หลันฮวามีร่างกายอ่อนแอ จึงไม่อนุญาตให้เขาออกนอกห้องและยังคอยย้ำเตือนว่าข้างนอกอันตรายเพียงใด ชีวิตประจำวันของหลันฮวาคงดำเนินไปอย่างสงบสุขหากว่าไม่มีผู้ใดต้องการเห็นเขาเสียน้ำตา
ดราม่า,ชาย-ชาย,4P,นายเอกอ่อนแอ,จิ้งจอกปีศาจ,จีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เหตุใดพวกท่านจึงชอบเห็นข้ายามร้องไห้หลันฮวามีร่างกายอ่อนแอ จึงไม่อนุญาตให้เขาออกนอกห้องและยังคอยย้ำเตือนว่าข้างนอกอันตรายเพียงใด ชีวิตประจำวันของหลันฮวาคงดำเนินไปอย่างสงบสุขหากว่าไม่มีผู้ใดต้องการเห็นเขาเสียน้ำตา
หลังจากเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงของบุรุษยกมือขึ้นแหวกม่านออกช้า ๆ เผยให้เห็นร่างเล็กที่กำลังหลับใหลอยู่ โดยมีหางของตนเป็นเครื่องปลอบประโลมในอ้อมกอด ที่สำคัญ ลำคอระหงนั้นเต็มไปด้วยรอยแดง ซึ่งหากใครได้เห็นเข้า คงยากจะหักห้ามความคิดต่ำช้าโสมม—รวมถึงตัวเขาเองด้วย
หากข่าวนี้แพร่ออกไป ผู้คนที่เคยนับถือเซียนอันดับหนึ่งอย่างหยางเฟยหรง คงหมดสิ้นศรัทธาในทันที
ใบหน้านวลนั้นดูอ่อนโยนและไร้เดียงสา ผมสีขาวยาวสยายอยู่บนหมอน ท่วงท่าที่ขดตัวเล็กน้อยพร้อมกอดหางของตนเองให้ความรู้สึกน่าหลงใหลอย่างประหลาด
เขายืนมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาลึกล้ำ ความเงียบงันมีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาที่ดังคลออยู่ในห้อง
ครั้นรู้ตัวว่าเสียเวลากับความคิดไร้สาระ มือหนาจึงหยิบผ้ามามัดข้อมือและปิดตาจิ้งจอกน้อยไว้ ไม่นานทุกอย่างก็เสร็จสิ้น เขาจ้องมองอีกฝ่ายพลางคิด ร่างเล็กตรงหน้าช่างเหมาะสมกับพันธนาการยิ่งนัก
ไม่รอช้า เฟยหรงก้มลงจรดริมฝีปากแนบจูบอย่างนุ่มนวล แรกเริ่มเป็นเพียงสัมผัสแผ่วเบา ก่อนจะค่อย ๆ ลุกล้ำ ลิ้นร้อนพยายามสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากที่ยังไม่ทันได้ต่อต้าน น้ำลายสีใสไหลซึมลงตามมุมปากของคนตัวเล็ก ทว่ากลับยิ่งปลุกเร้าความปรารถนาในใจเขาให้โหมกระหน่ำมากขึ้นกว่าเดิม
ตลอดเวลาที่เขาได้เข้ามาดูแลรักษาหลันฮวาอย่างใกล้ชิด ทุกครั้งที่ปลายนิ้วสัมผัสกับผิวเนียนละเอียด ความคิดสกปรกก็ผุดขึ้นมาในหัวอย่างมิอาจห้าม ทั้งความปรารถนาอันเร้นลึกที่อยากลองแนบชิดกับร่างกายบอบบางนี้ อยากเห็นแววตาหวาดหวั่นสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่งาม อยากสัมผัสสัมผัสหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาตามพวงแก้มสีอ่อนยามเจ้าตัวตกอยู่ในความหวาดกลัว
แต่ความต้องการเหล่านั้นมีอันต้องถูกเก็บซ่อนไว้เสมอ เพราะทุกครั้งที่เข้าใกล้ หลันฮวาก็มักจะมีเยว่เทียนคอยจับตาดูไม่ให้คลาด อีกฝ่ายเปรียบดั่งเงา เฝ้าติดตามอยู่ไม่ห่าง ทำให้แม้แต่โอกาสจะยื่นมือไปสัมผัสเพียงเล็กน้อย เขาก็ต้องข่มกลั้นความปรารถนาของตนเองไว้อย่างยากลำบาก
ทว่าครั้งนี้แตกต่างออกไป
วันนี้เยว่เทียนถูกส่งตัวออกไปทำภารกิจให้เขา เป็นงานที่ใช้เวลาไม่น้อย กว่าจะกลับมาก็คงอีกหลายชั่วยาม และเมื่อไม่มีเงาน่ารำคาญคอยขัดขวาง เขาย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
“ อือ..”
