เพื่อนที่ไม่ได้พบกันเนิ่นนาน... วันที่หวนกลับมาอีกครั้ง อาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เรื่องสั้น,วรรณกรรมเยาวชน,เรื่องสั้น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เมื่อกลางวันล่วงเลยและราตรีไม่เคยกลับมาเพื่อนที่ไม่ได้พบกันเนิ่นนาน... วันที่หวนกลับมาอีกครั้ง อาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
คุณเคยมีเพื่อนที่ไม่เจอกันนานหรือไม่ แล้วคิดถึงเขาจนอยากตามหาไหม
วันนี้เป็นวันที่ผมได้มือถือแล้ว ผมไม่รู้ว่ามันใช้ยังไง รู้แค่ว่าต้องกดหมายเลขสิบตัวถึงจะโทรได้ ส่วนนี่คือกล้อง ผมไม่ลืมจะถ่ายรูปตัวเอง รูปแรกของเครื่องจะได้เก็บไว้ให้ไนท์ดู รูปสองคือดอกไม้ สามคือแมว หมา นก ร้านกาแฟ คุณป้าร้านขายของ รูปที่สิบเจ็ดคือผมเองอีกครั้ง ผมตื่นเต้นมาก รอไม่ไหวที่จะได้คุยกับไนท์ จดหมายของเขาจะถึงตอนไหนนะอีกวันหรือสองวัน ผมคงต้องขยันดูตู้จดหมายหน้าบ้าน
วันจันทร์ไม่มีจดหมาย
วันอังคารไม่มี
วันพุธก็ไม่มี
.
.
วันอาทิตย์ไม่มีจดหมาย
เกิดอะไรขึ้นกับไนท์หรือเปล่า ผ่านมาก็หนึ่งสัปดาห์แล้ว เขาไม่เคยไม่ส่งจดหมายนานขนาดนี้ หมีพูห์ที่บ้านผมคงเหงานอนรอเจ้าของใหม่จนเก้อ จังหวะนั้นหางตาผมเห็นบุรุษไปรษณีย์มาหยอดตู้ ในที่สุด สิ่งที่ผมรอมานาน ไม่พูดพร่ำทำเพลงผมรีบวิ่งไปอ่านจดหมายตรงหน้าบ้าน
เราขอโทษ
ใจผมหล่นวูบลงพื้น อะไรกัน ผมรอมาทั้งสัปดาห์เนื้อความมีแค่นี้ เราทะเลาะกันเหรอ ก็น่าจะไม่ ผมรู้จักเขามาตั้งแต่เด็กอันนี้ไม่ปกติ ต้องรีบทำอะไรสักอย่าง ผมดึงหัวใจตัวเองกลับมาที่เดิม แล้วไปหยิบหมีพูห์พร้อมเงินทั้งหมด 2850 บาท เผื่อฉุกเฉิน จากนั้นรีบขึ้นรถเมล์รอบสุดท้ายตอนห้าโมงเย็น ผมรู้ว่าสักวันจะต้องไปบ้านเขา แต่ที่วางแผนไว้คือหลังปัจฉิม เพราะเงินออกพอดี ไม่คิดว่าจะต้องไปเร็วขนาดนี้ เงินเก็บล่าสุดก็พึ่งหมดไปกับโทรศัพท์
“บ้านเลขที่ 42/4 หลังนั้นไง”
ผมรีบวิ่งไปกดกริ่ง ไม่มีใครตอบรับ
“ไนท์! อยู่มั้ย น้านิดครับ ผมมาหา”
ผมกดย้ำ ๆ ตะโกนถาม
“ไม่มีใครอยู่หรอก หนูเอ๊ย บ้านนั้นเขาพึ่งย้ายไปสองสามวันก่อน”
เป็นคุณลุงคนหนึ่งที่ค่อนข้างมีอายุอยู่ถัดจากบ้านหลังนี้ เขายืนหลังธรณีประตูตะโกน พร้อมกวักมือเรียก
“เจ้านิดมันบอกลุงว่าน่าจะมีเด็กคนหนึ่งมายืนเรียกแบบนี้แหละ มาพักบ้านนี้มา นิดมันฝากให้ฉันดูแลหนูน่ะ”
ผมรู้สึกเศร้าอีกครั้ง รอบนี้เจ็บแปล๊บที่หน้าอกด้วย พูดอะไรไม่ออก จะมาหาคนที่สำหรับผมแล้วเรียกได้เต็มปากว่าเป็นเพื่อน เป็นครอบครัว เป็นคนที่ผมชอบ เป็นเพียงไม่กี่คนที่ผมรู้จัก ทว่ากลับต้องจำใจอยู่กับใครไม่รู้เพียงเพราะไม่มีที่พักและกลับบ้านไม่ได้ตั้งหนึ่งคืน
“กินอะไรก่อนไหม”
“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรดีกว่า ผมกินอะไรไม่ลงหรอก ว่าแต่คุณลุงรู้เบอร์ติดต่อเขาไหมครับ แล้วคุณลุงว่าเขาย้ายไปไหนกันเหรอครับ”
"ไม่รู้เหมือนกันสิ เจ้านิดบอกแค่ว่าจะไปพะเยา ส่วนเบอร์ ลุงไม่ได้ขอไว้เพราะเจอหน้ากันทุกวัน ไม่คิดว่าอยู่ ๆ เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เอ- วันก่อนก็พึ่งเห็นหาเสียงกันไป วันต่อมาก็ย้ายออกไปแล้ว เสียดายว่าจะเลือกสักหน่อย"
ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้ายังไงอยู่ตอนเผลอสบตา คุณลุงมองผมแล้วเงียบไป ผมจึงเลื่อนตาต่ำลง ไม่กล้าสบตาตอบ
"เอาเถอะ ถ้าหิวในครัวมีผลไม้นะ ดึก ๆ ก็กินได้ ส่วนห้องนอนอยู่นู่น ลุงจะไปแล้วคนแก่ง่วงเร็ว นอนเช้า ๆ ล่ะ ไม่ต้องคิดมากหรอก ฝันดีนะหนู”
วันอันสงบสุขของผมหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน