จากอนาคตแสนไกลย้อนคืนเป็นโลกใบใหม่ ดินแดนที่ความจริงสูญหายและสิ่งลี้ลับหวนคืน บาร์ตัน แบล็คฮาร์ท เด็กชายอายุเพียงสิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเอาชีวิตรอด

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ - ตอนที่ 12 ถ้ำ ดาบ หยดน้ำ และร่างหิน โดย Vsrin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ไซไฟ,พารานอมอล,ผจญภัย,แฟนตาซี,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ไซไฟ,พารานอมอล,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ โดย Vsrin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จากอนาคตแสนไกลย้อนคืนเป็นโลกใบใหม่ ดินแดนที่ความจริงสูญหายและสิ่งลี้ลับหวนคืน บาร์ตัน แบล็คฮาร์ท เด็กชายอายุเพียงสิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

Vsrin

เรื่องย่อ

 

“พวกมันหิว พวกมันกระหาย ความสิ้นหวังของมนุษย์คืออาหารที่มันปรารถนาเจียนตาย และเมื่อมันเสพสมจนพอใจ... มันก็ทำให้ความฝันอันโหดร้ายหลั่งเลือดออกมาเป็นความจริง” - ทหารโดมิเนี่ยน, กล่าวถึงพาเรลในแดนมืด

 

นิยายแนวผจญภัย - ไซไฟ ผสมแฟนตาซี (และสตีมพังค์)

สารบัญ

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 1 เด็กใต้ขยะ,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 2 พาเรล,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 3 ศูนย์สอง,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 4 รอยแยกมิติ,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 5 พาเรล เจเนซิส,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 6 โลกใบใหม่... โคลด์ฮาร์เบอร์,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 7 สูญเสีย,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 8 สถานีรีเลย์,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 9 โลกแห่งแอสตรัล,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 10 ป่าเรือนแสง,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 11 ทหารโดมิเนี่ยน,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 12 ถ้ำ ดาบ หยดน้ำ และร่างหิน

เนื้อหา

ตอนที่ 12 ถ้ำ ดาบ หยดน้ำ และร่างหิน

 

 

มันเป็น… สภาพที่ไม่น่าภิรมณ์เสียเท่าไหร่

เหมือนกับเป็นการหลับที่ไม่ใช่ธรรมชาติ ตัวตนของเขายังคงอยู่ตรงนั้น มีสติในความว่างเปล่า ทว่าไม่อาจสัมผัสหรือรับรู้อะไรได้

ในความมืดมิดนั้น บาร์ตันราวกับกำลังเดินไปในเส้นทางที่ไร้แสง

ไม่มีอะไรเลยสักอย่างนอกจากตัวตนของตนเอง… และเสียงชีวิตนับล้านล้อมจากรอบทิศทาง

เสียงบางเสียงก็ราวกับเสียงกระซิบ บ้างเบายิ่งกว่าเสียงสายลม และบ้างกรีดดังราวกับกำลังทุกข์ทน

มันไม่ใช่แค่เสียงในหัวแบบที่เขาเคยได้ยินอยู่ทุกวัน แต่มันมีมาก… มากมายมหาศาล ราวกับเสียงของทุกสิ่งมีชีวิตที่เคยมีมา ที่มีอยู่ในตอนนี่ และที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต

บาร์ตันพยายามที่จะประคองสติภายในความบ้าคลั่งเหล่านั้น ปล่อยให้เสียงทุกอย่างมันล่องลอยผ่านตัวไป ช้าๆ ที่ล่ะนิด จนกระทั้งในที่สุดคลื่นอารมณ์ของตนเองก็นิ่งสงบ และกลายเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ที่เฝ้ามองเสียงเหล่านั้นเท่านั้น

ชัดขึ้นและชัดขั้น ความมืดนั้นค่อยๆ ปรากฏแสงดวงดารา จากสิบก็เป็นร้อย จากร้อยก็กลายเป็นแสน และกว่าจะรู้ตัวอีกครั้ง

แสงดาวเหล่านั้นก็มีนับไม่ถ้วน

ราวกับท้องฟ้ายามรัตติกาล ราวกับดวงดาราในความมืดของจักรวาล แสงดาวเหล่านั้นคือแสงแห่งชีวิต มันกระเพื่อมสั่นไหว ส่งคลื่นเสียงที่ก้องสะท้อนของตนเองออกมา ไม่นานบาร์ตันก็เริ่มเรียนรู้ที่จะรับฟังพวกมัน

เสียงที่ไม่อาจจับใจความได้ก็ชัดขึ้นทีล่ะนิด

‘แบล็คฮาร์ท…’

แสงดาวหนึ่งกระเพื่อมสั่นไหว เสียงกระซิบของมันนั้นราวกับกำลังเรียกหา บาร์ตันรู้สึกได้ถึงแรงดึงที่ล่ะนิด ราวกับกำลังพุ่งผ่านห้วงจักรวาล ก่อนไม่นานจะมาหยุดต่อหน้าดาวดวงหนึ่ง

มันคือแสงดาวสีทองอร่าม ส่องประกายสว่างกลบดวงแสงอื่น

‘แบล็คฮาร์ท…’

บาร์ตันเฝ้ามองด้วยความสงสัย เด็กชายพลันเอื้อมมือเข้าไป

ทว่าชั่วพริบตา… แสงดาวนั้นก็เปลี่ยนสภาพทันที

“ศูนย์สี่…”

ดาวนั้นเปรเปลี่ยนเป็นร่างแสงมนุษย์ ดวงตาคมกริบสีอำพันนั้นจับจ้องราวกับนักล่าที่กำลังมองเหยื่อ ก่อนมือแสงข้างหนึ่งจะพุ่งมาคว้าต้นแขนของเขาเอาไว้

“เจอตัวสักที”

 

*****

ตึ๋ง-!

“..?”

หยดน้ำร่วงหล่นจากเพดาน บาร์ตันปรือตา ร่างกายที่ด้านชาค่อยๆ กลับมามีชีวิต เด็กชายขยับนิ้วมือช้าๆ ไล่ไปตามแขน ใช้เวลาครู่ใหญ่เลยกว่าจะรู้สึกได้ทั้งตัว

“ที่ไหนกัน…?”

เด็กชายขมวดคิ้ว มองไปมา พยายามประเมินสถานการณ์ ก่อนจะพบว่าเขาอยู่ในถ้ำที่เต็มไปด้วยเสาหินสีเทาทรงแปดเหลี่ยมประหลาด ตามผนังเองปรากฏรากไม้สีขาวโผล่ลงมาจนเกิดรอยร้าว

บาร์ตันดันตัวขึ้น ชะงักเล็กน้อย มองไปทางแขนซ้าย ก่อนจะต้องฉงนใจ เมื่อพบกับสิ่งที่ไม่ควรอยู่ตรงนั้น

แขน… หรือพูดให้ถูกคืนแขนซ้ายของเขาที่ควรหายไป บัดนี้มันถูกแทนด้วยแขนเทียมประหลาดตั้งแต่หัวไหล่ลงมา ทำจากไม้สลักสีน้ำตาลอ่อน ตามพื้นผิวของมันเองปรากฏเส้นแสงพลังงานแอสตรัลจางๆ และสัมผัสเย็นสบายที่แผ่ออกมาจากด้านใน

“นี่มัน… อะไรกัน?” บาร์ตันทึ่ง เขาลองขยับ นิ้วมือไม้นั้นก็ขยับ แม้จะไม่มีสัมผัสทางผิวหนัง แต่เขากลับรู้สึกเหมือนว่ามันขยับได้เหมือนเป็นแขนของตนเองจริงๆ

“น่าทึ่งมาก…”

‘ด้านหลัง’

‘เฝ้ามองอยู่’

เด็กชายหันไปตามเสียง เงยหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพบกับใครบางคนที่ยืนมองเขาอยู่จากเหนือปากถ้ำทางออก เขาพลันสะดุ้งก่อนจะรีบลุกขึ้น มองอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ

“คุณ…” เด็กชายว่า มองอีกฝ่ายเขม็ง ทว่าหน้ากากไม้เรียบๆ นั้นก็ยังปิดบังใบหน้าเอาไว้ “…คุณต้องการอะไร?”

“….” ชายคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโยนดาบยาวสีเทาลงมาจนมันปักลงกับพื้นหิน

<อนาร์วัน เอรัน-กรีชาร์>

“!?” คลื่นเสียงสั่นพ้อง เด็กชายพลันเบิกตากว้าง เขารู้สึกได้เลยว่านั้นไม่ใช่เสียงพูดจากปากมนุษย์ ทว่าเหมือนเป็นคลื่นเสียงบางอย่างที่สั่นสะเทือนในอากาศ

<เอาชีวิตรอดให้ได้… เด็กชายผู้โศกเศร้า>

ร่างนั้นกล่าวเพียงแค่นั้น ก่อนจะหันหลังและเดินหายไป บาร์ตันพลันได้ค้นพบว่ามันไม่ใช่ปากถ้ำอย่างที่คิด เมื่อประตูนั้นพึ่งจะเลื่อนลงมาจากเพดาน แล้วปิดทางออกไปต่อหน้าต่อหน้า

“เดี่ยว…!” เด็กชายตะโกน รีบพุ่งตัว พยายามปีนขึ้นไป ทว่าช้าเกินไปแล้ว เมื่อพวกหินทรงแปดเหลี่ยมนั้นขยับ เลื่อนตัวมันเองลงเข้าไปชิดกันบนผนัง จนกลายเป็นผนังราบเรียบที่ไม่อาจปีนป่ายขึ้นไปได้

ร่างเล็กที่พยายามปีนลื่นตกลงมา ทว่าก็ยังกลิ้งตัวลดแรงกระแทกได้ก่อนจะยันแขนกลไม้หยุดตัวได้อย่างน่าฉงน

บาร์ตันมองแขนเทียมของตัวเองอีกครั้ง รู้สึกได้ถึงกระแสแอสตรัลเย็นๆ ที่เชื่อมต่อกับตนเอง เห็นเช่นนั้นเด็กชายผิวขาวซีดก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางประตูทางออก

ร่างเล็กสับสัน ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เขาจำได้ล่าสุด คือเห็นอีกฝ่ายสะบั้นคอพาเรลต่อหน้า ก่อนจะพุ่งเข้ามาแล้วทำบางอย่างจนเขาสลบ

รู้ตัวอีกที ก็โดนหย่อนลงมาไว้ในนี้แล้ว

แถมยังไม่มีอะไรสักอย่าง ทั้งมีดและพีดีเอของเขาก็หายไปแล้ว ตอนนี่เหลือเพียงเสื้อผ้ากับแขนไม้ประหลาดนี่เท่านั้น

‘เอาชีวิตรอดงั้นเหรอ…?’

บาร์ตันเดินไปใกล้ดาบที่ปักอยู่บนพื้น ค้นพบว่ามันเป็นดาบทรงโค้งสีเทาเงิน ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น นอกจากต้องใช้แรงพอสมควรก่อนจะดึงมา เขายังค้นพบว่ามันมีน้ำหนักมากกว่าเจ็ดกิโลกรัมได้

ครืน…

เด็กชายมองไปด้านหลัง ค้นพบว่าหลังจากหยิบดาบออกมา สะพานหินที่เกิดจากเสาหินแปดเหลี่ยมก็ก่อตัว สร้างเส้นทางให้เขาไปต่อเบื้องหน้า

‘คนประหลาดนั้น… ต้องการอะไร’

เด็กชายผมดำแซมขาวตัดสินใจ เดินต่อไปตามเส้นทาง มันคดเคี้ยวไปมา มืดมิด ไร้แสงสว่าง ทว่าน่าแปลกที่เขากลับมองเห็นได้ในความมืด

บาร์ตันสังเกตมานานแล้วว่าร่างกายตัวเองไม่เหมือนเดิมตั้งแต่อยู่ในดาวดวงนี่… แต่นั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ ตราบใดที่มันช่วยเขาได้ เด็กชายก็พร้อมที่จะมองข้ามมันไป

“?” เด็กชายเลิกคิ้วสูง ก่อนจะพบกับหุ่นสลักบางอย่างขวางทางไปต่อ มันเป็นหุ่นสลักหินคล้ายมนุษย์สวมเกราะ ตรงกลางหลังของมันเองปรากฏสัญลักษณ์รูปวงกลมสีทอง ตามรอยข้อต่อเองดูเหมือนจะทำจากทองคำเช่นกัน

เด็กชายครุ่นคิด ตัดสินใจเดินหลบในเงามืด ทว่าทันทีที่เข้าระยะใกล้ เจ้าหุ่นนั้นก็หันหัวขวับ พุ่งตัวประชิดก่อนจะใช้ดาบหินทรงเดียวกันฟาดใส่เขาทันที

“!?” บาร์ตันตื่นตะลึง คิดจะยกแขนขวาขึ้นป้องกัน

ทว่าช้าเกินไป… และไม่ทันที่จะได้ทำอะไร ทุกอย่างก็ดับวูบลง

 

*****

 

“เฮือก-!” บาร์ตันสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าตัวเองมานอนสลบอยู่ที่จุดเริ่มต้น “อึก--!”

เด็กชายกัดฟันกรอด ตัวสั่นเพราะลุกกะทันหัน เขาถลกเสื้อกล้ามขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าตัวเองโดนฟาดเป็นรอยช้ำ ยาวไปถึงหน้าอก

มันปวดระบมจนแทบจะกระอักเลือด

บาร์ตันตัดสินใจนอนทรุดลงไปก่อน อาการปวดนั้นทำเอาเขาทรงตัวไม่ได้ เด็กชายพลันได้แต่กัดฟันกรอด นอนพักฟื้นก่อนจะสลบไปอีกรอบ

เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน ตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าแผลช้ำของตัวเองนั้นอาการดีขึ้นอย่างชวนให้ฉงน ทว่าความหิวก็ทำให้เขาต้องเก็บความสงสัยไปก่อน เด็กชายพลันใช้มือรองน้ำที่หยดไหลลงมาจากเพดานช้าๆ ดื่มมันทีล่ะนิดแก้กระหายก่อนจะครุ่นคิดสิ่งที่เกิดขึ้น

หุ่นนั้น คล้ายหุ่นจักรกล ทว่าไม่มีกลไกใดๆ ที่เขามองออก ถืออาวุธประเภทเดียวกัน ทว่าไร้คม และทันทีที่เขาสลบ ร่างเขาก็โดนย้ายมาจุดเริ่มต้นทันที

นี่มันเหมือนกับว่า…

“ต้องการให้ฉันสู้กับมัน…?” บาร์ตันขมวดคิ้วย่น

เพื่ออะไรกัน? ชายคนนั้นจะได้อะไรจากการทำแบบนี้?

“….” บาร์ตันครุ่นคิด ทว่าคิดไม่นานท้องที่ร้องขึ้นมาก็เรียกให้เขาได้สติ

ชายหนุ่มมองซ้าย มองขวา สำรวจตามรากไม้เพื่อหาทางออก แล้วไม่นานก็ต้องส่ายหน้า ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม… ดูเหมือนว่าเขาจะหมดทางเลือกนอกจากต้องไปต่อ

แต่ก่อนถึงตอนนั้น…

เด็กชายครุ่นคิด มันแทบไม่มีทางที่เขาจะลอบผ่านหุ่นนั้นไปได้เลย

ทางเดียวเท่านั้น คือต้องสู้ จนกว่าจะชนะ

แต่ทำยังไง?

“หืม…” เด็กชายมองดาบที่ปักอยู่ที่เดิม ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปดึงมันออกมาอีกครั้ง

 

*****

หนึ่งวันหลังจากนั้น

“เฮือก..!”

บาร์ตันสะดุ้งตื่นเป็นรอบที่สิบกว่า ร่างกายสั่นไหวด้วยความเจ็บปวด ขมับข้างหนึ่งนั้นถึงกับบวมช้ำ

ความเจ็บปวดนั้นเป็นตัวยืนยันว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคือของจริิง บัดนี้เด็กชายแพ้ให้กับเจ้าหุ่นนั้นมาแล้วมากกว่าสิบรอบ และความหิวโหยก็กัดกินเขาทุกวินาทีที่ตื่นขึ้นมา

อย่างน้อย รอบที่แล้วก็ยืนหยัดอยู่ได้ตั้งเกือบสิบห้าวินาที

เด็กชายหอบหายใจ ครุ่นคิด แม้ความเจ็บปวดจะยังมีอยู่ ทว่าเด็กชายก็เริ่มชินชากับมันมากขึ้นทุกครั้งที่สลบ แถมหลังๆ นอกจากจะประคองสติได้นานพอจนเห็นร่างหินนั้นแบกเขากลับมาจุดเริ่มต้น เขายังพบว่าตัวเองเริ่มฟื้นตัวและได้สติเร็วขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก

ราวกับว่ายิ่งโดนอัดจนสลบเหมือดบ่อยเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งประคองสติได้นานขึ้น และฟื้นตัวได้เร็วขึ้นเท่านั้น

เขาได้ใช้ดาบนั้นกระแทกทำร่องหินไว้หลายจุด ปล่อยให้หยดน้ำจากเพดานร่วงหล่นลงมาจนเป็นแอ่งขนาดเล็กๆ นอกจากจะเอาไว้ใช้กำหนดเวลาแล้ว เขายังเอาไว้ใช้ดื่มและล้างหน้าล้างตัวเองหลังตื่นขึ้นมาอีกด้วย

น้ำไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาในตอนนี้

แต่เป็นอาหารต่างหาก

และเขารู้สึกได้เลยว่าตัวเองอ่อนแรงลงทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา

“หืม…” ร่างเล็กครุ่นคิด ก้มลง ก่อนจะใช้ปลายคมดาบขีดเขียนลงบนพื้นหินต่อจากจุดเดิม วาดเป็นก้างปลา จำลองการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่จำได้จากเจ้าหุ่นนั้นก่อนตัวเองจะสลบ “…ไม่ใช่แค่ต้องเคลื่อนไหวให้เหมือน แต่ต้องถ่ายน้ำหนักตัวไปตามโมเมนตัมให้ถูกจังหวะสินะ”

เด็กชายมอง คำนวณ ครุ่นคิด และเฉกเช่นเดียวกับตอนที่เฝ้ามองชายชราที่เคยช่วยชีวิต บาร์ตันจดจำและเรียนรู้ทุกสิ่งจากเจ้าหุ่นนั้นเหมือนกัน

ถ้ามันยำเขาเละได้ขนาดนั้น เช่นนั้นก็คู่ควรที่จะเรียนรู้

ไม่นานเด็กชายก็ลุกขึ้น มือจับดาบ จำลองสถานการณ์ ก่อนจะเคลื่อนไหวตาม ครานี่ไม่ใช่แค่พยายามทำท่าให้เหมือน แต่ปรับสมดุลไปในตัว เรียนรู้การใช้กล้ามเนื้อให้ถูกต้อง และสับเปลี่ยนโมเมนตัมการเคลื่อนไหวให้ตรงจังหวะ

‘ไม่อยากจะยอมรับ… แต่แขนเทียมนี่ช่วยได้มาก’

บาร์ตันสูดลมหายใจ ก่อนจะก้าวเท้า พุ่งตัว ขยับดาบ พอทดลองขยับกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เสริมการเคลื่อนไหว เขาก็รู้สึกราวกับว่าปลายดาบที่พุ่งออกไปนั้นเฉียบคมมากยิ่งขึ้น

“ดีล่ะ! ถ้าเป็นแบบนี่ล่ะก็…!” เด็กชายยิ้มกว้าง เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจว่าครั้งนี่จะชนะ ก่อนจะเริ่มมุ่งหน้าไปท้าทายเจ้าหุ่นนั้นอีกครั้ง

แต่ทว่า…

*****