เสียงอู้อี้เบา ๆ ดังขึ้นจากร่างเล็ก หลันฮวาขยับตัวเล็กน้อย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันราวกับกำลังแสดงความไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะการหลับใหลอันแสนสงบ เขาถึงต้องถอนตัวออกจากจูบรสหวานล้ำนั้นเสียก่อน
เซียนใหญ่เพียงมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม ในใจกำลังครุ่นคิด ตอนนี้ไม่มีใครอยู่คอยขัดขวางแล้ว และมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นในห้องนี้ —โอกาสงามเช่นนี้ เฟยหรงย่อมไม่อาจปล่อยให้สูญเปล่าไปได้
“ ท่านพี่เยว่หรือขอรับ.. เหตุใดจึงต้องปิดตาน้องด้วย ” หลันฮวาเอ่ยถามด้วยความลังเล บางสิ่งผิดแปลกไป
ปกติแล้วทุกครั้งที่เยว่เทียนเข้ามาใกล้ เขาจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยของอีกฝ่าย กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ปะปนไปกับไอพลังของเซียนที่แผ่ซ่านอยู่รอบกาย ทว่าครานี้ ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเงียบงัน ไร้แม้แต่เงาของกลิ่นที่เคยชิน มีเพียงกลิ่นควันแปลก ๆ อบอวลอยู่รอบตัว ไหนจะสัมผัสของผ้าที่ปิดตาแน่นหนาและพันธนาการที่รัดข้อมือไว้อีก
หูจิ้งจอกหิมะเริ่มลู่ลงตามสัญชาตญาณ สองมือที่ถูกมัดยกขึ้นแนบอก ร่างเล็กพยายามขดตัวเข้าหากันราวกับต้องการสร้างเกราะป้องกันตัวเองจากอันตรายที่มองไม่เห็น ทว่าคนที่ยืนมองอยู่กลับยังคงสงบนิ่ง
เฟยหรงทอดสายตามองภาพนั้นอย่างพึงพอใจ ดวงตาของเขาฉายประกายบางอย่างที่ยากจะคาดเดา ยิ่งได้เห็นท่าทางตื่นตระหนกของจิ้งจอกน้อย หัวใจของเขายิ่งเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เพราะความหวาดกลัวที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในดวงตาคู่นั้นเป็นสิ่งที่เขาปรารถนา และยิ่งอีกฝ่ายไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนถึงไม่สามารถรับรู้กลิ่นของศัตรูได้ มันก็ยิ่งเพิ่มความสนุกให้กับเขามากขึ้น
เป็นเพียงจิ้งจอกน้อยที่น่าสงสาร ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
สาเหตุที่หลันฮวาสับสน ทั้งที่เป็นปีศาจจิ้งจอกผู้มีประสาทรับกลิ่นอันยอดเยี่ยม นั่นเป็นเพราะกำยานที่เฟยหรงจุดไว้ก่อนเข้ามา กลิ่นของมันเจือจางและแทบไม่สามารถจับสัมผัสได้ด้วยประสาทรับกลิ่นของมนุษย์ แต่สำหรับเผ่าพันธุ์ที่อาศัยการดมกลิ่นเป็นหลัก กำยานนี้กลับเป็นอาวุธร้ายกาจที่สามารถบดบังสัมผัสทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์
และยิ่งไปกว่านั้น—มันไม่ได้เป็นเพียงกำยานธรรมดา หากแต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากมือของเซียนระดับสูงอย่างเขาเอง เยว่เทียนที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ย่อมมิอาจหลุดพ้นจากอำนาจของมันได้เช่นกัน
เฟยหรงคลี่ยิ้ม พลางจ้องมองร่างเล็กที่ยังคงหวาดหวั่นและสับสน ความพึงพอใจแล่นวาบขึ้นในอก คืนนี้เป็นคืนที่เขารอคอยมาเนิ่นนาน คืนที่ไม่มีสิ่งใดสามารถมาขวางทางเขาได้อีกต่อไป
ขณะที่กำลังครุ่นคิดหาทางรังแก มือบางของหลันฮวาก็ยกขึ้นหมายจะดึงผ้าปิดตาออก ทว่าก่อนที่ปลายนิ้วจะสัมผัสกับผืนผ้า มือหนากลับคว้าข้อมือของเจ้าจิ้งจอกน้อยไว้แน่นแล้วดึงออกอย่างไร้ความปรานี แรงกอบกุมที่รัดแน่นทำให้หลันฮวาสะดุ้งเล็กน้อย ความเจ็บแปลบแล่นขึ้นมาตามข้อมือ หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรงด้วยความหวาดหวั่น
“ ท่านพี่เยว่ ? ” เสียงหวานเอ่ยเรียกชื่อบุคคลที่คุ้นเคยอีกครั้ง ทว่าในยามนี้ ทั้งน้ำเสียงและร่างกายกลับสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว ความเงียบที่ได้รับเป็นคำตอบยิ่งทำให้ความไม่มั่นใจเพิ่มขึ้นเท่าทวี
หลันฮวาอยากถอยหนี ทว่าพันธนาการที่ล่ามอยู่ทำให้แม้แต่จะขยับก็ยังยากลำบาก ทำเพียงได้แค่กัดริมฝีปากแน่น ในใจเริ่มปั่นป่วนด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
ทำไมกันนะ ทำไมถึงรู้สึกว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่ใช่คนที่เขาเฝ้าเรียกหา
ขณะที่จิ้งจอกน้อยยังคงพยายามคิดหาทางออกจากสถานการณ์ประหลาดนี้ ผู้บุกรุกกลับเคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเล เสื้อคลุมชั้นนอกถูกปลดออกก่อนถูกนำมารองไว้ด้านล่าง จากนั้นมือหนาก็กดลงบนแผ่นหลังบอบบาง ดันร่างเล็กให้นอนคว่ำโดยไม่ปล่อยโอกาสให้ขัดขืน
“ อ๊ะ..! ”
เสียงร้องหลุดออกมาเมื่อสะโพกถูกยกขึ้นโดยไร้ซึ่งการเตือนล่วงหน้า ร่างกายถูกบังคับให้อยู่ในท่าทางน่าอายที่ไม่ค่อยคุ้นชินสร้างความตื่นตระหนกให้กับเขาอย่างปฏิเสธไม่ได้ หางสีขาวฟูสะบัดไปมาด้วยความกระวนกระวาย ขณะที่ปลายนิ้วเรียวเผลอจิกลงกับผืนผ้า หัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกมานอกอก อุณหภูมิรอบตัวราวกับลดลงไปหลายองศา
ช่องทางสีหวานเผยชัดเต็มสองตา เฟยหรงสอดแทรกก้านนิ้วยาวเข้าไปรวดเดียวจนสุด จนเจ้าจิ้งจอกน้อยสะดุ้งเฮือกขนหางตั้งชัน –เขาสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนทั่วนิ้วชี้ เพียงขยับง้อนิดเดียว ร่างกายบอบบางถึงกลับสั่นระริกเหมือนกระต่ายน้อยโดนรังแก นิ้วเท้าหดเกร็งอย่างน่าสงสาร หูที่แต่เดิมลู่ลงอยู่แล้วก็ยิ่งแนบไปกับศีรษะมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเฟยหรงสอดนิ้วที่สองเข้าไปแล้วแหวกออกเบา ๆ เผยให้เห็นเนื้อด้านในสีสด
หลันฮวาที่เคยดิ้นรนพยายามถอดผ้าปิดตา ในตอนนี้กลับทำได้เพียงซุกใบหน้าลงกับที่นอน ร่างบางรับรู้ดีว่าตนสามารถปลดผ้าผืนนั้นออกได้ทุกเมื่อ ทว่ากลับไม่กล้า—ไม่ใช่เพราะขาดเรี่ยวแรง แต่เพราะเกรงกลัวต่อความจริงที่อาจโหดร้ายเกินรับไหว กลัวว่าบุรุษผู้กำลังรังแกตนในยามนี้ อาจไม่ใช่คนที่เขาเฝ้าร่ำร้องเรียกหา
“ อ๊ะ... ไม่นะ ! ”
หลันฮวาเริ่มดิ้นหนีเมื่อสัมผัสได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมนอกจากนิ้วแทรกเข้ามาด้วย หากเดาจากความรู้สึกที่มันสัมผัสกับร่างกาย จิ้งจอกน้อยเดาได้ไม่ยากเลย เรียวลิ้นของเฟยหรงผ่านแทรกระหว่างช่องนิ้วทั้งสองที่ง้าวออก ตั้งแต่ที่ได้สอดนิ้วเข้าไป ความรู้สึกนอกจากความอุ่นร้อนก็คือความคับแน่น คราแรกตั้งใจจะสอดนิ้วเข้าเพิ่ม แต่เจ้าตัวดีกลับกลัวจนดิ้นหนีไปข้างหน้าทำให้ก้านนิ้วยาวถูกถอดถอน
“ ฮือ หยุดนะ น้องไม่ชอบแบบนี้เลย ได้โปรดอย่าทำเช่นนี้ ”
เฟยหรงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับใช้มือเสยผมที่หล่นลงมาตามกรอบหน้า ในตอนนี้ห้องเงียบสงัดนอกจากหลันฮวาที่ถูกปิดตาแล้ว ไม่มีใครอยู่ใกล้
เซียนใหญ่แสดงสีหน้าหงุดหงิดแตกต่างจากยามปกติ รอยยิ้มที่เคยมีจางหายไปทันที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนแน่น เส้นเลือดที่คอและหน้าชัดเจนขึ้น ความไม่พอใจสะท้อนออกมาในท่าทางของเขาอย่างไม่อาจปิดบัง ไม่ชอบเมื่อมีคนไม่เชื่อฟัง ยิ่งคนตรงตรงหน้าพยายามดิ้นหนีจากเขาเท่าไร ความหงุดหงิดก็ยิ่งทวีคูณ
หลันฮวาที่หนีจนสุดขอบเตียงก็ได้แต่คดตัวหลบซ่อน น้ำตาไหลพรากโดยไม่สามารถควบคุมได้ หัวใจของร่างเล็กเต้นรัวจนรู้สึกเหมือนจะหลุดออกจากอก ร่างกายสั่นระริกอย่างไม่สามารถห้ามได้ ปากบางสั่นเมื่อพูดขอร้องออกไปด้วยเสียงที่แหบแห้งและสะอื้น
กลับกัน เฟยหรงที่หวังเตรียมช่องทางให้กลับมิสนใจสิ่งใดแล้ว เขาไม่ชอบที่เจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้มีท่าทีต่อต้าน มันทำให้เซียนใหญ่นึกถึงลูกศิษย์ทั้งสองที่ทำตัวน่าหงุดหงิดอยู่เสมอ โดยเฉพาะเยว่เทียน
มือหนากระชากโซ่จนหลันฮวาถลากลับมาอยู่ใต้ร่างอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ถูกบังคับจับให้นอนหงาย ขาทั้งสองข้างถูกจับยกขึ้นไปจนเข่าชิดกับอก ด้วยความที่อีกคนมีร่างกายเล็กและบอบบางไม่ต่างจากสตรี เฟยหรงจึงใช้เพียงมือเดียวเพื่อให้ง่ายต่อการจับตรึง ส่วนอีกข้างที่ว่างเลื่อนลงต่ำจับขอบกางเกงดึงลง
