“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา - บทที่ 31 วิหารแห่งเสียงเงียบ โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

ผู้แต่ง

นิลสุวาน.

เรื่องย่อ

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว—เขาไม่ใช่ขันที เขาถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตภายใต้ฐานะที่มิใช่ตัวเอง เพียงเพื่อรับใช้และแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของครอบครัว


วันหนึ่ง “เหวินจิ้ง” แม่ทัพหนุ่มผู้มีดวงตาดั่งเหยี่ยวจับจ้องมายังเขาด้วยสายตาสงสัย “เจ้าดูไม่เหมือนขันที” เหวินจิ้งกล่าว พลางเดินเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้า ซือเหยาหลบสายตานั้น แต่มือกลับกำดาบแน่น—หากความลับของเขาถูกเปิดเผย ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่


ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ วังหลวงลุกเป็นไฟ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—เหวินจิ้ง แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่เคยบอกว่า “เจ้าดูไม่เหมือนขันที”


ซือเหยาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหวินจิ้งจึงยอมเสี่ยงช่วยเขา แต่ทั้งสองจำต้องหลบหนีออกจากวัง และเริ่มต้นการเดินทางสู่ดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอาคมและตำนานโบราณ เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของราชวงศ์


ระหว่างการเดินทาง ทั้งคู่เริ่มมองเห็นกันในมุมที่แตกต่างออกไป จากที่เคยเป็นเพียงเงากับสายตาที่คอยจับผิด กลับกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ถักทอขึ้นอย่างช้าๆ ในม่านหมอกแห่งความลวงและอันตราย


แต่…ซือเหยาจะสามารถมีชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลนี้ได้หรือไม่? และเหวินจิ้งจะยอมรับความรู้สึกที่เขามีให้กับชายผู้เป็น “ขันทีปลอม” ได้หรือเปล่า?

สารบัญ

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 1 เงาไร้ตัวตน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 2 เงาในกรงทอง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 3 พายุที่กำลังมาเยือน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 4 เพลิงไฟแห่งการกบฏ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 5 ทางรอดและเส้นทางที่แยกจากกัน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 6 บุปผาที่ร่วงหล่น,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 7 กุหลาบกลางพายุ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 8 เงามืดใต้จันทร์เพ็ญ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 9 เงาสะท้อนในห้วงอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 10 ใต้เงาจันทร์และคำสัญญาที่ถูกลืม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 11 เส้นทางแห่งเงาและแสงสว่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 12 ม่านหมอกแห่งปริศนา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 13 เงาอดีตและความลับที่ถูกซ่อนไว้,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 14 เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 15 ทางแยกของชะตากรรม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 16 เงาในม่านรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 17 แสงจันทร์และคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 18 ราตรีใต้เงาจันทร์,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 19 เงาแห่งอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 20 เส้นทางแห่งคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 21 ทางแยกของเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 22 เงาในวังหลวง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 23 ราชันย์ผู้ร่วงโรย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 24 เงาลวงในราตรี,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 25 เพลิงแค้นและคำสาบาน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 26 ฝีเท้าในห้วงรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 27 คมมีดใต้จันทร์กระจ่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 28 เส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 29 บุปผาราตรีกลางป่าลี้ลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 30 เสียงกระซิบจากหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 31 วิหารแห่งเสียงเงียบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 32 ม่านหมอกแห่งใจ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 33 ใจกลางหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 34 เสียงสะท้อนจากหีบผนึก,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 35 ผู้พิทักษ์ในเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 36 เปลวเพลิงแห่งแดนมังกร,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 37 เพลิงพิภพ

เนื้อหา

บทที่ 31 วิหารแห่งเสียงเงียบ


เช้าวันใหม่มาเยือนโดยไร้แสงอาทิตย์ ฟ้าดูคล้ายจะไร้สี และหมอกหนาก็ยังคงลอยต่ำจนปิดทับทุกสิ่ง ซือเหยานั่งเงียบอยู่บนหินแบนข้างวิหารที่พังทลายลงบางส่วน กลิ่นของหินเปียกชื้น ผสมกับกลิ่นจางๆ ของดอกไม้แห้งที่โรยเกลื่อนพื้น

เมื่อคืนเขาฝัน ฝันถึงเสียงกระซิบ เสียงของใครบางคนที่เรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่แฝงไว้ด้วยความเศร้า เสียงนั้นพูดว่า ‘กลับมาเถิด…เจ้าผู้ถูกลืม’

เขาสะดุ้งตื่นพร้อมเหงื่อเย็นเฉียบเกาะทั่วแผ่นหลัง และตอนนี้…ก็ยังไม่อาจสลัดความรู้สึกนั้นได้


“เจ้าดูไม่สบายใจ”   เสียงของเหวินจิ้งดังขึ้นเบาๆ


ซือเหยาหันไปสบตาเขา ดวงตาคมเข้มของแม่ทัพหนุ่มยังคงเหมือนเดิม—นิ่งสงบ แต่พร้อมพุ่งเข้าใส่ทุกภัยที่ขวางหน้า ทว่าในความสงบนั้นกลับมีแววอ่อนโยนที่เขาไม่เคยพบเจอจากผู้ใด


