จากอนาคตแสนไกลย้อนคืนเป็นโลกใบใหม่ ดินแดนที่ความจริงสูญหายและสิ่งลี้ลับหวนคืน บาร์ตัน แบล็คฮาร์ท เด็กชายอายุเพียงสิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเอาชีวิตรอด
แฟนตาซี,ไซไฟ,พารานอมอล,ผจญภัย,แฟนตาซี,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำจากอนาคตแสนไกลย้อนคืนเป็นโลกใบใหม่ ดินแดนที่ความจริงสูญหายและสิ่งลี้ลับหวนคืน บาร์ตัน แบล็คฮาร์ท เด็กชายอายุเพียงสิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเอาชีวิตรอด
“พวกมันหิว พวกมันกระหาย ความสิ้นหวังของมนุษย์คืออาหารที่มันปรารถนาเจียนตาย และเมื่อมันเสพสมจนพอใจ... มันก็ทำให้ความฝันอันโหดร้ายหลั่งเลือดออกมาเป็นความจริง” - ทหารโดมิเนี่ยน, กล่าวถึงพาเรลในแดนมืด
นิยายแนวผจญภัย - ไซไฟ ผสมแฟนตาซี (และสตีมพังค์)
“!?”
บาร์ตันเบิกตากว้าง หอบหายใจรวนรินจนแทบติดขัด
ฉันอยู่ที่ไหน?
เขาเริ่มสำรวจตัวเอง กรอกตาไปซ้ายทางขวา พบว่าตนอยู่ในถ้ำหินย้อยแห่งหนึ่ง หยดน้ำเย็นเฉียบนั้นหยดลงมาเป็นเสียงกระทบหิน
เด็กชายพยายามสำรวจตนเองอีกครั้ง พบว่ายังปวดตุบๆที่ช่วงไหล่ซ้าย ความรู้สึกของแขนข้างนั้นไม่มีอยู่อีกต่อไป
เขาสูญเสียมันไปอย่างถาวร
“อึก--!” เด็กชายพยายามลุกขึ้น พบว่าช่วงบนของตนเองนั้นถูกพันไปด้วยผ้าพันแผลสีขาว ช่วงไหล่นั้นซึมไปด้วยเลือดสีแดงฉ่าน แต่ก็มีกลิ่นร้อนไหม้ และความรู้สึกตึงๆเหมือนครั้งที่อาเนียร์เคยเย็บแผลให้เขา
มีคนทำแผลให้เขาก่อนเลือดหมดตัว
เขาน่าจะสลบไปนานพอตัวเลย
“ฉันฉีดยาชาไว้ให้ แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงความเจ็บปวดคงกลับมาอีก”
“!?” เด็กชายชะงัก หันไปด้านข้าง ก่อนจะพบกับชายชราหนวดเคราขาวคนหนึ่งหน้ากองไฟ กำลังใช้ช้อนหนาๆคนบางอย่างในหม้อต้มที่แขวนเอาไว้
“….” บาร์ตันหอบ ไม่มีคำพูดอะไรออกมา ทว่าหาใช่ว่าไม่อยากพูด แต่ไร้เรี้ยวแรงเกินจะเปร่งลมออกมาเป็นเสียงหรือคำพูด
ชายชราเองตักบางอย่างจากหม้ออีกอันใส่ถ้วนโลหะ มันมีเนื้อ เหมือนน้ำซุป ทว่ามีกลิ้นที่แทบชวนให้อาเจียน
“ตัวสแล็คที่เราฆ่า เนื้อเป็นพิษ ปกติกินไม่ได้ แต่ถ้าเคี่ยวไฟอ่อนๆกับเลือดของมันเองสักสองถึงสามชั่วโมง พิษในเนื้อจะหายไปกลายเป็นสารอาหาร หลังจากนั้นจะกินได้ แต่ก็ยังกินยาก”
“?”
