วันหนึ่งเขาได้เจอนาฬิกาเรือนหนึ่งจากร้านขายของเก่าหลังจากนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป...
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ข้ามเวลา,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยามราตรีผ่านพ้นไปแสงแห่งรุ่งอรุณก็กลับมาพานพบกันอีกครั้ง เสียงนกร้องจากนอกหน้าต่างกับผ้าม่านที่พลิ้วไหวทำให้แสงแดดจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องนอน
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น
ฟองฝนที่ถูกรบกวนจากการนอนหลับก็เริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาสีอ่อนขยับเล็กน้อยจากเสียงรบกวน เธอค่อย ๆ ค่อยเอื้อมือไปปิดเสียงนั่นและค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาดูเวลา
7.30 น.
“หา...โอ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งตัวขึ้นจากโต๊ะก่อนที่จะจับไปที่บริเวณคอของตัวเองจากการนอนท่าเดิมที่นานเกินไป
“นี่เรานอนตรงนี้มาทั้งคืนเลยเหรอเนี่ย!” เธอพูดกับตัวเองก่อนจะมองไปบนโต๊ะนั่น
“ไม่ได้การละ สายแล้ว ทำไมไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาเลยเนี่ย! แล้วแม่ล่ะทำไมไม่ปลุก โอ๊ย!” หญิงสาวสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรีบร้อน
ผ่านไปไม่กี่นาทีฟองฝนก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่างด้วยสภาพที่ดูยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก ทั้งเสื้อที่ยังอยู่นอกชายกระโปรงและถุงเท้าที่ยังไม่ถูกสวมใส่
“แม่คะ!” เมื่อลงมาถึงข้างล่างแล้วสิ่งแรกที่เธอพูดคือเรียกคุณแม่
“ในครัวลูก” เสียงตอบกลับมา
“แม่หนูสายแล้ว พ่ออยู่ไหนคะ” หญิงสาวเข้าไปในครัวพร้อมถามแม่ของเธอด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“วันนี้พ่อมีประชุมตอนเช้าเลยออกไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ”
“อ้าวแล้วหนูล่ะ?”
“เดี๋ยวแม่ไปส่งแต่รอก่อนนะใกล้จะเสร็จแล้ว”
“จะสายแล้วนะแม่”
“แป๊บเดียวจริง ๆ ไปใส่รองเท้ารอข้างนอกก่อน” คุณแม่พูดจบก่อนจะหันกลับไป
“รีบ ๆ เลยนะคะ”
ฟองฝนเดินออกจากห้องครัวก่อนจะเดินไปบริเวณประตูบ้านพร้อมสวมใส่รองเท้านักเรียนและไปรอคุณแม่ที่รถ
ไม่นานคุณแม่ของเธอก็เดินออกมาและสตาร์ทรถแต่ดูเหมือนว่าจะทำเท่าไหร่เครื่องก็ไม่ปิด
“เป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย เมื่อวานยังขับได้ดี ๆ อยู่เลย”
“รถเป็นอะไรเหรอคะ” ฟองฝนถามขึ้นเมื่อเห็นว่ารถยังสตาร์ทไม่ติด
“ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อวานยังขับได้อยู่เลย”
อาการของหญิงสาวตอนนี้เหมือนคนกำลังจะเป็นไข้ทั้งเหงื่อตก ร้อนวูบวาบและรู้สึกมวนท้องเธอไม่อยากไปโรงเรียนสายตั้งแต่ต้นเทอม
“อ้าว ฟองฝน” เสียงปริศนาดังขึ้น
ผู้ถูกเรียกหันไปตามเสียงนั่น “อ้าว! อยู่หมู่บ้านนี้เหมือนกันเหรอ”
“ใช่แล้วล่ะ แล้วทำไมยังไม่ไปโรงเรียนอีกจะสายแล้วนะ” เจมส์ถาม
ใช่ คนนั้นคือเจมส์เพื่อนร่วมห้องของเธอที่ได้ทำความรู้จักกันเมื่อวานและเธอก็เพิ่งรู้ว่าเขาก็อยู่หมู่บ้านเดียวกัน
“คือ...รถมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ มันสตาร์ทไม่ติดน่ะ แม่เรากำลังพยายามอยู่” เธออธิบายให้เจมส์ฟัง
“งั้นไปกับเราก่อนไหมเดี๋ยวแม่เราไปส่ง มันจะสายแล้วนะ” เจมส์เสนอ
“…” เธอครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะหันไปหาแม่ของตัวเองแล้วบอกว่า “แม่คะ เดี๋ยวหนูไปกับเพื่อนก็ได้ค่ะ”
“เอางั้นเหรอ โอเค แม่ฝากด้วยนะ” คุณแม่ตอบก่อนที่จะหันไปบอกกับเจมส์
“ครับ ขึ้นมาเลย” เจมส์รับปากก่อนจะเรียกฟองฝนขึ้นรถไป
เสียงโหวกเหวกหน้าบ้านได้เงียบลง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่อากาศอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยเพียงแต่หญิงสาวไม่ทันสังเกตเห็น
“เมื่อกี้เสียงดังอะไรน่ะ” คุณแม่ของอากาศถาม
“ไม่รู้ครับ” เขาไม่ตอบคำถามนั่น และลากสายยางเข้าไปในตัวบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
.
.
.
วันนี้โชคดีที่บังเอิญเจอเจมส์เลยไม่ทำให้เธอไม่มาโรงเรียนสาย ระหว่างทางทั้งคู่ก็มีบทสนทนาเกิดขึ้นทำให้พวกเขาได้ทำความรู้จักไปภายในตัวด้วย
รถยนต์จอดเทียบฟุตบาทหน้าโรงเรียน หญิงสาวกล่าวขอบคุณแม่ของเจมส์ก่อนที่จะค่อยๆเปิดประตูรถออกอย่างระมัดระวังและเจมส์ก็ลงตามมาติด ๆ
ทันทีที่เท้าของเธอเหยียบพื้นก็เหมือนว่าทุกสายตามามองมาที่เธอ เธอรู้สึกแปลก ๆ เป็นครั้งแรกที่เธอถูกมองแบบนั้น
“พวกเขามองอะไรกันเหรอ?” ฟองฝนหันไปถามเจมส์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“ไม่รู้สิ ไปกันเถอะ” เจมส์จูงมือเธอข้ามถนนทางม้าลายก่อนจะเดินเข้าไปในโรงเรียน
เป็นเวลาพอดิบพอดีที่เพลงชาติขึ้นตอนเธอเข้ามาในโรงเรียน แต่เหมือนว่าหญิงสาวจะถูกมองด้วยสายตาจากคนรอบข้างอย่างหนักมากกว่าที่อยู่ข้างนอกโรงเรียนเมื่อกี้สะอีก
“ทำไมทุกคนต้องมองเราอย่างนั้นด้วย” ฟองฝนหยุดเดินและถามเจมส์
“อย่าไปสนใจคนพวกนั้นเลย ไปเถอะเพลงจะจบแล้ว” พูดจบก็กวักมือเรียกเธอให้ไปหา
.
.
.
กิจกรรมหน้าเสาธงผ่านไปแล้วนักเรียนทุกคนแยกย้ายไปตามห้องของตัวเอง ระหว่างทางเดินมาที่ห้องทุกคนที่หญิงสาวเดินผ่านมักจะมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ และหันไปซุบซิบกัน เห็นดังนั้นเธอจึงรีบสาวเท้าเข้าห้องเรียนอย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงโต๊ะแล้ว จิน เพื่อนที่นั่งข้างหน้ากับแก้มก็หันมาถามเธออย่างรีบร้อน
“ฟองฝนเธอไปทำอะไรมารึเปล่า” จินถาม
“ก็ไม่นะ แค่วันนี้ตื่นสายนิดหน่อย”
“ลองคิดดี ๆ สิ” แก้มเสริม
“อืม วันนี้เหรอ...ฉันมาโรงเรียนกับเจมส์น่ะ”
“นั่นไง ฉันว่าแล้ว” จินพูดขึ้นมาอย่างเสียงดัง
“ทำไมเหรอ” ฟองฝนถาม
“จะบอกอะไรให้นะ เจมส์น่ะเป็นขวัญใจสาว ๆ ในโรงเรียนมาตั้งแต่มอต้นแล้วล่ะ อีกอย่างมายาที่นั่งอยู่หลังห้องเธอชอบเจมส์ เธอเป็นหลานของครูในฝ่ายปกครองเลยนะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ” ฟองฝนสงสัย
“เอ้า เธอลองคิดดูนั่นหลานของครูฝ่ายปกครองเลยนะ แค่เธอบอกทุกคนที่ยุ่งกับเจมส์ก็โดนเรียกหมดเลย”
“อย่างนั้นก็ไม่ได้สิ”
“เธอไม่สนหรอก”
“แต่ฉันจะบอกอะไรให้นะ เจมส์ไม่สนใจเธอสักนิด!”
“อีกอย่างถ้าเธอรู้ว่ามีคนมายุ่งหรืออยู่ใกล้เจมส์ก็จะโดนทุกคนแกล้งจนไม่มาโรงเรียน บางคนถึงขั้นย้ายโรงเรียนก็มี”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ!”
“ก็ใช่น่ะสิ เธอเพิ่งมาใหม่ก็ไม่แปลกที่ยังไม่รู้ แต่ไม่เป็นไรถ้าเธอโดนยัยนั่นแกล้งเดี๋ยวพวกฉันช่วยเอง”
“เอ้า ฉันไปตกลงด้วยตอนไหน” แก้มแย้ง
“หรือเธอจะไม่ช่วยเพื่อนล่ะ” จินถามกลับ
“…” แก้มไม่ตอบ เธอได้แต่ยิ้มแห้ง
“ขอบใจนะ”
.
.
.
คาบสุดท้ายของช่วงเช้าได้สิ้นสุดลงทุกคนต่างก็รีบร้อนเดินลงไปที่โรงอาหาร พวกเธอทั้งสามก็เป็นหนึ่งในนั้นปกติจะเป็นสี่แต่วันนี้แก้วตาลาไปทำธุระ
ฟองฝนอาสาจองโต๊ะให้โดยฝากจินและแก้มซื้อข้าว ทุกอย่างปกติสุขดีแต่เมื่อผ่านไปสักพักหญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองถูกล้อมรอบด้วยคนกลุ่มหนึ่ง เธอเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะหลับตาปี๋
ซ่า!
เสียงน้ำกระทบหน้าเธอ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะดังขึ้น
“ทำอะไรของพวกเธอ” ฟองฝนลูบหน้าตัวเองก่อนจะถามออกไป
“รู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไร วันนั้นถ้าไม่อยากโดนอีกก็ระวังตัวไว้หน่อยก็แล้วกัน” หนึ่งในนั้นพูดขึ้น ก่อนที่พวกหล่อนจะเดินจากไป
“เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ ฟองฝนเกิดอะไรขึ้นทำไมตัวเปียกอย่างนั้น” จินที่เดินถือจานข้าวเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรหรอก”
“หรือว่าพวกนั้นมาแกล้งเธอแล้ว” แก้มถาม
“...” หญิงสาวเลือกที่จะไม่ตอบ
“หน็อย ! เห็นว่าไม่สู้คนเลยจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ แก๊งก์ไหนบอกมาเลยฟองฝนเดี๋ยวแม่จัดการเอง”
“พอเถอะ มากินข้าวกันก่อนจะหมดเวลาพัก”
จินถูกห้ามพร้อมแก้มที่ช่วยห้ามอีกแรง
“กินข้าวเถอะจิน”
“ก็ได้ อย่าให้เจอนะ ฉันจะจัดให้ร่วงเลยคอยดู”
ทั้งสามทานข้าวอย่างปกติสุข แก้มและจินคุยกันอย่างออกรสออกชาติคงมีแค่ฟองฝนคนเดียวเท่านั้นที่นั่งทานข้าวเงียบ ๆ ไม่พูดไม่จา
“นี่ เป็นอะไรรึเปล่า” แก้มถามเมื่อเห็นว่าเธอยังไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ทานข้าวด้วยกันมา
“เปล่าหรอก ฉันไม่เป็นอะไร เสร็จรึยังไปกันเถอะ”
“อื้อ!”
.
.
.
ตลอดช่วงบ่ายฟองฝนเงียบกว่าปกติสายตาดูไม่สดใสเหมือนวันแรก เหมือนเธอกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา
“นี่ ฟองฝน” แรงสะกิดจากข้าง ๆ
“...” หญิงสาวหันไปมอง
“พรุ่งนี้มาโรงเรียนพร้อมกันอีกไหม” เจมส์ถามขึ้น
หญิงสาวหันไปหลังห้องก็พบมายากำลังจ้องมาที่เธอ “หึ” มายาแสยะยิ้มให้เธอ
“ไม่ล่ะ” หญิงสาวหันมาตอบเจมส์
“ทำไมล่ะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก” เจมส์คะยั้นคะยอ
“พรุ่งนี้พ่อเราน่าจะว่างมาส่งแล้วล่ะ”
บทสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น
.
.
.
เมื่อถึงที่บ้านหญิงสาวก็รีบเข้าบ้านพร้อมขังตัวเองไว้ในห้องทันที ผิดจากปกติที่เธอจะต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและมาหาหนุ่มข้างบ้าน
อากาศที่นั่งวาดรูปอยู่ที่ไม้หินอ่อน ก็ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้ก็ห้าโมงกว่าแล้วแต่ก็ไร้วี่แววของหญิงสาว
เขาจึงตัดสินใจเดินออกไปหน้าบ้านตั้งใจว่าจะกดกริ่งเรียก แต่เมื่อออกไปหน้าบ้านนกพบกับแม่ของฟองฝนที่กำลังจะเข้าบ้านพอดี
“เอ่อ...คุณน้าครับ”
“อ้าวว่าไง มาหาน้องเหรอ?”
“ก็...ครับ”
“วันนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ ตอนไปรับมาจากโรงเรียนก็เงียบไม่พูดจ้อเหมือนทุกวัน เรารู้หรือเปล่าน้องได้บอกอะไรเราไหม น้าลองไปเคาะห้องแล้วก็ไม่ยอมเปิด”
“เหรอครับ?”
“ใช่แล้วล่ะ”
“งั้นผมขอไลน์น้องได้ไหมครับ”
“ได้สิ แป๊บหนึ่งนะเดี๋ยวน้าส่งให้”
ไม่นานคุณแม่ของฟองฝนก็ให้คอนแทกต์ของเธอให้กับชายหนุ่ม
“ขอบคุณครับ”
“จ้า”
.
.
.
ช่วงค่ำมาถึงชายหนุ่มเปิดม่านรออีกฝ่ายในมือของเขาตอนนี้มีมือถือที่ยังค้างอยู่หน้าจอเพิ่มเพื่อนให้ไลน์ เขายังไม่กดคำขอนั้นไป
ชายหนุ่มชั่งใจอยู่สักพักก็กดเพิ่มเพื่อน
“พี่เอง” ชายหนุ่มส่งข้อความไป
อีกฝั่ง
ติ่ง!
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
หญิงสาวที่นอนอย่างหมดเรี่ยวแรงก็หยิบมือถือที่คว่ำหน้าจอขึ้นมาดู เธอประหลาดใจที่เห็นข้อความนั้น
“พี่อากาศเหรอคะ” หญิงสาวตอบกลับไป
ข้อความถูกอ่าน
“อือ” สั้น ๆ ได้ใจความ
“พี่เอาไลน์หนูมาจากไหนเหรอคะ”
ข้อความถูกอ่าน
เวลาผ่านไปสักพักอีกไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมา
“ยังอยู่ไหมคะ”
ข้อความถูกอ่าน
“พี่พิมพ์ช้า โทรคุยกันได้ไหมสะดวกหรือเปล่า”
ข้อความถูกอ่าน
ไม่รอให้หญิงสาวตอบกลับมาก็มีสายเรียกเข้าจากอีกฝ่ายทันที
“ฮัลโหลค่ะ” เธอกดรับพร้อมเอ่ยทักทาย
“...” ไม่มีเสียงพูดจากอีกฝ่าย
“ได้ยินไหมคะ ฮัลโหลค่ะ”
“เป็นอะไรหรือเปล่า” เป็นประโยคแรกที่ชายหนุ่มพูด
“คะ?”
“วันนี้น่ะ ที่โรงเรียนเป็นอะไรหรือเปล่าคุณน้าบอกมาว่าเราไม่ออกจากห้องเลย วันนี้ก็ไม่มาดูพี่วาดรูป”
“...” หญิงสาวเงียบลงทันที
“ฮัลโหล ได้ยินไหม”
“ฮึก ฮือ” เสียงสะอื้นออกจากปลายสาย
“ฟองฝน ร้องไห้ทำไมครับ”
“พี่อากาศ หนูฮึบได้ตั้งนาน”
“มีเรื่ออะไรหรือเปล่า เล่าให้พี่ฟังได้นะ”
“ก็ ก็ วันนี้น่ะ ฮือ”
“ค่อย ๆ ครับ พี่รอฟังเราอยู่ตรงนี้นะ”
หลังจากที่ตั้งสติได้หญิงสาวก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอในวันนี้ให้ชายหนุ่มฟัง เขาฟังอย่างตั้งใจ ก่อนที่เสียงปลายสายจะเงียบลงไป
“ฮัลโหล ยังอยู่ไหมครับ”
“…”
“อย่าบอกนะว่าหลับแล้ว หลับไม่ฝันนะครับฟองฝน”
พูดจบเขาก็กดวางสายและเอื้อมมือไปปิดม่านก่อนจะปิดไฟในห้องและเดินไปยังเตียงนอน คืนนี้เป็นคืนแรกที่กิจกรรมก่อนนอนของเขาไม่ใช่การวาดรูป