จากอนาคตแสนไกลย้อนคืนเป็นโลกใบใหม่ ดินแดนที่ความจริงสูญหายและสิ่งลี้ลับหวนคืน บาร์ตัน แบล็คฮาร์ท เด็กชายอายุเพียงสิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเอาชีวิตรอด

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ - ตอนที่ 3 ศูนย์สอง โดย Vsrin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ไซไฟ,พารานอมอล,ผจญภัย,แฟนตาซี,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ไซไฟ,พารานอมอล,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ โดย Vsrin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จากอนาคตแสนไกลย้อนคืนเป็นโลกใบใหม่ ดินแดนที่ความจริงสูญหายและสิ่งลี้ลับหวนคืน บาร์ตัน แบล็คฮาร์ท เด็กชายอายุเพียงสิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

Vsrin

เรื่องย่อ

 

“พวกมันหิว พวกมันกระหาย ความสิ้นหวังของมนุษย์คืออาหารที่มันปรารถนาเจียนตาย และเมื่อมันเสพสมจนพอใจ... มันก็ทำให้ความฝันอันโหดร้ายหลั่งเลือดออกมาเป็นความจริง” - ทหารโดมิเนี่ยน, กล่าวถึงพาเรลในแดนมืด

 

นิยายแนวผจญภัย - ไซไฟ ผสมแฟนตาซี (และสตีมพังค์)

สารบัญ

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 1 เด็กใต้ขยะ,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 2 พาเรล,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 3 ศูนย์สอง,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 4 รอยแยกมิติ,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 5 พาเรล เจเนซิส,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 6 โลกใบใหม่... โคลด์ฮาร์เบอร์,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 7 สูญเสีย,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 8 สถานีรีเลย์,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 9 โลกแห่งแอสตรัล,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 10 ป่าเรือนแสง,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 11 ทหารโดมิเนี่ยน,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 12 ถ้ำ ดาบ หยดน้ำ และร่างหิน

เนื้อหา

ตอนที่ 3 ศูนย์สอง

 

ภายในซอกแคบๆแห่งหนึ่งใกล้โถงทางเดิน บาร์ตันที่สติดับวูบไปก่อนหน้าค้นพบว่าตัวตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

บาร์ตันไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหน

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองหนีออกมาจากที่นั้นได้ยังไง

ทันทีที่ได้สติคืนมา… ร่างที่ชุ้มไปทั้งเลือดสีแดงและสีน้ำเงินของเขาก็มาหลบอยู่ตรงซอกนี่แล้ว

‘สติ… บาร์ตัน’

‘ต้องไปต่อ! ต้องไปต่อ!’

‘มันกำลังมาแล้ว!’

‘ไปทางนั้น! ทางนั้น..!’

เสียงมากมายยังคงร้องเตือน ทว่าบาร์ตันไม่แม้แต่จะสนใจ

ไม่สิ… มันไม่สำคัญอีกแล้ว

ภาพผู้คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตลอยเข้ามาในหัว มือของบาร์ตันสั่นไหว ความเจ็บปวดบางอย่างทิ่มแทงอยู่ในใจ

เขาอยากจะร้องไห้ 

แต่ทำไมกัน… 

น้ำตามันถึงไม่ไหลออกมา?

ไม่สิ… ทั้งชีวิตนี้… ไม่ว่าจะรู้สึกเศร้า หิวโหย หรือเจ็บปวดจนอยากร้องไห้แค่ไหน แต่บาร์ตันยังไม่เคยเห็นตัวเองหลั่งน้ำตาออกมาได้เลยสักครั้ง

แม้กระนี้เขาอยากจะกรีดร้องออกมาจากภายในมากแค่ไหนก็ตาม

“กฤษณะ…. อาเนียร์…” เด็กชายพึมพำกับตนเองราวกับคนไร้สติ บัดนี้มีอารมณ์มากมายเกิดขึ้นภายใน อารมณ์ที่เขาเองก็ไม่มั่นใจเช่นกันว่ามันคืออะไร

แต่หนึ่งในอารมณ์เหล่านั้น

สิ่งที่เขามั่นใจว่ามันคืออะไร

ความโกรธ

แกร็ก… แกร็ก…

มือขยับบางสิ่งไปมา ดวงตาที่ไร้ความรู้สึกจับจ้อง มันคือมีดทหารเปื่อนเลือดสีน้ำเงินที่อยู่ในมือเขาตั้งแต่ได้สติ 

