“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา - บทที่ 6 บุปผาที่ร่วงหล่น โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

ผู้แต่ง

นิลสุวาน.

เรื่องย่อ

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว—เขาไม่ใช่ขันที เขาถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตภายใต้ฐานะที่มิใช่ตัวเอง เพียงเพื่อรับใช้และแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของครอบครัว


วันหนึ่ง “เหวินจิ้ง” แม่ทัพหนุ่มผู้มีดวงตาดั่งเหยี่ยวจับจ้องมายังเขาด้วยสายตาสงสัย “เจ้าดูไม่เหมือนขันที” เหวินจิ้งกล่าว พลางเดินเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้า ซือเหยาหลบสายตานั้น แต่มือกลับกำดาบแน่น—หากความลับของเขาถูกเปิดเผย ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่


ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ วังหลวงลุกเป็นไฟ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—เหวินจิ้ง แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่เคยบอกว่า “เจ้าดูไม่เหมือนขันที”


ซือเหยาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหวินจิ้งจึงยอมเสี่ยงช่วยเขา แต่ทั้งสองจำต้องหลบหนีออกจากวัง และเริ่มต้นการเดินทางสู่ดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอาคมและตำนานโบราณ เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของราชวงศ์


ระหว่างการเดินทาง ทั้งคู่เริ่มมองเห็นกันในมุมที่แตกต่างออกไป จากที่เคยเป็นเพียงเงากับสายตาที่คอยจับผิด กลับกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ถักทอขึ้นอย่างช้าๆ ในม่านหมอกแห่งความลวงและอันตราย


แต่…ซือเหยาจะสามารถมีชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลนี้ได้หรือไม่? และเหวินจิ้งจะยอมรับความรู้สึกที่เขามีให้กับชายผู้เป็น “ขันทีปลอม” ได้หรือเปล่า?

สารบัญ

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 1 เงาไร้ตัวตน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 2 เงาในกรงทอง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 3 พายุที่กำลังมาเยือน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 4 เพลิงไฟแห่งการกบฏ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 5 ทางรอดและเส้นทางที่แยกจากกัน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 6 บุปผาที่ร่วงหล่น,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 7 กุหลาบกลางพายุ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 8 เงามืดใต้จันทร์เพ็ญ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 9 เงาสะท้อนในห้วงอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 10 ใต้เงาจันทร์และคำสัญญาที่ถูกลืม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 11 เส้นทางแห่งเงาและแสงสว่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 12 ม่านหมอกแห่งปริศนา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 13 เงาอดีตและความลับที่ถูกซ่อนไว้,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 14 เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 15 ทางแยกของชะตากรรม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 16 เงาในม่านรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 17 แสงจันทร์และคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 18 ราตรีใต้เงาจันทร์,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 19 เงาแห่งอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 20 เส้นทางแห่งคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 21 ทางแยกของเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 22 เงาในวังหลวง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 23 ราชันย์ผู้ร่วงโรย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 24 เงาลวงในราตรี,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 25 เพลิงแค้นและคำสาบาน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 26 ฝีเท้าในห้วงรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 27 คมมีดใต้จันทร์กระจ่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 28 เส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 29 บุปผาราตรีกลางป่าลี้ลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 30 เสียงกระซิบจากหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 31 วิหารแห่งเสียงเงียบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 32 ม่านหมอกแห่งใจ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 33 ใจกลางหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 34 เสียงสะท้อนจากหีบผนึก,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 35 ผู้พิทักษ์ในเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 36 เปลวเพลิงแห่งแดนมังกร,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 37 เพลิงพิภพ

เนื้อหา

บทที่ 6 บุปผาที่ร่วงหล่น


เสียงเพลิงลุกโหมยังดังสะท้อนอยู่ไกลๆ แม้ลมหายใจของซือเหยาจะพร่าเลือน แต่เขายังคงสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุจากเปลวไฟที่กำลังเผาผลาญพระราชวังไปทีละส่วน เขาไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหนแล้ว ไม่รู้ว่าความเป็นหรือความตายกำลังรออยู่เบื้องหน้า สิ่งเดียวที่เขารู้คือ—มีบางสิ่งกำลังโอบอุ้มร่างของเขาไว้อย่างมั่นคง

