กุหลาบงามย่อมมีหนามคม สตรีงามย่อมมีพิษสงเช่นกัน

อสรพิษเรือนบุปผา - ตอนที่ 3 เติมคลังสมุนไพร โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว,อสรพิษน้อยผิงผิง,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

อสรพิษเรือนบุปผา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อสรพิษน้อยผิงผิง,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่

รายละเอียด

อสรพิษเรือนบุปผา โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

กุหลาบงามย่อมมีหนามคม สตรีงามย่อมมีพิษสงเช่นกัน

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

การเกิดใหม่โดยที่มีความทรงจำในชาติก่อนๆ ติดตัวมาจะว่าเป็นเรื่องดีมันก็ดีจะว่าไม่ดีมันก็ไม่ดีแต่เหรินเซียนน้อยอย่างถานผิงอันจะเลือกอะไรได้เมื่อเหตุผลที่ตัวนางต้องถูกส่งให้มาเวียนว่ายตายเกิดบนโลกมนุษย์นั้นเป็นการบำเพ็ญเพียรให้ผ่านด่านเคราะห์ตามบัญชาของสวรรค์

เมื่อเหรินเซียนน้อยรู้อยู่แก่ใจดีเช่นนี้แล้วนางจึงตั้งใจบำเพ็ญเพียรและสั่งสมความดีด้วยการช่วยเหลือผู้คนไปตามความสามารถที่ตนเองมีแต่ทำไมชาตินี้นอกจากจะเกิดแต่กับผิงผิงแล้วยังต้องมาเป็นตัวอันตรายในสายตาผู้คนแถมมีมารผจญโผล่มาในรูปแบบของว่าที่สามีอีกด้วย

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้

1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์

2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์

3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ

สารบัญ

อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 1 เก้าแก่เนี้ยคนงามแห่งร้านมวลบุปผา,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 2 กระพรวนหอมอันเลื่องชื่อ,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 3 เติมคลังสมุนไพร,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 4 แต้มชาด,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 5 หอสุราสราญใจ,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 6 ว่าด้วยเรื่องของสุรามงคล,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 7 เจรจาการค้า,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 8 กินง่ายอยู่ง่าย,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 9 ไม่ชอบหน้า,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 10 หาเรื่องใส่ตัว,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 11 การมาถึงของท่านยาย ปลดเหรียญอ่านฟรี 13 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 20 เมษายน 68,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 12 พิษกลืนวิญญาณ ปลดเหรียญอ่านฟรี 15 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 22 เมษายน 68,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 13 พักฟื้นร่างกาย ปลดเหรียญอ่านฟรี 16 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 23 เมษายน 68,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 14 พันแข้งพันขาเหมือนหมาตัวใหญ่ ปลดเหรียญอ่านฟรี 17 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 24 เมษายน 68

เนื้อหา

ตอนที่ 3 เติมคลังสมุนไพร

“เสี่ยวถิงดีจังที่เจ้ากลับมาพรุ่งนี้ข้าตั้งใจว่าจะเข้าป่าไปหาสมุนไพรพอดีเลยการทำกระพรวนหอมรอบนี้ข้าใช้สมุนไพรที่มีไปเสียแทบจะหมดคลัง” ถานผิงอันพูดกับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่กำลังเลื้อยพันอยู่รอบนิ้วเรียวของนางเจ้าสิ่งมีชีวิตที่มีชื่อว่าเสี่ยวถิงนั้นแท้จริงแล้วคืองูพิษขนาดเล็กที่ลำตัวของมันมีทั้งหมดสามสีคือขาว ดำ และแดงสลับกันนางดูแลมันมาตั้งแต่ตอนที่เพิ่งฟักออกจากไข่เมื่อหลายปีก่อนถ้าจำไม่ผิดในตอนนั้นถานผิงอันยังคงอาศัยอยู่กับท่านยายที่หุบเขาหมื่นพิษอยู่เลย

เจ้างูน้อยแสนจะรู้ความทำเสียงฟ่อเบาๆ ก่อนที่จะเลื้อยขึ้นไปอยู่บนแขนเล็กๆ ของเจ้านายอันเป็นที่รักโดยมีจุดหมายคือขึ้นไปนั่งกินลมชมวิวอยู่บนบ่าของถานผิงอันซึ่งเป็นที่ประจำในยามที่อยู่กันในเรือนส่วนเวลาที่ต้องออกไปข้างนอกเจ้างูน้อยจะไปพันเกี่ยวอยู่ที่ข้อเท้ามากกว่าเพราะที่ตรงนั้นไม่มีใครสามารถมองเห็นมันได้อย่างแน่นอน

และการที่มันหายตัวไปก่อนหน้านี้ก็เพราะว่าเสี่ยวถิงต้องการหาที่สงบและปลอดภัยในการลอกคราบด้วยงูที่ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดีจะลอกคราบเป็นประจำคล้ายกับการถอดเสื้อผ้าตัวเก่าที่คับตึงออก เจ้างูน้อยเสี่ยวถิงก็ยังคงทำเช่นนั้นอยู่สม่ำเสมอถึงแม้ว่าร่างกายของมันจะไม่ได้เติบโตขึ้นเลยก็ตามเคยเป็นงูจิ๋วเช่นไรก็ยังคงเป็นอยู่เช่นนั้นมาหลายปีแล้ว

สำหรับชาวเมืองแห่งนี้ที่มาที่ไปของถานผิงอันนั้นไม่ได้ปรากฏชัดเจนมากนักโดยผู้คนเข้าใจกันไปเองว่านางเป็นบุตรสาวของพ่อค้าธรรมดาๆ ที่ย้ายมาตั้งรกรากในเมืองหลวงแต่แท้ที่จริงแล้วสตรีผู้นี้เป็นถึงเจ้าสำนักน้อยแห่งสำนักหมื่นพิษที่ผู้คนไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวต่อกรมากที่สุดสำนักหนึ่งพอๆ กับการที่มีคนอยากเข้าไปครอบครองภูเขาหมื่นพิษของท่านยาย

ถานผิงอันเป็นหลานสาวและทายาทคนเดียวของถานเฟยเหนียงเจ้าสำนักหมื่นพิษคนปัจจุบันโดยดรุณีน้อยมีชะตาที่น่าเศร้านักเพราะนางสูญเสียบิดาไปตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้ลืมตาดูโลกอีกทั้งเมื่อแรกคลอดนางก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดด้วยเหตุที่ว่าคนที่มีสายเลือดตระกูลถานแห่งหุบเขาหมื่นพิษนั้นจะได้รับมรดกเป็นพิษที่อยู่ในร่างกายของมารดามาแต่จะมากจะน้อยก็แล้วแต่ลิขิตของสวรรค์

กับตัวนางนั้นแรกเกิดพิษที่ได้รับมาจากมารดามีปริมาณมากจนทำให้ร่างกายมีสีคล้ำ ริมฝีปากม่วงช้ำ นิ้วมือนิ้วเท้าทั้งยี่สิบนิ้วก็เขียวเสียจนม่วงคล้ายจะไม่รอดแต่เพียงแค่ถานผิงอันได้ดื่มนมจากอกของมารดาเป็นครั้งแรกนางกลับทั้งงับทั้งดูดอย่างรุนแรงจนถานเย่วเล่อถึงกับเลือดตกยางออก

ไม่น่าเชื่อว่าเพียงทารกน้อยแรกคลอดได้ดื่มน้ำนมที่มีเลือดของมารดาปะปนเข้าไปหลังจากนั้นเพียงแค่ครึ่งเค่อนางก็กลับมามีผิวกายแดงอมชมพูเนียนนุ่มเฉกเช่นทารกแรกเกิดที่มีสุขภาพดีทั่วไปนับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจเพราะไม่ใช่ว่าทารกทุกคนจะพบทางรอดชีวิตกันง่ายๆ เช่นนี้

อนิจจาชะตาชีวิตของถานผิงอันคล้ายจะยังบัดซบไม่พอหลังจากมารดาดูแลนางมาได้เพียงหนึ่งขวบปีนางก็จากไปด้วยเหตุไม่คาดฝันที่ผู้คนกลุ่มหนึ่งหมายปองความล้ำค่าของหุบเขาหมื่นพิษจึงหาทางลอบเข้ามาหาทางกำจัดท่านเจ้าสำนักแต่ก็เป็นมารดาของนางที่วิ่งเข้าไปรับคมดาบแทนตัวท่านยายจึงได้จบชีวิตลงไปในที่สุด

