“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา - บทที่ 12 ม่านหมอกแห่งปริศนา โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

ผู้แต่ง

นิลสุวาน.

เรื่องย่อ

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว—เขาไม่ใช่ขันที เขาถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตภายใต้ฐานะที่มิใช่ตัวเอง เพียงเพื่อรับใช้และแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของครอบครัว


วันหนึ่ง “เหวินจิ้ง” แม่ทัพหนุ่มผู้มีดวงตาดั่งเหยี่ยวจับจ้องมายังเขาด้วยสายตาสงสัย “เจ้าดูไม่เหมือนขันที” เหวินจิ้งกล่าว พลางเดินเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้า ซือเหยาหลบสายตานั้น แต่มือกลับกำดาบแน่น—หากความลับของเขาถูกเปิดเผย ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่


ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ วังหลวงลุกเป็นไฟ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—เหวินจิ้ง แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่เคยบอกว่า “เจ้าดูไม่เหมือนขันที”


ซือเหยาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหวินจิ้งจึงยอมเสี่ยงช่วยเขา แต่ทั้งสองจำต้องหลบหนีออกจากวัง และเริ่มต้นการเดินทางสู่ดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอาคมและตำนานโบราณ เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของราชวงศ์


ระหว่างการเดินทาง ทั้งคู่เริ่มมองเห็นกันในมุมที่แตกต่างออกไป จากที่เคยเป็นเพียงเงากับสายตาที่คอยจับผิด กลับกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ถักทอขึ้นอย่างช้าๆ ในม่านหมอกแห่งความลวงและอันตราย


แต่…ซือเหยาจะสามารถมีชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลนี้ได้หรือไม่? และเหวินจิ้งจะยอมรับความรู้สึกที่เขามีให้กับชายผู้เป็น “ขันทีปลอม” ได้หรือเปล่า?

สารบัญ

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 1 เงาไร้ตัวตน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 2 เงาในกรงทอง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 3 พายุที่กำลังมาเยือน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 4 เพลิงไฟแห่งการกบฏ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 5 ทางรอดและเส้นทางที่แยกจากกัน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 6 บุปผาที่ร่วงหล่น,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 7 กุหลาบกลางพายุ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 8 เงามืดใต้จันทร์เพ็ญ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 9 เงาสะท้อนในห้วงอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 10 ใต้เงาจันทร์และคำสัญญาที่ถูกลืม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 11 เส้นทางแห่งเงาและแสงสว่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 12 ม่านหมอกแห่งปริศนา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 13 เงาอดีตและความลับที่ถูกซ่อนไว้,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 14 เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 15 ทางแยกของชะตากรรม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 16 เงาในม่านรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 17 แสงจันทร์และคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 18 ราตรีใต้เงาจันทร์,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 19 เงาแห่งอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 20 เส้นทางแห่งคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 21 ทางแยกของเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 22 เงาในวังหลวง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 23 ราชันย์ผู้ร่วงโรย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 24 เงาลวงในราตรี,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 25 เพลิงแค้นและคำสาบาน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 26 ฝีเท้าในห้วงรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 27 คมมีดใต้จันทร์กระจ่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 28 เส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 29 บุปผาราตรีกลางป่าลี้ลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 30 เสียงกระซิบจากหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 31 วิหารแห่งเสียงเงียบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 32 ม่านหมอกแห่งใจ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 33 ใจกลางหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 34 เสียงสะท้อนจากหีบผนึก,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 35 ผู้พิทักษ์ในเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 36 เปลวเพลิงแห่งแดนมังกร,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 37 เพลิงพิภพ

เนื้อหา

บทที่ 12 ม่านหมอกแห่งปริศนา


อารามหลงอวิ๋นตั้งตระหง่านอยู่เหนือยอดเขาสูงลิบ ประตูไม้โบราณที่เปิดออกอย่างเงียบงันเผยให้เห็นทางเดินทอดยาวเข้าไปในม่านหมอกสีขาว บันไดหินเก่าแก่เรียงตัวเป็นขั้นขึ้นไปสู่ด้านใน ทุกย่างก้าวที่พวกเขาก้าวเดิน เสียงฝีเท้ากระทบบนพื้นหินดังสะท้อนเบาๆไปทั่วทั้งอาราม

ซือเหยากวาดตามองรอบกาย ภายในอารามมีบรรยากาศแปลกประหลาด มันสงบเงียบเกินไป ราวกับเวลาถูกหยุดนิ่ง


“ที่นี่ไม่มีผู้คนเลยหรือ?”   เขาพึมพำเบาๆ


เหวินจิ้งเดินนำอยู่ด้านหน้า ดวงตาคมกริบของเขาสำรวจไปรอบๆ   “อารามหลงอวิ๋นไม่ได้ต้อนรับแขกทั่วไป อาจมีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นี่”


ซือเหยาพยักหน้าเบาๆ แม้ในใจจะยังรู้สึกแปลกประหลาด


บันไดหินทอดยาวขึ้นไปเรื่อยๆ ก่อนที่พวกเขาจะไปหยุดอยู่ที่ลานกว้างกลางอาราม ตรงกลางลานมีแท่นหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ รอบข้างเต็มไปด้วยเสาไม้เก่าแก่ที่แกะสลักเป็นอักษรโบราณที่เลือนรางไปตามกาลเวลา


“ที่นี่คือศูนย์กลางของอาราม”   ชายชราที่นำทางพวกเขากล่าวขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดินเข้ามา   “และที่นี่คือจุดที่พวกเจ้าจะได้รับคำตอบ”


ซือเหยากับเหวินจิ้งหันมามองหน้ากัน ก่อนที่เสียงของชายชราจะดังขึ้นอีกครั้ง


“แต่ก่อนที่พวกเจ้าจะได้รู้ความจริง—”   เขาหยุดพูดเล็กน้อย ดวงตาจับจ้องไปยังซือเหยา   “—เจ้าจำต้องเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเองเสียก่อน”


ทันใดนั้นเอง ลมเย็นยะเยือกพัดผ่าน เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นรอบตัวซือเหยา มันไม่ใช่เสียงของคนในอาราม ไม่ใช่เสียงของเหวินจิ้ง แต่เป็นเสียงที่ดังก้องอยู่ในจิตใจของเขาเอง


“ซือเหยา… เจ้าจะลืมข้าไปแล้วหรือ?”


ซือเหยาตัวแข็งทื่อ ภาพเลือนรางของใครบางคนวูบผ่านในหัว ภาพของมือเล็กๆ ที่เคยยื่นมาหาเขา ภาพของรอยยิ้มอบอุ่นที่แฝงไปด้วยความเศร้า


“เจ้าจะทอดทิ้งข้าเหมือนที่ทุกคนทอดทิ้งข้าหรือไม่?”


หัวใจของเขาบีบรัดแน่น ร่างกายราวกับถูกตรึงเอาไว้ที่เดิม


เจ้าทำอะไรกับเขา!”   เสียงของเหวินจิ้งดังขึ้น พร้อมกับแรงสะบัดที่กระชากซือเหยาให้หลุดออกจากภวังค์


ชายชราส่ายหน้าเล็กน้อย   “ข้าไม่ได้ทำอะไร ข้าเพียงเปิดประตูให้เขา”


ซือเหยาหายใจหอบหนัก ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดหวั่น

ภาพเลือนรางเหล่านั้นคืออะไร?

ทำไมเขาถึงจำไม่ได้?


“นี่หมายความว่าอะไร?”   เขาถามเสียงแหบ


ชายชรามองมาที่เขานิ่งๆ ก่อนจะกล่าวขึ้น   “เจ้ามาที่นี่เพื่อค้นหาความจริง—แต่ความจริงมิได้มีเพียงเรื่องของราชบัลลังก์ หากรวมถึงเรื่องของเจ้าเองด้วย”


“เจ้ากำลังจะบอกว่าความลับของข้าอยู่ที่นี่?”


ชายชราพยักหน้า   “ใช่—และหากเจ้าต้องการรู้ความจริง เจ้าจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับมัน”


ซือเหยากำหมัดแน่น เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตอบช้าๆ


“ข้าพร้อมแล้ว”








ประตูไม้เก่าแก่ที่อยู่เบื้องหน้าค่อยๆแยกออก เผยให้เห็นทางเดินทอดยาวเข้าไปสู่ความมืด ซือเหยาก้าวเข้าไปอย่างลังเล เหวินจิ้งก้าวตามมาติดๆโดยไม่พูดอะไร

ทางเดินมืดมิดราวกับไร้จุดสิ้นสุด แต่เมื่อพวกเขาก้าวลึกเข้าไปเรื่อยๆ แสงไฟก็เริ่มส่องประกายขึ้นทีละน้อย ผนังรอบข้างเต็มไปด้วยจารึกโบราณที่ไม่อาจอ่านออก


“สถานที่นี้… ราวกับถูกสร้างขึ้นเพื่อเก็บความลับ”   เหวินจิ้งเอ่ยขึ้น


“ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้น”   ซือเหยากล่าวเสียงแผ่ว


ไม่นาน พวกเขาก็เดินมาถึงห้องโถงขนาดใหญ่ ที่กลางห้องมีแท่นหินตั้งอยู่ บนแท่นนั้นมีม้วนกระดาษเก่าแก่ถูกวางอยู่ ซือเหยาก้าวเข้าไปใกล้ ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือไปแตะมัน ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกับกระดาษ ภาพในหัวของเขาก็พลันพรั่งพรูออกมา








เด็กชายตัวเล็กยืนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกโชน เขามองไปรอบตัว เห็นร่างของผู้คนที่ล้มลงอย่างไร้ชีวิต


เสียงกรีดร้องของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น   “ซือเหยา! วิ่งไป!”


เด็กชายตัวสั่นเทา เขาหันหลังและออกวิ่งโดยไม่หันกลับมา

เสียงฝีเท้าของทหารดังก้องไล่ตามมา เสียงตะโกน สะท้อนอยู่ในหัวของเขา


จับตัวเด็กคนนั้นไว้!


เลือดเปรอะเปื้อนบนใบหน้าเด็กน้อย ขณะที่เขาวิ่งฝ่ากองเพลิง ฝ่าความโกลาหล

และจากนั้น—








ซือเหยา!


เสียงของเหวินจิ้งดังขึ้น ทำให้ซือเหยาสะดุ้งกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เขาหอบหายใจหนัก รู้สึกถึงเหงื่อเย็นที่ไหลลงมาตามขมับ


“เกิดอะไรขึ้น?”   เหวินจิ้งถามเสียงเคร่ง


ซือเหยากำกระดาษในมือแน่น ดวงตาสั่นไหว   “ข้า… ข้าจำได้แล้ว”


“จำอะไร?”


ซือเหยาหันไปมองเหวินจิ้ง ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว


“ข้ามิใช่เพียงขันทีปลอม—แต่ข้าเป็นผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์กวาดล้างของตระกูลใหญ่เมื่อสิบปีก่อน”


เหวินจิ้งตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง


“หมายความว่า…”


ซือเหยาเม้มปากแน่น   “ใช่—ข้าอาจเป็นกุญแจสำคัญของความจริงที่ถูกปกปิดมาโดยตลอด”