เขากล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะลุกขึ้น เดินมาทางบาร์ตัน แล้ววางเอาไว้ตรงหน้าเขา จากนั้นก็เดินกลับไปที่เดิม
“กินซะ…”
“….” บาร์ตันถึงกับพูดไม่ออก เขามองอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามฝืนใช้เรี้ยวแรงเปร่งเสียงออกมา “ขอ..บ.. ค…”
ขอบคุณ…
แม้จะพูดออกมาไม่เป็นคำ แต่ชายแก่ก็พยักหน้ารับง่ายๆ ก่อนจะเงียบไปและสนใจที่อาหารของตนเอง
“….” เด็กชายเฝ้ามอง ทว่าฟังจากที่เสียงที่ได้ยินก็เริ่มมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ประสงค์ร้ายอะไร ถ้ามองไปทางผนังเองจะเห็นดาบสีดำเล่มใหญ่วางพิงเอาไว้อยู่
ชายแก่คนนี่คือคนที่ช่วยเขาเอาไว้
บาร์ตันทึ่ง ไม่เข้าใจว่าชายชรากับร่างกายนั้นยกดาบใหญ่ขนาดนั้นได้ยังไง แต่ถึงเช่นนั้นก็ตัดสินใจว่านั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ
ตอนนี่ถ้าเขาอยากรอด… เขาต้องกิน
เด็กชายตักอาหารขึ้นกินทันที หยุดชะงักเล็กน้อยที่คำแรก ทว่าก็กินต่ออย่างรวดเร็วโดยไม่หยุด ชายชราเองเหลือบมองเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ
มันเป็นเนื้อที่เหม็นสาปมาก ด้วยสัมผัสรสชาติสากๆที่คนทั่วไปคงต้องอ้วก ทว่าบาร์ตันหาได้สนใจอะไรแล้ว ตราบใดที่มันกินได้ และช่วยประทังท้องเขาได้ เช่นนั้นเขาก็จะกิน
อาหารแท่งที่เขาแลกมากินในแดนใต้ขยะบางครั้งยังรสชาติแย่กว่านี่เลยด้วยซ้ำ
ทั้งสองจมอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น บาร์ตันเองกินอาหารของตนเองไป แล้วพอเวลาผ่านไป อาการเจ็บระบมก็กลับมาใหม่ ชายชราเองเดินมาฉีดยาให้โดยที่ไม่เตือน ความเจ็บปวดพลันเลือนหาย และเขาก็เวียนหัวจนสลบไปทันทีโดยไม่อาจทำอะไรได้
และจากนั้นวันเวลาก็หมุนเวียนต่อไป กิจกรรมของบาร์ตันนั้นแทบไม่มีอะไรมากนักนอกจากตื่นมากินอาหาร แล้วนอนพักฟื้น แล้วจากนั้นก็กินอาหาร แล้วก็นอนพักฟื้น วนเวียนไปแบบนั้นอยู่อีกหลายวัน อาการบาดเจ็บที่ไหล่ซ้ายเองก็ค่อยๆดีขึ้น
ชายชราเองออกไปนอกถ้ำเป็นประจำในช่วงเช้าพร้อมกับดาบใหญ่ ก่อนจะกลับมาอีกครั้งในช่วงเย็นพร้อมกับสแล็คสักสามสี่ตัว บาร์ตันเองได้ยินแว่วๆตอนอีกฝ่ายแล่เนื้อ ว่าเนื้อสแล็คมีประโยชน์เหมือนยาหรืออะไรสักอย่าง กล่าวว่าแม้จะเป็นพิษแต่ก็สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายหากทนช่วงแรกๆได้
เวลาผ่านไปอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ อีกฝ่ายเองคอยดูแผลให้เขาเป็นระยะ บาร์ตันสังเกตจากทั้งการทำแผลแล้วก็เรียนรู้ไปในตัว เขาค้นพบว่าอีกฝ่ายนั้นมีทักษะหลายอย่าง ไม่ใช่แค่การแพทย์ แต่ยังมีทักษะการต่อสู้และการออกล่าที่น่าเกรงกลัว
เพราะครั้งหนึ่งเขาเห็นอีกฝ่ายกลับมาพร้อมกับศพสัตว์มีฟันแหลมคมใหญ่กว่าตัวคนสามเท่าอีกด้วยซ้ำ
ยังไงก็ตาม หลังบาร์ตันฟื้นตัว มีเรี้ยวแรง กลับมามีเนื้อหนัง และบาดแผลที่เริ่มหายดี แม้จะแทบไม่ได้พูดกันมาก แต่เด็กชายเองก็เริ่มอาสาช่วยแล่เนื้อและเตรียมอาหาร ชายชราเองก็ยอมให้ช่วย ก่อนจะคอยสอนสิ่งต่างๆระหว่างเฝ้ามองเขาช่วยงาน
วันเวลาผ่านไปอีก และแผลของเขาก็เริ่มสมานตัวจนหายดี ชายชราก็เก็บข้าวของของตนเอง บาร์ตันที่พึ่งตื่นก็พลันมองเป็นคำถาม
“เราฟื้นตัวดี… ได้เวลาที่ฉันต้องไปตามทางของตัวเอง”
“?” บาร์ตันกะพริบตาปริบๆ และง่ายๆเพียงแค่นั้น อีกฝ่ายก็สะพายดาบเล่มโต เตรียมที่จะเดินออกไปจากถ้ำ
พวกเราแทบไม่เคยคุยจิปาถะ และบาร์ตันก็ยังมีคำพูดมากมายที่อยากจะกล่าว มีคำถามมากมายที่อยากจะเอ่ยออกมา ทว่ามันก็ยังติดอยู่ในลำคอ
เขารู้สึกว่าที่อีกฝ่ายช่วยตนไว้ขนาดนี้ มันก็มากเกินพอแล้ว
ทั้งชีวิตนี้… เขายังไม่เคยเห็นใครที่ช่วยคนอื่นโดยไม่หวังอะไรตอบแทนมาก่อน
“เธอไม่ใช่ชาวโดมิเนี่ยน ไม่ใช่ผู้ถูกเนรเทศเหมือนพวกเรา ยังมีเวลาให้ออกไปจากแดนต้องสาปนี่…”
“…” บาร์ตันยังคงนิ่งงัน และจังหวะเดียวกันอีกฝ่ายก็หยุดฝีเท้า หันกลับมาเล็กน้อยก่อนจะกล่าวสั้นๆ
“ลงใต้ไปซะ… แล้วมีชีวิตรอดต่อไป…”
และแค่นั้น ชายชราก็ก้าวฝีเท้าจากไป ทิ้งไว้เพียงแค่เด็กชายผู้รอดชีวิตไว้คนเดียวเท่านั้น
*****
เวลานับเดือนผ่านไป หลังฟื้นตัวดี บาร์ตันออกเดินทางคนเดียว พลางคอยออกล่าตัวสแล็คเป็นเสบียงอยู่ตลอดทาง
แม้จะแยกทางกับชายชรา ทว่าความรู้หลายอย่างที่ได้จากอีกฝ่ายผ่านการสังเกตนั้น ก็ได้จดจำไว้ในตัวจนกลายเป็นสัญชาตญาณ
เขาเริ่มเชี้ยวชาญการใช้มีดมากขึ้น รู้ว่าควรต้องจับยังไงให้มั่นคง รู้ว่าต้องเคลื่อนไหวแล้วจู่โจมแบบไหนผ่านการสังเกตชายชรา แม้จะปัญหาเรื่องสมดุลไปบ้างเพราะเหลือแขนเพียงข้างเดียว แต่ทักษะการออกล่าของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ค่อยๆเดินทางที่วันล่ะหกชั่วโมง ก่อนจะออกหาอาหารและที่พักที่ปลอดถัย คอยชาร์จแบตปลอกแขนเอาไว้ด้วยแผงโซล่าเซลล์ในตัวของมัน ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเองเขายังไม่พบมนุษย์คนอื่นมากนัก แต่จากการพบปะกันครั้งแรก มันก็ฝังรากลึกไปในตัวเขาแล้วว่ามนุษย์นั้นไว้ใจไม่ได้
ถึงจะมีคนดีอยู่ในนั้นก็เถอะ
นานวันเข้า บาร์ตันก็เริ่มล่าสัตว์ที่ใหญ่ขึ้น สังเกตเนื้อและสีเลือดของสัตว์ที่ล่าตามที่ชายชราไม่รู้นามได้สอนไว้ ก่อนจะนำมาปรุงให้เหมาะสม แล้วจดบันทึกทุกอย่างเอาไว้ในปลอกแขน ‘พีดีเอ’(Personal Digital Assistant) ของตนเอง ซึ่งมันเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเอาไว้ได้มาก เพราะเป็นมากกว่าแค่เครื่องมือนำทาง แต่คล้ายกับเป็นคอมพิวเตอร์พกพาเคลื่อนที่
และในที่สุด หลังการเดินทางมาเนิ่นนาน… บาร์ตันก็เดินทางมาถึงสถานีรีเลย์ในที่สุด
มันเป็นสถานีใต้ภูเขา อยู่ในระหว่างซอกหิน แทบไม่มีทางหาเจอถ้าไม่มีปลอกแขนจับสัญญาณได้ และทันทีที่เขาใช้ปลอกแขนพีดีเอส่งรหัส ประตูเหล็กขึ้นสนิมก็ตอบสนอง มันเปิดออก และไอเย็นก็พลันลอยผ่านออกมาจากอีกฝาก
เด็กชายเข้าไปสำรวจ ค้นพบว่าภายในนั้นเก่ามาก เก่าจนเป็นซาก เต็มไปด้วยการผุพังและสนิม เขาได้ยินว่าวิทยาการปัจจุบัน โครงสร้างสิ่งก่อสร้างนั้นควรยืนหยัดได้นานหลายหมื่นปีแม้ไม่ต้องซ่อมแซม แต่การที่สถานีมีสภาพขนาดนี้… แสดงว่ามันอยู่มานานยิ่งกว่านั้น
และไม่นาน… พีดีเอก็เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ของสถานี มันแทบไม่เหลือไฟล์อะไร ส่วนใหญ่แล้วนั้นเป็นไฟล์เสีย จะมีเพียงไฟล์ข้อความไม่กี่กิโลไบต์เท่านั้นที่เขาสามารถเปิดอ่านได้
บาร์ตันหยุดนิ่งครู่หนึ่ง มองรอบกาย เห็นเพียงแค่ซากโลหะหรือสิ่งที่เคยมีอยู่ เมื่อไม่พบอะไรที่ใช้งานได้ ชายหนุ่มก็เปิดพีดีเออีกครั้งแล้วอ่านไฟล์ข้อความ
และบาร์ตันก็พลันได้คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกใบนี่