“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา - บทที่ 1 เงาไร้ตัวตน โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

ผู้แต่ง

นิลสุวาน.

เรื่องย่อ

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว—เขาไม่ใช่ขันที เขาถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตภายใต้ฐานะที่มิใช่ตัวเอง เพียงเพื่อรับใช้และแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของครอบครัว


วันหนึ่ง “เหวินจิ้ง” แม่ทัพหนุ่มผู้มีดวงตาดั่งเหยี่ยวจับจ้องมายังเขาด้วยสายตาสงสัย “เจ้าดูไม่เหมือนขันที” เหวินจิ้งกล่าว พลางเดินเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้า ซือเหยาหลบสายตานั้น แต่มือกลับกำดาบแน่น—หากความลับของเขาถูกเปิดเผย ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่


ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ วังหลวงลุกเป็นไฟ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—เหวินจิ้ง แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่เคยบอกว่า “เจ้าดูไม่เหมือนขันที”


ซือเหยาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหวินจิ้งจึงยอมเสี่ยงช่วยเขา แต่ทั้งสองจำต้องหลบหนีออกจากวัง และเริ่มต้นการเดินทางสู่ดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอาคมและตำนานโบราณ เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของราชวงศ์


ระหว่างการเดินทาง ทั้งคู่เริ่มมองเห็นกันในมุมที่แตกต่างออกไป จากที่เคยเป็นเพียงเงากับสายตาที่คอยจับผิด กลับกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ถักทอขึ้นอย่างช้าๆ ในม่านหมอกแห่งความลวงและอันตราย


แต่…ซือเหยาจะสามารถมีชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลนี้ได้หรือไม่? และเหวินจิ้งจะยอมรับความรู้สึกที่เขามีให้กับชายผู้เป็น “ขันทีปลอม” ได้หรือเปล่า?

สารบัญ

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 1 เงาไร้ตัวตน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 2 เงาในกรงทอง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 3 พายุที่กำลังมาเยือน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 4 เพลิงไฟแห่งการกบฏ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 5 ทางรอดและเส้นทางที่แยกจากกัน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 6 บุปผาที่ร่วงหล่น,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 7 กุหลาบกลางพายุ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 8 เงามืดใต้จันทร์เพ็ญ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 9 เงาสะท้อนในห้วงอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 10 ใต้เงาจันทร์และคำสัญญาที่ถูกลืม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 11 เส้นทางแห่งเงาและแสงสว่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 12 ม่านหมอกแห่งปริศนา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 13 เงาอดีตและความลับที่ถูกซ่อนไว้,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 14 เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 15 ทางแยกของชะตากรรม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 16 เงาในม่านรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 17 แสงจันทร์และคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 18 ราตรีใต้เงาจันทร์,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 19 เงาแห่งอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 20 เส้นทางแห่งคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 21 ทางแยกของเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 22 เงาในวังหลวง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 23 ราชันย์ผู้ร่วงโรย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 24 เงาลวงในราตรี,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 25 เพลิงแค้นและคำสาบาน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 26 ฝีเท้าในห้วงรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 27 คมมีดใต้จันทร์กระจ่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 28 เส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 29 บุปผาราตรีกลางป่าลี้ลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 30 เสียงกระซิบจากหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 31 วิหารแห่งเสียงเงียบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 32 ม่านหมอกแห่งใจ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 33 ใจกลางหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 34 เสียงสะท้อนจากหีบผนึก,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 35 ผู้พิทักษ์ในเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 36 เปลวเพลิงแห่งแดนมังกร,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 37 เพลิงพิภพ

เนื้อหา

บทที่ 1 เงาไร้ตัวตน


เสียงระฆังแห่งวังหลวงดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ก้องกังวานไปทั่วทั้งลานพระราชฐาน เสียงเหยียบย่ำของเหล่าขันทีและนางกำนัลดังก้องอยู่ตามระเบียงไม้ เสียงแว่วสนทนาเบาๆปะปนกับเสียงใบไม้เสียดสีในสายลมยามเช้า

ภายใต้เงาหลังม่านแพรโปร่งใส ร่างหนึ่งยืนอยู่ในความเงียบ สายตาคมจ้องมองผ่านช่องหน้าต่างที่มีลวดลายสลักอย่างประณีต ดวงตาของเขาไม่ได้เต็มไปด้วยความเคารพหรือความหวาดกลัวเช่นเดียวกับขันทีทั่วไป หากแต่มีเพียงแววตื่นตัวและระมัดระวังราวกับสัตว์ป่าที่กำลังซ่อนเขี้ยวเล็บ


ซือเหยา… ขันทีคนสนิทของฮ่องเต้


ผู้คนในวังหลวงรู้จักเขาในฐานะชายผู้เป็นเงาขององค์จักรพรรดิ เป็นผู้ที่ปราศจากตัวตน มีหน้าที่เพียงปรนนิบัติพระเจ้าแผ่นดินและเป็นดวงตาที่คอยจับตาดูทุกสิ่งรอบกาย ทว่าแท้จริงแล้ว—เขาไม่ใช่ขันที เขาเป็นเพียงบุรุษธรรมดาที่ถูกพรากอิสรภาพไปตั้งแต่เยาว์วัย และถูกบังคับให้ใช้ชีวิตเยี่ยงเงาไร้ตัวตน


“ซือเหยา”   เสียงเรียกของขันทีอาวุโสดึงเขาออกจากภวังค์


“ถึงเวลาต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้ว”


ซือเหยาค้อมศีรษะรับคำ ก่อนก้าวออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ เสื้อผ้าของเขายังคงไร้รอยยับแม้จะผ่านการเคลื่อนไหวมาหลายชั่วยาม ทุกย่างก้าวสงบนิ่งราวกับล่องลอยอยู่บนพื้น

เขาเป็นเงา—และเงาไม่อาจมีตัวตน








แสงแดดสาดส่องผ่านหน้าต่างสูงของท้องพระโรง ทำให้ภาพวาดมังกรทองบนเพดานแลดูราวกับมีชีวิต เสาค้ำสูงจรดเพดานถูกแกะสลักด้วยลวดลายอันวิจิตรบรรจง บรรยากาศภายในเคร่งขรึม เหล่าขุนนางในชุดสีเข้มยืนเรียงกันเป็นแถว กลิ่นกำยานอ่อนๆลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ

บนบัลลังก์มังกร ฮ่องเต้หนุ่มทอดพระเนตรลงมายังเหล่าขุนนางด้วยสายตาสงบนิ่ง แต่ภายใต้ความนิ่งนั้นมีพายุที่ซ่อนเร้น—ฝ่าบาทมิใช่จักรพรรดิที่ไร้อำนาจ ทว่าอำนาจที่พระองค์ถือไว้นั้นเต็มไปด้วยแรงกดดันจากทั้งราชสำนัก


“รายงานการศึกชายแดนเป็นอย่างไร”


สุรเสียงของฮ่องเต้ไม่ได้ดังมากนัก แต่กลับแฝงไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้เหล่าขุนนางต้องก้มหน้า ซือเหยายืนอยู่ด้านข้างของบัลลังก์เงียบๆเช่นเคย ดวงตาของเขากวาดมองผู้ที่อยู่ภายในท้องพระโรงอย่างละเอียด


วันนี้… มีบุคคลใหม่ที่ไม่ได้พบเจอเป็นประจำ

บุรุษในชุดเกราะสีดำสนิทยืนอยู่แถวหน้า ร่างสูงสง่ามั่นคง แม้จะมิได้เอ่ยวาจาใด แต่บรรยากาศรอบตัวเขากลับกดดันจนน่าประหลาด เส้นผมสีดำขลับถูกรวบไว้เป็นระเบียบ ใบหน้าคมเข้มดุดัน ดวงตาคมดุคล้ายเหยี่ยวที่พร้อมจะจ้องทะลวงทุกสิ่ง


ซือเหยารู้จักบุคคลผู้นี้ดี


แม่ทัพเหวินจิ้ง

บุรุษที่ได้รับสมญาว่าเป็น “เทพอัคคีแห่งต้าหลิง”

แม่ทัพที่มีดวงตาดั่งเปลวเพลิงเจิดจ้าและเป็นบุรุษที่กลับมาพร้อมชัยชนะจากสนามรบ


“ข้าได้รับคำสั่งให้กลับมากราบทูลรายงานผลการศึก”   น้ำเสียงของเหวินจิ้งเรียบนิ่ง แต่อำนาจแฝงในน้ำเสียงนั้นทำให้เหล่าขุนนางบางคนสะดุ้งเล็กน้อย


“ดี”   ฮ่องเต้พยักพระพักตร์   “แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังมิได้กลับไปคุมชายแดน?”


เหวินจิ้งคุกเข่าลง ก่อนกล่าวช้าๆ


“กระหม่อมมีบางเรื่องต้องทูลฝ่าบาท”


เสียงของแม่ทัพหนุ่มแม้จะไม่ได้ดังนัก แต่กลับทำให้ท้องพระโรงเงียบลงในทันที เหล่าขุนนางทุกคนหันมาสบตากันอย่างระแวดระวัง ซือเหยาเองก็แอบหรี่ตาลงเล็กน้อย—บุรุษผู้นี้ไม่ใช่คนที่พูดจาไร้สาระ และหากเขามีเรื่องสำคัญจะกล่าว คงมิใช่เรื่องเล็กน้อยแน่นอน

ฮ่องเต้พยักพระพักตร์อนุญาต เหวินจิ้งเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีเข้มจ้องตรงไปยังจักรพรรดิ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะเอื้อนเอ่ยคำพูดที่ทำให้บรรยากาศภายในท้องพระโรงเย็นยะเยือกในทันที


“กระหม่อมพบว่าภายในวังหลวง มี ‘สายลับ’ แฝงตัวอยู่”


สิ้นคำกล่าวนั้น ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง ซือเหยานิ่งค้าง ทุกสายตาหันมามองชายหนุ่มในชุดเกราะดำ

หากเป็นบุคคลอื่นที่กล่าวเช่นนี้ คำพูดอาจถูกมองว่าเป็นเพียงคำกล่าวหา แต่หากเป็นเหวินจิ้ง—แม่ทัพที่จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์มาโดยตลอด การกล่าวหาของเขาย่อมมิใช่เรื่องล้อเล่น


“เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”


“กระหม่อมกำลังสืบหา”   เหวินจิ้งตอบเสียงเรียบ   “และขอพระราชานุญาตให้กระหม่อมทำการสืบสวนอย่างละเอียด”


ฮ่องเต้เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักพระพักตร์


“จงทำตามที่เจ้าต้องการ”


ซือเหยาไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาแม้แต่คำเดียว แต่ภายในใจกลับเริ่มเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว


…สายลับในวังหลวง

หากเหวินจิ้งเริ่มสืบสวน ทุกคนที่มีความลับจะต้องถูกเปิดโปงอย่างแน่นอน

และเขาเอง… ก็มิใช่ข้อยกเว้น








หลังจากการเข้าเฝ้าสิ้นสุดลง ซือเหยาเดินไปตามระเบียงเงียบๆ ขณะที่กำลังจะเลี้ยวไปยังตำหนักของตนเอง เสียงฝีเท้าหนักๆก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

เขาหยุดฝีเท้าเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมอง


“เจ้าดูไม่เหมือนขันที”


เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นข้างหลัง ซือเหยาเม้มริมฝีปาก ก่อนจะค่อยๆ หันกลับไป—เผชิญหน้ากับแม่ทัพเหวินจิ้งที่ยืนอยู่ไม่ไกล ดวงตาคู่นั้นยังคงเฉียบคมไม่เปลี่ยน


ขณะที่ซือเหยาสบตากับเขา มือใต้แขนเสื้อก็กำแน่นอย่างไม่รู้ตัว

…หากความลับของเขาถูกเปิดเผย ก็มีเพียง “ความตาย” เท่านั้นที่รออยู่