กุหลาบงามย่อมมีหนามคม สตรีงามย่อมมีพิษสงเช่นกัน

อสรพิษเรือนบุปผา - ตอนที่ 4 แต้มชาด โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว,อสรพิษน้อยผิงผิง,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

อสรพิษเรือนบุปผา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อสรพิษน้อยผิงผิง,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่

รายละเอียด

อสรพิษเรือนบุปผา โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

กุหลาบงามย่อมมีหนามคม สตรีงามย่อมมีพิษสงเช่นกัน

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

การเกิดใหม่โดยที่มีความทรงจำในชาติก่อนๆ ติดตัวมาจะว่าเป็นเรื่องดีมันก็ดีจะว่าไม่ดีมันก็ไม่ดีแต่เหรินเซียนน้อยอย่างถานผิงอันจะเลือกอะไรได้เมื่อเหตุผลที่ตัวนางต้องถูกส่งให้มาเวียนว่ายตายเกิดบนโลกมนุษย์นั้นเป็นการบำเพ็ญเพียรให้ผ่านด่านเคราะห์ตามบัญชาของสวรรค์

เมื่อเหรินเซียนน้อยรู้อยู่แก่ใจดีเช่นนี้แล้วนางจึงตั้งใจบำเพ็ญเพียรและสั่งสมความดีด้วยการช่วยเหลือผู้คนไปตามความสามารถที่ตนเองมีแต่ทำไมชาตินี้นอกจากจะเกิดแต่กับผิงผิงแล้วยังต้องมาเป็นตัวอันตรายในสายตาผู้คนแถมมีมารผจญโผล่มาในรูปแบบของว่าที่สามีอีกด้วย

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้

1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์

2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์

3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ

สารบัญ

อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 1 เก้าแก่เนี้ยคนงามแห่งร้านมวลบุปผา,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 2 กระพรวนหอมอันเลื่องชื่อ,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 3 เติมคลังสมุนไพร,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 4 แต้มชาด,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 5 หอสุราสราญใจ,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 6 ว่าด้วยเรื่องของสุรามงคล,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 7 เจรจาการค้า,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 8 กินง่ายอยู่ง่าย,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 9 ไม่ชอบหน้า,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 10 หาเรื่องใส่ตัว,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 11 การมาถึงของท่านยาย ปลดเหรียญอ่านฟรี 13 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 20 เมษายน 68,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 12 พิษกลืนวิญญาณ ปลดเหรียญอ่านฟรี 15 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 22 เมษายน 68,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 13 พักฟื้นร่างกาย ปลดเหรียญอ่านฟรี 16 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 23 เมษายน 68,อสรพิษเรือนบุปผา-ตอนที่ 14 พันแข้งพันขาเหมือนหมาตัวใหญ่ ปลดเหรียญอ่านฟรี 17 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 24 เมษายน 68

เนื้อหา

ตอนที่ 4 แต้มชาด

หนึ่งในเครื่องประทินผิวที่ขายดีตลอดกาลของร้านมวลบุปผาอีกอย่างหนึ่งคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากชาดสำหรับทาปากและแก้มโดยในบางวันนางสามารถขายมันได้ถึงสามร้อยตลับเล่นเอาคนงานต่างพากันหัวหมุนกลัวจะผลิตสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของคุณหนูคนงามทั้งหลาย

และการที่ชาดของร้านได้รับความนิยมอย่างล้นหลามนั้นก็เพราะว่ามีความแตกต่างจากชาดของร้านเครื่องประทินผิวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเฉดสีที่มีหลากหลายมากกว่า กลิ่นหอมที่จรุงใจรวมไปถึงรูปแบบที่มีตั้งแต่ผงชาดแบบฝุ่น ผงชาดอัดแข็ง ผงชาดแบบเนื้อขี้ผึ้งและผงชาดแบบกระดาษซึ่งสิ่งที่ทำให้สินค้าเกิดความแตกต่างและหลากหลายทั้งหมดเลยก็คือการเกิดมาแล้วหลายภพหลายชาติของตัวถานผิงอันนั่นเอง

ชาดของทางร้านนั้นล้วนแต่ผลิตออกมาจากวัตถุดิบจากธรรมชาติล้วนๆ ถ้าเป็นดอกไม้ส่วนใหญ่ถานผิงอันจะเป็นคนปลูกไว้ที่เรือนของตนเองและพวกมันยังได้ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันทุกชั้นตอนทำให้สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานอย่างน้อยๆ ก็ครึ่งปีหากปฏิบัติตามคำแนะนำของทางร้านอย่างเคร่งครัด

สินค้าที่ซื้อจากร้านมวลบุปผาทุกๆ ชิ้นจะมีใบแนบวิธีการใช้ที่ถูกต้องพร้อมข้อห้ามไปให้เสมอซึ่งข้อนี้ลูกค้าประจำทราบดีว่าไม่ควรใช้นิ้วมือของตนเองล้วงเข้าไปในตลับชาดโดยตรงแต่ควรใช้ช้อนไม้ที่มีขนาดเล็กตักเนื้อชาดออกมาใช้งานหรือใช้แปรงขนละเอียดแตะชาดขึ้นมาใช้งานและควรทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้สัมผัสชาดอยู่เป็นประจำที่สำคัญคือต้องปิดฝาตลับชาดให้สนิททุกครั้งรวมถึงเก็บให้พ้นจากแสงแดด

เคยมีคุณหนูในห้องหอหลายคนเข้ามาถามว่าเหตุใดจึงต้องมีวิธีการวุ่นวายมากมายขนาดนี้ถานผิงอันจึงจัดการให้คนงานนำชาดแบบเดียวกันออกมาสองตลับโดยตลับแรกใช้นิ้วป้ายทาปกติและวางทิ้งๆ ขว้างๆ เอาไว้ส่วนอีกตลับจะใช้วิธีการที่ถูกต้องเก็บรักษาในลิ้นชักอย่างดีเพียงสิบห้าวันเท่านั้นตลับชาดที่ถูกคนงานใช้นิ้วจิ้มอยู่ทุกวันก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทั้งสีของชาดที่ซีดจางลงเล็กน้อยและเริ่มมีเชื้อราเกิดขึ้นด้วยเมื่อเห็นเช่นนั้นคุณหนูทั้งหลายก็เข้าใจและหมดข้อกังขาไปในทันที

“คุณหนูมีอะไรให้ข้าช่วยเหลือหรือไม่เจ้าคะ” วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ถานผิงอันแวะเข้ามาดูร้านเพราะนางว่างจากการปรุงเครื่องประทินผิวจึงอยากจะหาอะไรทำไม่คิดเลยว่าตอนที่มาถึงภายในร้านจะมีลูกค้าค่อนข้างมากจึงทำให้คนงานดูแลได้ไม่ทั่วถึงจนต้องออกโรงเอง

“ข้ากำลังอยากได้ชาดสักกับแป้งผัดหน้าสักตลับเจ้าค่ะแต่เลือกไม่ได้เลย” ลูกค้าเป็นคุณหนูน้อยที่น่าจะยังไม่พ้นพิธีปักปิ่นโดยถานผิงอันสังเกตเอาจากรูปร่างหน้าตาของนางที่ดูเยาว์วัยนักจึงไม่แปลกหากจะยังไม่ทราบว่ามีเครื่องประทินผิวชนิดใดที่เหมาะกับตนเองบ้างและไม่แปลงที่คุณหนูในวัยนี้จะสนใจเรื่องความสวยความงามพวกนางต้องดูแลตัวเองตั้งแต่อายุน้อยๆ กันอยู่แล้ว

“ข้ากำลังจะเขาพิธีปักปิ่นในเดือนหน้าจึงอยากมาซื้อหาเครื่องประทินผิวที่เหมาะสมกับตัวเองเพราะเคยได้ยินพี่สาวหลายๆ คนเล่าว่าที่ร้านมวลบุปผามีเครื่องประทินผิวมากมายให้เลือกข้าจึงตัดสินใจมาเลือกซื้อด้วยตนเองเจ้าค่ะ” แต่ต่อให้อยากให้มีคนพามาก็คงไม่มีเพียงเพราะฐานะของเด็กสาวเป็นเพียงบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาของพ่อค้าคนหนึ่งจึงไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรขนาดออกมานอกเรือนคุณหนูบุตรสาวอนุภรรยาเช่นนางยังไม่มีสาวรับใช้ติดตามมาเลยสักคน

“ถ้าเช่นนั้นไว้ใจให้ข้าจัดการได้เลยเจ้าค่ะ ข้าคือถานผิงอันเป็นเถ้าแก่เนี้ยของร้านมวลบุปผาแห่งนี้” เพราะถูกชะตากับเด็กสาวเถ้าแก่เนี้ยคนงามจึงยินดีช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ

“เถ้าแก่เนี้ยข้าเจิ้งซูจินเจ้าค่ะต้องรบกวนท่านแล้ว” สกุลเจิ้งนับว่าเป็นที่รู้จักในเมืองหลวงอยู่พอสมควรด้วยเป็นสกุลที่ทำการค้าแพรพรรณมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษอีกทั้งยังมีสาขาหลายสาขาเปิดอยู่กระจายทั่วเมืองหลวงแต่จะต่างกันออกไปที่แต่ละร้านเน้นขายสินค้ากันคนละแบบร้านใหญ่ที่สุดจะตั้งอยู่ในเมืองหลวงจะเน้นขายผ้าพับราคาสูงและเสื้อผ้าส่วนร้านอื่นๆ ก็จะขายเครื่องนอนบ้าง ขายผ้าปักหรือชุดสำเร็จรูปหรือบางร้านขายแต่ผ้าพับราคาย่อมเยาไม่ได้เน้นขายเสื้อผ้า

อาจจะเพราะถานผิงอันมีเวลาว่างมากเกินไปนางจึงแนะนำคุณหนูเจิ้งตั้งแต่ขั้นตอนแรกในการดูแลทำความสะอาดรักษาผิวหน้าเพราะหากถ้าแต่งหน้าแล้วนางจะทำความสะอาดเช่นที่เคยไม่ได้แล้วต้องเสียเวลาเอาใจใส่มากขึ้นเล็กน้อยในตอนแรกอาจจะยากสักนิดแต่เมื่อทำเป็นประจำแล้วก็จะชินไปเอง

“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยเจ้าค่ะว่าผิวหน้าผิวกายของสตรีต้องมีการบำรุงหลายขั้นตอนเช่นนี้ ที่ผ่านมาพวกพี่สาวก็พูดถึงแต่การตกแต่งใบหน้าแต่ไม่เคยเล่าเรื่องพวกนี้เลย” ได้ยินคุณหนูเจิ้งพูดแล้วก็แอบรู้สึกตงิดๆ ในใจหลังจากนางซื้อของเสร็จเถ้าแก่เนี้ยคนงามก็แทบจะลมออกหูเมื่อได้รู้ว่าที่เรือนสกุลเจิ้งปล่อยให้คุณหนูน้อยออกมานอกเรือนตามลำพังโดยไม่มีคนติดตามมาอีกทั้งยังปล่อยให้นางเดินเท้ามาคนเดียวซึ่งจากเรือนสกุลเจิ้งกับร้านของนางใช้เวลาเดินเท้าสองเค่อเห็นจะได้

“ข้าชินแล้วเจ้าค่ะอยากทำอะไรหรือว่าอยากได้อะไรก็ต้องทำด้วยตัวเองเช่นนี้เสมอท่านแม่ของข้าก็ไม่มีเวลาเท่าไหร่เพราะนางต้องดูแลร้านค้าของตัวเอง ท่านแม่ข้ามีร้านขายแพรพรรณเล็กๆ อยู่เจ้าค่ะนางเป็นช่างปักผ้าฝีมือดีที่ไม่อยากอยู่เฉยๆ หลังแต่งงานท่านพ่อจึงเปิดร้านเล็กๆ ให้ไม่ได้เป็นร้านของสกุลเจิ้งแต่อย่างใด” คนที่ทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยตัวเองมาตั้งแต่ยังเล็กไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นเป็นเรื่องแปลกแต่สำหรับคนฟังนั้นนางปล่อยให้เจิ้งซูจินกลับเรือนไปตามลำพังไม่ได้เป็นอันขาด

“ซูจินต่อจากนี้ไปพี่สาวขอห้ามมิให้เจ้าออกมาจากเรือนคนเดียวอีกต่อไปเข้าใจหรือไม่ยิ่งหลังจากปักปิ่นแล้วยิ่งห้ามทำโดยเด็ดขาดหากเจ้าอยากจะไปไหนมาไหนให้ส่งข่าวมาบอกแล้วพี่สาวคนนี้จะพาเจ้าไปเองไม่ต้องกลัว ขอทานน้อยละแวกร้านของมารดาเจ้าต่างรู้จักข้าทั้งนั้นฝากข่าวมากับพวกเขาได้เสมอ”

“พี่สาวใจดีกับข้าเหลือเกินเจ้าค่ะอันที่จริงข้ามีสาวใช้ประจำตัวอยู่นะเจ้าคะแต่ช่วงนี้ที่ร้านท่านแม่งานยุ่งมากนางจึงต้องไปช่วยงานที่ร้านแทนที่จะอยู่ดูแลข้า ตอนนี้ข้าคงต้องกลับแล้วเจ้าค่ะออกมานานแล้วกลัวท่านแม่จะเป็นห่วง”

“จะด้วยอะไรก็แล้วแต่สตรีไม่ควรจะออกมานอกเรือนตามลำพังถึงเจ้าจะระวังตัวมากแค่ไหนก็ใช่ว่าคนอื่นจะระวังกับเจ้าด้วยเสียที่ไหนเอาล่ะวันนี้พี่สาวจะไปส่งเจ้าเองวันนี้พี่ว่างมาก”

แล้วถานผิงอันก็นำรถม้าของตนเองออกไปส่งคุณหนูเจิ้งที่ร้านขายแพรพรรณของมารดาซึ่งทันทีที่บุตรสาวเข้าไปในร้านผู้เป็นมารดามิได้ตกใจอะไรเพียงแต่วางงานในมือเอาไว้แล้วออกมารับดรุณีน้อยด้วยความอบอุ่นแต่ทันทีที่สาวตาเหลือบมองเห็นถานผิงอันนางก็มีอาการตื่นตกใจคิดว่ามีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นกับบุตรสาว

“ท่านแม่อย่าได้ตกใจไปเจ้าค่ะพี่สาวผิงผิงมาส่งข้าเพราะเกรงว่าเดินทางกลับคนเดียวจะเป็นอันตรายไป วันนี้ข้าไปที่ร้านมวลบุปผาของพี่สาวมาได้เครื่องประทินผิวมากมายแถมพี่สาวยังใจดีสอนข้าใช้ทุกชิ้นเลยเจ้าค่ะ” เมื่อบุตรสาวเอ่ยเช่นนั้นมารดาก็เริ่มเพ่งพิศดวงหน้าเล็กๆ ของนางอย่างถ้วนถี่จนได้พบว่าวันนี้ซูจินตัวน้อยแต่งหน้าอย่างอ่อนบางหากไม่สังเกตก็จะมองไม่เห็นแต่ก็นับว่าทำให้ใบหน้าของนางงดงามโดดเด่นขึ้นหลายส่วน

“ข้าเป็นห่วงซูจินเจ้าค่ะแม้นางจะดูแลตัวเองได้แต่ข้าก็ยังไม่ไว้ใจคนอื่นอยู่ดีอีกทั้งนางยังเล่าว่ามารดามีฝีมือในการปักผ้ายิ่งนักข้าจึงอยากเดินทางมาดูด้วยตนเองเผื่อว่าจะได้ทำการค้าร่วมกันในอนาคต” อันที่จริงแล้วถานผิงอันมีช่างปักผ้าทำถุงหอมของตนเองอยู่แล้วแต่หากอยากได้กำลังผลิตที่มากขึ้นนางก็จำเป็นต้องหาร้านรับปักผ้าเพิ่มแล้วเจิ้งซูจินก็เข้ามาได้จังหวะพอดี

“ลำบากคุณหนูถานแล้วเจ้าค่ะช่วงนี้ที่ร้านข้ายุ่งมากเลยต้องพาคนของนางมาช่วยงานจนต้องทิ้งซูจินให้อยู่ที่เรือนคนเดียว” แน่นอนว่ามารดาของเจิ้งซูจินรู้จักชื่อเสียงและหน้าตาของถานผิงอันเป็นอย่างดีเพียงแต่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเท่านั้นเองและนางก็ไม่คาดคิดว่าบุตรสาวจะสนิทสนมกับคุณหนูถานถึงเพียงนี้

“ข้าเข้าใจดีเจ้าค่ะและไม่ได้เป็นเรื่องที่รบกวนอะไรวันนี้ข้าค่อนข้างว่างด้วยจึงสนทนากับซูจินเสียนาน” โดยพื้นฐานแล้วถานผิงอันไม่ใช่คนที่ชอบตัดสินผู้คนนางเข้าใจดีว่าแต่ละบ้านแต่ละเรือนย่อมมีความซับซ้อนของความสัมพันธ์และเรื่องนั้นนางจะไม่เข้าไปแตะต้องแต่ที่นางช่วยเหลือเจิ้งซูจินเพราะเอ็นดูเด็กสาวจากใจจริงเท่านั้นเอง

ถานผิงอันสนทนากับสองแม่ลูกอยู่พักใหญ่ซึ่งนอกจากจะได้พูดคุยเรื่องการค้าร่วมกันในอนาคตแบบคร่าวๆ แล้วในงานวันพิธีปักปิ่นของเจิ้งซูจินนั้นมารดาของนางสัญญาว่าจะนำเทียบเชิญไปส่งให้คุณหนูถานด้วยตัวเอง

ภาพที่รถม้าของสกุลถานไปจอดอยู่ที่หน้าร้านแพรพรรณของอนุภรรยานายท่านสกุลเจิ้งนานสองนานทำเอาผู้คนต่างพูดคุยกันไปทั่วด้วยคุณหนูถานผิงอันนั้นใช่ว่าจะคบหากับใครง่ายๆ เรื่องที่นางพูดคุยกับเจิ้งซูจินอย่างเป็นกันเองตลอดเวลาที่อยู่ในร้านมวลบุปผาไปจนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านแพรพรรณทำเอาชาวบ้านกินแตงทั้งหลายพากันปะติดปะต่อเรื่องราวกันไปเองเป็นที่สนุกสนาน

“เสี่ยวถิงเจ้าว่าน้องสาวซูจินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าคิดว่านางเป็นเด็กสาวที่น่าเอ็นดูไม่น้อยนะ” ในรถม้าถานผิงอันนั่งพูดคุยกับเจ้างูน้อยของตัวเองอย่างจริงจังเพราะเสี่ยวถิงนี่แหละที่เป็นตัวกรองผู้คนชั้นดีให้นางมาโดยตลอดในเวลาที่ได้พบเจอคนที่ไม่น่าไว้ใจหรือไม่น่าคบเสี่ยวถิงก็จะแสดงอาการออกมาอย่างเด่นชัดไม่ว่าจะเอาตัวรัดข้อเท้านางจนแน่นหรือบางครั้งก็ถึงกับกัดนางเบาๆ เลยก็มี

หัวเล็กๆ สีดำที่ปกคลุมด้วยเกล็ดมันเลื่อมสะอาดตาถูไถไปตามนิ้วเรียวแสดงกิริยาออดอ้อนเพียงเท่านี้ถานผิงอันก็ได้คำตอบของคำถามเมื่อสักครู่แล้ว

“คุณหนูเจิ้งยังเยาว์วัยนักเจ้าค่ะนางจึงมีความน่ารักสดใสอยู่เต็มเปี่ยมอีกทั้งแววตานางก็มีแต่ความจริงใจไม่ต่างจากมารดาการได้คบหาจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องเสียหายข้าว่าในอนาคตอาจจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นก็ได้เจ้าค่ะ” ถงจิ่นจูก็เป็นอีกหนึ่งคนที่มองผู้คนขาดนักเมื่อสองคนใกล้ตัวของถานผิงอันเอ่ยปากมาแบบนี้นางก็ตัดสินใจแล้วว่าจะคบหาคุณหนูจากสกุลเจิ้งต่อไป

ถานผิงอันค่อนข้างพิถีพิถันในการคบคนหรือว่าสหายด้วยนางเป็นคนที่มาจากหุบเขาหมื่นพิษอันเป็นสถานที่ลึกลับที่ยังไม่เปิดรับบุคคลจากภายนอกและนางก็ไม่ต้องการให้คนรอบตัวมาเที่ยวสืบค้นความเป็นมาเป็นไปของตนเองไม่ใช่เพราะต้องการปกปิดตัวตนแต่นางระอาที่จะต้องทนกับสายตาทั้งเหยียดหยามและมีแต่คำถามเพราะความคิดของคนส่วนใหญ่ที่มีต่อคนจากหุบเขาหมื่นพิษยังคิดว่าพวกเราเป็นพวกคนนอกรีตอยู่เลยทั้งๆ ที่พวกเราก็ใช้ชีวิตไม่ต่างจากคนทั่วไปในแผ่นดินนี้

โดยหารู้ไม่ว่าเหตุผลแท้จริงที่คนจากหุบเขาหมื่นพิษพยายามปกปิดตัวตนไม่ให้คนทั่วไปรู้ความเป็นไปและอยู่ห่างๆ จากผู้คนเพียงเพราะพวกเราไม่อยากให้พิษในร่างกายตัวเองทำอันตรายผู้อื่นโดยที่ไม่รู้ตัวต่างหากเล่าด้วยวิถีชีวิตที่พวกเราต้องคลุกคลีอยู่กับพิษมากน้อยแทบจะตลอดเวลาบางครั้งมันจึงมีละอองพิษติดตัวมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจเมื่อไปพบผู้อื่นก็อาจจำทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้การอย่าห่างเอาไว้ตั้งแต่แรกจึงเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด