จากอนาคตแสนไกลย้อนคืนเป็นโลกใบใหม่ ดินแดนที่ความจริงสูญหายและสิ่งลี้ลับหวนคืน บาร์ตัน แบล็คฮาร์ท เด็กชายอายุเพียงสิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเอาชีวิตรอด
แฟนตาซี,ไซไฟ,พารานอมอล,ผจญภัย,แฟนตาซี,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำจากอนาคตแสนไกลย้อนคืนเป็นโลกใบใหม่ ดินแดนที่ความจริงสูญหายและสิ่งลี้ลับหวนคืน บาร์ตัน แบล็คฮาร์ท เด็กชายอายุเพียงสิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเอาชีวิตรอด
“พวกมันหิว พวกมันกระหาย ความสิ้นหวังของมนุษย์คืออาหารที่มันปรารถนาเจียนตาย และเมื่อมันเสพสมจนพอใจ... มันก็ทำให้ความฝันอันโหดร้ายหลั่งเลือดออกมาเป็นความจริง” - ทหารโดมิเนี่ยน, กล่าวถึงพาเรลในแดนมืด
นิยายแนวผจญภัย - ไซไฟ ผสมแฟนตาซี (และสตีมพังค์)
บาร์ตันได้ยินก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไม่ว่าจะฟังยังไงนั้นมันก็ภาษาอังกฤษ
ตั่งแต่สองคนที่แดนเหนือนั้นแล้ว คนโลกนี่รู้จักภาษาของสหพันธ์โลกได้ยังไง?
ไม่สิ… ถ้าคำนึงว่าด็อกเตอร์โดมินิคอยู่ในโลกนี่ล่ะก็… บางทีคนพวกนี่อาจจะ-
“ทำการตรวจสอบ…” ชายที่ถือปืนใช้เครื่องมือบางอย่าง มันราวกับแคปซูลโลหะ และทันทีที่มันขยายตัวออก คลื่นบางอย่างก็กระจายไปรอบข้าง
ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!
“!?” บาร์ตันหน้าซีดเผือก เขาก้มลงมองบางสิ่งที่แขวนอยู่กับเข็มขัดอยู่ข้างเอว ก่อนจะคว้ามันแล้วกดปิดเสียงทันที
ปลอกแขนพีดีเอ… หน้าจอมินิเตอร์มันรวนเล็กน้อย ก่อนจู่ๆจะเกิดเสียงดังทั้งที่เขาใช้โหมดปิดเสียง
ทั้งสี่คนก็พลันหันขวับมายังทิศทางนี่ทันที
“ไม่ดีแน่…” เด็กชายถึงกับหลบไปในเงามืดช้าๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ชายชุดเกราะตรงหน้าสุดนั้นควงขวานไปมา แล้วเดินนำกลุ่มมายังทิศทางนี่
เข้าใจแล้ว
ฉันเข้าใจแล้ว
บาร์ตันจดจำพื้นที่โล่งนั้นได้
สองอาทิตย์ก่อน พีดีเอของเขาขึ้นเตือนว่าอยู่ในระยะสัญญาณของยานโอลิวอร์ต-ไนน์ที่ยังโคจรอยู่รอบดาว เด็กชายจึงวิ่งไปทั่วป่า ปีนไปทั่วต้นไม้สูง ก่อนจะไปหยุดลงที่พื้นที่โล่งตรงนั้น พยายามที่ต่อสัญญาณเข้ากับยานโอลิวอร์ต-ไนน์ ทว่าน่าเสียดายที่สุดท้ายที่ยานนั้นโคจรเกินระยะก่อนที่เขาจะเชื่อมต่อได้สำเร็จ
หรือนั้นจะเป็นเหตุผลที่คนพวกนั้นมา?
เพราะตรวจพบพีดีเอของเขาได้ผ่านยานโอลิวอร์ต-ไนน์?