เลือดสีน้ำเงิน… เลือดของพาเรล

เขาไม่รู้หรอกมันมาอยู่ในมือเขาได้ยังไง

ทว่าเขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

“นายเคยบอกฉันว่าอยากได้มีดดีๆแบบนี้สักเล่มไว้ปกป้องพวกเรา…” บาร์ตันกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะมองไปยังทิศทางหนึ่งตามเสียงเท้าหนักๆ “…ส่วนเธอเองก็บอกว่าอยากมีดคมๆไว้ทำอาหาร”

เด็กชายดันตัวลุกขึ้น ก่อนจะเดินออกไปจากซอกช่องที่หลบอยู่สู่ทางเดิน และตรงทางโค้งนั้น… แสงสีน้ำเงินบางอย่างกำลังสะท้อนออกมาจากมุมอับ

กรรรรร~~~~

บาร์ตันยิ้มอ่อนแรง

“ดูเหมือนว่าฉันจะได้มาสักเล่มไปให้พวกเธอแล้วสิ”

บางสิ่งโผล่ออกมาจากทางโค้ง เป็นพาเรลร่างเกล็ดคล้ายหมาหกขา ดวงตาสีน้ำเงินนั้นกำลังส่องสว่าง มีขนาดเล็กกว่าที่เขาเผชิญก่อนหน้ามาก ทว่าแรงตะบบของมันครั้งเดียวก็มากพอที่จะส่งเขาไปปรโลกได้

แต่บาร์ตันไม่สนใจแล้ว

เขาไม่สนใจเรื่องนั้นอีกต่อ

ภาพในความทรงจำปรากฏ กฤษณะที่ชกต่อยคนมานับไม่ถ้วนนั้นมักจะย่อตัวก่อนสู้เสมอ บาร์ตันพลันทำต่อ ยกมีดขึ้นมาตรงหน้า กัดฟันกรอด ดวงตาที่จับจ้องบางสิ่งตรงหน้านั้นลุกโชนเป็นเปลวเพลิง

เข้ามา…

พาเรลเองราวกับรู้ว่ามันถูกท้าทาย เจ้าตัวประหลาดตาสีน้ำเงินนั้นคำรามลั่นจนปวดแก้วหู ผนังโลหะถึงกับสั่นสะเทือน พลันสิ้นเสียงแล้วมันก็กระโจนตัวเข้ามาใกล้

บาร์ตันไม่แม้แต่จะหลับตา ไม่แม้แต่จะถอยหลัง ร่างกายไม่สั่นไหวเพราะความกลัวอีกต่อไปแล้ว เขารู้ตัวดีกว่าความตายกำลังเข้ามาใกล้

และเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับมัน… 

แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น

เขาคิดจะเอาลูกตาน่าขยะแขยงของเจ้านั้นไปด้วยสักข้าง!

ทว่า… ครู่หนึ่งด้วยระยะไม่ถึงเมตร เจ้าพาเรลนั้นก็หยุดลงเอาดื้อๆ ก่อนจะขยับหัวของมันมองไปมาอย่างลุกลี้ลุกลน

“???” บาร์ตันสับสน ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่เข้าใจ เขาไม่เคยเห็นพาเรลมีอาการแบบนี้มาก่อน “เข้ามาสิ! มัวรออะไรอยู่!”

เด็กชายคำรามลั่นอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนจะเป็นฝ่ายเขาเองที่ก้าวเดินเข้าไปใกล้

“เข้ามาสิฆ่าฉันสิ! ไอ้สัตว์ประหลาด!”

เจ้าพาเรลคล้ายหมายักษ์นั้นตื่นตกใจกับเสียง ได้สติ ก่อนจะโมโหแล้วกระโจนเข้ามาใกล้ เด็กชายร่างเล็กเองกัดฟันกรอด ย่อตัวต่ำล่วงหน้าหลบกรงเล็บที่ตะบบเข้ามาได้พอดีอย่างที่คำนวณเอาไว้ แล้วถีบตัวพุ่งเข้าไปแทงหน้าของตัวประหลาดทันทีแบบไม่คิดชีวิต

กี๊ซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ-------!!!!!!!

เจ้ายักษ์ร้องลั่น มีดที่ไม่ควรทะลุเกล็ดนั้นแทงดวงตาลูกหนึ่งของมันอย่างแม่นยำ เด็กชายเองยิ้มเหี้ยมอย่างสะใจ ก่อนจะกระโจนตัวขึ้นไปเกาะเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

พาเรลหกขาเองพยายามจะตะบบขาหน้าของมันใส่ บาร์ตันพลันรู้ได้เลยว่าจุดจบของตัวเองมาถึง

ทว่า…

วี๊ดด--!!

เปรี๊ยง!!!!!!!

“!?” ดวงตาของเด็กชายเบิกกว้าง สะท้อนภาพเส้นแสงพลังงานสีฟ้าที่พุ่งผ่าน มันทะลวงเข้าศีรษะที่แข็งเป็นเกล็ดของพาเรลจากตรงลูกตา แล้วยังดิ่งหายไปด้านหลังพร้อมกับหัวที่ระเบิดเป็นจุล

บาร์ตันรู้สึกร้อนมือจนแทบเกรียม ปล่อยตัวเองจนหลังกระแทกกับพื้นโลหะ ก่อนจะชะงักแล้วกลิ่งตัวหลบเมื่อร่างหนักหลายตันเกือบจะล้มลงมาทับ

เด็กชายหอบหายใจแรง เหงื่ออุ่นไหล่ท่วมผสมกับโลหิตสีแดงและน้ำเงินที่เริ่มเย็น ร่างเล็กที่ชะโลมเลือดพลันหันไปด้านหลัง ก่อนจะพบกับใครบางคนที่ยืนอยู่สุดทางเดิน

ร่างสูง ในชุดทหารล้ำสมัยสีดำ ดูจากสรีระน่าจะเป็นผู้หญิง เธอสวมหน้ากากกันแก็ซรูปทรงไฮเทคปกปิดใบหน้า พร้อมปืนยาวสีดำในมือที่กำลังส่องแสง

“….” เด็กชายพูดอะไรไม่ออก ทว่าหญิงตรงหน้าลดปืนลง ก่อนจะถอดหน้ากาก เผยให้เป็นใบหน้าเรียวของหญิงสาว ดูแล้วน่าจะอายุสักยี่สิบปีกว่า

ผมยาวสีดำมัดหางม้า ดวงตาคมสีไพลินจับจ้องเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนริมฝีปากเรียวนั้นจะยกยิ้มขึ้นมา

“เป็นนายจริงๆด้วย ศูนย์สี่

“?” บาร์ตันขมวดคิ้ว ลุกขึ้นมาช้าๆ มีดเปื้อนเลือดในมือยังถูกกำเอาไว้แน่น “ใคร…?”

หญิงสาวหรี่ตาลง

“ฉันเอง… ศูนย์สอง หรือลืมหน้าเพื่อนตัวเองไปแล้ว?”

“???” เด็กชายสับสนกว่าเดิม มองหญิงสาวตรงหน้า อีกฝ่ายนั้นทั้งสูงและอายุมากกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด 

ในระหว่างที่บาร์ตันนั้นดูเหมือนวัยรุ่นอายุสิบสี่สิบห้า คนตรงหน้านั้นดูเหมือนยี่สิบกว่าแล้ว

“นาย…” หญิงสาวหรี่ตา และชั่วขณะที่ดวงตานั้นสว่างวาบ ชั่วขณะที่แสงไฟในทางเดินกระพริบวูบวาบ ร่างนั้นก็หายวับเข้ามาอยู่ตรงหน้าด้วยความเร็วเท่าการกระพริบตา

ราวกับภูติผี

“!?” เด็กชายตกใจ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี่มาก่อน มีดในมือพุ่งแทงเสยใส่หน้าโดยสัญชาติญาณ ทว่าอีกฝ่ายก็คว้าข้อมือหยุดเขาเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะโน้มตัวลงมาใกล้

เหงื่อไหลท่วมตัว หัวใจเต้นรัว ทว่าเช่นนั้นก็ยังตีหน้านิ่ง อีกฝ่ายเองจ้องมองอย่างพินิจพิเคราะห์ ดวงตาสีน้ำเงินไพลินนั้นส่องแสงได้ราวกับไม่ใช่มนุษย์

ใช่… บาร์ตันมั่นใจ

คนตรงหน้าเขาไม่ใช่มนุษย์

“ตาแก่นั้นพูดถูกจริงๆ… นายลบความทรงจำตัวเองเพื่อไม่ให้ถูกตามตัวเจอ เจ้าเล่ห์นักนะ”