“เมื่อคืน ข้าได้ยินเสียง…”   ซือเหยาพูดช้าๆ   “และในฝัน ข้ากลับไปยืนอยู่ในวัง แต่ไม่ใช่วังที่ข้าเคยรู้จัก—มันคือวังที่จมอยู่ใต้เงา”


เหวินจิ้งไม่ตอบในทันที เขาเดินเข้ามานั่งข้างๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม   “บางที… วิหารนี้อาจเชื่อมโยงกับอดีตของเจ้า”


“อดีตของข้า…”   ซือเหยาทวนคำ ก่อนจะกำดาบที่วางไว้แน่น   “…หรืออาจเป็นอดีตของแคว้นต้าหลิงทั้งแผ่นดิน”








เมื่อพร้อม พวกเขาก้าวเข้าไปในวิหาร

ภายในนั้นยังคงเงียบงัน ผนังถูกสลักด้วยอักษรโบราณที่ซีดจาง แต่บางแห่งก็ยังพออ่านได้ ที่กลางวิหารมีแท่นหินวงกลมกว้าง รายล้อมด้วยเสาศิลาหักครึ่ง—ราวกับเคยถูกทุบทำลายอย่างตั้งใจ

ที่เหนือแท่นหินนั้น มีกระจกแผ่นหนึ่ง—บานใหญ่พอจะสะท้อนร่างคนได้เต็มตัว แต่เป็นกระจกที่ไม่มีเงาสะท้อนใดๆ ซือเหยาเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะชะงัก


“ไม่มีเงา…”   เขาพึมพำ ขณะที่เหวินจิ้งเดินตามเข้ามายืนข้างๆ


ทันใดนั้น เสียงกึกก้องก็ดังขึ้นในหัวของพวกเขาทั้งสอง เสียงที่ไม่ใช่เสียงใดเสียงหนึ่ง แต่เป็นเสียงของหลายร้อย หลายพันชีวิต ที่ล้วนตะโกนด้วยคำเดียวกันว่า


“จงจำ… จงมอง… จงยอมรับ…”


พริบตาเดียว กระจกก็เรืองแสงจางๆ และฉายภาพที่ไม่อาจลืมได้—ภาพของฮ่องเต้องค์ก่อน ผู้ทรงพระสิริสง่าแต่เต็มไปด้วยแววทุกข์ ด้านหลังพระองค์คือชายหนุ่มผมยาวผู้หนึ่งในชุดขันที… ใบหน้าของชายคนนั้นคือ ซือเหยา

แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่าคือ… เขากำลังยื่นดาบให้ฮ่องเต้ด้วยท่าทางอ้อนวอน


“ฝ่าบาท… ทรงอย่าทำเช่นนี้เลย…”

“ข้าไม่มีทางเลือก ซือเหยา หากข้าไม่ลงมือก่อน… บัลลังก์จะไม่ปลอดภัย”

“แต่พระองค์จะฆ่าคนบริสุทธิ์… พระองค์กำลังกลายเป็นสิ่งที่พระองค์เกลียด”


เสียงนั้นขาดหาย ภาพในกระจกสลายไปเหลือเพียงเงาเลือนที่ไม่มีใครอยากจำ

ซือเหยายืนนิ่ง ร่างสั่นไหวเหมือนคนใกล้จะขาดใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความสับสน และ…บางอย่างที่คล้ายกับความกลัว


“ข้า… เคยอยู่ตรงนั้นจริงๆ หรือ?”   เขาพึมพำอย่างไม่เชื่อ


เหวินจิ้งเข้ามาประคองแขนเขาไว้   “ไม่ว่าภาพนั้นจะเป็นอดีต หรือสิ่งที่ใครสร้างขึ้นเพื่อหลอกเจ้า ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องเผชิญมันคนเดียว”


มืออุ่นของเหวินจิ้งประคองมือที่เย็นเฉียบของเขาเอาไว้ และในวินาทีนั้น ซือเหยาก็รับรู้ถึงความจริงเพียงหนึ่งเดียวในโลกที่กำลังสั่นคลอน ว่าในหมอกที่เต็มไปด้วยคำลวงและเงาอดีต มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาเชื่อได้… คือมือของคนตรงหน้า

เมื่อพวกเขาหันหลังจะออกจากวิหาร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากพื้นหิน เสียงที่แผ่วเบาราวสายลม ทว่าทรงพลังดั่งเสียงฟ้าฟาด


“เจ้าผู้ข้ามผ่านม่านหมอก หากเจ้าต้องการความจริง จงมอบสิ่งที่เจ้ารักที่สุดเป็นเครื่องบูชา”


ซือเหยาเบิกตากว้าง ก่อนจะมองไปยังเหวินจิ้งด้วยแววตาตื่นตระหนก


“มันหมายถึงอะไร…? สิ่งที่เรารักที่สุด?”


เหวินจิ้งสบตาเขา แววตานั้นไม่สั่นไหว แต่กลับแฝงไว้ด้วยความเศร้าลึก


“บางที… เราต้องเลือกระหว่างความจริง กับหัวใจ”