“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา - บทที่ 7 กุหลาบกลางพายุ โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

ผู้แต่ง

นิลสุวาน.

เรื่องย่อ

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว—เขาไม่ใช่ขันที เขาถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตภายใต้ฐานะที่มิใช่ตัวเอง เพียงเพื่อรับใช้และแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของครอบครัว


วันหนึ่ง “เหวินจิ้ง” แม่ทัพหนุ่มผู้มีดวงตาดั่งเหยี่ยวจับจ้องมายังเขาด้วยสายตาสงสัย “เจ้าดูไม่เหมือนขันที” เหวินจิ้งกล่าว พลางเดินเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้า ซือเหยาหลบสายตานั้น แต่มือกลับกำดาบแน่น—หากความลับของเขาถูกเปิดเผย ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่


ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ วังหลวงลุกเป็นไฟ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—เหวินจิ้ง แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่เคยบอกว่า “เจ้าดูไม่เหมือนขันที”


ซือเหยาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหวินจิ้งจึงยอมเสี่ยงช่วยเขา แต่ทั้งสองจำต้องหลบหนีออกจากวัง และเริ่มต้นการเดินทางสู่ดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอาคมและตำนานโบราณ เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของราชวงศ์


ระหว่างการเดินทาง ทั้งคู่เริ่มมองเห็นกันในมุมที่แตกต่างออกไป จากที่เคยเป็นเพียงเงากับสายตาที่คอยจับผิด กลับกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ถักทอขึ้นอย่างช้าๆ ในม่านหมอกแห่งความลวงและอันตราย


แต่…ซือเหยาจะสามารถมีชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลนี้ได้หรือไม่? และเหวินจิ้งจะยอมรับความรู้สึกที่เขามีให้กับชายผู้เป็น “ขันทีปลอม” ได้หรือเปล่า?

สารบัญ

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 1 เงาไร้ตัวตน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 2 เงาในกรงทอง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 3 พายุที่กำลังมาเยือน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 4 เพลิงไฟแห่งการกบฏ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 5 ทางรอดและเส้นทางที่แยกจากกัน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 6 บุปผาที่ร่วงหล่น,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 7 กุหลาบกลางพายุ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 8 เงามืดใต้จันทร์เพ็ญ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 9 เงาสะท้อนในห้วงอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 10 ใต้เงาจันทร์และคำสัญญาที่ถูกลืม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 11 เส้นทางแห่งเงาและแสงสว่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 12 ม่านหมอกแห่งปริศนา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 13 เงาอดีตและความลับที่ถูกซ่อนไว้,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 14 เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 15 ทางแยกของชะตากรรม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 16 เงาในม่านรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 17 แสงจันทร์และคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 18 ราตรีใต้เงาจันทร์,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 19 เงาแห่งอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 20 เส้นทางแห่งคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 21 ทางแยกของเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 22 เงาในวังหลวง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 23 ราชันย์ผู้ร่วงโรย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 24 เงาลวงในราตรี,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 25 เพลิงแค้นและคำสาบาน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 26 ฝีเท้าในห้วงรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 27 คมมีดใต้จันทร์กระจ่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 28 เส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 29 บุปผาราตรีกลางป่าลี้ลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 30 เสียงกระซิบจากหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 31 วิหารแห่งเสียงเงียบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 32 ม่านหมอกแห่งใจ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 33 ใจกลางหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 34 เสียงสะท้อนจากหีบผนึก,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 35 ผู้พิทักษ์ในเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 36 เปลวเพลิงแห่งแดนมังกร,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 37 เพลิงพิภพ

เนื้อหา

บทที่ 7 กุหลาบกลางพายุ


เสียงสายลมพัดผ่านยอดไม้ แทรกตัวผ่านช่องหน้าต่างไม้เก่าๆให้ม่านผ้าบางพลิ้วไหวไปตามแรงลม ซือเหยานอนนิ่งอยู่บนเตียง รู้สึกถึงรอยแผลที่ยังไม่หายดีนัก แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยคำถาม ราชสำนักล่มสลาย พระราชวังถูกเผาทำลาย และเขาถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ… แต่ใครกันแน่ที่เป็นผู้ก่อเรื่องนี้?

เขาหลับตาลงอีกครั้ง ภาพในคืนที่เกิดเหตุยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ เปลวเพลิงสีแดงฉาน เงาดำของบุรุษผู้ถือดาบ และเสียงร้องโหยหวนของผู้คนที่ถูกสังหาร…


“เจ้าฟื้นแล้ว?”


เสียงทุ้มต่ำทำให้ซือเหยาสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาของเขาสบกับร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงประตู เหวินจิ้งถือถาดไม้ใบหนึ่งเข้ามา ด้านบนมีถ้วยยาสมุนไพรที่ส่งกลิ่นขมปร่า


“เจ้าควรดื่มยานี้ จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น”


ซือเหยาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะค่อยๆยันตัวขึ้นนั่ง   “ข้าควรจะขอบคุณเจ้าดีหรือไม่ ที่คอยดูแลข้าอย่างดีเยี่ยงนี้?”


“ข้าดูแลเจ้าเพราะข้ายังต้องการให้เจ้าตอบคำถาม”   เหวินจิ้งวางถ้วยยาลงข้างเตียง   “คืนวันนั้น เจ้าสังเกตเห็นสิ่งใดผิดปกติหรือไม่?”


ซือเหยานิ่งไป


“หากเจ้าหมายถึงคนที่อยู่เบื้องหลัง… ข้าก็ยังไม่มีคำตอบให้เจ้า”   เขาพึมพำ   “แต่ข้าจำได้ว่า มีชายชุดดำหลายคนที่มิใช่ทหารของวัง พวกเขาเคลื่อนไหวรวดเร็ว และมีสัญลักษณ์บางอย่างที่ปลายแขนเสื้อของพวกเขา”


เหวินจิ้งขมวดคิ้ว   “สัญลักษณ์แบบไหน?”


ซือเหยาหลับตาลง คิดย้อนกลับไปถึงช่วงเวลานั้น—ในเงาของเปลวเพลิง เขาเห็นบางสิ่งเป็นประกาย


“กุหลาบสีเงิน”


เสียงของเขาแผ่วเบา แต่ทำให้เหวินจิ้งชะงักไปทันที ดวงตาคมวาวโรจน์ขึ้นราวกับจดจำบางสิ่งได้


“เจ้ารู้จักหรือ?”   ซือเหยาถาม


เหวินจิ้งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงเรียบ


“ข้าเคยได้ยินเรื่องของพวกเขา… ‘เงากุหลาบ’ เป็นกลุ่มลับที่เชื่อกันว่าทำงานให้กับใครบางคนในเงามืด พวกเขาไม่สังกัดฝ่ายใด และเคลื่อนไหวเพียงเมื่อได้รับคำสั่งจากผู้ว่าจ้าง”


“กล่าวเช่นนั้น หมายความว่าพวกเขามิใช่เพียงทหารของฝ่ายกบฏ แต่มีใครบางคนอยู่เบื้องหลังพวกเขาอีกที?”


เหวินจิ้งพยักหน้า “และข้าต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นใคร”







ค่ำคืนนั้น อากาศในหมู่บ้านจิ้งเหอเย็นกว่าทุกคืนที่ผ่านมา ลมพัดผ่านต้นไม้จนเกิดเสียงหวีดหวิว ราวกับเสียงกระซิบของวิญญาณ ซือเหยาออกมายืนที่ระเบียงไม้เล็กๆหน้ากระท่อม แม้ว่าแผลยังไม่หายดีนัก แต่เขากลับไม่สามารถข่มตาหลับได้ เขาคิดถึงสิ่งที่เหวินจิ้งพูดเมื่อตอนกลางวัน—‘เงากุหลาบ’

กลุ่มนักฆ่าที่ไร้เงา ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้นำ และไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาปรากฏตัวจากที่ใด แต่ทุกครั้งที่พวกเขาปรากฏตัว ย่อมหมายถึงหายนะที่กำลังจะมาเยือน


แต่ทำไมพวกเขาถึงเลือกที่จะโจมตีวังหลวง?

และทำไมพวกเขาถึงต้องการให้ซือเหยาตาย?


เขาไม่มีคำตอบ แต่สัญชาตญาณบอกให้เขาระวังตัว และมันถูกต้องแล้ว เพราะในเงามืด ไม่ไกลจากตัวเขา เสียงฝีเท้าแผ่วเบาของใครบางคนดังแทรกผ่านเสียงสายลม


มีใครบางคนกำลังซุ่มมองเขาอยู่







ดวงตาของซือเหยาหรี่ลง เขาค่อยๆขยับมือไปแตะด้ามมีดสั้นที่เหน็บไว้ข้างเอว แม้ว่าร่างกายจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่หากต้องสู้ เขาจะไม่ลังเล และในชั่วพริบตา เสียงเคลื่อนไหวก็ดังขึ้นอีกครั้ง


ฟิ้ว!


ลูกธนูพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง ซือเหยาหลบได้ฉิวเฉียด มันเฉียดไหล่ของเขาไปเพียงปลายเส้นผม แต่แทนที่เขาจะตกใจ เขากลับกระตุกยิ้มบางๆ


“เจ้าคิดว่าธนูแค่ดอกเดียวจะสังหารข้าได้หรือ?”


เงาดำปรากฏตัวขึ้นจากพุ่มไม้ ชายสามคนในชุดดำก้าวออกมา ดวงตาของพวกเขาซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้า แต่ประกายอาฆาตนั้นชัดเจน ซือเหยาถอยหลังเล็กน้อย ทว่าแผ่นหลังกลับชนเข้ากับบางสิ่ง


“ข้าคิดว่าเจ้าจะออกมาเร็วกว่านี้”


เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้ๆ และก่อนที่ซือเหยอจะได้ตอบอะไร เหวินจิ้งก็ปรากฏตัวอยู่ข้างเขา ดาบในมือสะท้อนแสงจันทร์วาววับ


“พวกมันเป็นใคร?”


“นักฆ่า”   ซือเหยาพูดเรียบๆ   “ข้าเดาว่า… เป็นพวก ‘เงากุหลาบ’”


ชายชุดดำไม่พูดอะไร พวกเขาขยับตัวพร้อมกัน ดาบสั้นในมือส่องประกายเย็นเยียบ


“เตรียมตัว”   เหวินจิ้งเอ่ยเบาๆ ก่อนจะชักดาบออกจากฝัก


และในชั่วพริบตา การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น








ซือเหยาพลิกร่างหลบคมดาบที่ฟาดลงมา ก่อนจะใช้มีดสั้นสวนกลับไปที่แขนของศัตรู ร่างในชุดดำชักมือกลับทันที แต่ยังคงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

เหวินจิ้งในอีกด้านหนึ่งเคลื่อนตัวได้อย่างเฉียบคม ดาบของเขาสะบัดออกเป็นประกาย เสียงเหล็กปะทะกันดังก้องกลางความเงียบของหมู่บ้าน แม้ว่าจะมีกำลังพลน้อยกว่า แต่พวกเขาไม่ได้เพลี่ยงพล้ำ

แต่ทันใดนั้นเอง เสียงแหลมคมดังขึ้นจากที่ไกลออกไป เป็นเสียงสัญญาณของนักฆ่าที่เหลือที่กำลังมุ่งหน้ามาสมทบ


ซือเหยากัดฟันแน่น   “พวกมันมีมากกว่านี้”


เหวินจิ้งสบตากับเขาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ


“เราต้องหนี”