เด็กชายครุ่นคิด ไหนจะภาษาที่พวกเขาพูด บาร์ตันเชื่อว่าเหตุผลเดียวเท่านั้นที่อีกฝ่ายรับรู้เกี่ยวกับซากยานในวงโคจรกับตรวจพบสัญญาณพีดีเอของเขาได้ นั้นคือคนพวกนี้เกี่ยวข้องกับ ดร.โดมินิค ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายของยานลำนั้น ไม่ผิดแน่
แต่มันผ่านไปนับหมื่นปีแล้ว… โดมินิคยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ?
ไม่สิ… คำนึงว่าอีกฝ่ายอยู่รอดมาได้เป็นแสนปีด้วยการจำศีล… มันก็เป็นไปได้สูง
“….” เด็กชายตัดสินใจ ก่ำกึ่งระหว่างเปิดเผยตัวกับซ่อนตัว ทว่าพอเห็นท่าทางถืออาวุธราวกับจะมาออกล่า ความทรงจำการพบมนุษย์ครั้งแรกในโลกนี่ก็หวนกลับมาอีกครั้ง
มันทำเอาชายหนุ่มแขนสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
‘หลีกเลี่ยงและสังเกตการณ์ก่อนดีกว่า…’
เด็กชายหลบเข้าไปในเงามืด ขยับตัวหลบซ่อนตามต้นไม้ใหญ่สีขาวได้อย่างชำนาญ ป่าบริเวณนี้เป็นพื้นที่ของเขามานับเดือน เด็กชายรู้ทุกซอกทุกมุมที่จะซ่อนตัวได้อย่างปลอดภัย เฝ้ามองผู้มาเยือนอยู่ในเงาและม่านหมอกยามเช้า พวกชุดเกราะดำสามคนนั้นเดินไปตามพื้นด้านล่าง ส่งเสียงใบไม้แห้งทุกครั้งที่รองเท้าหนักนั้นเหยียบ-
เดี่ยวก่อนะ…
สามคน..?
เด็กชายเบิกตากว้าง เซนส์ของเขาร้องเตือนขึ้นทันทีว่าสามคนนั้นจงใจเดินเสียงดังเพื่อดึงดูดความสนใจ
‘บาร์ตัน! หมอบ!’
และทันทีที่เจ้าพวกเสียงในหัวร้องเตือนให้หมอบลง เด็กชายก็ย่อตัวลงทันทีโดยไม่ลังเล
ฉับ!!
ตึง--!!!
ขวานใหญ่เหวี่ยงเป็นแนวราบติดชะงักกับต้นไม้ใหญ่ แรงสั่นสะเทือนจากการปะทะนั้นมากพอจนใบไม้ร่วงลงมาจากด้านบน
ขวานนั้น… มันคงจะสับผ่านลำคอเขาทันทีหากเขาไม่หลบ
คนพวกนี่ไม่คิดจะคุยกันเลยด้วยซ้ำ
บาร์ตันถีบร่างอีกฝ่ายที่ยังอึ้ง คงไม่คาดคิดว่าเขาจะหลบได้ทัน พลันเด็กชายก็กลิ้งลงไปตามเนินรากยักษ์สีขาวของต้นไม้ใหญ่ ม้วนตัวลุกขึ้น ทว่าชั่วพริบตาร่างสีดำอีกร่างก็เข้ามาขวางไม่ให้เขาวิ่งหนีไป ดาบสั้นคมเดียวสีดำทรงเหลี่ยมนั้นวาดฟันมาทางเขาทันที
‘นั้นมัน…’
เขาจดจำวิถีดาบแบบนั้นได้
มันเหมือนกับวิถีดาบของชายที่ตัดแขนเขาไม่มีผิด
ชาวโดมิเนี่ยน… สินะ?
เด็กชายกลิ้งตัวหลบ ไม่เน้นการปะทะ ทว่ารู้ตัวอีกทีก็ถูกล้อมจากรอบทิศทาง โดยมีชายที่ถือปืนยาวนั้นเล็งมาที่เขาจากมุมสูง
“ไอ้เด็กนี่ใช่ไหม…? ตรวจสอบมันซิ” ชายคนหนึ่งกล่าว คนที่ถือปืนยาวก็ยกมือข้างหนึ่งแตะเกราะหมวก ช่วงดวงตาของเกราะนั้นปรากฏแสงสว่าง ราวกับกำลังสแกนเขาก็ไม่ปาน
“ไม่ผิดแน่ ตรงเอวไอ้เด็กนั้น วัตถุโบราณที่ลอร์ดคานซิสแจ้งมา”
‘วัตถุโบราณ?’ บาร์ตันขมวดคิ้ว ก่อนจะมองปลอกแขนพีดีเอที่เขาแขวนเอาไว้กับเข็มขัด
“แค่ต้องเอากลับไปสินะ? แล้วไอ้เด็กนี่ล่ะ?”
“ฆ่ามันได้เลย”
“…” บาร์ตันเม้นริมฝีปาก ขมวดคิ้วย่นด้วยความเครียด มองศัตรูที่พึ่งพูดว่าจะฆ่าเขาโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิด
พวกมันไม่ได้คิดจะไว้ชีวิตเขาตั้งแต่แรก
พลันบาร์ตันก็ตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่อยากจะทำ เขาปล่อยตัวเองให้ ‘รู้สึก’ ให้ความกลัวโพยพุ่งออกจากร่าง ให้ความเคียดแค้นพยาบาทลุกโชนเป็นเปลวไฟ
และให้ความโศกเศร้าเสียใจในอดีตที่เคยกลบจนมิด… พลั่งพลูออกมา
กี๊ซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ----!!!!!!!!!!!!!
“!?”
จากทิศทางหนึ่ง เสียงคำรามบางอย่างดั่งสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วผืนป่า กิ่งไม้สั่นสะเทือนกับคลื่นเสียงจนใบร่วงหล่น เหล่าคนในชุดเกราะดำสี่คนถึงกับตกอยู่ในสับสน
“นั้นมันบ้าอะไรกัน..!?”
“ช่างหัวมันเถอะ! ฆ่าไอ้เด็กแขนเดียวนั้น! ชิงเรลิคโบราณมาแล้วรีบไปจากที่นี่!”
ชายที่ใกล้ที่สุดของบาร์ตันกระเดาะลิ้นอย่างขัดใจ ร่างนั้นถีบตัวเข้ามา ก่อนจะวาดฟันดาบสั้นเล่มนั้นเป็นแนวขวาง ทว่าบาร์ตันที่ปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วกว่าเก่านั้นหลบได้ทัน จะติดอย่างเดียวก็ตรงที่ศัตรูไม่ได้มีคนเดียวเท่านั้น
ชายที่ยืนอยู่มุมสูงเล็งปืนยาว ลั่นไกค้าง ปากกระบอกปืนทรงเหลี่ยมพลันชาร์จพลังงาน มันปรากฏเป็นแสงสีฟ้าม่วงของแอสตรัล เกิดเสียงหวีดแหลมในอากาศ และชั่วพริบตา พลังงานแอสตรัลสีฟ้าม่วงก็เปลี่ยนเฉดสี ราวกับถูกบังคับให้หลั่งเลือดออกมาเป็นสีแดงฉ่าน พลันกระสุนพลังงานสีทับทิมสว่างนั้นจะพุ่งเข้ามาทันที
บาร์ตันกัดฟันกรอด หลบกระสุนเส้นแสงได้อย่างฉิวเฉียด ไอร้อนพัดไปทั่วร่าง มันพุ่งไปปะทะกับก้อนหินขนาดใหญ่บนพื้นไม่ไกล เกิดการระเบิดฉับพลันด้วยความร้อนมหาศาล มันสลายทุกอย่างตรงจุดนั้นในพริบตา
จนเหลือเพียงระอองเพลิงร้อนๆเท่านั้น
กระสุนเส้นที่สองพลันตามมาด้วยเร็วกระชั้นชิด บาร์ตันกัดฟันกรอด ยกแขนขวาขึ้นป้องกันเมื่อไม่อาจหลบได้ทัน เหล่าผู้จู่โจมนั้นก็ถึงกับยิ้มกริ่ม
ทว่า… รอยยิ้มนั้นก็หายวับไปในพริบตา
กระสุนพลังงานปะทะท่อนแขน ทว่าชั่วพริบตาที่มันระเบิดออก แอสตรัลที่หลั่งเลือดเป็นสีแดงก็แปรสภาพ มันย้อนกลับ ส่องสว่าง กลายเป็นสีฟ้าขอบม่วงบริสุทธิ์เช่นเคย แล้วแทรกซึมหายเข้าไปในแขนของเขาทั้งอย่างนั้นราวกับถูกกลืนกิน
“!?” ชายถือขวานถึงกับตื่นตะลึง “ผู้ใช้แอสตรัล? แต่ไม่… แม้แต่พวกมันก็ยังทำแบบนี่ไม่ได้!”
