หลันฮวามีร่างกายอ่อนแอ จึงไม่อนุญาตให้เขาออกนอกห้องและยังคอยย้ำเตือนว่าข้างนอกอันตรายเพียงใด ชีวิตประจำวันของหลันฮวาคงดำเนินไปอย่างสงบสุขหากว่าไม่มีผู้ใดต้องการเห็นเขาเสียน้ำตา
ดราม่า,ชาย-ชาย,4P,นายเอกอ่อนแอ,จิ้งจอกปีศาจ,จีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เหตุใดพวกท่านจึงชอบเห็นข้ายามร้องไห้หลันฮวามีร่างกายอ่อนแอ จึงไม่อนุญาตให้เขาออกนอกห้องและยังคอยย้ำเตือนว่าข้างนอกอันตรายเพียงใด ชีวิตประจำวันของหลันฮวาคงดำเนินไปอย่างสงบสุขหากว่าไม่มีผู้ใดต้องการเห็นเขาเสียน้ำตา
ยามค่ำคืนอันเงียบสงัด ภายในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างประณีต ของทุกชิ้นล้วนเป็นสิ่งล้ำค่าที่บ่งบอกถึงฐานะได้เป็นอย่างดี หากแย้มผ่านช่องว่างระหว่างม่านเนื้อดีจักเผยให้เห็นร่างของบุรุษสองคน เพียงแค่ปรายตามองก็รู้ได้ในทันทีว่าทั้งคู่เป็น ปีศาจจิ้งจอก
บุรุษผู้มีร่างกายสูงใหญ่กว่ากำลังเอนหลังพิงพนักตั่ง เส้นผมสีน้ำเงินเข้มยาวจรดกลางหลัง ทอดตัวอย่างสง่างามใต้เสื้อคลุมสีดำที่เปิดอวดแผ่นอกกว้าง กรอบหน้าคมสัน ริมฝีปากหยักได้รูป ทว่าดวงตายังคงปิดสนิท มิอาจล่วงรู้ได้ว่าซ่อนนัยน์ตาสีใดไว้เบื้องหลัง
ฟิ้ว
สายลมหนาวพัดผ่าน ร่างเล็กบางที่นอนอยู่ข้างกายเริ่มสั่นระริกตามอุณหภูมิที่ลดต่ำลง ช่างดูอ่อนแอเมื่อเปรียบเทียบกับบุรุษข้างกาย ยิ่งเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นเพียงเสื้อคลุมของอีกฝ่าย ซึ่งใหญ่เกินตัวจนปกปิดได้เพียงช่วงบนเท่านั้น ยิ่งทำให้ดูเหมือนเด็กน้อยที่กำลังหลบภัยอยู่ใต้เงาของใครสักคน
เส้นผมสีขาวราวหิมะยาวจรดเข่า ใบหน้าเล็กรูปไข่รับกับริมฝีปากจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสราวกับอัญมณี ยามนี้พวงแก้มและปลายจมูกขึ้นสีระเรื่อเพราะความเย็น หากมีใครเห็นภาพนี้ คงไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวขัดว่าเขามิใช่บุรุษผู้มีรูปโฉมงามล่มเมือง เฉกเช่นเดียวกับอิสตรีผู้สูงส่ง
หลันฮวาโดยปกติมักหลับสนิทและตื่นสาย มิเคยลืมตาตื่นขึ้นมากลางดึกแม้แต่ครั้งเดียว ทว่ายังดีที่มีเยว่เทียนอยู่ข้างกาย มิเช่นนั้นความมืดอาจสร้างความหวาดกลัวให้เขาไม่น้อย ดวงตาคู่งามเริ่มกวาดมองไปรอบกายเพื่อหาต้นตอของสิ่งที่ปลุกให้ตนตื่นขึ้น ก่อนจะพบว่า
เป็นตัวเขาเองนั่นแหละ
คงเพราะเผลอส่ายหางไปแหวกม่านที่กั้นเตียงออก ทั้งลมหนาวทั้งแสงโคมไฟจึงสาดกระทบเข้ากับใบหน้าจนทำให้รู้สึกตัว ตระหนักได้ดังนั้นก็รีบเก็บหางเข้ามาแนบกาย ก่อนจะหันไปมองบุรุษข้างกายด้วยความเป็นกังวล เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงหลับสนิทก็อดถอนหายใจอย่างโล่งอกมิได้ ปัญหาที่เหลือคือการกลับไปนอนที่เดิม ซึ่งเขาต้องค่อย ๆ ข้ามผ่านร่างของบุรุษข้างกายอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงไม่ให้โซ่ตรวนตรงข้อเท้าก่อเสียงดังขึ้นระหว่างการขยับตัว
หลังจากจัดการความคิดเรียบร้อยแล้ว หลันฮวาก็ขยับตัวเข้าไปซุกอกผู้ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เพื่อแสวงหาไออุ่น ครั้นเงยหน้าขึ้นมองกลับเห็นรอยแดงเป็นปื้นอยู่ตรงลำคอของอีกฝ่าย ทว่าด้วยความไม่ประสาเขาจึงมิได้ใส่ใจนัก ปล่อยให้ความสงสัยเลือนหายไปอย่างง่ายดาย เพราะปัญหาที่ใหญ่กว่าคือ ยิ่งตื่นเต็มตา ยิ่งยากจะข่มตาหลับอีกครั้ง
หลันฮวาช้อนตามองไปที่หูจิ้งจอกของเยว่เทียนด้วยความเสียดาย เจ้าตัวมักชอบกอดหางเก้าพวงของอีกฝ่ายเล่นเป็นประจำ ทว่าตอนนี้มันกลับถูกเก็บซ่อนไว้หมด แตกต่างจากใบหูที่ไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสเลยสักครั้ง ไวเท่าความคิด มือเรียวบางจึงยื่นออกไปหมายจะจับมันดู
แต่เพราะขนาดตัวที่แตกต่างกันมาก ทำให้สัมผัสได้ไม่ถนัดนัก จิ้งจอกแสนซนจึงตัดสินใจปีนขึ้นไปนั่งคร่อมตักของอีกฝ่าย และเมื่อปลายนิ้วแตะสัมผัสถึงใบหูได้ในที่สุด ก็พบว่ามันนุ่มนิ่มกว่าที่คาดไว้เสียอีก
ทันใดนั้น—บุรุษที่คิดว่าหลับสนิทมาตลอดกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กของหลันฮวาอย่างแม่นยำ นิ้วเรียวยาวที่เย็นเฉียบตวัดรัดข้อมือของเขาไว้แน่น ขณะที่มืออีกข้างเลื่อนมาตวัดโอบกระชับรอบเอวบาง ร่างของหลันฮวาถูกดึงให้เซถลาเข้าชิดอ้อมแขนแข็งแกร่ง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้จันทน์จากร่างของบุรุษตรงหน้าคละคลุ้งชวนให้หัวใจเต้นแรง
“จับจนพอใจเจ้าแล้วหรือไม่? ”
เสียงทุ้มต่ำที่แฝงแววเย็นชาดังขึ้นข้างหู ริมฝีปากของเยว่เทียนเฉียดผ่านกลุ่มผมสีขาวยาวของหลันฮวา พลางกระซิบแผ่วเบาแทรกซึมเข้าไปในโสตประสาท ทำเอาขนอ่อนตามลำคอตั้งชัน หัวใจของคนตัวเล็กกระตุกวูบ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะขึ้นสีแดงจัดอย่างห้ามไม่อยู่
“ทะ..ท่านพี่เยว่ ท่านตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่”
เสียงหวานสั่นเครือของหลันฮวาดังขึ้นอย่างตกใจ อยากจะขืนตัวออกจากอ้อมแขนที่แข็งแกร่งของเยว่เทียน แต่แรงของอีกคนกลับมั่นคงราวกับหินผา — “น้องขออภัยที่จับหูเล่นนะขอรับ”
ดวงตากลมโตกะพริบถี่ เขาเงยหน้ามองบุรุษที่โอบกอดตนไว้ในอ้อมแขน ดวงตาคมกริบสีเข้มของเยว่เทียนจ้องมองนานจนรู้สึกหวั่นใจ แววตานั้นสงบนิ่งและลึกซึ้งเกินกว่าจะอ่านได้ สะท้อนภาพของเขาเอาไว้อย่างชัดเจนราวกับกระจกใส
“สักพักแล้ว”
ริมฝีปากหยักของเยว่เทียนกระตุก ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงอย่างมีเลศนัย เขามิใช่คนอ่อนโยนโดยนิสัย ใบหน้าเรียบนิ่ง น้ำเสียงเย็นชามักทำให้ดูดุอยู่เสมอ แม้หลันฮวาจะอยู่กับเขาตั้งแต่จำความได้ มิหนำซ้ำยังไม่เคยถูกต่อว่าหรือลงโทษ ทว่าเพียงแค่เผลอทำให้เขาไม่พอใจ ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้
ร่างเล็กขยับตัวไปมาอย่างลุกลี้ลุกลน มิกล้าสบตาอีกฝ่ายได้เต็มที่ เพียงแต่ก้มหน้าหลบเป็นพัลวัน บางจังหวะก็เผลอช้อนดวงตาสีฟ้าใสขึ้นมามองเขาอย่างลังเล แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่จับจ้องอยู่ก่อนแล้วก็รีบหลุบตาต่ำแทบจะทันที
ตรงกันข้ามกับดวงตาลุ่มลึกสีน้ำเงินเข้ม ร่างสูงของบุรุษที่กำลังนั่งพิงพนักเบาะอย่างสงบนิ่ง แต่ในความนิ่งสงบนั้น กลับมีบางอย่างในแววตาที่ฉายแววซับซ้อนและยากจะคาดเดา เขาใช้สายตาสำรวจคนตัวเล็กที่กำลังนั่งอยู่บนตักอย่างพิจารณา ดวงตาคมลึกคู่นั้นทอดมองไปยังใบหน้าเล็กที่แดงก่ำราวผลท้อสุก
หลันฮวาแน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของบุรุษผู้นั้น หูจิ้งจอกสีขาวบริสุทธิ์ลู่ลงขนานไปกับเส้นผมหิมะยาวนุ่มลื่นที่คลอเคลียอยู่บนไหล่บาง ร่างเล็กที่กำลังซุกตัวอยู่ในเสื้อคลุมตัวยาวของบุรุษตรงหน้าดูจะเล็กลงไปถนัดตา แก้มทั้งสองข้างของหลันฮวาขึ้นสีแดงจัด ริมฝีปากเล็ก ๆ นั่นเม้มเข้าหากันแน่นด้วยความอับอายที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา
เสื้อคลุมที่หลันฮวาสวมใส่อยู่นั้น เป็นเสื้อของเขาเอง แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามสวมใส่ให้มิดชิดเพียงใด แต่ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันมาก ทำให้เนื้อผ้าแหวกออกกว้างอยู่ตลอดเวลา เผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียน รวมถึงยอดอกสีหวานที่กระตุกไหวไปตามจังหวะลมหายใจของจิ้งจอกน้อย
เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พยายามเบือนสายตาหนีจากภาพยั่วยวนที่อยู่ตรงหน้า แต่ยิ่งเบือนหนีเท่าไร สัมผัสของร่างเล็กที่ขยับไปมาอย่างไม่รู้อะไรเลยก็ยิ่งสร้างความปั่นป่วนในกายของเขา
หลันฮวาที่นั่งอยู่บนตักของเยว่เทียนขยับตัวเล็กน้อย ขณะที่หางจิ้งจอกสีขาวบริสุทธิ์กวัดแกว่งไปมาเบา ๆ ท่าทีเช่นนี้ดูราวกับลูกสุนัขตัวน้อยที่กำลังเล่นซุกซนโดยไม่รู้ตัวเลยว่า ทุกการเคลื่อนไหวนั้นกำลังปลุกเร้าอารมณ์ของเขาอย่างรุนแรง
แน่นอนว่าคนใสซื่อเฉกเช่นหลันฮวา ย่อมไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ ต่อความผิดปกติที่เกิดขึ้นนี้เลย
“ท่านพี่? ”
เสียงหวานใสของหลันฮวาดังขึ้นเบา ๆ คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตากลมโตเป็นประกาย สีฟ้าสวยในดวงตากลมสะท้อนภาพของบุรุษผู้ที่กำลังจ้องกลับด้วยแววตาเย็นชาและลึกล้ำ
บุรุษหนุ่มกะพริบตาช้า ๆ ก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมาประคองท้ายทอยของหลันฮวาอย่างอ่อนโยน ขณะที่มืออีกข้างลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเล็กอย่างระมัดระวัง
เป็นเพราะเยว่เทียนไม่ตอบ หวันฮวาจึงเอ่ยเรียกอีกครั้ง คราวนี้เขาได้สติจากเสียงใสของจิ้งจอกน้อยที่กำลังนั่งซุกตัวอยู่บนตัก เสียงหวานที่แฝงความไร้เดียงสานั้นทำให้บุรุษหนุ่มที่ดูสงบนิ่งมาตลอดถึงกับอดกลั้นความอดทนแทบไม่ไหว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหรี่ลงเล็กน้อย ขณะที่ริมฝีปากหยักได้รูปของเขาคลี่ออก
“ไยจึงซนนัก”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นแผ่วเบาข้างหู ราวกับสายลมที่พัดผ่านยามราตรี บุรุษหนุ่มก้มหน้าลง ก่อนประทับปลายจมูกลงบนแก้มขาวเนียนของหลันฮวาเบา ๆ กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากร่างเล็กของจิ้งจอกน้อยลอยคลุ้งเข้าสู่ประสาทรับกลิ่นของเขา ทำให้หัวใจที่สงบนิ่งมาโดยตลอดเริ่มสั่นไหว
หลันฮวาที่เพิ่งรู้สึกตัวว่ามิได้ถูกโกรธ ก็ยิ้มร่าทันที ดวงตากลมโตเป็นประกายอย่างมีชีวิตชีวา หูจิ้งจอกสีขาวสะอาดตั้งขึ้นอย่างกระตือรือร้น ขณะที่หางทั้งสองข้างก็กวัดแกว่งไปมาเบา ๆ ราวกับลูกสุนัขตัวน้อยที่กำลังดีใจที่ถูกเจ้าของลูบหัว
“นอนมิหลับหรือ? ”
เสียงทุ้มของบุรุษหนุ่มเอ่ยถาม ขณะที่มือข้างหนึ่งยังคงโอบกระชับรอบเอวบางไว้ไม่ยอมปล่อย ร่างสูงสง่าของเขาขยับเล็กน้อย ก่อนจะใช้นิ้วเรียวยาวลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของหลันฮวาอย่างแผ่วเบา ท่าทางของเยว่เทียนแฝงไปด้วยความอ่อนโยนและความพึงพอใจที่แผ่ซ่านอยู่ในอก
“เรื่องก็เป็นเช่นนี้ ท่านพี่โปรดเข้าใจน้องด้วย”
เสียงหวานของหลันฮวาดังขึ้นเบา ๆ ปากเล็กแก้ต่างให้ตัวเองพร้อมกับขยับตัวเข้าหาเขาเล็กน้อย และอธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ตั้งแต่ต้นจนจบ
บุรุษหนุ่มมองคนตัวเล็กด้วยสายตานิ่งสงบ ริมฝีปากหยักได้รูปของเขาคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มต่ำว่า — “ตอนนี้ไม่ง่วงสินะ แต่พี่อยากให้เจ้านอนอีกหน่อย”
กล่าวจบ บุรุษหนุ่มก็ขยับตัวเล็กน้อย มือแกร่งที่โอบเอวเล็กของหลันฮวากดร่างของลงกับที่นอนเบา ๆ ร่างสูงแกร่งขยับขึ้นคร่อมเหนือร่างของหลันฮวา ขณะที่มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นไปกุมข้อมือเล็กไว้เหนือศีรษะ
หลันฮวาเบิกตากว้าง “ทะ..ท่านพี่!”
บุรุษหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเขาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ ก่อนจะจับขาทั้งสองข้างของหลันฮวาขึ้นพาดไว้บนไหล่กว้างของตนอย่างมั่นคง
“เช่นนั้น ทำอีกสักรอบ เจ้าก็น่าจะเหนื่อยจนหลับ”
รอยยิ้มบนริมฝีปากหยักได้รูปนั้นแฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้งที่ยากจะคาดเดา ท่วงท่าแข็งแรงและทรงอำนาจนั้นทำให้หวันฮวาตัวแข็งทื่อราวกับถูกตรึงไว้กับที่ แม้จะไม่มีถ้อยคำใดหลุดออกจากปาก แต่แรงกดดันที่แผ่ซ่านออกมาจากบุรุษตรงหน้ากลับทำให้จิ้งจอกน้อยรู้สึกได้ถึง คลื่นอารมณ์ร้อนแรงที่กำลังซัดโถมเข้ามา
ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาเป่ารดลงบนลำคอขาวเนียนของหวันฮวาเบา ๆ ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก หันหน้าหนีโดยอัตโนมัติ แต่กลับถูกมือหนาประคองใบหน้าเอาไว้ให้หันกลับมาประสานสายตากับดวงตาสีน้ำเงินเข้ม
“มะ มิใช่ว่าเราเพิ่งทำกันก่อนนอนหรือขอรับ”
เสียงหวานของหลันฮวาสั่นเครือ ดวงตากลมโตสีฟ้าใสเบิกกว้าง พยายามขืนตัวเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของคนตัวโต แต่กลับรู้สึกได้ถึงแรงกดเบา ๆ ที่ต้นขา ทำเอาหัวใจที่เต้นโครมครามของคนตัวเล็กแทบปิดกั้นอารมณ์ตัวเองออกจากสายตาคมคู่นั้นไม่ไหว
แผ่นหลังของหลันฮวาแนบสนิทกับที่นอนอ่อนนุ่ม ขณะที่ขาทั้งสองข้างยังคงถูกตรึงไว้อย่างมั่นคง ความอับอายไหลเวียนอยู่ในทุกอณูของร่างกาย ใบหน้าของร่างเล็กร้อนผ่าวราวกับถูกเปลวไฟลุกโชน มือเล็ก ๆ แตะลงบนแผ่นอกกว้างคล้ายอยากดันออกแต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ
บุรุษหนุ่มจ้องมองท่าทางขัดเขินอย่างพึงพอใจ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏบนใบหน้าคมคายนั้นทำให้หลันฮวายิ่งสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ท่าทางของเขานั้นมั่นคงและเหนือกว่าจนไม่อาจหลบหนีได้เลย
มือหนาของเขาเลื่อนขึ้นลูบไล้ไปตามเรียวขาเล็กอย่างเชื่องช้า ปลายนิ้วไล้ผ่านผิวเนียนนุ่มราวกับกำลังลิ้มรสสัมผัสอย่างพึงใจ ริมฝีปากหยักได้รูปของเยว่เทียนกระตุกยิ้มเล็กน้อยขณะที่จ้องมองดวงตากลมโตของหลันฮวาที่สั่นไหวราวกับดวงดาวบนผืนน้ำ
หลันฮวาหายใจติดขัด ขดตัวเล็กน้อยขณะที่แรงกดเบา ๆ จากมือของเขายังคงตรึงอยู่ตรงเอวบาง
บุรุษหนุ่มไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่รอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนริมฝีปากของเขากลับเผยความหมายในตัวมันเองได้ชัดเจน — เป็นรอยยิ้มที่บ่งบอกว่า ไม่ว่าจะพยายามหนีเพียงใด ก็ไม่มีวันรอดพ้นไปจากเขาได้
มือหนาของบุรุษร่างสูงดึงกางเกงลงจนแท่งเนื้อสีเข้มดีดผลึงออกมาเกือบโดนใบหน้าหวาน เยว่เทียนจับสอดไว้ระหว่างขาอ่อนนุ่มนิ่ม ไม่ว่าเห็นกี่ครั้ง—จิ้งจอกน้อยก็ไม่อาจชินกับความใหญ่โตของคนผู้นี้เลย มันใหญ่พอกันกับขาของเขา ยิ่งอยู่ในท่วงท่านี้ก็ใช้สายตาวัดได้ง่ายขึ้น ผลปรากฏว่าความยาวของอีกฝ่ายยาวเลยสะดือตนขึ้นไปอีก จนต้องแอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“พี่สัญญาว่าจะใช้เวลาไม่นาน”
เยว่เทียนเริ่มพรมจูบไปตามฝ่าเท้าของเจ้าจิ้งจอกขาวอย่างไม่นึกรังเกียจ ถูไถไอร้อนจากแท่งเนื้อแบ่งปันสู่หว่างขาขาว ป้องกันมิให้คนใต้ร่างตกใจกลัวจนดิ้นหนีเหมือนครั้งแรกที่เริ่มทำ
“อื้อ. .”
หลันฮวาครางในลำคอเสียงเบา ใบหน้าแดงซ่านคล้ายคนถูกมอมเมาด้วยสาเก ตัวสั่นจากลมหนาวที่พัดผ่านม่านบางเข้ามา —หรืออาจจะด้วยความเสียวซ่านก็ไม่ผิด
ด้วยความที่หลันฮวาแต่เดิมเป็นคนร่างกายอ่อนแอ เพียงถูกกระตุ้นไม่นานก็เริ่มปลดปล่อยหยาดน้ำสีใสออกมาจากส่วนปลายแล้ว ตรงกันข้ามกับเยว่เทียน เขาใช้ขาอ่อนบางถูไถกับแท่งเนื้อตนเองเพื่อเพิ่มความแข็งตัวให้แก่นกาย และเมื่อมันแข็งขืนจนถึงจุดสูงสุดเยว่เทียนก็เริ่มไล้ริมฝีปากหยักไปทั่วเรียวขางาม
ท้ายที่สุดความอ่อนโยนก็สิ้นสุดลง พลันแปรเปลี่ยนเป็นความดุดัน นอกจากส่วนกลางกายของบุรุษจะมีความใหญ่แล้ว สิ่งที่ทำให้หลันฮวาเสียวซ่านยิ่งกว่าสิ่งใดนั้นมาจากเส้นเลือดที่พันรอบลำจนเด่นชัด
“อ๊ะ ท่านพี่เยว่.. อย่ารุนแรงกับน้อง”
ยามเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกขานสอดแก่นกายที่แข็งขืนจนปวดหนึบเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อน แล้วขยับเข้าออกโดยไม่รอให้เจ้าจิ้งจอกน้อยได้ปรับตัว ปากเล็กก็ร้องขอความใจดีทันที แม้ร่างกายจะกำลังเขยื้อนขึ้นลงไปตามจังหวะกระแทกของเยว่เทียนจนเนื้อไม้ของเตียงใหญ่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด
ปากเล็กส่งเสียงครวญครางอย่างต่อเนื่อง ดวงตากลมโตประดับไปด้วยหยาดน้ำตาที่คลอหน่วย ซึ่งอยู่ได้ไม่นานก็ไหลลงสู่พวงแก้มที่แดงซ่าน มุมปากเปรอะเลอะเล็กน้อยด้วยน้ำสีใส ขาอ่อนที่ก่อนนอนก็แดงอยู่แล้วมาบัดนี้กลับแดงช้ำยิ่งกว่าเดิม และแล้วแท่งหยกชมพูนี้ก็ปลดปล่อยหยาดน้ำแห่งความสุขสมออกมา
ปากหยักเม้มเข้าหากันแน่น ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่สอดแทรกเข้าไปในตัวหลันฮวา ความคับแน่นก็ยังคงอยู่เสมอ ทำเอาหัวหมุนแทบเสร็จแล้วเสร็จอีก หากไม่ข่มกลั้นกามอารมณ์เอาไว้
ยามนี้ หลันฮวาหันใบหน้าหนี ทั้งที่ร่างกายอ่อนแรงจนแทบไร้เรี่ยวแรง เอนแนบไปกับตั่งนอน สองมือที่เคยกำผ้าห่มแน่น บัดนี้เลื่อนขึ้นคว้าข้อมือของผู้ที่อยู่เหนือร่าง ซึ่งยังคงใช้แขนค้ำยันกับที่นอนไว้ แววตาคู่สวยของจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์ออดอ้อนเสียจนใจสั่น — “น้องอยากได้..จูบ ท่านพี่จูบน้องนะขอรับ”
“ตามที่เจ้าต้องการ” เยว่เทียนตามใจ
ทุกครั้งที่หลันฮวาถึงจุดหมาย เขามักออดอ้อนขอจูบเสมอ บางคราวก็เผลอเอ่ยขอโดยไม่รู้ตัว นิสัยเช่นนี้ถูกปลูกฝังโดยเยว่เทียน และแน่นอนว่าเจ้าตัวพึงพอใจยิ่งนัก
มือหยาบกร้านจากการต่อสู้ของเขาเคลื่อนลงลูบไล้หยาดหยดที่ร่างเล็กเพิ่งปลดปล่อย ก่อนจะไล้ปลายนิ้วไปตามยอดอกสีหวาน เกลี่ยวนปลายยอดไปมา สลับสะกิดเขี่ยเบา ๆ ความชื้นแฉะบนปลายนิ้วกลายเป็นตัวกระตุ้นชั้นดี หลันฮวาที่ยังจมอยู่ในรสจูบ ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ พยายามดันไหล่กว้างออกด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
เยว่เทียนรับรู้ถึงท่าทีประท้วงจึงยอมถอนจูบออกเชื่องช้า ยามเมื่อปลายลิ้นของพวกเขาแยกจากกัน เส้นใสวาวก็เชื่อมระหว่างริมฝีปาก ก่อนจะขาดสะบั้นในที่สุด คนตัวเล็กที่เพิ่งได้อิสระรีบกอบโกยอากาศเข้าปอด แต่ยังไม่ทันตั้งตัว ร่างทั้งร่างสะดุ้งเฮือก เมื่อเยว่เทียนโน้มลงขบเม้มตุ่มไตสลับดูดดึงราวกับหิวกระหาย ขณะที่อีกข้างยังคงถูกมือหนาขยี้บดคลึง ไร้ซึ่งความปรานี
“อ๊า— น้องไม่ไหวแล้วขอรับ”
ถูกปรนเปรอรังแกทั้งบนและล่างเช่นนี้ มีหรือจะทานทนได้ ทั้งยอดอกและเรียวขาอ่อนล้วนขึ้นสีแดงช้ำ
พรวด
เป็นอีกครั้งที่หลันฮวาปลดปล่อยออกมา จิ้งจอกน้อยเริ่มความคิดพร่าเลือน หัวสมองขาวโพลน ร่างกายสั่นระริก กรอบหน้างามชื้นเหงื่ออย่างน่าสงสาร
เยว่เทียนรู้ดีว่าหลันฮวาใกล้ถึงขีดจำกัด จึงเร่งจังหวะให้พอส่งเขาสู่ปลายทาง ระหว่างนั้นริมฝีปากร้อนก็กดจูบและดูดเม้มไปทั่วซอกคอขาว และเมื่อถึงจุดสูงสุด แก่นกายของเขากระตุก ปลดปล่อยหยาดขาวกระจายเลอะไปถึงกรอบหน้าของร่างที่อยู่ใต้ร่าง หลันฮวาได้โอกาสพักหายใจ แต่ยังคงหอบสะท้านจากความอ่อนล้า ร่างเล็กสั่นไหว น่าสงสารปนชวนให้เอ็นดู น้ำตาที่คลอหน่วยตั้งแต่ต้นเพิ่งเหือดแห้ง เผยให้เห็นขอบตาที่แดงก่ำเหมือนลูกกระต่าย
เยว่เทียนมองใบหน้าที่เพิ่งถูกเขารังแกจนพอใจ เมื่อเห็นว่าลมหายใจของหลันฮวาเริ่มเป็นปกติ ก็ค่อย ๆ เอื้อมมือป้ายน้ำกามที่เปื้อนอยู่บนแก้มนั้น แล้วนำไปจ่อริมฝีปากบาง
“กลืนลงไป”
หลันฮวามิได้ตื่นตระหนกหรือขัดขืน กลับทำตามอย่างว่าง่ายราวกับเป็นความเคยชิน แม้จะไม่เข้าใจว่าด้วยเหตุใด หลังจากเสร็จสิ้นกิจในแต่ละครั้งแล้ว อีกฝ่ายถึงชอบให้กลืนสิ่งนั้นลงไป ทว่าหากการกระทำนี้ทำให้เขาพึงพอใจ หลันฮวาก็มิได้คิดจะเอ่ยถามให้มากความนัก
“ดีมาก”
เสียงทุ้มต่ำของเยว่เทียนเปล่งออกมาแผ่วเบาในลำคอ เมื่อเห็นว่าจิ้งจอกน้อยขี้แยยอมทำตามคำสั่งโดยไร้ซึ่งการขัดขืนหรือเอ่ยถามเหตุผลใด ส่วนหลันฮวาที่ได้ยินคำชมก็รู้สึกอุ่นวาบในอก ไม่นานนักเปลือกตาบางก็ค่อย ๆ ปิดลง จนผล็อยหลับไปในที่สุด
.
.
.
“อื้อ—. . ตอนนี้น้องง่วงมาก ๆ เลยขอรับ”
ตั้งแต่ตื่นนอน หลันฮวาก็พุ่งเข้าไปกอดและออดอ้อนเยว่เทียนไม่หยุด ยิ่งเช้าวันนี้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายของอีกฝ่ายชัดเจนกว่าทุกวัน ก็ยิ่งทำให้เขาอยากออดอ้อนเข้าไปใหญ่ เยว่เทียนเพียงยิ้มบางที่มุมปาก ก่อนยกมือขึ้นลูบศีรษะของจิ้งจอกน้อยด้วยน้ำหนักมืออันอ่อนโยน
ออดอ้อนไปได้ครู่หนึ่ง หลันฮวาก็ช้อนดวงตากลมโตขึ้นมองเยว่เทียน ก่อนจะก้มหน้าลงอย่างลังเล ปลายหูจิ้งจอกที่ตั้งชันเมื่อครู่ค่อย ๆ ลู่ต่ำลงอย่างไม่มั่นใจ เห็นดังนั้น เยว่เทียนก็รู้ได้ในทันทีว่าจิ้งจอกน้อยคงอยากขอบางสิ่งหรือพูดบางอย่าง จึงเงียบรอเพื่อดูว่าจะกระทำการอันใด
หลันฮวาที่เหมือนจะรวบรวมความกล้าทั้งหมดได้ ก็ช้อนดวงตาสีฟ้าใสขึ้นอีกครั้ง ก่อนเอ่ยคำขอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“วันนี้” อึกอักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลั้นใจพูดอีกครั้ง “ท่านพี่ไม่ออกไปทำงานได้หรือไม่ขอรับ? ”
คำขอนั้น แม้เยว่เทียนจะเต็มใจทำตามเพียงใด แต่เขากลับนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ตนเรียกขุนนางมาประชุมเรื่องสำคัญ จึงคิดจะต่อรองว่าหลังประชุมเสร็จจะรีบกลับมาแทน ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าของหลันฮวาที่คล้ายจะร้องไห้ ริมฝีปากที่กำลังจะเอ่ยคำต่อรองก็ต้องปิดลงทันที สีหน้าที่หม่นหมองราวกับจะร้องไห้นั้น ทำให้เยว่เทียนกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ พลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา — “ตามใจเจ้า พี่จะอยู่กับเจ้าเอง”
หลันฮวาที่พยายามกลั้นน้ำตาไว้เผยยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ใบหน้าเล็กยื่นเข้าไปใกล้บุรุษร่างสูงกว่า ก่อนจูบเบา ๆ ที่มุมปากของเยว่เทียน
“น้องรักท่าน” หลันฮวากล่าวด้วยความไร้เดียงสา แม้จะไม่เข้าใจความหมายแท้จริงของคำนี้ ทว่าทุกครั้งที่เขาเอ่ย เยว่เทียนจะพึงพอใจเสมอ รอยยิ้มที่มุมปากแม้จะบางเบา แต่ก็ทำให้หัวใจของหลันฮวาพองโต
สำหรับเยว่เทียน หลันฮวานั้นเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกการกระทำของจิ้งจอกน้อยไม่มีทางเสแสร้ง ทุกคำพูดล้วนออกมาจากใจ ราวกับผ้าขาวไร้มลทิน ทว่าสาเหตุที่ทำให้หลันฮวายังไร้เดียงสาเช่นนี้ เป็นเพราะเยว่เทียนไม่เคยให้เขาออกจากห้องเลยแม้แต่ครั้งเดียว — และเขาก็จะให้มันคงเป็นเช่นนี้ไปตลอด
หลันฮวาที่ได้รับการตามใจแล้วเอนตัวเข้าไปกอดเยว่เทียน ทว่ากลับรู้สึกสะดุดเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นว่ารอยประหลาดสีแดงตรงลำคอของอีกฝ่ายหายไปแล้ว
‘มันคือสิ่งใดกันแน่นะ? ’