ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่

สัญญาใจใต้รัตติกาล - บทที่ 14 โดย กชญาณ์พัฒน์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด,ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สัญญาใจใต้รัตติกาล

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง

รายละเอียด

สัญญาใจใต้รัตติกาล โดย กชญาณ์พัฒน์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่

ผู้แต่ง

กชญาณ์พัฒน์

เรื่องย่อ

 

นาวิน หัวหน้าแก๊งมาเฟียเงาจันทรา ดึง ธนิดา หญิงสาวธรรมดา เข้ามาในโลกอันตรายของเขาด้วยข้ออ้างหนี้ 50 ล้านของพ่อเธอ แต่เมื่อการทรยศของ ภูมิ ลูกน้องคนสนิท และการโจมตีจากแก๊งเสือดาวรุนแรงขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับลึกซึ้งเกินคาด ธนิดาค้นพบความลับของพ่อเธอ ขณะที่นาวินเผยความเปราะบางและความปรารถนาที่จะปกป้องเธอ

ทั้งสองต้องเผชิญสงครามเลือดกับเสือดาว ฝ่าฟันการต่อสู้สุดดุเดือด และการสูญเสียที่เจ็บปวด ธนิดากลายเป็นนักสู้เคียงข้างนาวิน 

เรื่องราวของนาวินและธนิดาคือการเดินทางของความรักที่เกิดท่ามกลางความโหดร้าย การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และคำสัญญาที่แข็งแกร่งกว่าความตาย 

สารบัญ

สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 1,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 2,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 3,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 4,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 5,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 6,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 7,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 8,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 9,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 10,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 11,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 12,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 13,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 14,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 15,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 16

เนื้อหา

บทที่ 14

ลมแรงจากทะเลพัดผ่านชายหาดยามค่ำที่เงียบสงัด เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ผสมกับเสียงลมที่พัดผ่านต้นมะพร้าวที่เรียงรายอยู่ตามแนวชายฝั่ง ท้องฟ้าสีดำสนิทถูกแต้มด้วยดวงดาวระยิบระยับ แต่แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาบนผืนทรายสีขาวทำให้ทุกอย่างดูเหมือนฉากในฝันที่ทั้งงดงามและน่าสะพรึงกลัวในเวลาเดียวกัน กลิ่นเค็มของน้ำทะเลลอยอยู่ในอากาศ ผสมกับกลิ่นดินและความชื้นจากพายุที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อบ่ายนี้ ชายหาดแห่งนี้ควรจะเป็นสถานที่แห่งความสงบ แต่ในคืนนี้ มันกลายเป็นสนามรบสุดท้าย       

นาวินยืนอยู่บนผืนทราย ร่างกายของเขายังคงอ่อนแรงจากบาดแผลที่ได้รับเมื่อสองวันก่อน ปืนกลสั้นในมือขวาของเขาถูกกำเอาไว้แน่น ขาข้างซ้ายที่ถูกพันผ้าพันแผลทำให้เขายืนได้ไม่มั่นคงนัก แต่สายตาคู่คมของเขายังคงลุกโชนด้วยความมุ่งมั่น 

เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีเทาที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ และมีมีดสั้นเหน็บอยู่ที่เอวเป็นอาวุธสำรอง ธนิดายืนเคียงข้างเขา ปืนพกในมือของเธอเล็งไปข้างหน้า เธอสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีเทาที่ขาดวิ่น และผมสีน้ำตาลเข้มของเธอปลิวไสวไปตามสายลม หัวใจของเธอเต้นรัว แต่ความกลัวในใจถูกแทนที่ด้วยความเด็ดเดี่ยว เธอรู้ว่านี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ครั้งที่เธอกับนาวินจะต้องกำจัดกลุ่มเสือดาวให้สิ้นซากเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่

ทั้งคู่หนีมาที่ชายหาดแห่งนี้หลังจากออกจากโรงแรมลับเมื่อเช้า นาวินวางแผนให้ลูกน้องที่ยังภักดีล่อเสือดาวมาที่นี่ สถานที่ที่เขาคุ้นเคยตั้งแต่สมัยยังเด็ก เป็นจุดที่เหมาะสำหรับการเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย เขาคาดการณ์ถูก เพราะไม่นานหลังจากที่พวกเขามาถึง เสียงเครื่องยนต์ของรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ก็ดังกระหึ่มจากระยะไกล แสงไฟหน้ารถตัดผ่านความมืด และร่างของลูกน้องเสือดาวเริ่มปรากฏขึ้นที่ขอบชายหาด

“พวกมันมาแล้ว” นาวินพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น เขาหันไปมองธนิดา “พร้อมไหม”

“ฉันพร้อมละ” เธอตอบแล้วบีบมือของเขาเบาๆ ก่อนจะปล่อย และยกปืนขึ้นเล็งไปที่ศัตรูที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้

รถยนต์สีดำสองคันและมอเตอร์ไซค์สามคันหยุดลงห่างจากพวกเขาประมาณห้าสิบเมตร ลูกน้องของเสือดาวประมาณสิบคนกระโดดลงจากยานพาหนะ พวกมันสวมหน้ากากสีแดงและถือปืนกลในมือ หัวหน้าของกลุ่มเป็นชายร่างใหญ่ที่มีรอยแผลเป็นยาวที่ใบหน้าก้าวออกมาจากรถคันหนึ่ง เขาถือปืนลูกซองในมือและตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังก้อง

“นาวิน! มึงหนีไปไหนไม่ได้แล้ว! เงาจันทราจบสิ้นแล้ว และคืนนี้ มึงจะต้องตาย!”

นาวินยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่เย็นเยียบและเต็มไปด้วยความท้าทาย “ถ้าพวกมึงแน่จริง ก็มาลองดูสักตั้ง” 

คำพูดของเขาเป็นเหมือนสัญญาณเริ่มต้น ลูกน้องของเสือดาวยกปืนขึ้นและยิงทันที 

ปัง! ปัง! ปัง!

กระสุนพุ่งเข้ามาที่นาวินและธนิดา ทั้งคู่รีบวิ่งไปหลบหลังโขดหินขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ กระสุนเจาะเข้าไปที่ทรายและหิน เศษฝุ่นและหินปลิวว่อนไปทั่ว

“ยิงกลับ!” นาวินตะโกน เขายื่นตัวออกจากที่หลบและยิงปืนกลสวนกลับไป กระสุนของเขาเจาะเข้าที่หน้าอกของลูกน้องเสือดาวคนหนึ่ง ร่างนั้นล้มลงทันที

ธนิดาเล็งปืนของเธอไปที่มอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง เธอเหนี่ยวไกสองครั้ง 

ปัง! ปัง!

กระสุนเจาะยางและถังน้ำมัน รถระเบิดขึ้นเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ 

ตูม!

ลูกน้องสองคนที่อยู่ใกล้ๆ ถูกไฟคลอกและกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“เก่งมาก!” นาวินพูด เขาพุ่งออกจากที่หลบและวิ่งไปหาศัตรูที่อยู่ใกล้ที่สุด เขาใช้มีดสั้นแทงเข้าที่ลำคอของชายคนนั้นอย่างแม่นยำ เลือดพุ่งออกมาเป็นสาย และร่างนั้นล้มลงทันที

แต่ก่อนที่เขาจะได้ตั้งตัว ลูกน้องอีกคนยกปืนกลขึ้นยิงใส่เขา 

ปัง! ปัง!

กระสุนเฉียดผ่านแขนซ้ายของเขา เลือดไหลออกมาอีกครั้งจากบาดแผลเก่า เขาคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ยังคงพุ่งเข้าไปใช้มีดแทงซ้ำที่ท้องของชายคนนั้น

ธนิดาวิ่งตามเขาไป เธอยิงปืนช่วยเขา กระสุนของเธอเจาะเข้าที่ศีรษะของลูกน้องเสือดาวอีกคนที่พยายามเล็งไปที่นาวิน เธอหันไปมองเขาและเห็นว่าเขากำลังหายใจถี่ 

“คุณไม่ไหวแล้ว!” เธอตะโกน “ถอยมาก่อน!”

“ยัง! เรายังถอยไม่ได้” เขาตอบพลางกัดฟันแน่นและลุกขึ้นยืน “เราต้องจบมันให้ได้!”

หัวหน้าของเสือดาวเดินเข้ามาใกล้ เขายกปืนลูกซองขึ้นเล็งไปที่นาวินและยิงทันที 

ปัง!

กระสุนลูกปรายพุ่งออกมาเป็นวงกว้าง นาวินผลักธนิดาลงไปหลบหลังต้นมะพร้าว และกระสุนเจาะเข้าไปที่ต้นไม้แทน

“มึงนี่มันตายยากจริงๆ!” หัวหน้ากลุ่มเสือดาวตะโกนลั่น เขาเดินเข้ามาใกล้และยิงอีกนัด 

ปัง!

คราวนี้ กระสุนเฉียดผ่านขาของนาวิน เขาเซถลาและล้มลงบนทราย

“นาวิน!” ธนิดากรีดร้อง เธอยิงปืนสวนกลับไปที่หัวหน้า กระสุนเจาะเข้าที่ไหล่ของเขา เขาเซเล็กน้อยแต่ยังคงยืนหยัดอยู่

“แกเป็นใคร?” หัวหน้าถาม เขายกปืนลูกซองขึ้นเล็งไปที่เธอ “เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างแกกล้าสู้กับกลุ่มเสือดาวด้วยเหรอ”

“ฉันไม่ใช่แค่เด็กผู้หญิง” ธนิดาตอบ เธอพุ่งเข้าไปหาเขาด้วยความเร็ว และก่อนที่เขาจะได้เหนี่ยวไก เธอก็เตะปืนออกจากมือของเขา แล้วยิงปืนของเธอเข้าไปที่หน้าอกของเขาสองนัด 

ปัง! ปัง!

เขาล้มลงนอนจมกองเลือด ดวงตาของเขาค้างอยู่แบบนั้น ในแววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ ยิงเอาได้

แต่ก่อนที่เธอจะได้โล่งใจ ลูกน้องที่เหลือของเสือดาวสามคนพุ่งเข้ามาหาเธอพร้อมกัน หนึ่งในนั้นยิงปืนกลใส่เธอ

ปัง! ปัง!

เธอกลิ้งตัวหลบไปด้านข้าง และกระสุนเจาะลงไปที่ทราย นาวินที่ล้มอยู่บนพื้นคว้ามีดสั้นของเขาขว้างไปที่ลูกน้องคนหนึ่ง มีดปักเข้าที่คอของชายคนนั้น และเขาล้มตายทันที

ธนิดายิงปืนไปที่ลูกน้องอีกคน กระสุนเจาะเข้าที่หน้าอก แล้วเขาก็ล้มลง แต่ลูกน้องคนสุดท้ายพุ่งเข้ามาที่เธอด้วยมีดในมือ เขาแทงมีดลงมา เธอยกแขนขึ้นป้องกัน และใบมีดเฉือนเข้าที่แขนของเธอ เลือดไหลออกมาทันที เธอกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่เธอกัดฟันแน่นและใช้มืออีกข้างยิงปืนเข้าไปที่ท้องของเขา 

ปัง!

เขาล้มลงตายคาที่...

นาวินคลานไปหาเธอ เขาดึงร่างของเธอเข้ามากอด “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก

“ฉันไม่เป็นไร” เธอตอบพลางมองไปที่แขนของเธอที่เปื้อนเลือด “ก็แค่ถลอกนิดหน่อย...”

ทั้งคู่หายใจถี่และมองไปรอบๆ ชายหาดที่เต็มไปด้วยศพของศัตรู รถมอเตอร์ไซค์ที่ระเบิดยังคงมีควันลอยขึ้น และกลิ่นคาวเลือดผสมกับกลิ่นน้ำทะเลลอยอยู่ในอากาศ พวกเขาคิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว แต่ทันใดนั้น เสียงเครื่องยนต์จากระยะไกลก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ยังไม่หมดอีกเหรอ” ธนิดาพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า เธอพยายามลุกขึ้น แต่ขาของเธอสั่นจากความเจ็บปวด

นาวินยกปืนกลขึ้นเล็งไปที่แสงไฟที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ทีละนิด “ถ้าพวกมันยังไม่หมด เราก็จะสู้จนตัวตาย”

แต่เมื่อแสงไฟเข้ามาใกล้ รถยนต์สองคันและมอเตอร์ไซค์หนึ่งคันก็หยุดลง เป็นลูกน้องของนาวินที่ยังภักดี นำโดยไพโรจน์ ชายวัยกลางคนที่เคยอยู่ในห้องประชุม กระโดดลงจากรถ พวกเขาถือปืนและวิ่งเข้ามาหานาวินและธนิดาทันที

“นายท่าน!” ไพโรจน์ตะโกน “เราได้ยินข่าวว่าเสือดาวตามมาที่นี่ เราเลยรีบตามมา!”

นาวินลดปืนลงและถอนหายใจออกด้วยความโล่งใจ “มาทันเวลาพอดี จัดการศพพวกนี้ และตรวจดูให้ดีว่าไม่มีใครเหลืออยู่”

ไพโรจน์พยักหน้ารับ เขาสั่งลูกน้องให้กระจายตัวไปตรวจสอบชายหาด ขณะที่นาวินทรุดตัวลงนั่งบนทราย เขาหายใจถี่และกุมขาที่บาดเจ็บของเขา ธนิดาคุกเข่าลงข้างเขาและจับมือของเขาแน่น

“คุณไม่ไหวแล้ว เราต้องพาคุณไปหาหมอ”

“ฉันไม่เป็นไร” เขาตอบก่อนจะยิ้มให้เธอ “เพราะฉันมีเธอ”

ธนิดารู้สึกถึงน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาในดวงตา เธอกอดเขาแน่น และทั้งคู่ยืนอยู่อย่างนั้นท่ามกลางลมทะเลที่พัดแรง เสียงคลื่นยังคงซัดเข้าฝั่ง และแสงจันทร์ยังคงส่องสว่างลงมาบนชายหาดที่เต็มไปด้วยร่องรอยของสงคราม

“เราชนะแล้ว” เธอเอ่ยพูดด้วยความดีใจ

“ใช่ และตอนนี้ เราสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ของพวกเราได้จริงๆ แล้วนะ”

ทั้งคู่มองไปที่ขอบฟ้าที่เริ่มมีแสงสีส้มของรุ่งอรุณปรากฏขึ้น การต่อสู้ครั้งสุดท้ายจบลงแล้ว และถึงแม้ว่าทั้งคู่จะบาดเจ็บและเหนื่อยล้า พวกเขารู้ว่าพวกเขาจะรอดไปด้วยกัน