“ ท่าน…! ”แม้นหลันฮวาจะมองไม่เห็น แต่เมื่อครู่มีบางสิ่งแนบทับมากับบั้นท้ายของเขาแน่นอน ทั้งร้อนและแข็งจนน่าหวาดหวั่น อดไม่ได้ที่จะขยับตัวหนีอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับไร้ผล เพราะถูกฝ่ามืออีกฝ่ายตรึงไว้กับที่
“ ดื้อจริง ๆ ” เฟยหรงกล่าวออกมาอย่างเย็นชาติดหัวเสีย
ในใจของหลันฮวาเต็มไปด้วยความสงสัย —มิใช่ท่านพี่เยว่จริง ๆ หรือ ? ถ้าอย่างนั้น.. เป็นใครกัน
จิ้งจอกน้อยเริ่มมั่นใจขึ้นมาแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่ตนเองเคยรู้จักแน่นอน เฟยหรงก็ใช้มือจับประคองแท่งเนื้อนำไปจ่อให้ตรงกับช่องทางสีหวานพร้อมกดส่วนหัวเข้าไปทีละนิด หลันฮวาที่รู้สึกเจ็บถึงกับร้องเสียงหลง ขาเรียวขาวทั้งสองดีดดิ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี หวังจะหลุดพ้นจากการกระทำหยาบช้านี้
เฟยหรงในตอนแรกยังพอปล่อยผ่านไปได้ เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายอยู่ในช่วงตื่นตกใจ ทว่าคราวนี้ความอดทนของเขากลับหมดสิ้นลงแล้ว จากที่ตั้งใจจะทำทุกอย่างช้า ๆ เพราะเห็นว่าเป็นครั้งแรก แต่ทันทีที่คิดถึงการฝึกจิ้งจอกคนงามให้เชื่องขึ้นมาในหัว ตัวเขาก็แทบละทิ้งทุกสิ่งทันที กระแทกแท่งเนื้อเข้าสุดรวดเดียว
จิ้งจอกคนงามร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เสียงของเขาสั่นสะท้านในอากาศ ก่อนที่ร่างบางจะค่อย ๆ หยุดดิ้นหนีและกลายเป็นนิ่งสนิทไร้แรงขัดขืน การเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็กลายเป็นทรมาน เจ็บจนปวดไปทั่วทั้งโสตประสาต คล้ายร่างกายชาไปหมด ความหวาดกลัวถาโถมเข้ามาในจิตใจ พร้อมกับความรู้สึกที่ไม่มีทางหลบหนีได้อีกแล้ว ช่องทางรักสีหวานบัดนี้กลับแต่งแต้มด้วยหยาดน้ำสีแดง ยิ่งขยับก็ยิ่งหลั่งไหล
“ ฮือ.. น้องเจ็บ ” แค่เปล่งเสียงยังแทบไร้เรี่ยวแรงจะขยับริมฝีปาก นับประสาอะไรกับการขัดขืนต่อ ยามนี้เพียงหอบหายใจก็เจ็บปวดช่วงล่างไปหมด
หลันฮวายังคงอ้อนวอน หวังว่าผู้บุกรุกจะเมตตาและปล่อยตนไป ทว่าตรงกันข้ามกับความหวัง สิ่งที่ได้รับกลับเป็นการที่อีกฝ่ายพยายามสอดเข้ามาให้ลึกกว่าเดิมพร้อมกระแทกเข้าออกไม่เว้นจังหวะ รุนแรงเสียจนร่างกายจิ้งจอกน้อยสั่นคลอน
เฟยหรงจ้องมองหลันฮวาตลอดเวลา ขณะที่หยาดน้ำตาค่อย ๆ ไหลซึมผ่านผ้าปิดตา น้ำเสียงหวานของจิ้งจอกหิมะยังคงขอร้องออกมาด้วยความอ่อนแรง ราวกับว่าไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้กับความเจ็บปวดอีกต่อไป ขณะที่ช่องทางด้านล่างก็มีเลือดไหลซึมจนดูน่าสงสาร ทั้งหมดนี้สร้างความพึงพอใจจนกลบความหงุดหงิดก่อนหน้านี้ไปได้บ้าง เฟยหรงค่อย ๆ โน้มใบหน้าลงไปประกบจูบคนใต้ล่าง ความนุ่มนวลที่ได้รับจากการจูบคงจะพอปลอบประโลมได้ หากช่วงล่างมิได้กระแทกกระทั้นอย่างหนักหน่วงเช่นนี้
กระทำกับคนที่อยู่ภายใต้การปกครองของเยว่เทียนแบบนี้แล้วยิ่งรู้สึกดีจนเนื้อเต้น ปิดรอยยิ้มสะใจไว้ไม่มิด
“ เด็กดี ”เฟยหรงเอ่ยชมหลังจากถอนจูบ ตอนแรกเขาคิดว่าหากจูบไปคงโดนคนงามกัดริมฝีปากเป็นแน่ ทว่าเมื่อลองทำจริง ๆ อีกฝ่ายกลับมิได้ขัดขืนเท่าที่คิด ถ้าให้เดาก็คงเพราะเยว่เทียนสอนนิสัยชอบจูบให้ เพราะแบบนั้นมันเลยดีต่อตัวเขาเอง ขนาดรู้ว่าไม่ใช่ท่านพี่ที่ตัวเองเฝ้าเรียกหา แต่ก็ยังชอบให้จูบขนาดนี้
“ อ๊ะ ได้โปรด.. อย่าทำเช่นนี้ ”
คนด้านบนเลือกที่จะเมินเสียงหวานแล้วเคลื่อนสายตาลงมองบริเวณช่วงท้องที่เคยแบนราบ ซึ่งตอนนี้มันเริ่มนูนเด่นเมื่อเฟยหรงกระแทกเข้าและกลับมาแบนราบเมื่อถอนตัวออก เห็นเช่นนั้นก็อดมิได้ที่จะรังแกคนงาม ครั้นหน้าท้องนูนเพราะแท่งหยกที่สอดใส่ เฟยหรงจึงใช้นิ้วกดลงไป การกระทำเช่นนี้สร้างความทรมานแก่หลันฮวาได้ไม่น้อย มิรู้ว่าเป็นบทลงโทษหรืออันใด ช่องทางคับแน่นยิ่งหดเกร็งจนคนสอดใส่ปวดหนึบ
“ เด็กดีของข้า คล่อนคลายลงหน่อยเถิด ” เฟยหรงพรมจูบไปทั่วใบหน้างามอย่างอ่อนโยน ระหว่างนั้นมือที่ว่างก็ค่อย ๆ แก้มัดตรงข้อมือบางออกเผยให้เห็นรอยแดงช้ำเด่นชัดปรากฎสู่สายตา
“ ฮือ ท่านพี่เยว่ช่วยน้องด้วย ”
“ มิต้องร้อง เพราะข้าคงหยุดรังแกตอนที่เยว่เทียนใกล้กลับ ”
เสียงของเฟยหรงดังกังวานในห้อง เผยให้เห็นถึงความเย็นชาในน้ำเสียงของเขา ขณะที่เขากำลังเชยชมและสุขสมไปกับร่างกายงดงาม หลันฮวาได้แต่กัดฟันแน่น น้ำตาเริ่มไหลซึมอีกครั้ง แต่มิไม่ได้ตอบโต้อีก นอกจากข่มความเจ็บปวดในใจไว้เงียบ ๆ ความรู้สึกที่อยู่ในอากาศนั้นทั้งเย็นชาและน่ากลัวอย่างไม่เคยเจอมาก่อน
ยามนี้เสียงร้องครางดังไปทั่วห้อง ดีไม่ดีอาจจะดังไปจนถึงหูพวกบ่าวรับใช้ด้านนอก แม้จะผ่านมาหลายชั่วยาม ทว่าเฟยหรงก็มิได้เบาแรงลงเลย ซ้ำมีแต่จะเพิ่มแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหน้าเขาถอนแก่นกายออกเพื่อปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นใส่ร่างกายจิ้งจอกงาม ครั้งนี้จึงตั้งใจมอบน้ำเชื้อให้ช่องทางคับแคบที่ตอดรัดแน่น
พึงพอใจที่แม้ริมฝีปากสวยจะปฏิเสธแค่ไหน แต่ร่างกายกลับตอบสนองและรองรับอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
“ฮึก ไม่.. ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร แต่ได้โปรดหยุดทำเช่นนี้เถอะนะขอรับ ”
เสียงที่เปร่งออกมาประหนึ่งลมหวิวกระซิบ ใบหน้างามของคนใต้ร่างหายใจหอบถี่และแดงซ่าน อีกทั้งสติเริ่มจางหาย ผ้าปิดตาเริ่มคลายปมจนหลุดออกจากใบหน้า ทว่ามีม่านน้ำตาปกคลุมแพขนตาหนาเอาไว้ เมื่อมองไปที่อีกฝ่ายจึงเห็นเพียงแค่เงาเรือนรางจากแสงที่ส่องผ่านไหล่หนาเท่านั้น
“ ข้าจะบอกให้ก็ได้ เพราะข้าเป็นอาจารย์ของเยว่เทียนอย่างไรเล่า ” พูดจบก็กระแทกลึกอีกครั้งพร้อมปลดปล่อยน้ำเชื้อในช่องทางที่กำลังกลืนกินของเขา คำพูดหยาบคายไร้สำนึกดูราวกับสนุกต่อสิ่งที่ตนกระทำ
หลันฮวาสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงของเหลวจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด อีกฝ่ายยังขยับสะโพกขึ้นลงคล้ายต้องการอัดฉีดทุกหยาดหยดให้มันอยู่ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยามนี้เขาทั้งกลัวและตกใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ถูกรังแกอย่างหนักหน่วง เนื่องจากที่ผ่านมาเยว่เทียนมิเคยกระทำเช่นนี้ มักโดนถนอมมาตลอด
“ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ห้ามบอกเยว่เทียนเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้ามิได้เจอกันอีกตลอดกาล ”
จิ้งจอกน้อยต้องรู้สึกเจ็บปวดอีกครั้ง หลังจากที่เฟยหรงพยายามถอดถอนแก่นกายออก ครั้นเอาออกมาได้สำเร็จ น้ำเหนียวเหนอะมากมายก็ทะลักจนผสมกับเลือดจากบาดแผลฉีกขาดเปรอะช่วงขาอ่อนและผ้าปู อันเป็นช่วงเวลาที่หลันฮวาสลบไปอย่างเหนื่อยล้า
เฟยหรงนั่งอยู่ข้างเตียงของจิ้งจอกหิมะ ขณะที่เขาเพียรพยายามทำให้หลันฮวารู้สึกสบายตัวขึ้นหลังจากที่ได้ดูแลรักษาบาดแผลไปเมื่อครู่ เขาลูบไปตามเส้นผมสีขาวนวลอย่างอ่อนโยน ขณะที่ความคิดเกี่ยวกับอดีตที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความไม่ลงตัวกับศิษย์ทั้งสองก็ค่อย ๆ ลอยเข้ามาในใจหัว
นึกถึงตอนที่ได้บังคับมู่เซียวให้มาเป็นศิษย์คนแรก และเมื่อเขาพบกับเยว่เทียนที่ถูกรุมต่อสู้ ตอนแรกเขาก็เข้าไปช่วยเหลือ แต่กลับได้รับคำพูดจากเยว่เทียนที่ทำให้รู้สึกหัวเสียอย่างมาก เพราะแทนที่จะได้ยินคำขอบคุณจากปากของเยว่เทียน กลับได้ยินคำว่า ยุ่งไม่เข้าเรื่อง ที่ทำให้เฟยหรงไม่สามารถอดกลั้นได้ เขาจึงสั่งสอนเยว่เทียนอย่างหนักจนกระดูกซี่โครงหักไป
แม้จะเป็นเซียนผู้ยิ่งใหญ่ แต่การถูกเด็กที่สูงแค่ระดับอกมาทำหน้ารังเกียจใส่ก็ทำให้เฟยหรงอดไม่ไหว ถ้าเขาไม่ได้สนใจเรื่องจิ้งจอกเก้าหางที่หายากอย่างเยว่เทียน เขาคงฆ่าเด็กคนนั้นไปแล้ว แต่นั่นกลับไม่ได้จบแค่ตรงนั้น หลังจากที่เขาบังคับเยว่เทียนมาเป็นศิษย์ ความทะเลาะกันระหว่างศิษย์ทั้งสองก็เริ่มต้นขึ้น
ช่วงแรกของการฝึกระหว่างมู่เซียวและเยว่เทียน เขาเคยรู้สึกว่าเป็นการทดสอบความอดทนของตัวเองอย่างหนัก เพราะมู่เซียวต้องการให้เยว่เทียนเรียกเขาว่าศิษย์พี่ แต่เยว่เทียนที่ไม่พอใจในความน่ารำคาญของมู่เซียวก็ไม่ยอมทำตาม เถียงกลับด้วยคำพูดหยาบคายและการกระทำที่ไม่ให้เกียรติ ต่อมามู่เซียวที่เป็นมังกรเพลิงเรียกเยว่เทียนที่เป็นจิ้งจอกเก้าหางว่า หมาขี้เรื้อน และเยว่เทียนก็ไม่ยอมแพ้ด้วยการเรียกมู่เซียวว่า จิ้งเหลนน่าเหม็น และฉายาอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงการใช้คำพูดหยาบคาย ซึ่งทำให้เฟยหรงรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก จนต้องลงมือสั่งสอนทั้งสองคนด้วยตัวเอง
ยอมรับว่าช่วงเวลานั้นรู้สึกผิดหวังมาก แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีจากการทำหน้าที่เป็นอาจารย์ของพวกเขา เฟยหรงต้องใช้เวลาหลายสิบปีจนทั้งสองยอมลดทิฐิและเริ่มเรียกกันแค่ชื่อ ไม่ใช่ฉายาหยาบคาย แต่นั่นก็ไม่เคยทำให้ทั้งสองคนเห็นเขาเป็นอาจารย์อย่างแท้จริง
ดวงตาของเขาฉายแววความอ่อนโยนขณะที่เขาลูบหัวของหลันฮวา ความคิดถึงอดีตที่เต็มไปด้วยการทะเลาะและความยุ่งยากก็กลับมาทำให้เขารู้สึกเหนื่อยหน่าย แต่ก็ยังหวังว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยตนนี้จะไม่ทำให้เขาต้องเจอกับสถานการณ์เช่นนั้นอีก
การต้องดูแลศิษย์ทั้งสองที่ไม่ยอมฟังคำสั่งและการทะเลาะกันบ่อย ๆ ทำให้เฟยหรงรู้สึกว่าการเป็นอาจารย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้เขาจะเป็นเซียนผู้ยิ่งใหญ่ แต่การใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ไม่เคารพก็ทำให้เขาต้องใช้ความอดทนสูง จึงหวังว่าในที่สุดหลันฮวาจะสามารถเข้าใจและเชื่อฟังเขาได้ และไม่ต้องเจ็บตัวหรือเผชิญกับเรื่องยุ่งยากเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ หวังว่าเจ้าจะเชื่อฟังมิดื้อรั้น มิเช่นนั้น.. ”
เสียงของเฟยหรงจางหายไปในห้วงอากาศอย่างแผ่วเบา ราวกับคำพูดนั้นถูกพัดพาไปด้วยลม หนึ่งในเสียงเตือนที่ไม่คาดเดาความคิดในใจได้ หากเกิดเจ้าตัวน้อยต่อต้านขึ้นมา เขาคงต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง และนั่นคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับทุกฝ่าย