“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา - บทที่ 18 ราตรีใต้เงาจันทร์ โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

ผู้แต่ง

นิลสุวาน.

เรื่องย่อ

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว—เขาไม่ใช่ขันที เขาถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตภายใต้ฐานะที่มิใช่ตัวเอง เพียงเพื่อรับใช้และแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของครอบครัว


วันหนึ่ง “เหวินจิ้ง” แม่ทัพหนุ่มผู้มีดวงตาดั่งเหยี่ยวจับจ้องมายังเขาด้วยสายตาสงสัย “เจ้าดูไม่เหมือนขันที” เหวินจิ้งกล่าว พลางเดินเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้า ซือเหยาหลบสายตานั้น แต่มือกลับกำดาบแน่น—หากความลับของเขาถูกเปิดเผย ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่


ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ วังหลวงลุกเป็นไฟ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—เหวินจิ้ง แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่เคยบอกว่า “เจ้าดูไม่เหมือนขันที”


ซือเหยาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหวินจิ้งจึงยอมเสี่ยงช่วยเขา แต่ทั้งสองจำต้องหลบหนีออกจากวัง และเริ่มต้นการเดินทางสู่ดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอาคมและตำนานโบราณ เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของราชวงศ์


ระหว่างการเดินทาง ทั้งคู่เริ่มมองเห็นกันในมุมที่แตกต่างออกไป จากที่เคยเป็นเพียงเงากับสายตาที่คอยจับผิด กลับกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ถักทอขึ้นอย่างช้าๆ ในม่านหมอกแห่งความลวงและอันตราย


แต่…ซือเหยาจะสามารถมีชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลนี้ได้หรือไม่? และเหวินจิ้งจะยอมรับความรู้สึกที่เขามีให้กับชายผู้เป็น “ขันทีปลอม” ได้หรือเปล่า?

สารบัญ

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 1 เงาไร้ตัวตน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 2 เงาในกรงทอง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 3 พายุที่กำลังมาเยือน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 4 เพลิงไฟแห่งการกบฏ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 5 ทางรอดและเส้นทางที่แยกจากกัน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 6 บุปผาที่ร่วงหล่น,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 7 กุหลาบกลางพายุ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 8 เงามืดใต้จันทร์เพ็ญ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 9 เงาสะท้อนในห้วงอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 10 ใต้เงาจันทร์และคำสัญญาที่ถูกลืม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 11 เส้นทางแห่งเงาและแสงสว่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 12 ม่านหมอกแห่งปริศนา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 13 เงาอดีตและความลับที่ถูกซ่อนไว้,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 14 เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 15 ทางแยกของชะตากรรม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 16 เงาในม่านรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 17 แสงจันทร์และคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 18 ราตรีใต้เงาจันทร์,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 19 เงาแห่งอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 20 เส้นทางแห่งคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 21 ทางแยกของเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 22 เงาในวังหลวง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 23 ราชันย์ผู้ร่วงโรย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 24 เงาลวงในราตรี,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 25 เพลิงแค้นและคำสาบาน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 26 ฝีเท้าในห้วงรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 27 คมมีดใต้จันทร์กระจ่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 28 เส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 29 บุปผาราตรีกลางป่าลี้ลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 30 เสียงกระซิบจากหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 31 วิหารแห่งเสียงเงียบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 32 ม่านหมอกแห่งใจ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 33 ใจกลางหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 34 เสียงสะท้อนจากหีบผนึก,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 35 ผู้พิทักษ์ในเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 36 เปลวเพลิงแห่งแดนมังกร,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 37 เพลิงพิภพ

เนื้อหา

บทที่ 18 ราตรีใต้เงาจันทร์


แม้ศัตรูจะถูกกำจัดไปแล้ว แต่ความเงียบงันของป่ากลับไม่นำมาซึ่งความสงบ ซือเหยาพิงต้นไม้อย่างเหนื่อยล้า ขณะที่เหวินจิ้งนั่งอยู่ข้างๆคอยจับตาดูอาการของเขา


“แผลเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”   เสียงของเหวินจิ้งฟังดูราบเรียบ แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความกังวล


ซือเหยาเหลือบตามองเขาก่อนจะยิ้มบาง   “เลือดหยุดไหลแล้ว”


“แต่เจ้ายังหน้าซีดอยู่”


“ก็แค่เสียเลือดไปหน่อย”   ซือเหยาตอบเสียงแผ่ว


เหวินจิ้งมองเขาอย่างไม่พอใจ ก่อนจะยื่นน้ำเต้าให้   “ดื่มซะ มันอาจช่วยให้เจ้าดีขึ้น”


