วันหนึ่งเขาได้เจอนาฬิกาเรือนหนึ่งจากร้านขายของเก่าหลังจากนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป...

ดั่งปรารถนา - ตอนที่ 10 ห่างเหิน โดย คุณสีชา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ข้ามเวลา,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ดั่งปรารถนา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ข้ามเวลา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

ดั่งปรารถนา โดย คุณสีชา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วันหนึ่งเขาได้เจอนาฬิกาเรือนหนึ่งจากร้านขายของเก่าหลังจากนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป...

ผู้แต่ง

คุณสีชา

เรื่องย่อ

สารบัญ

ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 1 ฉายซ้ำ,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 2 กลับบ้าน,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 3 วันแรก,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 4 เรื่องเล่า,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 5 ขอโทษ,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 6 เพื่อนบ้าน,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 7 เพื่อนใหม่,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 8 ความรู้สึก,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 9 สารภาพ,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 10 ห่างเหิน

เนื้อหา

ตอนที่ 10 ห่างเหิน

หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทั้งคู่ก็เริ่มห่างเหินกัน จะเรียกว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้ในเมื่อมีแค่ฟองฝนเท่านั้นที่เริ่มเปลี่ยนไป ส่วนอากาศเองก็พยายามติดต่อหญิงสาวไม่ว่าทั้งโทรหาหรือทิ้งข้อความไว้ แต่ก็ไม่มีแม้แต่การตอบกลับจากหญิงสาวแม้แต่นิดเดียว

กริ๊ง!

เสียงเรียกเข้า

ฟองฝนที่นั่งทบทวนบทเรียนละความสนใจจากหนังสือตรงหน้าและมองหาเสียงที่ได้ยินก่อนที่เธอจะปัดสายทิ้งเมื่อเห็นว่าปลายสายนั้นเป็นใคร

กริ๊ง!

เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกอีกครั้ง

ครั้งนี้เธอตัดสินใจรับสายนั้นเพื่อตัดปัญหา “ฮัลโหลค่ะ” ฟองฝนพูดขึ้น

“...” ปลายสายยังคงเงียบ

“ไม่มีอะไรฝนวางแล้วนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าปลายสายยังคงเงียบ

“ด... เดี๋ยวครับ”

“…” หญิงสาวเงียบเพื่อฟัง

“ทำอะไรอยู่ครับ” ใช้เวลาอยู่สักพักกว่าชายหนุ่มจะพูดขึ้น

“ทบทวนบทเรียนอยู่ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไป

“พี่กวนเราหรือเปล่า”

“…”

“’งั้นพี่ไม่กวนเราแล้วครับ” ชายหนุ่มเตรียมวางสาย

“ไม่ได้กวนค่ะ ฝนพักอยู่พอดี” หญิงสาวพูดขึ้นมาเมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น

“ครับ ทำไมเราไม่ตอบข้อความพี่เลยล่ะครับ?” ชายหนุ่มถามขึ้น

“ให้ฝนตอบอะไรเหรอคะ?” หญิงสาวถามกลับ

“….” คราวนี้เป็นปลายสายที่เงียบไป

นั่นสิ จะให้น้องตอบอะไรล่ะ?

“ช่วงนี้เป็นไงบ้างครับ ไม่เห็นมาหาพี่เลยหลังเลิกเรียน”

“ช่วงนี้ยุ่ง ๆ นิดหน่อยค่ะ ที่โรงเรียนเริ่มซ้อมกีฬาสีแล้ว”

“อ๋อ ครับ”

“งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ พอดีแม่เรียกแล้ว”

“ครั...” พูดยังไม่ทันจบปลายสายก็กดวางซะแล้ว

.

.

.

ช่วงนี้เป็นช่วงกีฬาสี อย่างที่ฟองฝนได้พูดกับอากาศจริง ๆ ด้วยความที่เธอเป็นพี่ม.ห้าแล้วจึงต้องช่วยงานพี่ ๆ ม.หก เพื่อน ๆ ในห้องของเธอหลายคนที่เป็นนักกีฬาส่วนเธอเองก็ไม่รู้จะทำอะไร เรื่องกีฬาเธอก็ไม่ค่อยถนัด หญิงสาวจึงทำได้เพียงเป็นฝ่ายสวัสดิการที่อำนวยความสะดวกให้แก่คนในสี

ช่วงบ่ายของวันเป็นช่วงเวลาที่โรงเรียนลดเวลาเรียนและปล่อยให้แต่ละสีเริ่มซ้อมกีฬาและสแตนด์เชียร์

ติง!