“พี่จูเตรียมรถม้าเตรียมคนให้ข้าด้วยนะเจ้าคะพรุ่งนี้เราเดินทางไปเข้าป่ากันข้าจะไปหาสมุนไพร” อันที่จริงโดยรอบเรือนของถานผิงอันก็มีพื้นที่กว้างขวางอีกทั้งนางยังปลูกทั้งสมุนไพรและดอกไม้เอาไว้มากมายแต่น่าเสียดายที่บางสิ่งบางอย่างนั้นต้องออกไปหาตามธรรมชาติเนื่องจากมีเงื่อนไขในการใช้งานตรงที่อายุของสมุนไพรหากไม่เก็บมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมมันก็จะไม่ให้ประสิทธิภาพที่เต็มที่และถึงจะปลูกสมุนไพรไว้มามาเพียงใดแต่การใช้ไปเป็นจำนวนมากในคราวเดียวอย่างไรมันก็มีไม่พอใช้จึงต้องไปเสาะหามาจากธรรมชาติ

“ถ้าเช่นนั้นคุณหนูก็ต้องกินข้าวเย็นเยอะๆ และนอนให้ไวสักหน่อยนะเจ้าคะวันนี้เหนื่อยมามากแล้ว” ถงจิ่นจูไม่ลืมต่อรองกับคุณหนูให้กินข้าวมื้อเย็นให้เยอะขึ้นสักหน่อยด้วยก่อนหน้านี้นางมัวแต่ควบคุมคนงานทำกระพรวนหอมจนกินนอนไม่เป็นเวลามาเสียนาน

“วันนี้ข้าอยากได้โกฐจุฬาลัมพา โกฐหัวบัว พิมเสนต้น ไม้กฤษณาให้มากหน่อยนะเจ้าคะเพราะอีกสองเดือนข้างหน้าจะผลิตถุงหอมไล่ยุงและถุงหอมสำหรับบุรุษออกขายจึงต้องเตรียมการล่วงหน้า แต่สมุนไพรอื่นๆ ยังเก็บได้เพียงแต่ระมัดระวังเก็บมาในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด”

เช้าวันเดินทางมุ่งหน้าไปยังป่าใหญ่ที่มีเขตติดต่อกับเมืองหลวงกินพื้นที่ไปถึงเมืองใกล้เคียงอีกสามเมืองด้วยกันถานผิงอันก็เรียกคนงานที่จะเดินทางไปกับนางมาพูดคุยและทำความเข้าใจกันก่อน

ครั้งนี้นางใช้คนงานถึงสิบคนในการเก็บสมุนไพรอีกทั้งยังมีผู้คุ้มกันที่มีฝีมือดีติดตามไปด้วยถึงห้าคนเพื่อช่วยอารักขาความปลอดภัยและอาจจะได้ล่าสัตว์ป่าติดไม้ติดมือกลับมาด้วย

ขบวนรถม้าถึงสามคันของสกุลถานที่มุ่งหน้าออกจากเมืองไปอย่างเป็นระเบียบไม่ได้ทำให้ชาวบ้านตื่นตกใจเพราะจะเห็นขบวนเดินทางเช่นนี้ทุกๆ หนึ่งหรือสองเดือนอยู่เป็นประจำด้วยสกุลถานค้าขายเครื่องประทินผิวและเครื่องหอมที่มีสมุนไพรเป็นส่วนผสมหลักก็ต้องเข้าป่าไปหาเก็บของป่ากันเป็นของธรรมดา

แม้ผืนป่าจะกว้างใหญ่แต่พื้นที่เฉพาะที่มีสมุนไพรแต่ละชนิดขึ้นอยู่ชุกชุมนั้นหากเคยเข้ามาหาหลายๆ ครั้งเข้าก็จะจำได้เองดังนั้นเมื่อรถม้ามาถึงบริเวณชายป่าแล้วคนงานและผู้คุ้มกันก็แบ่งกลุ่มแยกกันไปตามหน้าที่ฝั่งของถานผิงอันก็จะประกอบด้วยตัวนาง ถงจิ่นจูและคนขับรถม้าที่ควบตำแหน่งผู้คุ้มกันรวมไปถึงเสี่ยวถิงที่ตอนนี้เลื้อยเข้าไปอยู่ในอกเสื้อของนางแทนที่จะไปพันอยู่ที่ข้อเท้าเช่นเคยเนื่องจากวันนี้ถานผิงอันเลือกสวมชุดกางเกงออกมาทำงานเพื่อความคล่องตัวก็ค่อยๆ เดินไปยังจุดหมายของตัวเอง

อากาศวันนี้คล้ายจะเป็นใจให้ถานผิงอันยิ่งนักแม้ท้องฟ้าจะสดใสแต่ก็ไม่ได้มีแดดจ้าอีกทั้งเมื่อเข้าป่าลึกเข้ามาเรื่อยๆ ร่มไม้ที่สูงใหญ่ก็คล้ายกับทำหน้าที่เป็นร่มตามธรรมชาติช่วยกางบังความร้อนของดวงตะวันให้นางได้อีกชั้นหนึ่ง

“คุณหนูระวังด้วยนะเจ้าคะข้างหน้าคล้ายว่าจะเป็นดงเห็ดพิษ” เห็ดพิษที่พี่จูว่านั้นสามารถมองเห็นได้จากระยะไกลแต่ถึงแม้คนสนิทจะไม่เตือนให้ระวังพิษเล็กน้อยจากเห็ดพิษไม่สามารถทำอะไรถานผิงอันแม้แต่น้อยด้วยทั้งร่างกายของนางสามารถต้านพิษได้ทุกชนิดไม่ว่าจะมาจากพืชหรือว่าจากสัตว์

“พี่จูก็ระวังตัวให้มากด้วย” เพราะเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปหาสมุนไพรที่ต้องการนั้นไม่มีทางเลี่ยงนอกจากเดินลุยดงเห็ดพิษเข้าไปและถึงแม้ว่าคนของถานผิงอันจะไม่มีความสามารถต้านทานพิษได้ด้วยตัวเองแต่นางก็มียาที่ท่านยายสอนนางให้ปรุงมาตั้งแต่เด็กๆ ที่สามารถช่วยต้านพิษที่จะเข้าสู่ร่างกายพวกเขาได้ถึงหกชั่วยามถานผิงอันได้ให้พวกเขากินก่อนออกเดินทางมาแล้วทุกคนอีกทั้งยังให้พกติดตัวมาเผื่อฉุกเฉินอีกคนละสองเม็ดอีกด้วยเผื่อเอาไว้ว่าวันนี้จะออกจากป่ากันไม่ทัน

จะว่าไปแล้วเห็ดพิษพวกนี้นั้นก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียวอันที่จริงตัวมันเองก็มีสรรพคุณทางยาซ่อนอยู่แต่คนที่ปรุงจะต้องฆ่าพิษให้เป็นด้วยวิธีการมันทั้งยุ่งยากและซับซ้อน

“พี่จูข้าจะเก็บเห็ดพิษนี่ไปทำยาสักนิดนะเจ้าคะ” ถานผิงอันเพียงแค่บอกไม่ได้ขออนุญาตจากนั้นนางก็ล้วงถุงผ้าที่ทำพิเศษขึ้นมาสำหรับใส่พืชและสัตว์มีพิษโดยเฉพาะซึ่งแต่เดิมมันก็คือถุงผ้าฝ้ายธรรมดาๆ แต่ทว่านำไปต้มกับยาสมุนไพรสูตรลับที่ทำสืบต่อกันมาในครอบครัวสกุลถานไม่ต่ำกว่าสี่สิบแปดชั่วยามจะช่วยป้องกันไม่ให้พิษจากของที่ใส่เข้าไประเหยออกมาเป็นอันตรายหรือปนเปื้อนกับสิ่งอื่นได้เป็นอย่างดี

นอกจากเห็ดพิษแล้วถานผิงอันก็ยังหาสมุนไพรแปลกๆ ได้อีกหลายอย่างแต่นางก็ยังไม่ลืมวัตถุประสงค์ที่เข้าป่ามาหาสมุนไพรในวันนี้สายตาของนางจึงคอยสำรวจรายทางอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้ตนเองต้องพลาดสมุนไพรที่สำคัญไปแม้แต่ต้นเดียว

“เป็นโชคของข้ายิ่งนักที่ออกมาจากเมืองหลวงตั้งไกลแต่ก็ยังได้พบคุณหนูถานหากไม่เป็นเพราะชะตาฟ้าลิขิตแล้วจะเป็นอะไรไปได้” ใครจะไปคิดว่ากลางป่าเช่นนี้หม่าจื่อลู่จะมาพบเข้ากับถานผิงอันดรุณีน้อยผู้เป็นที่หมายปองของคุณชายครึ่งค่อนเมืองหลวงและแน่นอนว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่พยายามจะเข้าหานางมาเป็นปีๆ แต่ก็ได้รับแต่เพียงความเฉยชาตอบกลับมาซึ่งเรื่องนี้คุณชายหม่าก็พอจะเข้าใจได้ว่าจากอุปนิสัยและภาพลักษณ์ของตัวเองที่สร้างมาตั้งแต่แรกมันคงไม่มีมีสตรีที่เพียบพร้อมผู้ใดอยากจะมาคบหา

“ไม่คิดว่าจะพบคุณชายหม่าเช่นกันเจ้าค่ะ” ถานผิงอันทำความเคารพในฐานะที่เขาอาวุโสกว่าอีกทั้งยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของร้านมวลบุปผาของนางเลยก็ว่าได้ทุกครั้งที่มีการผลิตสินค้าใหม่ๆ ยอดคำสั่งซื้อของเขาจะพุ่งมาเป็นอันดับหนึ่งก็ไม่รู้ว่าจะซื้อไปทำไมเยอะแยะ

จะว่าไปแล้วมันจะบังเอิญอะไรกันตอนนี้เขาเข้ามาทักนางในยามที่คนคุ้มกันเพิ่งจะออกไปตักน้ำมาให้นางแก้กระหายเจ้าป่าเจ้าเขาดูจะเป็นใจให้เขามากเกินไปแล้ว

“ข้าก็เพียงเข้าป่ามาเก็บสมุนไพรร้านมวลบุปผาของคุณหนูถานใช้สมุนไพรผลิตเครื่องหอมและเครื่องประทินผิวทางโรงบ่มสุราสกุลหม่าของข้าก็ใช้สมุนไพรในการหมักเหล้าเช่นเดียวกันอันที่จริงข้าก็เข้าป่ามาตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะกลับออกมาจากร้านของเจ้าก็เตรียมตัวออกมาเลย” หม่าจื่อลู่พูดจาคล้ายกับว่าสนิทสนมกับถานผิงอันมานานปีทั้งที่จริงแล้วหลายปีนั้นมันเป็นแค่การรู้จักกันเพียงผิวเผินคำว่าสนิทสนมนั้นมันยังอีกห่างไกลอยู่มาก

“ข้าไปพบเจ้านี่มาด้วยนะคิดว่าเจ้าน่าจะชอบ” สิ่งที่คุณชายหม่าหยิบออกมาจากตะกร้าสะพายหลังที่อัดแน่นไปด้วยสมุนไพรของตนเองคือกล้วยไม้สีเลือดที่แม้จะไม่ได้เกิดในป่าลึกแต่ก็นับว่าหาพบได้ยากมากในรอบสิบปีหรือยี่สิบปีจะมีคนพบเห็นมันสักครั้งหนึ่งโดยกล้วยไม้ชนิดนี้นั้นจะมีกลีบดอกสีแดงเข้มไม่ต่างจากโลหิตแต่กลิ่นของมันกลับหอมหวานคล้ายคลึงกับกลิ่นน้ำผึ้งที่เวลาดอกบานเต็มที่และจะส่งกลิ่นหอมยาวนานนับเดือนนับว่าเป็นส่วนผสมของเครื่องหอมชั้นดีอย่างหนึ่ง

“กล้วยไม้สีเลือดข้าไปเจอหน่อของมันมาสามหน่อแบ่งให้เจ้าสองหน่อนะอีกหน่อหนึ่งข้าจะเอาไปให้ท่านแม่นางเองก็ชอบดอกไม้หอมเช่นกัน”

“ข้ารับเอาไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะของมีค่าขนาดนี้คุณชายเก็บไปฝากฮูหยินหม่าเถิดนะเจ้าคะ” คุณหนูถานเคยพบฮูหยินหม่าผู้เป็นมารดาของหม่าจื่อลู่หลายครั้งนางเป็นสตรีร่างเล็กที่คล่องแคล่วแต่ก็อ่อนหวานมากยามที่นางแย้มยิ้มหรือเปล่งเสียงหัวเราะยากนักที่ผู้ใดได้เห็นแล้วจะถอนสายตาออกมาได้ง่ายๆ

“รับไปเถิดอยู่กับเจ้ามันน่าจะทำประโยชน์ได้มากกว่าหากท่านแม่ปลูกก็เพียงชื่นชมความงามของดอกมันเท่านั้นแต่หากเป็นเจ้าที่ปลูกมันต่อไปในร้านอาจจะมีกระพรวนหอมกลิ่นใหม่ออกมาก็ได้ ข้าคงต้องขอตัวไปหาสมุนไพรต่อแล้วคุณหนูถานดูแลตัวเองด้วยนะขอรับ” บทจะไปคุณชายหม่าก็บอกลาแล้วสะกิดปลายเท้าดีดตัวเองขึ้นไปบนยอดไม้ที่สูงลิบโดยทิ้งไว้เพียงหน่อของต้นกล้วยไม้สีเลือดที่สมบูรณ์ไร้ที่ติจำนวนถึงสองหน่อให้ถานผิงอันเก็บเอาไปปลูกที่เรือนของตนเอง