เสียงฝีเท้ากระทบพื้นหินดังสะท้อนอยู่รอบกาย แต่ทุกอย่างดูรางเลือนราวกับฝัน


“ทนไว้… เจ้าต้องรอด”


เสียงที่คุ้นเคยนั้นดังขึ้นใกล้ๆ แม้ว่าจะพร่าเลือน แต่ซือเหยาก็จดจำมันได้ดี


“เหวินจิ้ง…”


เขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ความเจ็บปวดจากบาดแผลที่สีข้างทำให้ทุกคำพูดจมหายไปในลำคอ


“อย่าพูด”   เหวินจิ้งกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ขณะที่เขารีบเร่งฝีเท้าพาซือเหยาออกจากเขตพระราชวัง   “เราต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”


แต่จะไปที่ไหน?


วังหลวงถูกยึดแล้ว กองทัพของพวกกบฏล้อมรอบทุกทิศทาง ฮ่องเต้เองก็หายไปในความมืด ไม่มีใครรู้ว่าพระองค์สามารถหนีรอดไปได้หรือไม่ แล้วพวกเขา… จะหนีไปทางไหน?








ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เสียงวุ่นวายในเมืองค่อยๆ เงียบลง แสงแรกของรุ่งสางเริ่มทอประกายเหนือขอบฟ้า และในที่สุด เหวินจิ้งก็มาถึงจุดหมาย เขาพาซือเหยามาหยุดอยู่ในลานหินเล็กๆ ท่ามกลางป่าทึบ ที่นี่เคยเป็นที่หลบภัยของเหล่าทหารฝ่ายจงรักภักดี ซึ่งสร้างขึ้นเป็นจุดพักก่อนเดินทางเข้าสู่เทือกเขา


“เราปลอดภัยแล้ว…”   เหวินจิ้งกระซิบ ก่อนจะค่อยๆวางซือเหยาลง


แต่ทันทีที่หลังของซือเหยาสัมผัสพื้น ความเจ็บปวดก็แล่นพล่านไปทั่วร่าง เขาขดตัวเล็กน้อย เลือดจากแผลที่สีข้างยังคงไหลซึมออกมา เหวินจิ้งจึงรีบฉีกแขนเสื้อของตัวเองออกเป็นผ้าผูกแผลอย่างลวกๆ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างๆ


“อดทนไว้ ข้าจะห้ามเลือดให้เจ้า”


ซือเหยาเม้มริมฝีปากแน่น แม้ว่าความเจ็บจะแล่นพล่านไปทั่วร่าง แต่เขากลับไม่มีแรงแม้แต่จะร้องออกมา


“เจ้ามันโง่…”


เสียงของเขาเบาและสั่นพร่า แต่เหวินจิ้งก็ยังได้ยิน


“ถ้าจะหนีไป เจ้าน่าจะหนีไปคนเดียว”


เหวินจิ้งชะงัก เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ


“หากข้าทิ้งเจ้าไว้ ข้าก็เป็นเพียงคนขี้ขลาดที่ไร้หัวใจ”


ซือเหยาหัวเราะเบาๆ เสียงของเขาแผ่วจนแทบจะเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่าน


“เจ้ามันโง่…”


เหวินจิ้งไม่ได้ตอบอะไรอีก เขาเพียงแค่รัดผ้าพันแผลแน่นขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นและหันมองรอบตัว


“เราต้องออกจากเมืองหลวงให้ได้ก่อนที่พวกมันจะเริ่มค้นหา”


“จะไปไหน?”


“มีหมู่บ้านหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาทางเหนือ เป็นหมู่บ้านของคนที่ไม่ขึ้นตรงต่อราชสำนัก หรือฝ่ายกบฏ”   เหวินจิ้งเอ่ย   “พวกเขาจะไม่หักหลังเรา”


ซือเหยาหลับตาลงช้าๆ หมู่บ้านที่อยู่นอกอำนาจของแคว้น—สถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเขา มันอาจเป็นที่เดียวที่เขาจะมีโอกาสรอด








เส้นทางที่มุ่งไปยังหมู่บ้านต้องผ่านภูเขาหินสูงชัน แม้ว่าจะเป็นเพียงระยะทางไม่กี่ลี้ แต่สำหรับคนที่มีบาดแผลเช่นเขา มันกลับเป็นเส้นทางที่ยาวนานราวกับไร้ที่สิ้นสุด

เหวินจิ้งพาซือเหยาขึ้นหลังม้า เขาประคองร่างของอีกฝ่ายไว้แน่น ก่อนจะออกเดินทางด้วยความเร็วที่พอเหมาะ ระหว่างทาง ไม่มีใครพูดอะไร ซือเหยาพิงอยู่กับแผ่นหลังของเหวินจิ้ง แม้ว่าเขาจะพยายามฝืนตัวเองให้ตื่นอยู่ตลอดเวลา แต่ความเหนื่อยล้าก็ค่อยๆกลืนกินสติของเขา


เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน

เขารู้เพียงว่า… เสียงหัวใจของเหวินจิ้ง ยังคงเต้นอย่างมั่นคงอยู่ใกล้ๆ

และก่อนที่เขาจะรู้ตัว ความมืดก็กลืนกินเขาไปอีกครั้ง








เมื่อซือเหยาลืมตาขึ้นอีกครั้ง แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านหน้าต่างไม้เก่าๆเข้ามา เขาขยับตัวเล็กน้อย แต่ความเจ็บที่สีข้างทำให้ต้องเม้มริมฝีปากแน่น


“เจ้าเพิ่งฟื้น อย่าขยับมาก”


เสียงของเหวินจิ้งดังขึ้นจากมุมห้อง เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเล็ก มือข้างหนึ่งถือถ้วยชา ส่วนอีกข้างกุมดาบของตนเองแน่น ซือเหยากวาดตามองไปรอบๆ ห้องเล็กๆแห่งนี้เป็นเพียงกระท่อมไม้เก่าๆแต่บรรยากาศกลับอบอุ่นและเงียบสงบกว่าที่เขาคาดไว้


“เรามาถึงแล้วหรือ?”


เหวินจิ้งพยักหน้า   “หมู่บ้านจิ้งเหอ พวกเขายินดีให้เราพักอยู่ที่นี่ชั่วคราว”


ซือเหยาถอนหายใจเบาๆ รู้สึกได้ถึงความโล่งอกที่ก่อตัวขึ้นภายในใจ


“แล้ว… เจ้าคิดจะทำอะไรต่อไป?”


เหวินจิ้งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะวางถ้วยชาลงและเงยหน้าขึ้นสบตา


“ข้าจะหาทางพาเจ้ารักษาตัวให้หายเสียก่อน”


ซือเหยาขมวดคิ้ว   “แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”


เหวินจิ้งจ้องมองเขา ดวงตาคมกริบคู่นั้นมีประกายที่ยากจะอ่านออก


“เรายังต้องค้นหาความจริง—ว่าใครอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของราชวงศ์”


“เรา?”   ซือเหยาเลิกคิ้ว   “หมายถึงเจ้า… และข้า?”


“แน่นอน”   เหวินจิ้งตอบเสียงหนักแน่น   “เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ หรือ?”


ซือเหยาแค่นหัวเราะเบาๆ แม้ว่าหัวใจจะเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว


“เจ้ามันโง่จริงๆ…”


เหวินจิ้งยิ้มมุมปาก ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้อง ทิ้งให้ซือเหยานอนอยู่บนเตียง ลมหายใจของเขาเริ่มกลับมาเป็นปกติ แต่หัวใจของเขา กลับเต้นไม่เป็นจังหวะ