“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา - บทที่ 10 ใต้เงาจันทร์และคำสัญญาที่ถูกลืม โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

ผู้แต่ง

นิลสุวาน.

เรื่องย่อ

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว—เขาไม่ใช่ขันที เขาถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตภายใต้ฐานะที่มิใช่ตัวเอง เพียงเพื่อรับใช้และแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของครอบครัว


วันหนึ่ง “เหวินจิ้ง” แม่ทัพหนุ่มผู้มีดวงตาดั่งเหยี่ยวจับจ้องมายังเขาด้วยสายตาสงสัย “เจ้าดูไม่เหมือนขันที” เหวินจิ้งกล่าว พลางเดินเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้า ซือเหยาหลบสายตานั้น แต่มือกลับกำดาบแน่น—หากความลับของเขาถูกเปิดเผย ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่


ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ วังหลวงลุกเป็นไฟ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—เหวินจิ้ง แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่เคยบอกว่า “เจ้าดูไม่เหมือนขันที”


ซือเหยาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหวินจิ้งจึงยอมเสี่ยงช่วยเขา แต่ทั้งสองจำต้องหลบหนีออกจากวัง และเริ่มต้นการเดินทางสู่ดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอาคมและตำนานโบราณ เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของราชวงศ์


ระหว่างการเดินทาง ทั้งคู่เริ่มมองเห็นกันในมุมที่แตกต่างออกไป จากที่เคยเป็นเพียงเงากับสายตาที่คอยจับผิด กลับกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ถักทอขึ้นอย่างช้าๆ ในม่านหมอกแห่งความลวงและอันตราย


แต่…ซือเหยาจะสามารถมีชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลนี้ได้หรือไม่? และเหวินจิ้งจะยอมรับความรู้สึกที่เขามีให้กับชายผู้เป็น “ขันทีปลอม” ได้หรือเปล่า?

สารบัญ

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 1 เงาไร้ตัวตน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 2 เงาในกรงทอง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 3 พายุที่กำลังมาเยือน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 4 เพลิงไฟแห่งการกบฏ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 5 ทางรอดและเส้นทางที่แยกจากกัน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 6 บุปผาที่ร่วงหล่น,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 7 กุหลาบกลางพายุ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 8 เงามืดใต้จันทร์เพ็ญ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 9 เงาสะท้อนในห้วงอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 10 ใต้เงาจันทร์และคำสัญญาที่ถูกลืม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 11 เส้นทางแห่งเงาและแสงสว่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 12 ม่านหมอกแห่งปริศนา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 13 เงาอดีตและความลับที่ถูกซ่อนไว้,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 14 เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 15 ทางแยกของชะตากรรม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 16 เงาในม่านรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 17 แสงจันทร์และคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 18 ราตรีใต้เงาจันทร์,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 19 เงาแห่งอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 20 เส้นทางแห่งคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 21 ทางแยกของเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 22 เงาในวังหลวง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 23 ราชันย์ผู้ร่วงโรย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 24 เงาลวงในราตรี,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 25 เพลิงแค้นและคำสาบาน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 26 ฝีเท้าในห้วงรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 27 คมมีดใต้จันทร์กระจ่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 28 เส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 29 บุปผาราตรีกลางป่าลี้ลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 30 เสียงกระซิบจากหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 31 วิหารแห่งเสียงเงียบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 32 ม่านหมอกแห่งใจ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 33 ใจกลางหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 34 เสียงสะท้อนจากหีบผนึก,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 35 ผู้พิทักษ์ในเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 36 เปลวเพลิงแห่งแดนมังกร,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 37 เพลิงพิภพ

เนื้อหา

บทที่ 10 ใต้เงาจันทร์และคำสัญญาที่ถูกลืม


เสียงฝีเท้าของทั้งสองคนดังสะท้อนอยู่ในป่าลึก มีเพียงสายลมเย็นยะเยือกที่พัดผ่านยอดไม้และเสียงร้องแผ่วของแมลงกลางคืนที่บ่งบอกว่าพวกเขายังอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง

เหวินจิ้งเดินอยู่ด้านหน้า มือข้างหนึ่งกำดาบแน่น ดวงตาคมกริบจับจ้องไปยังเส้นทางเบื้องหน้า ส่วนซือเหยาเดินตามหลังเงียบๆ เขายังคงรู้สึกถึงไออุ่นของเลือดที่แห้งติดปลายแขนเสื้อ—กลิ่นคาวเลือดยังไม่จางหาย การต่อสู้ก่อนหน้านี้ยังคงติดตา ทว่าความคิดของเขากลับวนเวียนอยู่ที่คำพูดของชายปริศนา ‘เจ้าจะรู้เร็วๆนี้’ เสียงนั้นยังดังก้องในหู เขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ยังคลุมเครือ ความจริงบางอย่างที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ แต่ตอนนี้ เขายังไขว่คว้ามันไม่ได้

ซือเหยาก้มลงมองมือตัวเอง มือของเขายังคงสั่นเล็กน้อย บางทีมันอาจเป็นผลจากการต่อสู้ หรือบางที—มันอาจเป็นผลจากความกลัวที่ก่อตัวขึ้นในใจ


“หยุดพักที่นี่ก่อน”   เสียงทุ้มของเหวินจิ้งดังขึ้นขัดจังหวะความคิด


ซือเหยาเงยหน้าขึ้น เขาเพิ่งสังเกตว่าพวกเขาเดินมาไกลเพียงใดแล้ว แสงจันทร์สาดส่องลงมายังลานกว้างที่ปกคลุมไปด้วยหญ้า มันเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยพอสมควร ไม่มีร่องรอยของศัตรูตามมา


เหวินจิ้งทรุดตัวลงนั่งใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ก่อนจะหันมามองซือเหยา   “เจ้าก็นั่งเถอะ”


ซือเหยาลังเลครู่หนึ่งก่อนจะนั่งลงข้างๆ หัวใจของเขายังคงเต้นแรง ไม่ใช่เพราะความเหนื่อยล้า แต่เป็นเพราะสายตาของเหวินจิ้งที่ทอดมองมา มันไม่ใช่แค่สายตาของแม่ทัพผู้เฉลียวฉลาดอีกต่อไปแล้ว มันเป็นสายตาที่แฝงไปด้วยความห่วงใยบางอย่างที่เขาไม่กล้าอ่านความหมาย








“เจ้ารู้จักพวกมันหรือไม่?”   เหวินจิ้งถามขึ้นหลังจากเงียบไปนาน


ซือเหยาหลุบตาลงต่ำ ก่อนจะตอบ   “เงากุหลาบ… เป็นกลุ่มนักฆ่าที่ลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้บงการ พวกมันรับงานเฉพาะผู้ที่สามารถจ่ายได้… และไม่เคยล้มเหลวในการสังหารเป้าหมาย”


เหวินจิ้งพยักหน้า   “แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกมันล้มเหลว”


ซือเหยาหันไปมองเขา   “หมายความว่าอย่างไร?”


“ข้าหมายถึง พวกมันไม่ได้ฆ่าเจ้าได้ง่ายๆ”   เหวินจิ้งกล่าว พลางเลื่อนสายตาลงมองมือของซือเหยา   “เจ้าต่อสู้เก่งกว่าที่ข้าคิด”


ซือเหยาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนี   “ข้าเคยได้รับการฝึกฝนมา… ข้าไม่มีทางเลือก”


เหวินจิ้งเงียบไปชั่วขณะก่อนจะถอนหายใจ   “ข้าเข้าใจ… แต่ข้าก็ยังสงสัยอยู่ดี ทำไมพวกมันถึงต้องการชีวิตของเจ้า”


ซือเหยากำมือแน่น   “ข้าก็อยากรู้เช่นกัน”


สายลมกลางคืนพัดผ่านไป เงาของกิ่งไม้ทอดตัวลงบนพื้นดินเป็นลวดลายแปลกตา ความเงียบปกคลุมระหว่างพวกเขา ก่อนที่เหวินจิ้งจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง


“เมื่อครู่… เจ้าดูเหมือนกำลังหวาดกลัว”


ซือเหยาสะดุ้งเล็กน้อย   “ข้า…?”


“ข้าเห็นมือของเจ้าสั่น”   เหวินจิ้งกล่าวเสียงเบา   “ไม่ใช่เพราะความเหนื่อยล้า… แต่เพราะบางอย่างในใจเจ้า”


ซือเหยากัดริมฝีปากแน่น เขาไม่คิดว่าเหวินจิ้งจะสังเกตเห็น แต่แน่นอน… แม่ทัพผู้ฉลาดหลักแหลมย่อมสังเกตเห็นทุกอย่าง


“เจ้าไม่ต้องตอบข้าตอนนี้”   เหวินจิ้งกล่าวต่อ   “แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่า… ข้าอยู่ตรงนี้”


ซือเหยาเงยหน้าขึ้นมองเขา แสงจันทร์สาดกระทบใบหน้าของเหวินจิ้ง ดวงตาของเขาสงบนิ่ง แต่ลึกลงไปข้างใน… มีบางสิ่งที่ทำให้ซือเหยารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด


เป็นความรู้สึกที่เขาไม่คุ้นเคย

เป็นความรู้สึกที่เขาไม่ควรรู้สึก








หลังจากสนทนากันได้ไม่นาน เหวินจิ้งก็เอนหลังพิงต้นไม้ ปล่อยให้ตัวเองพักผ่อน ส่วนซือเหยายังคงนั่งนิ่ง มองแสงจันทร์ที่ทอดลงมายังผืนดิน ในใจของเขาเต็มไปด้วยความคิดมากมาย


เขาเคยอยู่ที่ไหนมาก่อน?

เขาเคยเป็นใคร… ก่อนที่จะกลายเป็น “ซือเหยา” ในวันนี้?


ความทรงจำบางส่วนพร่าเลือน แต่มีบางอย่างในใจที่บอกว่าเขากำลังเข้าใกล้ความจริงทีละน้อย ซือเหยาหลับตาลง สูดลมหายใจลึกๆ และในห้วงคำนึงของเขา… ภาพของเด็กชายคนหนึ่งปรากฏขึ้น เด็กชายคนนั้นยืนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ กลิ่นหอมของบุปผาโชยมาในสายลม เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า และเอื้อมมือไปจับมือของใครบางคน


“ซือเหยา… จงจำไว้ว่า ไม่ว่าวันใด เจ้าจะไม่มีวันถูกทอดทิ้ง”


เสียงนั้น… คุ้นเคยอย่างน่าประหลาด


ซือเหยาลืมตาขึ้นทันที ใจเต้นแรง


ใครเป็นคนพูดประโยคนั้น?

และเหตุใดเขาถึงรู้สึกว่ามันสำคัญนัก?


เขาหันไปมองเหวินจิ้งที่กำลังหลับตาอยู่ ดวงหน้าของแม่ทัพหนุ่มสงบนิ่ง ใบหน้าที่เคยเฉยชา กลับดูอ่อนโยนขึ้นในยามนิทรา ซือเหยามองเขาเงียบๆ ก่อนจะกระซิบเบาๆ


“ข้ากำลังจะค้นพบความจริง… และข้ากำลังจะค้นพบตัวเอง”


แสงจันทร์ยังคงส่องประกายบนท้องฟ้า

และใต้แสงจันทร์ในคืนนี้ มีความลับบางอย่างที่กำลังจะถูกเปิดเผย