จากอนาคตแสนไกลย้อนคืนเป็นโลกใบใหม่ ดินแดนที่ความจริงสูญหายและสิ่งลี้ลับหวนคืน บาร์ตัน แบล็คฮาร์ท เด็กชายอายุเพียงสิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเอาชีวิตรอด
แฟนตาซี,ไซไฟ,พารานอมอล,ผจญภัย,แฟนตาซี,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำจากอนาคตแสนไกลย้อนคืนเป็นโลกใบใหม่ ดินแดนที่ความจริงสูญหายและสิ่งลี้ลับหวนคืน บาร์ตัน แบล็คฮาร์ท เด็กชายอายุเพียงสิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเอาชีวิตรอด
“พวกมันหิว พวกมันกระหาย ความสิ้นหวังของมนุษย์คืออาหารที่มันปรารถนาเจียนตาย และเมื่อมันเสพสมจนพอใจ... มันก็ทำให้ความฝันอันโหดร้ายหลั่งเลือดออกมาเป็นความจริง” - ทหารโดมิเนี่ยน, กล่าวถึงพาเรลในแดนมืด
นิยายแนวผจญภัย - ไซไฟ ผสมแฟนตาซี (และสตีมพังค์)
ความสงสัยผุดขึ้นมา บาร์ตันเฝ้าสังเกตทุกอย่าง ไม่ปล่อยมีดในมือ แต่ทุกคนดูเหมือนจะไม่สนใจด้วยซ้ำที่เขามีอาวุธ ราวกับไม่ได้อยู่ในสายตา
พวกนั้นรู้จักบาร์ตัน เขามั่นใจ แต่นอกจากศูนย์สองแล้ว คนที่เหลือดูจะมองด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเสียเท่าไหร่
ยานอวกาศเคลื่อนไหว มันปลดตัวเองออกจากเซคเตอร์อื่น ก่อนช่วงหน้าของตัวยานจะหักเลี้ยวเล็กน้อย เผยให้บาร์ตันเห็นบางสิ่งผ่านกระจก
“นั้นมัน…” เสียงแหบพร่านั้นแทบหายไปในลำคอ แสงสว่างพลันสะท้อนกับดวงตาสีดำ “…รอยแยกมิติ?”
ตรงนั้น ท่ามกลางความมืดและแสงดาว รอยแยกมิติปรากฏตัวอยู่ในห้วงอวกาศ มันเต็มไปด้วยริ้วพลังงานสีฟ้าขอบม่วงสว่าง และบางอย่างที่หลั่งไหลออกมาที่ล่ะนิด
พาเรล
ไม่ใช่ตัวสองตัว
แต่มีนับร้อย
บ้างเคลื่อนไหวในห้วงอวกาศได้อย่างน่าอัศจรรย์ และมีบางตัวที่ขนาดใหญ่ราวกับยานทั้งลำกำลังเลื่อยอยู่ในความมืด
นี่สินะ… เหตุผลที่พวกเราถูกโจมตี
“แต่ในอวกาศ? ได้ยังไงกัน?” บาร์ตันเบิกตากว้าง ชายฟันฉลามพลันแสยะยิ้มกว้างแล้วหันมา
“เห็นไหมล่ะ? ว่าพวกเราต้องสิ้นเปรืองพลังงานแค่ไหนเพื่อจะมาตามตัวแกกลับ? แถมตอนนี่เรายังใช้รอยแยกบัดซบนั้นกลับไม่ได้อีกต่างหาก เพราะดันโดนพาเรลระดับเจเนซิสยึดครองไปแล้ว”
‘…?’ บาร์ตันชะงัก
“ยังไงก็ช่าง ปราบปลื้มซะ! ที่ผู้อำนวยการยังเห็นค่าแกอยู่ ถึงได้ยอมทุ่มทรัพยากรขนาดนี้เพื่อส่งพวกเราผ่านรอยแยกมิติ!” อีกฝ่ายยิ้มกริ่ม กล่าวว่าด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
ทว่าบาร์ตันนั้น…
ว่า…. ยังไงนะ…?
ดวงตาแข็งกร้าว บรรยากาศเย็นเยือบ เด็กชายที่ชโลมเลือดหันหน้าไปมองช้าๆ
“พวกคุณ… รอยแยกนั้น เป็นฝีมือพวกคุณ?”
“ก็เออสิ” หนึ่งเก้ายังพูดต่อโดยไม่มอง ทว่าศูนย์สองที่อยู่ด้านหน้าสุดนั้นเริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ “ถ้าไม่เปิดรอยแยกมิติ แล้วพวกเราจะข้ามมาฝั่งนี่ได้ยังไงล่ะ? ถามมาได้”
“หนึ่งเก้า หุบปากซะ!” ศูนย์สองที่หันกลับมาตวาดทันทีที่เห็นสีหน้าบาร์ตัน ทว่าชายฟันฉลามเพียงแค่เลิกคิ้วสูง
“อะไรเล่า? ฉันก็แค่พูด-”
ฟึบ!
มีดเล่มสั้นเสยเป็นเส้นแสงสีเงิน ทว่าหนึ่งเก้านั้นรวดเร็วเกินคน เขาเพียงเอี่ยวหัวหลบง่ายๆ ก่อนจะเหลือบมองลงมาเท่านั้น
“เป็นอะไรของแก?”
ดวงตาสีเขียวนั้นส่องแสง ทว่าดวงตาอาฆาตของบาร์ตันนั้นเย็นเยียบยิ่งกว่า
“พวกแก… ทำให้พวกเขาต้องตาย?”
“พวกเขา? เขาไหน? พวกขยะที่นอนตายอยู่ในยานนั้นอ่ะนะ?”
ชายฟันฉลามเลิกคิ้วสงสัย ไม่เข้าใจ ทว่าบาร์ตันไม่หยุด มีดนั้นจับแบบทิ่มลงแล้วแทงลงมาต่อ ทว่าหนึ่งเก้าก็แค่กระเดาะลิ้นอย่างขัดใจ ก่อนจะชกมือแค่หนึ่งครั้งเท่านั้น เกิดเสียงดังสะเทือน พลันร่างของบาร์ตันนั้นก็ถึงกับกระเด็นไปกระแทกกับประตู ก่อนจะกระอักเลือดออกมาคำโต
“หนึ่งเก้า!!!” หญิงสาวผมหางม้ากระโกนด้วยเสียงเกรี้ยวกราด มันสั่นพ้องไปในอากาศอย่างผิดธรรมชาติ ดวงตาของเธอเองฉาดแสง แสงไฟในห้องกระพริบวูบวาบ พื้นโลหะใต้เท้าเองบิดเบี้ยวไปมา
“อะไรเล่า!? ก็ไอ้เวรนี่มันเริ่มก่อน!” ชายฟันฉลามว่า ทว่าครู่ต่อมาทุกคนก็ต้องเซจนเกือบล้ม เมื่อยานอวกาศโดนอะไรสักอย่างกระแทกรุนแรง ระบบแรงโน้มถ่วงนั้นถึงกับรวนไปชั่วขณะ
ศูนย์สองหน้าซีด เธอหันมาทางบาร์ตันก่อนจะกล่าว
“ศูนย์สี่! สงบสติลงซะ! คลื่นจิตของนายกำลังเรียกพวกพาเรล!”
“…” บาร์ต้นลุกขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะเงยหน้า กัดฟันกรอดจนปากบิดเบี้ยว ดวงตาแข็งกร้าวที่ปรากฏเลือดไหลออกมานั้นจ้องทุกคนเขม็ง “…ชื่อของฉัน คือบาร์ตัน แบล็คฮาร์ท”
“!?”
ทั้งสามตื่นตะลึงกับชื่อที่ได้ยิน พลันสิ้นคำกล่าว บาร์ตันก็กดสวิตช์เปิดประตูอย่างไม่รีรอ พุ่งออกไปด้านนอกก่อนจะแทงมีดใส่แผงคอนโซล ระบบก็เกิดรวนจนถูกปิดตายเอาไว้
“ศูนย์สี่---!!”
เสียงสั่นสะเทือนในอากาศดังไล่หลัง ทว่าเด็กชายไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว
เขาพลาด
เขาผิดเอง
ผิดเองที่ลืมเลือน
ลืมเลือนที่จะเชื่อเสียงที่ตัวเองได้ยิน
เสียงที่ทำให้เขาเอาชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
เหล่าเสียงที่ไม่เคยโกหกเขา… ไม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
‘หนีไป!’
‘อันตราย!’
‘อย่าเข้าใกล้!’
‘ผู้หญิงนั้น…!’
‘พวกทรยศ!’
‘หนีไป! บาร์ตัน!!’
‘หนีไป!’
“!!” บาร์ตันกัดฟันกรอด วิ่งโดยไม่คิดชีวิต ในขณะเดียวกันเองศูนย์สองที่กำลังเกรี้ยวกราดก็คิดจะตามมา ทว่าพอเห็นพาเรลคล้ายงูยักษ์กำลังรัดฟันยานทั้งลำก็ต้องเค้นเสียงอย่างหงุดหงิด
“หนึ่งศูนย์! เปิดระบบฉุกเฉินแล้วคอยควบคุมยาน ฉันจะจัดการพาเรลเอง!” ว่าแล้วก็หันขวับ “ส่วนนาย! หนึ่งเก้า! รับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำซะ ไปพาตัวเขากลับมา!”
“ไอ้บัดซบนั้น ฉันจะอัดให้-”
“อย่างปลอดภัย” เสียงของหญิงสาวก้องกังวาน “ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็ นายได้ตายด้วยมือศูนย์หนึ่งแน่”
“อึก--!” หนึ่งเก้าได้ยินก็เหงื่อตก กัดฟันกรอด ก่อนจะพุ่งไปที่ประตูด้วยความหงุดหงิด ชกมันทีเดียวมันก็บุบจนแง้มเปิดออก
ในขณะเดียวกันเอง บาร์ต้นหักซ้ายหักขวา วิ่งไปตามเส้นทางที่เสียงในหัวบอก โชคดีที่พวกผู้มาเยือนนั้นกำจัดพาเรลไปแทบทั้งหมดแล้ว เด็กชายเลยไม่พบอุปสรรคอะไรมากนัก
ไม่นานก็เข้าทางเดินกราบซ้ายของยานอวกาศ พบกับห้องกระสวยปล่อยตัวฉุกเฉิน มันเหมือนเป็นยานปล่อยตัวขนาดเล็ก เด็กชายรีบพุ่งเข้าไปด้านในโดยไม่รีรอ ก่อนจะรีบสำรวจ หันหลังเข้ากำแพงเบาะนวมด้านข้าง ก่อนจะรัดสายนิรภัยกับตนเองทันที
“ศูนย์สี่!”
เสียงหงุดหงิดดังมาจากทางออกห้อง ไม่นานหนึ่งเก้าก็โผล่ออกมา หันขวับ ก่อนจะชี้หน้าทันที
“หยุดเดี่ยวนี่!”
“…” แน่นอนว่าบาร์ตันไม่หยุด ทันทีที่ล็อคตัวเองเสร็จก็ทุบมือกับแผงคอนโซลด้านข้างประตู กระจกของกระสวยลี้ภัยก็ปิดตัวลงทันที
“ศูนย์สี่!” หนึ่งเก้าพุ่งเข้ามาใกล้ ทว่าช้าเกินไป ประตูกระจกแอร์ล็อคสองชั้นนั้นปิดลงตามลงมา
[ปลดล็อคการเชื่อมต่อ]
[กระสวยหมายเลขสี่สิบสอง - พร้อมใช้งาน]
เสียงโมโนโทนดังออกมาจากลำโพง บาร์ตันเหลือบไปด้านข้าง พบว่าแค่ต้องยกคันโยกเท่านั้นก็จะปล่อยตัวออกไปจากยานได้
ทว่าทันใดนั้น
“เฮ้! เฮ้! เจ้าเพื่อนยาก!”
“!?” บาร์ตันมือกระตุก คำเรียกของอีกฝ่ายทำเอาเขาชะงักไปครู่หนึ่ง เด็กชายเงยหน้าขึ้น ก่อนจะสบตากับคนที่อีกฝากของกระจก
หนึ่งเก้า ไม่ได้มีสีหน้าหงุดหงิดอีกต่อไป แต่มันเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
ตกใจ
ตื่นตระหนก
กังวล
และหวาดกลัว…
“อย่าเชียวนะ อย่าทิ้งฉันไปอีกครั้งเชียวนะ” อีกฝ่ายกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ ดวงตาสีเขียวนั้นสั่นระริก “ศูนย์สี่… อย่าทำแบบนี้ ฉันขอโทษ ฉันแค่… ฉันแค่หงุดหงิด ฉันพลาดไปเอง ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่ยังเคืองเรืองที่นาย- ฉัน.. ฉันไม่ได้ตั้งใจ!”
“….”
“ฉันขอโทษ…” น้ำเสียงสั่นไหวนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “…อย่าทิ้งฉันไปอีก ฉันขอร้อง”
“….”
บาร์ตัน มือสั่นเล็กน้อย จ้องดวงตาที่มองเข้ามาจากอีกฝากของกระจก
เขารู้จักดวงตานั้นดี
ดวงตาของผู้ที่กำลังหวาดกลัวต่อบางสิ่ง
ซุกซ่อนอยู่ภายในมาตลอด โดยใช้ความกริ้วโกรธเป็นฉากหน้า
แต่ทว่า…
‘ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น… พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน!’ อาเนียร์ในความทรงจำกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง
‘พวกเราเด็กใต้ขยะ ดูแลกันและกัน… และพวกเราเด็กใต้ขยะ พี่น้องกันตลอดไป’ กฤษณะยิ้มให้พร้อมกับยกนิ้ว
“….”
บาร์ตันพ่นลมหายใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองบุคคลตรงข้าม
“เพื่อนของฉันตายไปแล้ว และพวกแกทำให้พวกเขาต้องตาย”
ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าแกต้องพบเจอกับอะไรบ้าง
แต่ว่า…
“พวกแกต้องชดใช้”
ดวงตาแข็งกร้าว จับจ้องจนเย็นเยียบไปถึงกระดูก หนึ่งเก้าพลันปากสั่นไหว ก่อนดวงตาที่อ่อนไหวเมื่อครู่จะกลับเป็นกริ้วโกรธ กัดฟันกรอดพร้อมกับแยกเขี้ยวคำราม
“ศูนย์สี่! ไอ้คนทรยศ! กับอีแค่พวกขยะที่ตายไปเพราะอยู่ผิดที่ผิดทาง! แกจะอะไรนักหนาวะ!? ไอ้ชาติชั่ว! ไอ้คนทรยศ! ไอ้คนทิ้งเพื่อน! เปิดประตูซะ! ไม่งั้นศูนย์หนึ่งจะฆ่าแก! ศูนย์หนึ่งจะฆ่าแกด้วยตัวเอง!”
ดวงตาสีเขียวส่องแสง ชายฟันฉลามรัวหมัดไม่สนอะไร พละกำลังของเขานั้นสูงเหนือมนุษย์ แต่ถึงเช่นนั้นกระจกแอร์ล็อคก็ไม่ได้บอบบางเหมือนประตูธรรมดา มันแข็งแกร่งพอจะกันกระสุนปืนใหญ่ได้
ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงพละกำลังของอีกฝ่าย กระจกก็เริ่มแตกร้าวอย่างรวดเร็ว บาร์ตันถึงเริ่มตระหนักว่าหมัดที่เขาโดนชกก่อนหน้ามันแค่เศษเสี้ยวเดียวของพละกำลังคนตรงหน้า
‘ขยะ.. งั้นเหรอ?’