“แกมัน… ตัวอะไรกัน!?”
“เปลี่ยนแผน! จับเป็นมัน! ฉันอยากจับมันไปให้ลอร์ดคานซิสชำแหละ จะได้รู้ว่ามันทำแบบนั้นได้ยังไง!”
สายประชิดทั้งสามพุ่งเข้ามาอย่างพร้อมเพรียงกัน บาร์ตันเครียดหนัก แต่ก็ยังหลบหลีกได้อย่างพริ้วไหว แม้กระทั้งกระสุนพลังงานนั้นเองก็ยังถูกเขายกแขนขึ้นป้องกันเป็นระยะ
บาร์ตันมั่นใจแล้ว… เขาไม่ได้คิดไปเองเรื่องที่เขารวดเร็วขึ้นตลอดหลายเดือนที่ผ่าน
เขาเร็วขึ้นจริงๆ… เร็วขึ้นมาก
มากกว่าช่วงปีแรกที่เขาหลุดมาในโลกนี่หลายเท่า
พวกเกราะดำรุกหนัก พวกเขาเริ่มประสานงานกันมากขึ้น บาร์ตันถูกบีบให้ต้องถีบตัวถอยหลัง เป็นจังหวะเดียวกับที่นักดาบอีกคนพุ่งเข้ามาชิงจังหวะพร้อมฟันดาบลงมาเป็นเส้นตรง
บาร์ตันยกแขนขึ้นป้องกัน ทว่าอีกฝ่ายเองก็ไม่ใช่กระจอก วิถีดาบถูกเปลี่ยนในชั่วพริบตา มันโค้งกลับแล้วเสยขึ้นมา หวังสะบั้นแขนของเด็กชายให้ขาดจากตัว
ทว่า…
‘เหมือนกันไม่มีผิด…’ บาร์ตัน ที่เคยโดนตัดแขนด้วยท่านั้นมาก่อน รู้ได้ทันทีว่าเจ้านั้นคิดจะทำอะไร
เขาเองจงใจเสี่ยงดวง หลอกให้อีกฝ่ายตามเข้ามาโจมตี และทันทีที่คมดาบนั้นกำลังวาดเข้ามา เด็กชายก็เบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง เป็นจังหวะเดียวกับที่กระสุนแอสตรัลนั้นพุ่งเฉียดหัวจากด้านหลัง แล้วเข้าปะทะเข้ากลางตัวชายถือดาบทันที
“!?” ชายถือปืนชะงัก ไปไม่ถูกเมื่อเผลอยิงเพื่อนตัวเอง ทว่าแรงระเบิดของกระสุนแอสตรัลนั้นไม่ได้สลายร่างศัตรูอย่างที่บาร์ตันคิด
มันแค่ปะทะกับชุดเกราะประหลาดนั้น เกิดการระเบิด ก่อนจะส่งร่างนั้นพุ่งกระเด็นไปไกลเท่านั้น
‘เข้าใจแล้ว… เกราะนั้นป้องกันพลังงานแอสตรัล’
บาร์ตันทิ้งระยะห่างไปไกลด้วยการพุ่งตัวครั้งเดียว สายตายังคงจับจ้องไปยังชายถือปืนที่อยู่ด้านหลังสุด อีกสองคนเองก็พยายามโอบล้อมเข้ามาช้าๆ
‘เจ้าเด็กนี่… ความเร็วไม่ธรรมดา’
‘แต่การเคลื่อนไหวไม่เหมือนคนเคยฝึก… เหมือนสัตว์ป่าที่ขยับตามความรู้สึกมากกว่า’
‘ขอแค่ล็อคมันได้… แค่นั้นก็จบ’
พวกทหารชุดดำเริ่มประเมินบาร์ตันใหม่อีกครั้ง ก่อนจะเริ่มขยับรุกคืบ เปลี่ยนวิธีการที่จะต้องจัดการอีกฝ่าย ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อบาร์ตันถอนหายใจออกมาพร้อมกับยกยิ้มเล็กน้อย
บาร์ตันเอง เขารู้ตัวดีว่าถ้าไม่คอยหลบ หากต้องสู้ตรงๆ เขาคงตายตั้งห้าวินาทีแรก
แต่สิ่งที่เขาทำมาตลอด… ก็คือการถ่วงเวลาต่างหาก!
เด็กชายสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินหลบเข้าไปในเงามืด เหล่าชุดดำก็พลันสับสน ทว่าครู่ต่อมาก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เสียงคำรามลั่นดังสะนั่น ร่างเกล็ดสีน้ำเงินพุ่งออกมาจากป่า แขนยักษ์ข้างหนึ่งตะบบชายเกราะดำถือปืนด้านหลังสุดเพียงครั้งเดียวก็ถึงกับตัวแหลกกระจาย เลือดสีแดงและชิ้นส่วนร่างกายนั้นปลิวไปรอบทิศทาง
‘พาเรล!?’
พวกชุดเกราะดำเริ่มตื่นตะหนก พวกเขาเปลี่ยนแผนก่อนจะรีบถอย ทว่าความเร็วของมนุษย์นั้นไม่อาจหนีทันร่างยักษ์ใหญ่นั้นได้
พาเรลหกขาคำราม งับเพียงครั้งเดียวร่างหนึ่งก็เข้าปากไปครึ่งตัว ตะบบหนึ่งครั้งชายอีกคนก็กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ชายถือขวานเองคิดจะหันกลับไปสู้ ทว่าพอถูกคลื่นเสียงคำรามใส่เพียงครั้งเดียวเท่านั้นก็แก้วหูแตก สมองกระทบกระเทือน ก่อนจะทรุดตัวล้มลงพื้นไปทั้งแบบนั้น
พาเรลหน้าคล้ายหมาหกขามีเกล็ดเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า คลื่นเสียงสั่นสะเทือนจนใบไม้โปรยปรายไปรอบทิศทาง แล้วจากนั้นก็ก้มตัวลงแล้วแทะกินเนื้อมนุษย์ตรงหน้าทันที
“….” บาร์ตันในเงามืดนั้นมองภาพอันน่าสยดสยอง ทว่าก็ไม่ยอมให้ตัวเองเผยอารมณ์ใดๆออกมา ยืนนิ่งเป็นเงาใบไม้อยู่ตรงนั้น โดยภาวนาหวังว่าพาเรลจะมองไม่เห็น
ทว่า..
<ใช้ได้>
“!?” คลื่นเสียงกระซิบสั่นพ้องอยู่ข้างหู บาร์ตันขนลุกซู่ เป็นจังหวะเดียวกับที่พาเรลหูผึง มันหันขวับ ดวงตาหกดวงที่ส่องแสงก็พลันจ้องเขม็งเข้ามาที่เด็กชายตรงๆ
มันเห็นเขาแล้ว!
<ถ้าเป็นเธอ… เด็กน้อยผู้โศกเศร้า เธออาจจะช่วยฉันได้>
“!?”
ระอองแสงแอสตรัลสีฟ้ามรกตส่องประกาย มือข้างหนึ่งแตะไหล่บาร์ตันจากด้านหลัง ก่อนจะพุ่งตัวไปด้านหน้า เป็นชายร่างสูงเพรียวในชุดคลุมสีขาวตัดส้ม สวมหน้ากากไม้เรียบๆที่ไม่มีแม้แต่รูดวงตา
นั้นคือบุคคลที่เฝ้ามองบาร์ตันมาตลอดเดือนที่ผ่านมานั้นเอง!
ร่างนั้นพุ่งทะยาน มือขวาขยับ ดาบโลหะสีเทาทรงโค้งโบกสะบัด ส่งสายลมกระเพื่อมสั่นไหวเป็นริ้วคลื่น
พาเรลเองขยับตัวหนี ก่อนจะตะบบอุ้งเท้า ทว่าร่างสูงนั้นก็หลบครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ก่อนจะถีบตัวขึ้นสูงในครั้งที่สี่ ดาบใหญ่วาดเป็นประกายสะท้อนแสงจนเกิดเสียงหวีดแหลมในอากาศ
กระแสลมตามมา และแรงปะทะนั้นทำให้บาร์ตันรู้ได้เลยว่าดาบเล่มนั้นมันหนักแค่ไหน อาวุธดาบทั่วไปที่หนักเพียงสามสี่กิโลนั้นแทบไม่มีทางทะลวงผ่านเกล็ดหนาของพาเรลได้เลย
ทว่าทั้งแรงกายของคนตรงหน้า และน้ำหนักดาบเล่มนั้นกลับทรงพลังพอจนสะบั้นผ่านลำคอพาเรลได้ในพริบตา
เสียงเนื้อแหวกฉีกกระชาก คมดาบหนักกว่าสามสิบกิโลหวีดแหลมไปในอากาศก่อนจะหยุดลง หัวของสัตว์ร้ายปลิวกระเด็นพร้อมกับเลือดสีน้ำเงิน ทว่าร่างในชุดขาวนั้นหมุนตัวหลบมายืนไกลๆโดยไม่มีเลือดเปรอะตัวแม้แต่หยดเดียว
ตึง!
ศัตรูที่น่าหวาดหวั่นล้มตึงลงพื้น เลือดสีน้ำเงินเจิ่งนองเป็นแอ่งน้ำ เหลือเพียงแค่ชายปริศนายืนนิ่งบนโขดหิน และศีรษะของพาเรลที่กลิ้งอยู่หลายตลบก่อนจะหยุดลง ก่อนดวงตาสีฟ้าหกดวงที่จับจ้องบาร์ตันก่อนหน้านั้นจะดับมืดลงในที่สุด
ห้าวินาที…
ห้าวิเท่านั้น คือเวลาคนตรงหน้าใช้จัดการสัตว์ประหลาดนั้น
“เป็นไปได้ยังไงกัน…” บาร์ตันตื่นตะลึง เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี่มาก่อน มนุษยชาติที่เขารู้จักนั้นแม้วิทยาการล้ำสมัย แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นใครทำแบบนี่ได้ด้วยตัวเอง
ฟึบ!
“อึก-!” ร่างนั้นพุ่งเข้ามาใกล้ บาร์ตันพลันขยับตัวถอย ทว่าช้าเกินไป นิ้วสองนิ้วของร่างนั้นกระแทกที่กลางศีรษะ แสงแอสทรัลสีฟ้าสว่างวาบ บาร์ตันรู้สึกได้ถึงร่างกายที่อ่อนยวบลงไปในพริบตา และครู่ต่อมาสติของเขาก็ดับวูบลง
*****