“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา - บทที่ 17 แสงจันทร์และคมดาบ โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

ผู้แต่ง

นิลสุวาน.

เรื่องย่อ

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว—เขาไม่ใช่ขันที เขาถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตภายใต้ฐานะที่มิใช่ตัวเอง เพียงเพื่อรับใช้และแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของครอบครัว


วันหนึ่ง “เหวินจิ้ง” แม่ทัพหนุ่มผู้มีดวงตาดั่งเหยี่ยวจับจ้องมายังเขาด้วยสายตาสงสัย “เจ้าดูไม่เหมือนขันที” เหวินจิ้งกล่าว พลางเดินเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้า ซือเหยาหลบสายตานั้น แต่มือกลับกำดาบแน่น—หากความลับของเขาถูกเปิดเผย ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่


ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ วังหลวงลุกเป็นไฟ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—เหวินจิ้ง แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่เคยบอกว่า “เจ้าดูไม่เหมือนขันที”


ซือเหยาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหวินจิ้งจึงยอมเสี่ยงช่วยเขา แต่ทั้งสองจำต้องหลบหนีออกจากวัง และเริ่มต้นการเดินทางสู่ดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอาคมและตำนานโบราณ เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของราชวงศ์


ระหว่างการเดินทาง ทั้งคู่เริ่มมองเห็นกันในมุมที่แตกต่างออกไป จากที่เคยเป็นเพียงเงากับสายตาที่คอยจับผิด กลับกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ถักทอขึ้นอย่างช้าๆ ในม่านหมอกแห่งความลวงและอันตราย


แต่…ซือเหยาจะสามารถมีชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลนี้ได้หรือไม่? และเหวินจิ้งจะยอมรับความรู้สึกที่เขามีให้กับชายผู้เป็น “ขันทีปลอม” ได้หรือเปล่า?

สารบัญ

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 1 เงาไร้ตัวตน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 2 เงาในกรงทอง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 3 พายุที่กำลังมาเยือน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 4 เพลิงไฟแห่งการกบฏ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 5 ทางรอดและเส้นทางที่แยกจากกัน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 6 บุปผาที่ร่วงหล่น,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 7 กุหลาบกลางพายุ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 8 เงามืดใต้จันทร์เพ็ญ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 9 เงาสะท้อนในห้วงอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 10 ใต้เงาจันทร์และคำสัญญาที่ถูกลืม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 11 เส้นทางแห่งเงาและแสงสว่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 12 ม่านหมอกแห่งปริศนา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 13 เงาอดีตและความลับที่ถูกซ่อนไว้,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 14 เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 15 ทางแยกของชะตากรรม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 16 เงาในม่านรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 17 แสงจันทร์และคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 18 ราตรีใต้เงาจันทร์,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 19 เงาแห่งอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 20 เส้นทางแห่งคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 21 ทางแยกของเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 22 เงาในวังหลวง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 23 ราชันย์ผู้ร่วงโรย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 24 เงาลวงในราตรี,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 25 เพลิงแค้นและคำสาบาน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 26 ฝีเท้าในห้วงรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 27 คมมีดใต้จันทร์กระจ่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 28 เส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 29 บุปผาราตรีกลางป่าลี้ลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 30 เสียงกระซิบจากหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 31 วิหารแห่งเสียงเงียบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 32 ม่านหมอกแห่งใจ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 33 ใจกลางหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 34 เสียงสะท้อนจากหีบผนึก,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 35 ผู้พิทักษ์ในเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 36 เปลวเพลิงแห่งแดนมังกร,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 37 เพลิงพิภพ

เนื้อหา

บทที่ 17 แสงจันทร์และคมดาบ


สายลมเย็นของค่ำคืนพัดผ่านใบไม้สูงใหญ่ ก่อให้เกิดเสียงกรอบแกรบเบาๆที่สะท้อนอยู่ในป่าทึบ แม้พวกเขาจะหลบหนีจากเงื้อมมือของกองทัพตระกูลหลี่มาได้ชั่วคราว แต่ซือเหยาและเหวินจิ้งต่างรู้ดีว่าความปลอดภัยเป็นเพียงภาพลวงตาที่ล่อให้ผู้คนตายใจ พวกเขายังไม่อาจหยุดพักได้

ซือเหยากระชับเสื้อคลุมให้แนบตัวมากขึ้น ขณะที่ดวงตาคอยจับจ้องความเคลื่อนไหวรอบด้าน เสียงน้ำไหลของแม่น้ำยังคงดังอยู่ไม่ไกลนัก มันเป็นเสียงเดียวที่ช่วยปลอบประโลมความตึงเครียดในใจของเขาได้

เหวินจิ้งเดินอยู่ข้างหน้า มือข้างหนึ่งจับด้ามดาบเอาไว้แน่น แม้ท่วงท่าของเขาจะดูสงบนิ่ง แต่ซือเหยาก็รู้ดีว่าชายหนุ่มกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทุกเมื่อ


“เราควรหาที่พักก่อนฟ้าสาง”   ซือเหยากล่าวเบาๆ


เหวินจิ้งพยักหน้า   “ข้างหน้ามีแนวหน้าผา หากเราไปถึงที่นั่น อาจหาถ้ำหรือซอกหินที่ซ่อนตัวได้”


พวกเขาเดินทางไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยโขดหินและกิ่งไม้แห้ง สัมผัสของพื้นดินเย็นชื้นยิ่งทำให้ร่างกายที่เหนื่อยล้าแทบจะหมดเรี่ยวแรง


แต่แล้ว—เสียงแหวกอากาศของลูกธนูดังขึ้นจากความมืด!


ซือเหยาตอบสนองแทบจะในทันที ร่างของเขาพุ่งต่ำลงขณะที่ลูกธนูพุ่งเฉียดผ่านไหล่ไปเพียงเสี้ยววินาที เหวินจิ้งเองก็รีบชักดาบออกจากฝัก แสงของจันทร์กระทบกับใบมีดจนเกิดประกายเย็นเยียบ


ศัตรูอยู่ทางไหน!?”   ซือเหยากระซิบถาม ขณะที่พยายามเพ่งมองไปยังต้นไม้หนาทึบเบื้องหน้า


ซ้าย!”   เหวินจิ้งตอบพร้อมกับยกดาบขึ้นป้องกัน ขณะที่เงาร่างของคนชุดดำสามคนพุ่งออกมาจากพุ่มไม้


ซือเหยาถอยหลังไปหนึ่งก้าว มือข้างหนึ่งคว้ามีดสั้นจากเอวของตน ก่อนจะใช้มันสะท้อนแสงจันทร์ให้กระทบกับดวงตาของศัตรูที่กำลังเข้ามาใกล้

หนึ่งในนั้นสบถออกมาเมื่อแสงสะท้อนเข้าตา มันเสียจังหวะเพียงเสี้ยววินาที แต่ก็เพียงพอให้เหวินจิ้งพุ่งเข้าไปโจมตี ดาบของเขาพลิ้วไหวราวกับสายลม แต่กลับหนักแน่นดุจภูผา การฟาดฟันของเขาคมกริบและไร้ความลังเล


อั่ก!


เสียงของศัตรูหนึ่งในนั้นดังขึ้นเมื่อถูกปลายดาบของเหวินจิ้งเฉือนผ่านแขน โลหิตสีแดงฉานไหลลงบนพื้นดิน ซือเหยาใช้โอกาสนั้นก้าวเข้าไปข้างหลังของศัตรูอีกคน ก่อนจะฟาดด้ามมีดเข้าที่ต้นคอของมันอย่างแม่นยำ ร่างของมันทรุดลงไปกับพื้นทันที

แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้พักหายใจ คนชุดดำที่เหลืออยู่ก็กระชับอาวุธในมือ ดวงตาของพวกมันเป็นประกายเย็นชา








ซือเหยากับเหวินจิ้งยืนหันหลังให้กัน ล้อมรอบด้วยศัตรูสองคนที่ยังเหลืออยู่


“พวกมันฝีมือไม่ธรรมดา”   ซือเหยากล่าว น้ำเสียงแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความจริงจัง


“แต่เราก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน”   เหวินจิ้งตอบพลางกระชับดาบในมือ


เสียงสายลมพัดผ่านยอดไม้ ก่อนที่ทุกอย่างจะตกอยู่ในความเงียบที่อึดอัด แล้วการต่อสู้ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง ศัตรูทั้งสองพุ่งเข้าโจมตีพร้อมกัน หนึ่งในนั้นเล็งไปที่ซือเหยาโดยตรง ขณะที่อีกคนปะทะกับเหวินจิ้ง

ซือเหยาหลบการโจมตีครั้งแรกของคู่ต่อสู้ได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนจะใช้ความว่องไวของตนพุ่งเข้าไปในระยะประชิด เขาอาศัยความคล่องแคล่วเป็นหลัก เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่มีพละกำลังมากพอที่จะปะทะซึ่งๆหน้า มีดสั้นในมือเขาเฉือนผ่านผ้าคลุมของศัตรูได้สำเร็จ แต่กลับไม่ทันได้สัมผัสถึงเลือด เนื่องจากอีกฝ่ายหลบได้เร็วเช่นกัน


“เร็วจริงๆ”   ซือเหยาพึมพำกับตัวเอง


แต่ทันใดนั้น ศัตรูกลับเปลี่ยนกระบวนท่าอย่างฉับพลัน ดาบของมันพุ่งเข้ามาทางซี่โครงของซือเหยา


ฉึก!


ความเจ็บแปลบแล่นปราดขึ้นมาทันที ดาบของศัตรูไม่ได้เข้าเป้าสนิทนัก แต่มันกรีดผ่านเนื้อของซือเหยาจนเกิดแผลลึก ซือเหยากัดฟันแน่น ขณะที่โลหิตไหลซึมออกจากบาดแผล เสื้อผ้าของเขาเปียกชื้นไปด้วยเลือด

แต่ก่อนที่ศัตรูจะซ้ำเติมอีกครั้ง—เสียงของดาบที่ปะทะกันดังขึ้นทางด้านข้าง เหวินจิ้งจัดการศัตรูของตนได้สำเร็จแล้ว และตอนนี้เขากำลังพุ่งเข้ามาหาซือเหยา


ฉัวะ!


เสียงของดาบที่ฟันผ่านเนื้อดังขึ้น ศัตรูของซือเหยาทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดสิ้น

ซือเหยาหอบหายใจ ลมหายใจของเขาหนักหน่วงขึ้นจากบาดแผลที่ได้รับ แต่ดวงตาของเขายังคงแน่วแน่


เหวินจิ้งรีบเข้ามาพยุงตัวเขาเอาไว้   “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”


“ไม่ตาย”   ซือเหยากล่าวติดตลก แม้จะรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด


เหวินจิ้งถอนหายใจ ก่อนจะพยุงเขาไปนั่งพิงต้นไม้   “พักก่อน ข้าจะดูแผลให้”


ซือเหยาไม่ขัดขืน ปล่อยให้เหวินจิ้งฉีกชายเสื้อของตนมาพันแผลให้ชั่วคราว

สายลมยังคงพัดผ่านยอดไม้ แสงจันทร์สีเงินยังคงสาดส่องลงมา ขณะที่สองร่างนั่งอยู่เคียงข้างกันท่ามกลางซากศพของศัตรู


“เราต้องไปต่อโดยเร็ว”   เหวินจิ้งกล่าว   “ข้าคิดว่าพวกมันอาจไม่ใช่กลุ่มสุดท้าย”


ซือเหยาพยักหน้า แม้ร่างกายจะอ่อนล้า แต่หัวใจของเขายังคงเต้นแรง

นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของค่ำคืนแห่งคมดาบและเลือดเท่านั้น…