“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา - บทที่ 4 เพลิงไฟแห่งการกบฏ โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

ผู้แต่ง

นิลสุวาน.

เรื่องย่อ

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว—เขาไม่ใช่ขันที เขาถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตภายใต้ฐานะที่มิใช่ตัวเอง เพียงเพื่อรับใช้และแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของครอบครัว


วันหนึ่ง “เหวินจิ้ง” แม่ทัพหนุ่มผู้มีดวงตาดั่งเหยี่ยวจับจ้องมายังเขาด้วยสายตาสงสัย “เจ้าดูไม่เหมือนขันที” เหวินจิ้งกล่าว พลางเดินเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้า ซือเหยาหลบสายตานั้น แต่มือกลับกำดาบแน่น—หากความลับของเขาถูกเปิดเผย ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่


ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ วังหลวงลุกเป็นไฟ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—เหวินจิ้ง แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่เคยบอกว่า “เจ้าดูไม่เหมือนขันที”


ซือเหยาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหวินจิ้งจึงยอมเสี่ยงช่วยเขา แต่ทั้งสองจำต้องหลบหนีออกจากวัง และเริ่มต้นการเดินทางสู่ดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอาคมและตำนานโบราณ เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของราชวงศ์


ระหว่างการเดินทาง ทั้งคู่เริ่มมองเห็นกันในมุมที่แตกต่างออกไป จากที่เคยเป็นเพียงเงากับสายตาที่คอยจับผิด กลับกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ถักทอขึ้นอย่างช้าๆ ในม่านหมอกแห่งความลวงและอันตราย


แต่…ซือเหยาจะสามารถมีชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลนี้ได้หรือไม่? และเหวินจิ้งจะยอมรับความรู้สึกที่เขามีให้กับชายผู้เป็น “ขันทีปลอม” ได้หรือเปล่า?

สารบัญ

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 1 เงาไร้ตัวตน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 2 เงาในกรงทอง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 3 พายุที่กำลังมาเยือน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 4 เพลิงไฟแห่งการกบฏ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 5 ทางรอดและเส้นทางที่แยกจากกัน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 6 บุปผาที่ร่วงหล่น,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 7 กุหลาบกลางพายุ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 8 เงามืดใต้จันทร์เพ็ญ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 9 เงาสะท้อนในห้วงอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 10 ใต้เงาจันทร์และคำสัญญาที่ถูกลืม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 11 เส้นทางแห่งเงาและแสงสว่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 12 ม่านหมอกแห่งปริศนา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 13 เงาอดีตและความลับที่ถูกซ่อนไว้,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 14 เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 15 ทางแยกของชะตากรรม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 16 เงาในม่านรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 17 แสงจันทร์และคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 18 ราตรีใต้เงาจันทร์,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 19 เงาแห่งอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 20 เส้นทางแห่งคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 21 ทางแยกของเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 22 เงาในวังหลวง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 23 ราชันย์ผู้ร่วงโรย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 24 เงาลวงในราตรี,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 25 เพลิงแค้นและคำสาบาน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 26 ฝีเท้าในห้วงรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 27 คมมีดใต้จันทร์กระจ่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 28 เส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 29 บุปผาราตรีกลางป่าลี้ลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 30 เสียงกระซิบจากหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 31 วิหารแห่งเสียงเงียบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 32 ม่านหมอกแห่งใจ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 33 ใจกลางหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 34 เสียงสะท้อนจากหีบผนึก,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 35 ผู้พิทักษ์ในเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 36 เปลวเพลิงแห่งแดนมังกร,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 37 เพลิงพิภพ

เนื้อหา

บทที่ 4 เพลิงไฟแห่งการกบฏ


เสียงกลองศึกกระหน่ำสะท้อนก้องไปทั่วทั้งวังหลวง ท่ามกลางความเงียบสงัดของรัตติกาล เสียงนั้นช่างกะทันหันและเยียบเย็น ราวกับเป็นสัญญาณแห่งความวิบัติที่กำลังจะมาถึง

ซือเหยากำพัดในมือแน่น หัวใจเต้นระรัว ดวงตาเรียวรีสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกาย ก่อนจะตวัดไปมองยังเบื้องหลังของวังหลวง ที่ซึ่งเปลวไฟเริ่มส่องประกายเป็นสีแดงฉาน


“มีคนก่อกบฏ”


เหวินจิ้งกล่าวเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยแรงกดดันมหาศาล เขาเบือนสายตากลับมามองซือเหยา ดวงตาคมปลาบไหววูบไปเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่น้ำเสียงของเขาจะต่ำลงกว่าเดิม


“เจ้ารู้เห็นเรื่องนี้หรือไม่?”


ซือเหยาไม่ได้ตอบในทันที เขาเพียงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะแผ่วเบา


“แม่ทัพคิดว่าข้าจะกล้าทรยศราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ?”


เหวินจิ้งจ้องมองเขานิ่งๆราวกับพยายามอ่านทุกท่วงท่าของเขา ทว่าก่อนที่บทสนทนาจะดำเนินต่อไป เสียงฝีเท้าของเหล่าทหารก็ดังกระทบพื้นหิน พร้อมกับเงาดำหลายสายที่เคลื่อนตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว


แม่ทัพ!”   เสียงหนึ่งดังขึ้น   “เราถูกลอบโจมตี! ขุนนางบางคนทรยศและร่วมมือกับกบฏ บัดนี้ตำหนักฝ่ายในกำลังถูกโจมตี!


ดวงตาของเหวินจิ้งวาวโรจน์ทันที


“ฮ่องเต้เล่า?”


“ยังประทับอยู่ในท้องพระโรง แต่พวกกบฏเริ่มรุกล้ำเข้ามาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”


เหวินจิ้งกัดฟันแน่น ก่อนจะหันไปสบตากับซือเหยาเพียงชั่ววูบ


“ไปกันเถอะ”


ซือเหยาหลุบตาลงเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า


“ข้าจะติดตามท่านไป”








เมื่อซือเหยาและเหวินจิ้งเร่งรุดไปถึงท้องพระโรง เหตุการณ์กลับเลวร้ายยิ่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ เปลวไฟลุกโชนไปทั่วบริเวณ ตำหนักบางส่วนถูกเผาทำลาย เสียงอาวุธกระทบกันดังกึกก้อง พร้อมเสียงกรีดร้องของเหล่าขันทีและนางกำนัลที่พยายามหนีเอาตัวรอด

กลางโถงใหญ่ ร่างของขุนนางหลายคนล้มลงท่ามกลางเลือดที่ไหลนองพื้น ขณะที่เบื้องหน้าบัลลังก์สูงส่งนั้น ฮ่องเต้ยังคงประทับอยู่ แต่พระพักตร์เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด และเบื้องหน้าพระองค์—ชายผู้หนึ่งในชุดเกราะสีดำยืนเด่นตระหง่าน ประกายดวงตาเยียบเย็น


“เสนาบดีจ้าว…”   เหวินจิ้งกล่าวเสียงต่ำ ขณะที่มือจับกระบี่แน่น


ซือเหยากัดริมฝีปากแน่น ดวงตาเรียวสั่นระริก


“เจ้าคิดจะกบฏจริงๆ หรือ?”


เสนาบดีจ้าวแค่นหัวเราะ


“หากข้าจะกบฏเล่า?”


เขาย่างเท้าเข้าใกล้บัลลังก์ช้าๆ ท่ามกลางซากศพของเหล่าขุนนางที่ภักดี


“ต้าหลิงอ่อนแอลงทุกวัน”   เขากล่าวเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยแรงกดดัน   “ราชสำนักเต็มไปด้วยเหล่าคนขี้ขลาดที่หวาดกลัวต่ออำนาจของแคว้นอื่น หากเรายังอยู่ใต้อำนาจของฮ่องเต้พระองค์นี้ พวกเราคงไม่มีวันก้าวไปข้างหน้า!


ดวงตาของเหวินจิ้งฉายแววคุกรุ่น


“แต่เจ้าเลือกใช้วิธีเช่นนี้งั้นหรือ?”


“วิธีไหนก็ตามที่ทำให้ต้าหลิงแข็งแกร่งขึ้นได้—ข้าย่อมยินดีทำ!


“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”   ฮ่องเต้ตรัสขึ้น น้ำเสียงเยือกเย็นแม้จะเต็มไปด้วยโทสะ


เสนาบดีจ้าวยิ้มบางๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น


“ข้าจะเป็นผู้ล้มล้างราชวงศ์นี้… และสร้างแผ่นดินใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม”


สิ้นคำกล่าวนั้น กองทหารที่อยู่ข้างกายเขาก็ชักดาบออกมา พร้อมกับเสียงสัญญาณสู้รบที่ดังขึ้นอีกครั้ง


ฆ่ามันซะ!


สิ้นเสียงบัญชา เหล่าทหารกบฏก็กรูกันเข้าโจมตี!








เหวินจิ้งเป็นคนแรกที่พุ่งทะยานไปข้างหน้า ดาบในมือแหวกผ่านอากาศและปะทะเข้ากับดาบของศัตรู เสียงเหล็กกระทบกันดังสนั่น ขณะที่สายตาคมปลาบของเขาจับจ้องไปยังเสนาบดีจ้าว


เจ้าทรยศแผ่นดินนี้… ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!


ซือเหยาถอยหลังเล็กน้อย มือกำพัดแน่น ก่อนจะพุ่งตัวไปด้านข้างเพื่อเลี่ยงการโจมตี เขาไม่ได้ถนัดต่อสู้ซึ่งหน้าเช่นเหวินจิ้ง แต่สิ่งที่เขาถนัดคือการใช้ไหวพริบและความรวดเร็ว

ในขณะที่ทหารของเหวินจิ้งเข้าปะทะกับฝ่ายกบฏ ซือเหยาก็พยายามลัดเลาะผ่านกลุ่มนักรบไปยังที่ที่ฮ่องเต้ประทับอยู่


ฝ่าบาท! เราต้องออกไปจากที่นี่!”


ฮ่องเต้มองเขานิ่งๆ ก่อนจะพยักพระพักตร์


“ข้าจะเชื่อใจเจ้า”


ซือเหยาไม่รอช้า เขารีบกวาดตามองไปยังทางออก แต่ทว่า—


“เจ้าคิดจะพาฮ่องเต้หนีหรือ?”


เสียงเย้ยหยันดังขึ้น พร้อมกับร่างของเสนาบดีจ้าวที่พุ่งเข้ามาขวางทาง ซือเหยาเบิกตากว้าง มือกำพัดแน่นยิ่งขึ้น


“หากเจ้าอยากช่วยราชบัลลังก์จริงๆ”   เสนาบดีจ้าวกล่าวช้าๆ   “ก็ควรคิดให้ดีว่า… ควรอยู่ข้างใคร”


ซือเหยากัดฟัน ดวงตาสั่นระริก


“อย่ามาพูดไร้สาระ”


“ไร้สาระหรือ?”   เสนาบดีจ้าวหัวเราะในลำคอ   “หรือว่า… เจ้ากลัวว่าตัวเองจะเลือกผิดกันแน่?”


ซือเหยากำหมัดแน่น ใจเต้นระรัว เขาไม่มีทางเลือกมากนักแล้ว… แต่ท่ามกลางความลังเล เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น


ซือเหยา! จงพาฝ่าบาทหนีไปซะ!”


เป็นเสียงของเหวินจิ้ง—ที่ยังคงต่อสู้กับเหล่าทหารกบฏอย่างไม่ลดละ ซือเหยาสูดลมหายใจลึก ก่อนจะกัดฟันตัดสินใจ


“ไปกันเถอะ ฝ่าบาท!”


เขาจับพระกรฮ่องเต้แน่น และพุ่งตัวออกไปทางด้านข้าง ท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกโชน และเงาแห่งการทรยศที่กำลังกลืนกินวังหลวง— ซือเหยาและเหวินจิ้งต่างรู้ดีว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสงครามที่แท้จริงเท่านั้น…