ซือเหยารับน้ำเต้ามาจิบเพียงเล็กน้อยก่อนจะส่งคืนให้ อีกฝ่ายยังคงมองเขาอย่างจับผิดราวกับไม่พอใจที่เขาดื่มน้อยเกินไป


“อย่าทำหน้าตาแบบนั้น ข้ายังไหว”   ซือเหยากล่าว ขณะที่พยายามยันตัวขึ้นนั่งให้ตรงกว่าเดิม


เหวินจิ้งถอนหายใจ ก่อนจะเอนตัวพิงต้นไม้ข้างๆ   “เราคงต้องพักที่นี่ชั่วคราว ก่อนเดินทางต่อในเช้าวันพรุ่ง”


ซือเหยาไม่ได้ปฏิเสธ พวกเขาผ่านการต่อสู้มา และร่างกายของเขาก็ไม่ได้แข็งแรงถึงขั้นจะฝืนเดินทางต่อไปได้ในทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เมฆบางลอยกระจัดกระจาย แสงจันทร์สีเงินส่องผ่านใบไม้ลงมาเป็นลำแสงสลัว ทุกสิ่งรอบกายช่างดูเงียบเหงาแต่ก็งดงาม


“ราตรีที่เงียบงันเช่นนี้… นานแค่ไหนแล้วที่ข้าไม่ได้มีโอกาสหยุดพักเช่นนี้?”


เสียงลมหายใจของพวกเขาผสานไปกับเสียงของแมลงกลางคืนที่ขับขานเพลงแห่งราตรี

ซือเหยามองเหวินจิ้งแวบหนึ่ง อีกฝ่ายนั่งนิ่ง ปลายดาบวางอยู่ข้างตัว แต่ดวงตาของเขายังคงคมกริบราวกับพร้อมเผชิญหน้ากับศัตรูได้ทุกเมื่อ


“เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่”   ซือเหยากล่าวขึ้นเบาๆ   “ว่าอนาคตของเราจะเป็นเช่นไร?”


เหวินจิ้งเลิกคิ้วเล็กน้อย   “ทำไมจู่ๆถึงถามเช่นนั้น?”


ซือเหยาหัวเราะเบาๆ   “ไม่มีอะไร ข้าแค่สงสัย… หากทุกอย่างจบลง เราจะไปที่ใดกัน?”


เหวินจิ้งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น   “ตราบใดที่เจ้ามีชีวิตรอด ข้าไม่สนใจว่าเราจะต้องไปที่ใด”


ซือเหยาเบิกตากว้างเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าเหวินจิ้งจะตอบเช่นนี้ แต่กลับรู้สึกถึงความอบอุ่นบางอย่างที่แผ่ซ่านขึ้นมาในอก


“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรโดยไร้ความหมาย”   ซือเหยากล่าวพลางมองเขา   “แต่ข้าก็ยังสงสัย… ทำไมเจ้าถึงช่วยข้าหลายต่อหลายครั้ง?”


เหวินจิ้งหันมามองเขา ดวงตาคู่นั้นดูนิ่งสงบแต่กลับลึกล้ำ


“เพราะข้าไม่อยากเห็นเจ้าตาย”


เพียงประโยคเดียว แต่กลับมีน้ำหนักมากกว่าพันคำพูด

ซือเหยาไม่รู้ว่าตัวเองควรตอบอะไร เขาเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปมองแสงจันทร์ที่ทอประกายเหนือยอดไม้แทน


“ข้าก็ไม่อยากตาย”   เขาพึมพำเบาๆ


เหวินจิ้งยิ้มบาง ก่อนจะเอนตัวลงนอนกับพื้นดิน   “เช่นนั้นก็จงมีชีวิตรอดต่อไป”


ซือเหยาไม่ได้ตอบ แต่คำพูดของเหวินจิ้งกลับดังก้องอยู่ในห้วงความคิดของเขาตลอดทั้งคืน








แม้ทุกอย่างจะดูสงบ แต่ในเงามืดยังคงมีดวงตาที่จับจ้องพวกเขาอยู่

เหนือหน้าผาที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่ซือเหยาและเหวินจิ้งพักอยู่ เงาร่างของใครบางคนยืนอยู่ภายใต้เงาจันทร์


“ขันทีปลอมนั่นรอดมาได้งั้นหรือ?”   เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น


“ดูเหมือนว่าแม่ทัพเหวินจิ้งจะปกป้องมันอย่างดี”   อีกเสียงหนึ่งตอบ


ชายผู้ยืนอยู่เบื้องหน้ากอดอกพลางมองลงไปยังป่าทึบ แววตาของเขาเย็นชาและเต็มไปด้วยความคาดการณ์บางอย่าง


“น่าสนใจ… เช่นนั้นเราก็ต้องรอดูว่าพวกมันจะไปได้ไกลแค่ไหน”