เสียงแจ้งเตือนเข้า

“ว่างไหมครับ?” ข้อความจากเจมส์เพื่อนร่วมของเธอ

“ว่าง ๆ มีอะไรหรือเปล่า ขาดเหลืออะไรไหม?”

“สนามบาสตอนนี้ต้องการน้ำกับผ้าเย็นครับ”

“โอเค รอเดี๋ยวนะ” หญิงสาวตอบอีกฝ่ายเสร็จก็เก็บเครื่องมือสื่อสารเข้ากระเป๋ากางเกงพละก่อนจะหยิบกระติกน้ำและผ้าเย็น

“ฝน จะไปไหน” แก้วตาเพื่อนสนิทของเธอทักขึ้น

“ไปสนามบาสน่ะ เมื่อกี้เจมส์ส่งข้อความมาว่าอยากได้น้ำกับผ้าเย็น”

“อ๋อ โอเค” หลังจากที่ได้ยินคำตอบแก้วตาก็พยักให้

“เดี๋ยวไปเอง” มายาพูดขึ้น

“เอ่อ...” ฟองฝนที่กำลังจะยกกระติกน้ำชะงัก

“เอามานี่ มีอะไรทำก็ไปทำ” มายาแย่งกระติกน้ำจากมือของฟองฝน

เมื่อได้ยินดังนั้นฟองฝนก็ปล่อยให้มายาเป็นคนนำกระติกน้ำไปให้เจมส์ส่วนเธอก็ช่วยบริการน้ำให้แก่น้อง ๆ ที่นั่งซ้อมเพลงเชียร์อยู่บนแสตนด์

“ฟองฝนครับ”

“อ้าว เจมส์ซ้อมเสร็จแล้วเหรอ?” ฟองฝนถามขึ้น

“ทำไมฝนไม่เอากระติกน้ำกับผ้าเย็นไปให้เจมส์เองล่ะครับ?”

“อ๋อ ก็เห็นว่ามายาอาสาเอาไปให้น่ะ ฝนเลยอยู่ช่วยแก้วตา” หญิงสาวตอบกลับไป

“อ๋อครับ มีน้ำกับผ้าเย็นเหลือไหมครับ?” เจมส์ถามขึ้น

“มีสิ ทำไมเหรอ? เจมส์อยากได้เหรอ?”

“ครับ”

“อ่าว ที่ให้ไปไม่พอเหรอ? เราว่าเราเตรียมไปเผื่อแล้วนะ” ฟองฝนสงสัย

“พอครับ แต่เจมส์อยากได้ที่ฝนให้มากกว่าครับ”

“เอ่อ...”

“ว้าย! ตายแล้วขนาดเสิร์ฟให้ถึงที่เขายังไม่เอาเลย” เป็นแก้วตาที่พูดกับจิน

“เนอะ หน้าแตกหมดแล้วมั้ง” จินเสริม

“นี่! พูดถึงใคร” มายาที่ได้ยินดังนั้นก็เดินเข้ามาเตรียมหาเรื่องแก้วตากับจิน

“ยังไม่ได้เอ่ยชื่อใครเลยนะ ร้อนตัวทำไมเอ่ย?” จินพูด

“ฝากไว้ก่อนเถอะพวกแก” มายาพูดขึ้นก่อนจะกระฟัดกระเฟียดและออกจากตรงนั้น

“อยากฝากนานละกัน รีบมาเอาด้วย” จินตะโกนไล่หลัง

“ว่าไงครับฝน มีน้ำให้เจมส์ไหมครับ?” เจมส์พูดขึ้นหลังจากเหตุการณ์สงบลง

“เอานี่ ไม่เห็นต้องเดินมาให้เหนื่อยเลย เสียเวลาเปล่า” ฟองฝนบ่น

“ก็อยากดื่มน้ำที่ฝนเอามาให้นี่ครับอุตส่าห์แชตมาบอกแล้ว แต่ก็เห็นคนอื่นมาแทน”

“จะเราหรือใครมันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอเจมส์?” ฟองฝนพูด

“ไม่เหมือนสิครับ ถ้าเป็นฝนเจมส์ก็จะได้กำลังใจซ้อมด้วยไงครับ”

“โอ๊ย! เบื่อคนจีบกันจริง ๆ เลย” จินพูดแซวทั้งสอง

“จีบอะไรกัน เจมส์ก็คงพูดเล่นนั่นแหละ ใช่ไหมเจมส์?” พูดจบก็หันไม่ถามเจมส์

“...” เจมส์ไม่ตอบแต่กลับยิ้มให้

“ใกล้จะหมดเวลาแล้ว ไม่ไปซ้อมต่อเหรอ?” ฟองฝนเปลี่ยนเรื่อง

“เดี๋ยวก็ไปครับ ขอเตรียมกำลังใจแป๊บหนึ่ง”

“งั้นฝนไปช่วยแก้วตาก่อนละกัน” พูดจบก็เดินไปช่วยแก้วตา

“อ่าว...”

“คนนี้ยากนิดนึงนะ” จินเดินมาตบไหล่เจมส์

.

.

.

ติง!

เสียงแจ้งเตือนเข้า

“วันนี้กลับกับเจมส์นะครับ” เป็นเจมส์อีกครั้งที่ส่งข้อความมา

“อื้อ” ฟองฝน กดอ่านก่อนจะตอบกลับไป

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เกิดการณ์ในครั้งนั้น ฟองฝนก็กลับบ้านพร้อมเจมส์ และวันนี้ก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เมื่อมาถึงหน้าบ้านของหญิงสาว เธอก็บอกลาเพื่อนและลงจากรถ เป็นอย่างเคยที่จะเห็นชายหนุ่มข้างบ้านอยู่หน้าบ้านราวกับว่ารอเธอกลับจากโรงเรียน ทุกครั้งจะเป็นเธอที่เป็นฝ่ายเข้าหาแต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว

“ฝน พี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ” อากาศเดินไปหาฟองฝนที่กำลังจะเปิดรั้วบ้าน

“ไม่ว่างค่ะ” เธอปฏิเสธ

“แป๊บเดียว”

“ก็ได้ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?” หญิงสาวพูดแต่ไม่มองหน้าอีกฝ่าย

“ช่วงนี้ไม่เห็นมาหาพี่เลย เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“แค่เหนื่อยค่ะ”

“แล้วเมื่อกี้กลับกับใคร?”

“จะอยากรู้ไปทำไมคะ?”

“พี่ถามไม่ได้เหรอ?”

“ถามได้ค่ะ ถ้ารู้แล้วยังไงต่อคะ?”

“เป็นแฟนกันเหรอ?”

“รู้แล้วได้อะไรคะ?

“ไหนว่าชอบพี่”

“แล้วพี่ชอบฝนเหรอคะ?”

“…” ชายหนุ่มชะงักเมื่อได้ยินดังนั้น

“ว่าไงคะ? การที่พี่ถามอย่างนั้นคือพี่ชอบฝนเหรอคะ?”

“ถ้าพี่บอกว่าใช่ล่ะ”

“ไม่จริง พี่ไม่ได้ชอบฝน พี่แค่ชอบที่ฝนชอบพี่ แววตาของพี่มันบอกทุกอย่าง”

“....” ชายหนุ่มเถียงไม่ออก

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฝนขอตัวนะคะ หลีกทางให้ด้วยค่ะ”

.

.

.

[Akat’ s part]

“ครั้นที่ได้ยินอย่างนั้นผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมถึงรู้สึกไม่ชอบใจที่เห็นอีกอีกฝ่ายไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนอื่น ถ้าการที่ผมเป็นแบบนี้คือผมเริ่มชอบอีกฝ่ายแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าความรู้สึกที่ผมรู้สึกนี้เรียกว่ารักได้หรือเปล่า” 

.

.

.

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป

ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ชายหนุ่มนั่งคิดทบทวนคำพูดของหญิงสาวพร้อมกับความรู้สึกของตัวเอง

เขายอมรับว่าการที่มีเด็กผู้หญิงข้างบ้านเข้ามาในชีวิตนั้นทำให้ตัวเองรู้สึกสนุก จากที่ส่วนใหญ่วาดรูปทิวทัศน์นพอมีเธอเข้ามาก็ได้ลองวาดรูปเสมือนจริงครั้งแรก

เขาทบทวนความรู้สึกตัวเองอย่างหนักและวันนี้จะเป็นวันที่เขาจะไปบอกความรู้สึกของตัวเองให้แก่หญิงก่อนที่มันจะสายเกินไป

ตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์มานี้เขาแทบไม่ได้คุยและเจอหน้าเธอเลย ชายหนุ่มเดินลงมายังชั้นล่างของบ้าน “แม่ครับ บ้านน้องฝนเงียบจัง” ชายหนุ่มถามคุณแม่ของเขาเมื่อเห็นว่าข้างบ้านนั้นเงียบผิดปกติ

“อ๋อ เห็นมาบอกว่าจะกลับไปเยี่ยมคุณยายที่ต่างจังหวัดน่ะ”

“แล้วได้บอกไหมครับ ว่าไปกี่วัน”

“ไม่ได้บอกนะ น่าจะ 2-3 วันละมั้ง” คุณแม่ของเขาตอบอย่างไม่มั่นใจ

“ครับ”

“น้องฝนไม่ได้บอกลูกเหรอ?”

“ไม่ได้บอกครับ”

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า พักหลังมานี้ไม่เห็นน้องแวะมาหาเราเลย”

“เออ...น้องน่าจะเหนื่อยกิจกรรมที่โรงเรียนล่ะมั้งครับ” ชายหนุ่มอึกอักตอบออกไป

.

.

.

3 วันผ่านไป

ทั้งสามเดินทางกลับบ้านหลังจากที่ไปเยี่ยมคุณยายที่ต่างจังหวัด เสียงเพลงพร้อมเสียงหัวเราะดังระงมไปทั่วทั้งคัน

“คุณแม่คะ หนูอยากกินแกงส้มฝีมือคุณแม่จัง”

“ได้สิลูก กลับไปเดี๋ยวแม่ทำให้นะคะ”

“ขอบคุณนะคะ น่ารักที่สุดเลย”

“อ่าว ทำไมอยู่ ๆ มาชมภรรยาพ่อแบบนั้นล่ะลูก”

“แต่แม่หนูน้า”

“แต่พ่อเจอแม่ก่อน”

“แม่คะ ดูพ่อสิ แม่บอกเลยว่ารักใครมากกว่ากัน”

“คุณก็แกล้งลูก” คุณแม่พูดเอ็ดคุณพ่อ

เกิดบทสนทนาขึ้นในรถมีทั้งเสียงหัวเราะและเสียงทะเลาะกันของสองพ่อลูก แต่ใครจะไปรู้ว่าความสุขเหล่านี้มันช่างสั้นเหลือเกิน



ปี๊ด!

ตุ้ม!

เสียงบีบแตรดังขึ้นคุณพ่อของฟองฝนตกใจกับรถที่ขับย้อนศรมา ก่อนจะหักพวงมาลัยชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่

เกิดควันโขมงไปทั่วบริเวณคุณพ่อและคุณแม่ที่นั่งอยู่ข้างหน้านั้นไม่ได้สติ มีแต่ฟองฝนที่ยังคงรู้สึกตัวอยู่

“แม่...พ่อ...” มีเพียงเสียงของหญิงสาวเรียกเสียงแผ่ว

“...” ไม่มีเสียงตอบรับจากทั้งสอง

“พี่อากาศ...” หญิงสาวร้องเรียกชายหนุ่มที่เธอรักก่อนจะหมดลมหายใจ

.

.

.

ช่วงเย็นของทุก ๆ วัน คุณแม่ของอากาศมักจะเปิดรายการข่าวในทีวีไว้ระหว่างทำอาหารเย็น วันนี้ก็เป็นดั่งเคยเหมือนทุก ๆ วัน

“วันนี้แม่ทำกับข้าวเป็นกะเพราไก่นะ มีใครอยากทานอะไรเพิ่มอีกไหม?” คุณแม่พูดขึ้น

“ไม่มีแล้วครับ” อากาศพูดขึ้น

“โอเคค่ะ”

‘เมื่อเวลา 15.00 นาฬิกาของวันนี้ ได้เกิดอุบัติเหตุรถชนกับรถบรรทุกจนเสียหลักชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ระหว่างทางเข้าเมือง เสียชีวิตยกคัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ในการว่าเป็นครอบครัวหนึ่งที่คาดว่ากำลังเดินทางกลับบ้าน’

[Akat’ s part]

ผมนั่งวาดรูปในไอแพดระหว่างที่รอทานอาหารเย็นกับคุณพ่อคุณแม่ ระหว่างนั้นผมก็ฟังข่าวไปด้วย ทุกครั้งผมจะสวมใส่หูฟังแต่วันนี้ผมไม่ได้ใส่หูฟัง หลังจากได้ยินการรายงานข่าว ใจของผมรู้สึกไม่ดี รู้สึกหน่วง ๆ อย่างบอกไม่ถูก ผมละสายตาจากสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ก่อนจะมองไปยังโทรทัศน์ที่เปิดข่าว และเบิกตากว้างเมื่อเห็นป้ายทะเบียนรถที่คุ้นเคย คนอื่นอาจจะไม่ทันสังเกตแต่ผมจำมันได้

“คุณแม่ครับ ออกมาดูข่าวนี่เร็วครับ” กว่าจะเรียกสติกลับมาได้ก็ใช้เวลาไปสักพัก ก่อนจะเรียกคุณแม่ที่อยู่ในครัวให้ออกมา

“ข่าวอะไรกันคะลูก” 'แม่ของเขาพูดขึ้นพร้อมออกมาตามคำเรียกของลูก

“นั่นมันรถของน้าเมย์ไหมครับ” ชายหนุ่มถามแม่ของเขา

“ไหนคะ? แม่ไม่มั่นใจเลย แต่นี่ก็เย็นมากแล้วนะ บ้านนั้นก็ยังไม่กลับ ลูกลองโทรหาลองหน่อยสิ”

“ได้ครับ” พูดจบชายหนุ่มก็รีบโทรหาฟองฝนทันที

ติด!

ระหว่างที่รอสายผมก็ภาวนาให้น้องรับสายนี่เสียที

ติด!

“เป็นไงบ้างลูก?” คุณแม่ถามขึ้น

เขาส่ายหัวตอบกลับไป

“ฮัลโหลค่ะ” ไม่ทันไรก็มีเสียงจากปลายสายพูดขึ้น

“ฟองฝน!” ชายหนุ่มรีบพูดทันที

“เอ่อ…ไม่ทราบเป็นอะไรกับ ผู้เสียชีวิต คะ?”

ผู้เสียชีวิต หลังจากที่ได้ยินคำนี้ผมพูดไม่ออกเลย มันหมายความว่าอย่างไร ผมละโทรศัพท์จากหูก่อนจะดูว่าปลายสายนั่นเป็นใคร ก็ถูกแล้วนี่ ผมโทรหาฟองฝน

“หมายความว่าอย่างไรครับ?” ชายหนุ่มตั้งสติก่อนจะถามกลับไป

“ดิฉันเป็นเจ้าหน้าที่ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุค่ะ เห็นว่ามือถือของผู้เสียชีวิตดังขึ้นเลยรับเผื่อเป็นญาติค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นญาติของผู้เสียชีวิตหรือเปล่าคะ?”

“น้องว่าไงบ้างคะลูก? ทำไมเงียบละคะ? มาเดี๋ยวแม่คุยเอง” คุณแม่ของชายถือวิสาสะหยิบมือถือจากมือของลูกชาย

“ฮัลโหลค่ะ หนูฟองฝน”

“สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในที่เกิดเหตุไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับผู้เสียชีวิตคะ?”

คุณแม่ของชายหนุ่มเงียบไปสักพักก่อนจะเบิกตากว้าง “เป็นเพื่อนบ้านค่ะ” ก่อนจะตอบกลับไป

“เขาว่าอย่างไรบ้างครับคุณแม่ ทำไมถึงไม่ได้น้องฝนที่รับสาย” ชายหนุ่มรีบถามทันทีที่คุณแม่วางสาย

คุณแม่ของชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะพูดออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา “น้องกลับครอบครัวเสียชีวิตแล้ว”

“ไม่จริงครับ”

“จริงลูก”

“…”

“นั่นลูกจะไปไหน!” คุณของชายหนุ่มตะโกนถามออกไปเมื่อเห็นว่าลูกชายของตัวเอง

“ไปหาน้องครับ!” พูดจบก็ขี่รถจักรยานยนต์ไปออก

ด้วยความที่รีบร้อนขี่รถออกไปและสภาพจิตใจที่ไม่คงที่จึงไม่ได้มีสมาธิกับการขี่รถสักเท่าไหร่ ด้วยจิตใจที่ล่องลอยจึงไม่ทันได้ระวัง

อี๊ด!

เสียงเบรก

ตุ้ม!

[Akat’ s part]

หลังจากที่คุณแม่พูดจบผมก็ไม่สามารถรับรู้จะอะไรได้อีกแล้ว หัวสมองขาวโพลน กว่าจะรู้ตัวเองอีกทีก็ตอนที่คุณแม่ถามว่าผมจะไปไหน ต้องยอมรับเลยว่าไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมคว้ากุญแจรถและขับออกไปรู้แค่ว่าผมต้องเห็นด้วยตาของตัวเองเท่านั้น แต่ยังไม่ทันขับไปไหนไกลก็ต้องเกิดเหตุไม่คาดคิดเมื่อมีรถจักรยานอีกคันขับย้อนศรด้วยความเร็วจนผมเองก็ตกใจและหักหลบ

[Akat’ s part end]

“ฟองฝน…” เป็นสิ่งสุดท้ายที่นึกถึงก่อนที่ชายหนุ่มจะหมดสติไป