“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา - บทที่ 24 เงาลวงในราตรี โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

ผู้แต่ง

นิลสุวาน.

เรื่องย่อ

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว—เขาไม่ใช่ขันที เขาถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตภายใต้ฐานะที่มิใช่ตัวเอง เพียงเพื่อรับใช้และแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของครอบครัว


วันหนึ่ง “เหวินจิ้ง” แม่ทัพหนุ่มผู้มีดวงตาดั่งเหยี่ยวจับจ้องมายังเขาด้วยสายตาสงสัย “เจ้าดูไม่เหมือนขันที” เหวินจิ้งกล่าว พลางเดินเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้า ซือเหยาหลบสายตานั้น แต่มือกลับกำดาบแน่น—หากความลับของเขาถูกเปิดเผย ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่


ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ วังหลวงลุกเป็นไฟ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—เหวินจิ้ง แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่เคยบอกว่า “เจ้าดูไม่เหมือนขันที”


ซือเหยาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหวินจิ้งจึงยอมเสี่ยงช่วยเขา แต่ทั้งสองจำต้องหลบหนีออกจากวัง และเริ่มต้นการเดินทางสู่ดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอาคมและตำนานโบราณ เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของราชวงศ์


ระหว่างการเดินทาง ทั้งคู่เริ่มมองเห็นกันในมุมที่แตกต่างออกไป จากที่เคยเป็นเพียงเงากับสายตาที่คอยจับผิด กลับกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ถักทอขึ้นอย่างช้าๆ ในม่านหมอกแห่งความลวงและอันตราย


แต่…ซือเหยาจะสามารถมีชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลนี้ได้หรือไม่? และเหวินจิ้งจะยอมรับความรู้สึกที่เขามีให้กับชายผู้เป็น “ขันทีปลอม” ได้หรือเปล่า?

สารบัญ

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 1 เงาไร้ตัวตน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 2 เงาในกรงทอง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 3 พายุที่กำลังมาเยือน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 4 เพลิงไฟแห่งการกบฏ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 5 ทางรอดและเส้นทางที่แยกจากกัน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 6 บุปผาที่ร่วงหล่น,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 7 กุหลาบกลางพายุ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 8 เงามืดใต้จันทร์เพ็ญ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 9 เงาสะท้อนในห้วงอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 10 ใต้เงาจันทร์และคำสัญญาที่ถูกลืม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 11 เส้นทางแห่งเงาและแสงสว่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 12 ม่านหมอกแห่งปริศนา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 13 เงาอดีตและความลับที่ถูกซ่อนไว้,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 14 เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 15 ทางแยกของชะตากรรม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 16 เงาในม่านรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 17 แสงจันทร์และคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 18 ราตรีใต้เงาจันทร์,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 19 เงาแห่งอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 20 เส้นทางแห่งคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 21 ทางแยกของเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 22 เงาในวังหลวง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 23 ราชันย์ผู้ร่วงโรย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 24 เงาลวงในราตรี,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 25 เพลิงแค้นและคำสาบาน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 26 ฝีเท้าในห้วงรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 27 คมมีดใต้จันทร์กระจ่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 28 เส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 29 บุปผาราตรีกลางป่าลี้ลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 30 เสียงกระซิบจากหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 31 วิหารแห่งเสียงเงียบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 32 ม่านหมอกแห่งใจ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 33 ใจกลางหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 34 เสียงสะท้อนจากหีบผนึก,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 35 ผู้พิทักษ์ในเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 36 เปลวเพลิงแห่งแดนมังกร,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 37 เพลิงพิภพ

เนื้อหา

บทที่ 24 เงาลวงในราตรี


สายลมค่ำคืนพัดผ่านกำแพงวังสูงตระหง่าน ราตรีนี้ดูเงียบสงัดเกินกว่าปกติ มีเพียงเสียงใบไม้เสียดสีกันเบาๆ และเงาของเหล่าทหารเวรยามที่เดินลาดตระเวนอย่างแข็งขัน ซือเหยาซ่อนตัวอยู่หลังเสากลางตำหนัก ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องไปยังระเบียงด้านนอก หูของเขาฟังเสียงฝีเท้าอย่างระมัดระวัง

ด้านหลังของเขา ฮ่องเต้ผู้ไร้บัลลังก์นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เก่าๆ แววตาของพระองค์เคร่งขรึม ผสมปนเปไปด้วยความกังวลและหวังริบหรี่


“เจ้าคิดว่ามันจะสำเร็จหรือไม่?”   พระองค์เอ่ยเสียงเบา


ซือเหยาเหลือบมองเหวินจิ้งที่กำลังตรวจสอบแผนที่ผืนเล็กที่พวกเขาวาดขึ้นอย่างลวกๆ บนกระดาษขาวหม่น   “ไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”


“ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ขอให้ฟ้าคุ้มครองเรา”   ฮ่องเต้ถอนหายใจเบาๆ


พวกเขาวางแผนกันอย่างละเอียดรอบคอบ แต่ถึงกระนั้นซือเหยาก็ยังรู้ดีว่า—ไม่มีแผนใดที่สมบูรณ์แบบ ยิ่งเป็นการพาราชันย์ออกจากวังหลวงที่ถูกปกครองด้วยอำนาจใหม่เช่นนี้ ทุกย่างก้าวคือความเสี่ยง


“ข้าจะเป็นคนนำไปเอง”   ซือเหยากล่าว


เหวินจิ้งเหลือบตามองเขา ก่อนจะพยักหน้า   “เช่นนั้นข้าจะคอยระวังหลังให้”


ซือเหยาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเหลือบมองฮ่องเต้ที่กำลังประคองตัวลุกขึ้น แม้พระองค์จะเคยเป็นผู้ปกครองแผ่นดินที่ยังหนุ่มยังแน่น แต่บัดนี้พระองค์ดูเหมือนชายชราธรรมดาเพียงคนหนึ่ง—ไร้บัลลังก์ ไร้ข้ารับใช้ และอาจไร้ซึ่งวันพรุ่งนี้


“พวกเราต้องออกจากที่นี่ก่อนที่ยามเปลี่ยนเวร”   ซือเหยากล่าว   “มีช่องทางลับใต้ตำหนักนี้ ข้าเคยใช้มันเมื่อหลายปีก่อน”


เหวินจิ้งเลิกคิ้ว   “ทางลับ?”


ซือเหยาพยักหน้า   “มีเพียงไม่กี่คนที่รู้”


“เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ”   ฮ่องเต้กล่าวเสียงเรียบ   “ก่อนที่ฟ้าจะทันสว่าง”








พวกเขาใช้เส้นทางใต้ดินซึ่งทอดยาวไปสู่สวนหลังวัง ประตูทางออกเป็นเพียงบานไม้เก่าผุพังที่ถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์ ซือเหยาค่อยๆ ผลักมันออก เสียงไม้เก่าร้องลั่นเบาๆ แต่โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ใกล้พอจะได้ยิน

อากาศเย็นเฉียบของรัตติกาลปะทะใบหน้าของพวกเขา ท้องฟ้าดำสนิท มีเพียงแสงดาวประปรายเป็นเครื่องนำทาง


“จากตรงนี้เราต้องเร่งฝีเท้า”   ซือเหยากล่าว พลางมองไปยังทางเดินแคบๆ ที่ทอดยาวไปยังตรอกด้านนอก


“ระวังตัวให้ดี”   เหวินจิ้งกล่าวเตือน ก่อนจะจับดาบที่เอวแน่นขึ้น


พวกเขาเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบ ฝีเท้าของแต่ละคนแทบไม่ส่งเสียง แต่ซือเหยารู้สึกได้ถึงบางอย่าง—เงามืดบางอย่างที่คืบคลานอยู่เบื้องหลัง








ขณะที่พวกเขาเดินผ่านสวนหลังวัง เสียงฝีเท้าเบาหวิวก็ดังขึ้นเบื้องหลัง ซือเหยาหันขวับไปทันที ดวงตาของเขาสบเข้ากับเงาคนกลุ่มหนึ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในความมืด


“มีคนตามมา”   เหวินจิ้งกล่าวเสียงเข้ม


ซือเหยาไม่รอช้า เขาคว้าแขนของฮ่องเต้ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้า ทว่าทันใดนั้น เสียงของดาบที่ถูกชักออกจากฝักก็ดังก้องไปทั่วสวน


“ไปต่อไม่ได้แล้ว”   เหวินจิ้งกระซิบ   “เตรียมตัวให้พร้อม”


เงาในความมืดปรากฏชัดขึ้น กลุ่มคนในชุดดำพุ่งตัวออกมาล้อมพวกเขาเอาไว้ ดวงตาของพวกมันเย็นชา และไร้ซึ่งความปรานี


“พวกเจ้าคิดหรือว่าหนีไปได้?”   ชายคนหนึ่งในชุดดำเอ่ย


ซือเหยากำดาบแน่น   “ข้าไม่คิดหนี ข้าคิดจะสู้ต่างหาก”


“ข้าก็เช่นกัน”   เหวินจิ้งกล่าวเสียงต่ำ ก่อนจะตั้งท่าเตรียมต่อสู้


และภายในเสี้ยววินาทีนั้น เสียงดาบก็ปะทะกันกลางราตรี

ศัตรูเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว พวกมันไม่ใช่ทหารธรรมดา แต่เป็นมือสังหารฝีมือดีที่ถูกส่งมาเพื่อล่าพวกเขาโดยเฉพาะ

ซือเหยาฟาดดาบออกไป ปะทะกับคมมีดของศัตรูอย่างแรงจนประกายไฟแลบขึ้น เสียงเหล็กกระทบกันก้องกังวาน เหวินจิ้งเองก็กวัดแกว่งดาบของเขาอย่างคล่องแคล่ว ฟาดฟันศัตรูที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่ลดละ


แต่จำนวนของพวกมันมีมากเกินไป…


ซือเหยารู้ดีว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาไม่มีทางรอดแน่


ฝ่าบาท! ไปทางนั้น!” เขาตะโกน พร้อมกับปัดคมดาบของศัตรูออกไป


ฮ่องเต้ลังเลเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะพยายามถอยหนีไปตามทางที่พวกเขาวางแผนไว้

ซือเหยาเห็นเช่นนั้นก็พยายามเปิดทางให้ แต่ทันใดนั้น—


ฉึก!


เสียงคมดาบแทงทะลุร่างของใครบางคน ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ซือเหยาหันขวับไป ดวงตาของเขาเบิกกว้าง


เหวินจิ้ง!


ร่างของแม่ทัพหนุ่มทรุดลงกับพื้น เลือดสีแดงฉานไหลออกจากบาดแผลที่ไหล่ของเขา ซือเหยารู้สึกเหมือนเวลาหยุดลง ทุกสิ่งรอบตัวพร่ามัวไปหมด มีเพียงเสียงหัวใจของเขาที่เต้นโครมครามราวกับจะระเบิดออกจากอก

และในชั่วขณะที่เขากำลังตัดสินใจนั้น—มือสังหารอีกคนหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว