วันหนึ่งเขาได้เจอนาฬิกาเรือนหนึ่งจากร้านขายของเก่าหลังจากนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป...

ดั่งปรารถนา - ตอนที่ 8 ความรู้สึก โดย คุณสีชา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ข้ามเวลา,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ดั่งปรารถนา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ข้ามเวลา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

ดั่งปรารถนา โดย คุณสีชา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วันหนึ่งเขาได้เจอนาฬิกาเรือนหนึ่งจากร้านขายของเก่าหลังจากนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป...

ผู้แต่ง

คุณสีชา

เรื่องย่อ

สารบัญ

ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 1 ฉายซ้ำ,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 2 กลับบ้าน,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 3 วันแรก,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 4 เรื่องเล่า,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 5 ขอโทษ,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 6 เพื่อนบ้าน,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 7 เพื่อนใหม่,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 8 ความรู้สึก,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 9 สารภาพ,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 10 ห่างเหิน

เนื้อหา

ตอนที่ 8 ความรู้สึก

ยามราตรีผ่านพ้นไปแสงแห่งรุ่งอรุณก็กลับมาพานพบกันอีกครั้ง เสียงนกร้องจากนอกหน้าต่างกับผ้าม่านที่พลิ้วไหวทำให้แสงแดดจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องนอน

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง

เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น

ฟองฝนที่ถูกรบกวนจากการนอนหลับก็เริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาสีอ่อนขยับเล็กน้อยจากเสียงรบกวน เธอค่อย ๆ ค่อยเอื้อมือไปปิดเสียงนั่นและค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาดูเวลา

7.30 น.

“หา...โอ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งตัวขึ้นจากโต๊ะก่อนที่จะจับไปที่บริเวณคอของตัวเองจากการนอนท่าเดิมที่นานเกินไป

“นี่เรานอนตรงนี้มาทั้งคืนเลยเหรอเนี่ย!” เธอพูดกับตัวเองก่อนจะมองไปบนโต๊ะนั่น

“ไม่ได้การละ สายแล้ว ทำไมไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาเลยเนี่ย! แล้วแม่ล่ะทำไมไม่ปลุก โอ๊ย!” หญิงสาวสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรีบร้อน

ผ่านไปไม่กี่นาทีฟองฝนก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่างด้วยสภาพที่ดูยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก ทั้งเสื้อที่ยังอยู่นอกชายกระโปรงและถุงเท้าที่ยังไม่ถูกสวมใส่

“แม่คะ!” เมื่อลงมาถึงข้างล่างแล้วสิ่งแรกที่เธอพูดคือเรียกคุณแม่

“ในครัวลูก” เสียงตอบกลับมา

“แม่หนูสายแล้ว พ่ออยู่ไหนคะ” หญิงสาวเข้าไปในครัวพร้อมถามแม่ของเธอด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“วันนี้พ่อมีประชุมตอนเช้าเลยออกไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ”

“อ้าวแล้วหนูล่ะ?”

“เดี๋ยวแม่ไปส่งแต่รอก่อนนะใกล้จะเสร็จแล้ว”

“จะสายแล้วนะแม่”

“แป๊บเดียวจริง ๆ ไปใส่รองเท้ารอข้างนอกก่อน” คุณแม่พูดจบก่อนจะหันกลับไป

“รีบ ๆ เลยนะคะ”

ฟองฝนเดินออกจากห้องครัวก่อนจะเดินไปบริเวณประตูบ้านพร้อมสวมใส่รองเท้านักเรียนและไปรอคุณแม่ที่รถ

ไม่นานคุณแม่ของเธอก็เดินออกมาและสตาร์ทรถแต่ดูเหมือนว่าจะทำเท่าไหร่เครื่องก็ไม่ปิด

“เป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย เมื่อวานยังขับได้ดี ๆ อยู่เลย”

“รถเป็นอะไรเหรอคะ” ฟองฝนถามขึ้นเมื่อเห็นว่ารถยังสตาร์ทไม่ติด

“ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อวานยังขับได้อยู่เลย”

อาการของหญิงสาวตอนนี้เหมือนคนกำลังจะเป็นไข้ทั้งเหงื่อตก ร้อนวูบวาบและรู้สึกมวนท้องเธอไม่อยากไปโรงเรียนสายตั้งแต่ต้นเทอม

“อ้าว ฟองฝน” เสียงปริศนาดังขึ้น

ผู้ถูกเรียกหันไปตามเสียงนั่น “อ้าว! อยู่หมู่บ้านนี้เหมือนกันเหรอ”

“ใช่แล้วล่ะ แล้วทำไมยังไม่ไปโรงเรียนอีกจะสายแล้วนะ” เจมส์ถาม

ใช่ คนนั้นคือเจมส์เพื่อนร่วมห้องของเธอที่ได้ทำความรู้จักกันเมื่อวานและเธอก็เพิ่งรู้ว่าเขาก็อยู่หมู่บ้านเดียวกัน

“คือ...รถมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ มันสตาร์ทไม่ติดน่ะ แม่เรากำลังพยายามอยู่” เธออธิบายให้เจมส์ฟัง

“งั้นไปกับเราก่อนไหมเดี๋ยวแม่เราไปส่ง มันจะสายแล้วนะ” เจมส์เสนอ

“…” เธอครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะหันไปหาแม่ของตัวเองแล้วบอกว่า “แม่คะ เดี๋ยวหนูไปกับเพื่อนก็ได้ค่ะ”

“เอางั้นเหรอ โอเค แม่ฝากด้วยนะ” คุณแม่ตอบก่อนที่จะหันไปบอกกับเจมส์

“ครับ ขึ้นมาเลย” เจมส์รับปากก่อนจะเรียกฟองฝนขึ้นรถไป

เสียงโหวกเหวกหน้าบ้านได้เงียบลง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่อากาศอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยเพียงแต่หญิงสาวไม่ทันสังเกตเห็น

“เมื่อกี้เสียงดังอะไรน่ะ” คุณแม่ของอากาศถาม

“ไม่รู้ครับ” เขาไม่ตอบคำถามนั่น และลากสายยางเข้าไปในตัวบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

.

.

.

วันนี้โชคดีที่บังเอิญเจอเจมส์เลยไม่ทำให้เธอไม่มาโรงเรียนสาย ระหว่างทางทั้งคู่ก็มีบทสนทนาเกิดขึ้นทำให้พวกเขาได้ทำความรู้จักไปภายในตัวด้วย

รถยนต์จอดเทียบฟุตบาทหน้าโรงเรียน หญิงสาวกล่าวขอบคุณแม่ของเจมส์ก่อนที่จะค่อยๆเปิดประตูรถออกอย่างระมัดระวังและเจมส์ก็ลงตามมาติด ๆ

ทันทีที่เท้าของเธอเหยียบพื้นก็เหมือนว่าทุกสายตามามองมาที่เธอ เธอรู้สึกแปลก ๆ เป็นครั้งแรกที่เธอถูกมองแบบนั้น

“พวกเขามองอะไรกันเหรอ?” ฟองฝนหันไปถามเจมส์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

“ไม่รู้สิ ไปกันเถอะ” เจมส์จูงมือเธอข้ามถนนทางม้าลายก่อนจะเดินเข้าไปในโรงเรียน

เป็นเวลาพอดิบพอดีที่เพลงชาติขึ้นตอนเธอเข้ามาในโรงเรียน แต่เหมือนว่าหญิงสาวจะถูกมองด้วยสายตาจากคนรอบข้างอย่างหนักมากกว่าที่อยู่ข้างนอกโรงเรียนเมื่อกี้สะอีก

“ทำไมทุกคนต้องมองเราอย่างนั้นด้วย” ฟองฝนหยุดเดินและถามเจมส์

“อย่าไปสนใจคนพวกนั้นเลย ไปเถอะเพลงจะจบแล้ว” พูดจบก็กวักมือเรียกเธอให้ไปหา

.

.

.

กิจกรรมหน้าเสาธงผ่านไปแล้วนักเรียนทุกคนแยกย้ายไปตามห้องของตัวเอง ระหว่างทางเดินมาที่ห้องทุกคนที่หญิงสาวเดินผ่านมักจะมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ และหันไปซุบซิบกัน เห็นดังนั้นเธอจึงรีบสาวเท้าเข้าห้องเรียนอย่างรวดเร็ว

เมื่อถึงโต๊ะแล้ว จิน เพื่อนที่นั่งข้างหน้ากับแก้มก็หันมาถามเธออย่างรีบร้อน

“ฟองฝนเธอไปทำอะไรมารึเปล่า” จินถาม

“ก็ไม่นะ แค่วันนี้ตื่นสายนิดหน่อย”

“ลองคิดดี ๆ สิ” แก้มเสริม

“อืม วันนี้เหรอ...ฉันมาโรงเรียนกับเจมส์น่ะ”

“นั่นไง ฉันว่าแล้ว” จินพูดขึ้นมาอย่างเสียงดัง

“ทำไมเหรอ” ฟองฝนถาม

“จะบอกอะไรให้นะ เจมส์น่ะเป็นขวัญใจสาว ๆ ในโรงเรียนมาตั้งแต่มอต้นแล้วล่ะ อีกอย่างมายาที่นั่งอยู่หลังห้องเธอชอบเจมส์ เธอเป็นหลานของครูในฝ่ายปกครองเลยนะ”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ” ฟองฝนสงสัย

“เอ้า เธอลองคิดดูนั่นหลานของครูฝ่ายปกครองเลยนะ แค่เธอบอกทุกคนที่ยุ่งกับเจมส์ก็โดนเรียกหมดเลย”

“อย่างนั้นก็ไม่ได้สิ”

“เธอไม่สนหรอก”

“แต่ฉันจะบอกอะไรให้นะ เจมส์ไม่สนใจเธอสักนิด!”

“อีกอย่างถ้าเธอรู้ว่ามีคนมายุ่งหรืออยู่ใกล้เจมส์ก็จะโดนทุกคนแกล้งจนไม่มาโรงเรียน บางคนถึงขั้นย้ายโรงเรียนก็มี”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ!”

“ก็ใช่น่ะสิ เธอเพิ่งมาใหม่ก็ไม่แปลกที่ยังไม่รู้ แต่ไม่เป็นไรถ้าเธอโดนยัยนั่นแกล้งเดี๋ยวพวกฉันช่วยเอง”

“เอ้า ฉันไปตกลงด้วยตอนไหน” แก้มแย้ง

“หรือเธอจะไม่ช่วยเพื่อนล่ะ” จินถามกลับ

“…” แก้มไม่ตอบ เธอได้แต่ยิ้มแห้ง

“ขอบใจนะ”

.

.

.

คาบสุดท้ายของช่วงเช้าได้สิ้นสุดลงทุกคนต่างก็รีบร้อนเดินลงไปที่โรงอาหาร พวกเธอทั้งสามก็เป็นหนึ่งในนั้นปกติจะเป็นสี่แต่วันนี้แก้วตาลาไปทำธุระ

ฟองฝนอาสาจองโต๊ะให้โดยฝากจินและแก้มซื้อข้าว ทุกอย่างปกติสุขดีแต่เมื่อผ่านไปสักพักหญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองถูกล้อมรอบด้วยคนกลุ่มหนึ่ง เธอเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะหลับตาปี๋

ซ่า!

เสียงน้ำกระทบหน้าเธอ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะดังขึ้น

“ทำอะไรของพวกเธอ” ฟองฝนลูบหน้าตัวเองก่อนจะถามออกไป

“รู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไร วันนั้นถ้าไม่อยากโดนอีกก็ระวังตัวไว้หน่อยก็แล้วกัน” หนึ่งในนั้นพูดขึ้น ก่อนที่พวกหล่อนจะเดินจากไป

“เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ ฟองฝนเกิดอะไรขึ้นทำไมตัวเปียกอย่างนั้น” จินที่เดินถือจานข้าวเอ่ยถาม

“ไม่มีอะไรหรอก”

“หรือว่าพวกนั้นมาแกล้งเธอแล้ว” แก้มถาม

“...” หญิงสาวเลือกที่จะไม่ตอบ

“หน็อย ! เห็นว่าไม่สู้คนเลยจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ แก๊งก์ไหนบอกมาเลยฟองฝนเดี๋ยวแม่จัดการเอง”

“พอเถอะ มากินข้าวกันก่อนจะหมดเวลาพัก”

จินถูกห้ามพร้อมแก้มที่ช่วยห้ามอีกแรง

“กินข้าวเถอะจิน”

“ก็ได้ อย่าให้เจอนะ ฉันจะจัดให้ร่วงเลยคอยดู”

ทั้งสามทานข้าวอย่างปกติสุข แก้มและจินคุยกันอย่างออกรสออกชาติคงมีแค่ฟองฝนคนเดียวเท่านั้นที่นั่งทานข้าวเงียบ ๆ ไม่พูดไม่จา

“นี่ เป็นอะไรรึเปล่า” แก้มถามเมื่อเห็นว่าเธอยังไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ทานข้าวด้วยกันมา

“เปล่าหรอก ฉันไม่เป็นอะไร เสร็จรึยังไปกันเถอะ”

“อื้อ!”

.

.

.

ตลอดช่วงบ่ายฟองฝนเงียบกว่าปกติสายตาดูไม่สดใสเหมือนวันแรก เหมือนเธอกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา

“นี่ ฟองฝน” แรงสะกิดจากข้าง ๆ

“...” หญิงสาวหันไปมอง

“พรุ่งนี้มาโรงเรียนพร้อมกันอีกไหม” เจมส์ถามขึ้น

หญิงสาวหันไปหลังห้องก็พบมายากำลังจ้องมาที่เธอ “หึ” มายาแสยะยิ้มให้เธอ

“ไม่ล่ะ” หญิงสาวหันมาตอบเจมส์

“ทำไมล่ะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก” เจมส์คะยั้นคะยอ

“พรุ่งนี้พ่อเราน่าจะว่างมาส่งแล้วล่ะ”

บทสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น

.

.

.

เมื่อถึงที่บ้านหญิงสาวก็รีบเข้าบ้านพร้อมขังตัวเองไว้ในห้องทันที ผิดจากปกติที่เธอจะต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและมาหาหนุ่มข้างบ้าน

อากาศที่นั่งวาดรูปอยู่ที่ไม้หินอ่อน ก็ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้ก็ห้าโมงกว่าแล้วแต่ก็ไร้วี่แววของหญิงสาว

เขาจึงตัดสินใจเดินออกไปหน้าบ้านตั้งใจว่าจะกดกริ่งเรียก แต่เมื่อออกไปหน้าบ้านนกพบกับแม่ของฟองฝนที่กำลังจะเข้าบ้านพอดี

“เอ่อ...คุณน้าครับ”

“อ้าวว่าไง มาหาน้องเหรอ?”

“ก็...ครับ”

“วันนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ ตอนไปรับมาจากโรงเรียนก็เงียบไม่พูดจ้อเหมือนทุกวัน เรารู้หรือเปล่าน้องได้บอกอะไรเราไหม น้าลองไปเคาะห้องแล้วก็ไม่ยอมเปิด”

“เหรอครับ?”

“ใช่แล้วล่ะ”

“งั้นผมขอไลน์น้องได้ไหมครับ”

“ได้สิ แป๊บหนึ่งนะเดี๋ยวน้าส่งให้”

ไม่นานคุณแม่ของฟองฝนก็ให้คอนแทกต์ของเธอให้กับชายหนุ่ม

“ขอบคุณครับ”

“จ้า”

.

.

.

ช่วงค่ำมาถึงชายหนุ่มเปิดม่านรออีกฝ่ายในมือของเขาตอนนี้มีมือถือที่ยังค้างอยู่หน้าจอเพิ่มเพื่อนให้ไลน์ เขายังไม่กดคำขอนั้นไป

ชายหนุ่มชั่งใจอยู่สักพักก็กดเพิ่มเพื่อน

“พี่เอง” ชายหนุ่มส่งข้อความไป



อีกฝั่ง

ติ่ง!

เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น

หญิงสาวที่นอนอย่างหมดเรี่ยวแรงก็หยิบมือถือที่คว่ำหน้าจอขึ้นมาดู เธอประหลาดใจที่เห็นข้อความนั้น

“พี่อากาศเหรอคะ” หญิงสาวตอบกลับไป

ข้อความถูกอ่าน

“อือ” สั้น ๆ ได้ใจความ

“พี่เอาไลน์หนูมาจากไหนเหรอคะ”

ข้อความถูกอ่าน

เวลาผ่านไปสักพักอีกไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมา

“ยังอยู่ไหมคะ”

ข้อความถูกอ่าน

“พี่พิมพ์ช้า โทรคุยกันได้ไหมสะดวกหรือเปล่า”

ข้อความถูกอ่าน

ไม่รอให้หญิงสาวตอบกลับมาก็มีสายเรียกเข้าจากอีกฝ่ายทันที

“ฮัลโหลค่ะ” เธอกดรับพร้อมเอ่ยทักทาย

“...” ไม่มีเสียงพูดจากอีกฝ่าย

“ได้ยินไหมคะ ฮัลโหลค่ะ”

“เป็นอะไรหรือเปล่า” เป็นประโยคแรกที่ชายหนุ่มพูด

“คะ?”

“วันนี้น่ะ ที่โรงเรียนเป็นอะไรหรือเปล่าคุณน้าบอกมาว่าเราไม่ออกจากห้องเลย วันนี้ก็ไม่มาดูพี่วาดรูป”

“...” หญิงสาวเงียบลงทันที

“ฮัลโหล ได้ยินไหม”

“ฮึก ฮือ” เสียงสะอื้นออกจากปลายสาย

“ฟองฝน ร้องไห้ทำไมครับ”

“พี่อากาศ หนูฮึบได้ตั้งนาน”

“มีเรื่ออะไรหรือเปล่า เล่าให้พี่ฟังได้นะ”

“ก็ ก็ วันนี้น่ะ ฮือ”

“ค่อย ๆ ครับ พี่รอฟังเราอยู่ตรงนี้นะ”

หลังจากที่ตั้งสติได้หญิงสาวก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอในวันนี้ให้ชายหนุ่มฟัง เขาฟังอย่างตั้งใจ ก่อนที่เสียงปลายสายจะเงียบลงไป

“ฮัลโหล ยังอยู่ไหมครับ”

“…”

“อย่าบอกนะว่าหลับแล้ว หลับไม่ฝันนะครับฟองฝน”

พูดจบเขาก็กดวางสายและเอื้อมมือไปปิดม่านก่อนจะปิดไฟในห้องและเดินไปยังเตียงนอน คืนนี้เป็นคืนแรกที่กิจกรรมก่อนนอนของเขาไม่ใช่การวาดรูป