“???” บาร์ตันสับสน หญิงสาวตรงหน้าผู้เรียกตัวเองว่าศูนย์สองเองเหลือบมองข้าง พอเห็นเสื้อคลุมของเด็กชายที่มีสัญลักษณ์รูปหัวกระโหลกก็พลันเค้นเสียงในลำคอ

แบล็คฮาร์ท… เจ้านั้นอยู่เบื่องหลังจริงๆ”

“…?” บาร์ตันชะงัก หญิงสาวเองปล่อยข้อมือก่อนจะกลับไปยืนตัวตรง 

“ตามฉันมา”

เธอกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินไปทางประตู ทว่าบาร์ตันยังคงยืนนิ่งมองอีกฝ่าย หญิงสาวพอเห็นว่าเด็กชายไม่เดินตามก็หันกลับมามอง

“….” บาร์ตันที่หน้าและตัวอาบเลือดยังคงจ้องเขม็ง มือยังกำมีดเอาไว้แน่น หญิงสาวมองกลับด้วยดวงตาส่องแสง ก่อนจะกล่าวเสียงเย็น

“ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองเป็นใคร… ก็ตามฉันมา”

“!?”

ดวงตาของบาร์ตันกระตุก มือที่จับมีดผ่อนลงเล็กน้อย หญิงสาวเองยกยิ้ม ก่อนจะหันหลังแล้วเดินหายออกไปจากประตู

‘ฉันเป็นใคร…?’

‘อดีตของฉันงั้นเหรอ?’

แม้กฤษณะและอาเนียร์จะพูดอยู่ตลอด ว่าดีแล้วที่เขาลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เพราะอะไรก็ตามที่ทำให้เขาโดนโยนทิ้งลงมาในแดนใต้ขยะ มันคงไม่ใช่เรื่องราวที่น่าจดจำเสียเท่าไหร่นัก

ทว่าสำหรับบาร์ตัน…

ใช่…

เขาอยากรู้มาตลอด

อยากรู้มาตลอดว่าตนเองเป็นใคร

เสียงกระซิบมากมายดังอยู่ในโสตประหลาด มันพยายามบอกอะไรสักอย่างทว่าบัดนี้บาร์ตันไม่อาจได้ยิน เมื่อเสียงความต้องการที่จะรู้ความจริงของตนเองมันดังซะยิ่งกว่า

‘ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าเราคนใดคนหนึ่งจะเป็นอะไรไป…’ 

กฤษณะเคยกล่าวในเต้นท์แคบๆที่นอนกันได้สามคน และท่ามกลางแสงเทียน ดวงตาที่เปร่งประกายของกฤษณะและอาเนียร์ที่มองเข้ามา

‘…ไม่ว่าใครก็ตามที่จากไป... คนที่ยังอยู่ต่อ ช่วยมีชีวิตรอดต่อไปด้วยนะ!’

“….”

บาร์ตันหลับตา สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด

มีชีวิตรอดต่อไป

เด็กชายลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาที่ไร้แสงก่อนหน้าไม่หวั่นไหวอีกต่อไป พลันร่างของเด็กชายก็ก้าวเดินต่อไปตามหญิงสาวปริศนา

*****

กลิ่นคาวเลือดนั้นลอยเหม็นฉุนอยู่ตลอดทาง บาร์ตันกราดตามองสำรวจ ก่อนจะพบว่ามันไม่ใช่กลิ่นเลือดของมนุษย์

คล้ายแอมโมเนียแสบจมูก มันเป็นเลือดของพาเรล เปรอะเปรื้อนอยู่ตามเส้นทาง และไม่นานเด็กชายก็พบต้นเหตุ

พาเรล… สี่ถึงห้าตัว นอนตายตามทาง มันปรากฏกระสุนและแผลไหม้เกรียมตามหน้าอกและศีรษะ

เป็นฝีมือของหญิงคนนั้น

เด็กชายทึ่ง เขาไม่เคยเห็นใครจัดการพาเรลได้เด็ดขาดแบบนี้มาก่อน 

“พวกคุณเป็นใครกัน…?” เสียงแหบกร้านกล่าวถาม หญิงสาวเหลือบมองจากด้านหน้า ก่อนจะหันกลับไป

“คิดซะว่าเป็นครอบครัวของนายก็แล้วกัน”

“ครอบครัว…?” เด็กชายหรี่ตา มีภาพคนสองคนเท่านั้นที่โผล่มาหลังได้ยินคำนั้น

“ฉันกับด็อกเตอร์ทาวิชจะช่วยให้นายจดจำทุกอย่างได้เอง แล้วนายจะเข้าใจทุกอย่าง แต่ก่อนถึงตอนนั้น… เราต้องไปรวมกลุ่มกับพวกนัมเบอร์”

นัมเบอร์…?

เด็กชายมองด้วยความสงสัย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายแนะนำตัวเองด้วยหมายเลขศูนย์สอง

และเรียกเขาว่าศูนย์สี่

ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ ทว่าไม่นานก็ผ่านประตูไปยังห้องๆหนึ่ง

มันคือห้องนักบิน

กว้างพอจะให้คนนอนได้เป็นสิบๆคน ภายนั้นปรากฏทั้งซากศพนักบินและพาเรลที่นอนตาย ทว่าท่ามกลางร่างที่กลายเป็นเศษซาก ปรากฏคนในชุดเดียวกับหญิงตรงหน้าอีกสองคนกำลังตรวจสอบระบบอยู่ไม่ไกล

และทันทีที่เขาเดินเข้าไปด้านใน ทุกคนก็หันมามองเป็นสายตาเดียวกัน

“โห่ย… นั้นศูนย์สี่จริงดิ?” ชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่งกล่าว เขามีผมสีทอง ตาสีเขียว และฟันแหลมคมราวกับฉลาม “ทำไมยังตัวเล็กอยู่วะ? เหมือนไม่โตขึ้นเลย”

“เวลาของเขาไม่เท่ากับเรา” ศูนย์สอง หญิงสาวตรงหน้าเขากล่าว “เวลาของเราอาจจะผ่านไปสิบห้าปี แต่ข้างนอกนี้ผ่านไปแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น”

“ถ้างั้นก็แย่เลยสิ… ทาวิชคงเอาไปใช้งานไม่ได้แน่” ชายฟันฉลามกล่าว เดินมาใกล้ พาดปืน ก่อนจะจ้องมอง บาร์ตันเองหรี่ตาจนคมกริบ มือจับมีดเอาไว้แน่น “แล้วให้ตายสิ นี่ตัวจริงเหรอ? มั่นใจนะว่าไม่ใช่คนหน้าเหมือน? ตาแก่นั้นตั้งหมายเลขไว้ตามลำดับความแข็งแกร่งไม่ใช่รึไง? แต่ไอ้เปี๊ยกนี่ดูกระจอกชะมัด เตะทีก็กระดูกหักแล้วมั้ง”

“หุบปาก หนึ่งเก้า” ศูนย์สองกล่าวเสียงดุ ดวงตาสีไพลินส่องแสงวาวโรจน์ “อย่ายุ่งกับเขา แล้วไปทำหน้าที่ของนายซะ”

“ชิ! พวกลำดับต้นนี้ปกป้องกันดีจริงๆ” อีกฝ่ายดูไม่แม้แต่จะเกรงกลัว แต่ก็ยอมผละตัวออกไป ศูนย์สองเองหันกลับมา ก่อนจะเอ่ยสั่นๆ

“พักผ่อนซะ อยู่ใกล้ๆพวกเราเอาไว้… นายปลอดภัย” ว่าแล้วเธอก็ปิดประตูห้องนักบิน เดินไปทางหน้ายาน ก่อนจะสั่งการกับคนในทีม “เราต้องใช้ยานลำนี้ไปถึงจุดนัดหมาย สภาพเป็นยังไงบ้าง หนึ่งศูนย์?”

“เสียหายหนัก… หนักเกินไปจริงๆ” หญิงผมสั้นสีน้ำตาลคนหนึ่งกำลังงมหัวกับหน้ามองจอแสดงระบบยาน เธอสวมหน้ากากกันแก็ซสีดำเรียบๆเอาไว้จนมองไม่เห็นใบหน้า “ต้องสละยานออกครึ่งลำ แต่เชื่อเพลิงไม่น่าพอจะไปถึงจุดนัดหมาย”

“บ้าจริง!” ศูนย์สองสบถ หนึ่งศูนย์เหลือบมองบาร์ตันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจ

พวกเขาเป็นใครกัน…?