ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา มีตำนานเล่าขานถึง "หญิงสาวในชุดขาว" ที่มักปรากฏตัวในคืนที่มีหมอกหนาทึบ ชาวบ้านเชื่อว่าเธอคือวิญญาณของหญิงสาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อหลายสิบปีก่อน ไม่มีใครรู้ว่าเธอตายหรือยังมีชีวิตอยู่
ระทึกขวัญ,ลึกลับ,สืบสวนสอบสวน,เล่าประสบการณ์,อื่นๆ,ผี,ผีหลอก,ผีไทย,ลึกลับ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หญิงสาวในชุดขาวที่หายตัวอย่างลึกลับในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา มีตำนานเล่าขานถึง "หญิงสาวในชุดขาว" ที่มักปรากฏตัวในคืนที่มีหมอกหนาทึบ ชาวบ้านเชื่อว่าเธอคือวิญญาณของหญิงสาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อหลายสิบปีก่อน ไม่มีใครรู้ว่าเธอตายหรือยังมีชีวิตอยู่
ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา มีตำนานเล่าขานถึง "หญิงสาวในชุดขาว" ที่มักปรากฏตัวในคืนที่มีหมอกหนาทึบ ชาวบ้านเชื่อว่าเธอคือวิญญาณของหญิงสาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อหลายสิบปีก่อน ไม่มีใครรู้ว่าเธอตายหรือยังมีชีวิตอยู่ แต่ทุกครั้งที่หมอกลง ค่ำคืนนั้นจะเงียบสงัดผิดปกติ และบางครั้งก็มีเสียงร้องไห้เบาๆ ดังลอยมากับสายลม
"ลุง... ผมไม่อยากตาย" เอกพูดด้วยน้ำตา ลุงชัยกัดฟันแน่น "เราจะไม่ตายที่นี่" เขาดึงเอกลุกขึ้นแล้วพยายามเดินต่อ แต่ยิ่งเดิน พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าร่างในชุดขาวอยู่ใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด ลุงชัยสัมผัสได้ถึงลมหายใจเย็นๆ ที่เป่าผ่านต้นคอ เขาหันกลับไป แต่สิ่งที่เห็นไม่ใช่แค่หญิงสาวคนเดียว มีเงารางๆ อีกหลายร่างยืนเรียงกันอยู่ในหมอก ดวงตาทุกคู่จ้องมาที่เขากับเอก พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจหยุดเต้น
เช้าวันต่อมา ชาวบ้านพบปืนลูกซองของลุงชัยวางอยู่ที่ริมป่า ข้างๆ กับไฟฉายที่ยังเปิดค้างอยู่ แต่ไม่มีร่องรอยของลุงชัย เอก ต้น หรือโจ้เลย ตำนานของหญิงสาวในชุดขาวเริ่มขยายออกไป ไม่ใช่แค่วิญญาณเดียว แต่เป็นฝูงวิญญาณที่รอคอยเหยื่อในหมอก และทุกครั้งที่หมอกลงหนา ชาวบ้านจะปิดประตูแน่น ภาวนาไม่ให้ได้ยินเสียงกระซิบที่ลอยมาพร้อมสายลม
หลังจากการหายตัวไปของลุงชัยและกลุ่มของเขา ชาวบ้านในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้เริ่มตื่นตระหนกอย่างจริงจัง บางครอบครัวเก็บข้าวของเตรียมย้ายออกไป แต่ส่วนใหญ่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอยู่ต่อ เพราะหมู่บ้านนี้คือบ้านเกิดของพวกเขา และการเดินทางออกจากหุบเขาที่ล้อมรอบด้วยป่าทึบไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อหมอกเริ่มกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนหวาดกลัวราวกับมันมีชีวิต
ยายทองที่สูญเสียทั้งหลานชายและความหวัง ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อน เธอจะไปขอคำตอบจาก "ป้าสาย" หญิงชราลึกลับที่อาศัยอยู่ในกระท่อมเก่าๆ ริมหมู่บ้าน ป้าสายเป็นคนที่ชาวบ้านทั้งรักและกลัว เธอเคยเป็นหมอยาสมุนไพรที่มีชื่อเสียง แต่หลังจากสามีและลูกสาวของเธอหายตัวไปในป่าหลายสิบปีก่อน เธอก็เปลี่ยนไป เก็บตัวเงียบ ไม่พูดกับใคร และบางครั้งก็ถูกกล่าวหาว่าเป็น "หมอผี" ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งลี้ลับในป่า
ยายทอง เคาะประตูกระท่อมของป้าสายในเช้าวันที่อากาศเย็นยะเยือก หมอกยังคงลอยต่ำปกคลุมพื้นดินราวกับผ้าห่มสีขาวสกปรก ประตูไม้เก่าๆ เปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นป้าสาย หญิงชราผอมแห้ง ผมขาวโพลนยุ่งเหยิง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่นลึก ดวงตาของเธอขุ่นมัวเหมือนคนที่มองไม่เห็น แต่ยายทองรู้ดีว่าเธอมองเห็นทุกอย่างชัดเจน
"ฉันรู้ว่าแกมาทำไม" ป้าสายพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าโดยไม่รอให้ยายทองเอ่ยปาก "หลานแกหายไป... และคนของชัยด้วย" ยายทองพยักหน้า น้ำตาคลอ "ช่วยฉันด้วยสาย ฉันไม่เหลือใครแล้ว บอกฉันทีว่ามันคืออะไรกันแน่" ป้าสายนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องไม้เก่าที่วางอยู่บนหิ้ง เธอเปิดกล่องออก เผยให้เห็นสมุดบันทึกเล่มเล็กที่กระดาษเหลืองกรอบ และสร้อยคอเส้นบางที่มีจี้รูปดอกไม้สีเงิน
"นี่คือของลูกสาวฉัน... อร" ป้าสายพูดช้าๆ "มันเริ่มจากเธอ" เธอนั่งลงแล้วเริ่มเล่าเรื่องราวที่ไม่มีใครในหมู่บ้านเคยได้ยินเต็มๆ เมื่อสี่สิบปีก่อน อร ลูกสาวของป้าสาย เป็นเด็กสาวที่สวยงามและใจดี เธอชอบเข้าไปเก็บสมุนไพรในป่ากับพ่อของเธอ แต่คืนหนึ่งที่หมอกลงหนักผิดปกติ อรและพ่อของเธอไม่กลับมา ป้าสายรออยู่หลายวันจนทนไม่ไหว เธอเข้าไปตามหาด้วยตัวเอง และสิ่งที่เธอพบคือร่างของสามีที่นอนแน่นิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างลำธาร ร่างของเขาถูกโคลนกลบครึ่งตัว ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความกลัว แต่ของอร... ไม่มีร่องรอยเลย
ตั้งแต่นั้นมา ป้าสายเริ่มได้ยินเสียงกระซิบในคืนที่หมอกลง "ช่วยฉัน... ตามฉันมา..." เสียงนั้นเหมือนของอรทุกประการ เธอเคยพยายามตามหา แต่ยิ่งลึกเข้าไปในป่า เธอก็ยิ่งเห็นเงารางๆ ของคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อร ผู้คนที่หายตัวไปก่อนหน้านั้น บางคนเป็นคนงานป่า บางคนเป็นเด็กที่หลงทาง และทุกคนมีดวงตาว่างเปล่าเหมือนกันหมด ป้าสายหนีกลับมาได้หวุดหวิด แต่เธอรู้ว่า อรไม่ได้ตาย เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของ "สิ่งนั้น" ที่อยู่ในหมอก
"มันไม่ใช่แค่วิญญาณ" ป้าสายพูดด้วยน้ำเสียงสั่น "มันคือคำสาป... คำสาปที่เกิดจากความโกรธและความสิ้นหวัง อรไม่ได้อยากทำร้ายใคร แต่มันควบคุมเธอ" เธอหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาเปิดให้ยายทองดู ภายในเต็มไปด้วยตัวอักษรที่เขียนด้วยลายมือสั่นๆ บันทึกของอรในวันสุดท้ายที่เธอเข้าไปในป่า เธอเขียนว่าได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากลึกในป่า และเห็นบ่อน้ำเก่าๆ ที่มีกลิ่นเหม็นเน่าคล้ายซากศพ เธอเข้าไปใกล้บ่อนั้น... และนั่นคือจุดที่บันทึกหยุดลง
ยายทองฟังจนจบ มือสั่นเทา "แล้วฉันจะช่วยกานต์ได้ยังไง" เธอถาม ป้าสายมองลึกเข้าไปในดวงตาของยายทอง "แกต้องไปที่บ่อน้ำนั่น... และทำลายมัน แต่ระวังไว้ ถ้าแกอ่อนแอเกินไป แกจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมันเหมือนคนอื่น ๆ" เธอยื่นสร้อยคอของอรให้ยายทอง "เอานี่ไป มันอาจช่วยแกได้"
คืนนั้น ยายทองตัดสินใจออกเดินทางไปที่ป่าเพียงลำพัง เธอพกไฟฉาย มีดเล็กๆ และสร้อยคอของอร หมอกหนาทึบกว่าทุกคืนที่ผ่านมา ลมพัดเย็นจนแทบจะแข็ง เธอเดินตามความทรงจำที่ป้าสายเล่า ลำธาร ต้นไม้ใหญ่ และบ่อน้ำเก่า เมื่อถึงลำธาร เธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังจากด้านหลัง แต่เธอไม่หันไปมอง เธอรู้ว่าถ้าเธอหันไป เธออาจไม่มีโอกาสไปต่อ
ในที่สุด เธอก็ถึงบ่อน้ำนั้น มันเป็นหลุมลึกที่ซ่อนอยู่ใต้รากไม้ใหญ่ น้ำในบ่อขุ่นดำและส่งกลิ่นเหม็นเน่าจนแทบอาเจียน ขอบบ่อเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนราวกับมีคนพยายามปีนออกมา ยายทองกำสร้อยคอแน่น แล้วตะโกนออกไป "กานต์! ถ้าหลานยังอยู่ที่นี่ ออกมาหายายเดี๋ยวนี้!" เสียงของเธอสะท้อนอยู่ในป่า แต่ไม่มีคำตอบ มีเพียงเงารางๆ ที่เริ่มปรากฎขึ้นรอบบ่อ หญิงสาวในชุดขาว, ลุงชัย, เอก, ต้น, โจ้ และ... กานต์
ใบหน้าของกานต์ซีดเผือด ดวงตาว่างเปล่า เขายื่นมือมาทางยายทอง "ช่วยฉัน... ตามฉันมา..." เสียงของเขาดังพร้อมกับเงาอื่น ๆ ราวกับเป็นคณะประสานเสียงแห่งความตาย ยายทองรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ดึงเธอให้เข้าไปใกล้บ่อ เธอเกือบจะก้าวลงไป แต่แล้วเธอก็ยกสร้อยคอของอรขึ้นสูง "อร! ถ้าเจ้าจะสาปใคร สาปฉันแทนลูกหลานฉันเถอะ!" เธอตะโกนสุดเสียง แล้วโยนสร้อยลงไปในบ่อ
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องดังก้องจากบ่อน้ำ น้ำดำเดือดปุดๆ ราวกับถูกต้ม เงาทั้งหมดรอบบ่อเริ่มบิดเบี้ยวและละลายหายไปทีละร่าง หญิงสาวในชุดขาวร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ร่างของเธอจะแตกสลายเป็นฝุ่นผงลอยไปกับหมอก บ่อน้ำค่อยๆ แห้งลง เผยให้เห็นกองกระดูกที่ทับถมกันอยู่ก้นบ่อ ซากของผู้คนที่หายไปตลอดหลายสิบปี