที่โถงชั้นล่าง เธอเห็นนาวินยืนอยู่ที่หน้าต่างใหญ่ของห้องนั่งเล่น เขากำลังมองออกไปที่ท้องฟ้าที่ถูกย้อมด้วยแสงสีส้มจากไฟที่ลุกไหม้ไกลๆ

“เกิดอะไรขึ้น?!” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก

“โกดังยา” เขาตอบสั้นๆ “มันถูกระเบิด”

ธนิดารู้สึกถึงความหนาวเย็นที่วิ่งผ่านร่างของเธอ เธอมองไปที่นาวินและเห็นใบหน้าของเขาที่แข็งกร้าวขึ้นก่อนเอ่ยถาม “แก๊งเสือดาวเหรอ”

“แน่นอน” เขาตอบ เขาหันไปสั่งลูกน้องที่วิ่งเข้ามาในโถง “เรียกทุกคนมาเดี๋ยวนี้! ฉันจะไปดูด้วยตัวเอง”

ขณะที่พวกลูกน้องวิ่งออกไป นาวินหันมามองธนิดา “เธออยู่ที่นี่ อย่าออกไปไหน”

“ไม่!” เธอโต้กลับ “ฉันจะไปด้วย ถ้าภูมิอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็น!”

นาวินมองเธอด้วยสายตาที่พิจารณา ก่อนจะพยักหน้า “ตามใจ แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

เมื่อทั้งคู่เดินออกไปที่ลานจอดรถ ธนิดาสังเกตเห็นร่างของภูมิยืนอยู่ใกล้รถคันหนึ่ง เขากำลังคุยโทรศัพท์อีกครั้ง และเมื่อเขาเห็นนาวินกับธนิดา เขาก็รีบปิดโทรศัพท์ทันที นาวินมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา และธนิดารู้สึกได้ว่าเขากำลังเริ่มสงสัยภูมิอย่างจริงจัง

“นายไปกับฉันด้วย” นาวินสั่งภูมิ “ฉันอยากเห็นว่านายจะจัดการเรื่องนี้ยังไง”

ภูมิพยักหน้ารับ แต่ธนิดาสังเกตเห็นเหงื่อที่ไหลลงมาจากขมับของเขา เธอกำปืนแน่นขึ้นและรู้สึกถึงเงาของการทรยศที่เริ่มชัดเจนขึ้นทุกขณะ เธอรู้ว่าคืนนี้จะเป็นคืนที่เปลี่ยนทุกอย่าง และเธอต้องพร้อมสำหรับมัน