‘ฉันเองก็คงเป็นขยะเหมือนกัน’
‘เด็กใต้ขยะแห่งทอร์ทูรัส’
มันไม่จำเป็นต้องมีการพูดคุยอะไรอีกต่อไป… ไม่อีกแล้ว
บาร์ตันมองซ้าย มองขวา ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างดึงคันโยก กระสวยอวกาศฉุกเฉินก็ดีดตัวออกจากตัวยานหลักทันที
“ไอ้คนทรย--!”
ทันทีที่กระสวยดีดตัว พุ่งออกจากยานหลัก เสียงของอีกฝ่ายก็ตัดหายไปทันทีด้วยสุญญากาศ แรงโน้มถ่วงจำลองหายวับ ร่างกายรู้สึกได้ถึงแรงดึงมหาศาล บาร์ตันค้นพบว่ากระสวยของตนเองกำลังดีดตัวพุ่งห่างออกไปจากยานขนส่งลำนั้นด้วยความเร็วสูง
พุ่งผ่านอวกาศ เด็กชายถึงกับเห็นร่างพาเรลพุ่งผ่านกระจกข้างไปอย่างน่าหวาดเสียว และที่ไกลสายตานั้นเอง ยานสีเทาเก่าๆกำลังถูกพาเรลคล้ายงูเอเลี่ยนขนาดมโหราฬรัดเอาไว้ทั้งลำ มันเป็นขนาดที่น่าใจหาย ทว่าถึงเช่นนั้นบาร์ตันก็สังเกตุเห็นบีมแสงสีฟ้า มันคือแสงจากอาวุธประหลาดของหญิงสาวคนนั้น
ศูนย์สอง… กำลังเผชิญหน้ากับเจ้ายักษ์นั้นด้วยตัวคนเดียว?
มนุษย์สู้กับอะไรแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?
แต่ช่างเถอะ
มันไม่สำคัญหรอก
มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว…
กึก กึก กึก กึก กึก กึก กึก กึก กึก
กระสวยอวกาศสั่นไหว บาร์ตันต้องยึดตัวเองเอาไว้แน่น ระบบภายในเองแจ้งถึงแรงโน้มถ่วงที่เริ่มแปรปรวน เด็กชายเองคิดคำนวณก่อนจะรู้ได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เขากำลังถูกแรงโน้มถ่วงของรอยแยกมิติดึงเข้าไป
ทีล่ะนิด ทีล่ะนิด แสงสว่างจากอีกฝากนั้นสาดส่องเข้ามา พลันกระสวยก็เอี้ยวตัวจนหันข้าง บาร์ตันพลันต้องหยี่ตากับอีกฝากของรอยแยกมิติที่สว่างจนไม่เห็นอะไร
ควบคุมสติ…
กระสวยอวกาศสั่นไหว พาเรลหน้าตาประหลาดลอยสวนผ่านออกมา พุ่งไปทางยานลำนั้นโดยไม่สนใจเขาเลยสักนิด
บาร์ตันจำสิ่งที่หญิงสาวตาสีน้ำเงินคนนั้นพูดเอาไว้ได้
‘ศูนย์สี่! สงบสติลงซะ! คลื่นจิตของนายกำลังเรียกพวกพาเรล!’
แค่ต้องสงบสติ
แค่ต้องควบคุมตัวเองเท่านั้น
เด็กชายสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ร่างกายที่สั่นไหวจากความกลัวลึกๆก็ดีขึ้น พลันพวกพาเรลก็ลอยผ่านกระสวยของเขาไปราวกับเป็นสายน้ำแหวกผ่านก้อนหิน
ราวกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
พลันบาร์ตันก็พุ่งหายเข้าไปอีกฝากของรอยแยกมิติในที่สุด