อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต - ตอนที่ 1 ความผิดพลาดที่เกือบตาย โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ,แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน

รายละเอียด

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย

ผู้แต่ง

YukiCoCo

เรื่องย่อ

++คำอธิบายจากนักเขียน++

สวัสดีทุกคนนะคะ ขอต้อนรับสู่อีกเรื่องที่เป็นแนวนิยายฟิครุ่นลูกอีกเรื่อง

เรื่องนี้ทุกคนก็น่าจะรู้จักก็คือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เขียน เจ.เค.โรว์ลิง

เนื้อเรื่องนิยายครั้งนี้ก็เหมือนเคยไรท์อยากสนองฮีทของตัวเองเลย

สร้างเรื่องนี้ขึ้นแต่งรุ่นลูกของแฮร์รี่ขึ้น อันนี้จะแตกแขนงจากละครเวทีอย่างเรื่องเด็กต้องสาป

มาอีกทีเหมือนโลกคู่ขนามอีกโลกหนึ่ง เนื้อเรื่องอาจจะมีปวดตับมั้งหรือเปล่านะ

แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ขอประทานอภัยกับเนื้อเรื่องที่ทางไรท์ต้องการนะคะ


 

บทนำของเรื่อง

 

อบิเกล เด็กสาวที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอนั้นได้เดินทางไปกับอาของเธอโดยไม่รู้ว่าต้องออกเดินทางเพราะไร จนพวกเขาตั้งหลักได้แล้วก็กลับมายังลอนดอนอีกครั้งและใช้ชีวติจนเวลาผ่านไปนานจนอบิเกลได้อายุ 11 ปี พวกเขากลับมาจากทำงานแล้วกลับมาบ้าน แต่แล้วอบิเกลต้องดีใจที่เธได้ จดหมายจากโรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอตส์ แต่เธอไม่รู้ว่าชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเข้าสู้โรงเรียนแห่งนั้น

เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเทพปกรณัมกรีกในนิยายแฟนฟิคของเรา

อย่างเรื่อง สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ นะคะ

ไปติดตามกันได้นะ

 


ปล. เรื่องนี้เป็นนิยายฟรี ไม่อาจะคาดเดาในวันที่จะลงได้

สารบัญ

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 1 ความผิดพลาดที่เกือบตาย,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 2 ช็อปปิ้งก่อนเปิดเรียน,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 3 การพบหน้าที่โคตรอึดอัดใจ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 4 อดีตของสก็อต,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 5 เพื่อนคนแรกของกันและกัน,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 6 เวลาคัดสรร,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 7 เล่นมาก็เล่นกลับ ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 8 บ้านใหม่ เพื่อนร่วมห้องใหม่ ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 9 ก่อเรื่องวันแรก,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 10 เกือบตกเสียแล้ว,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 11 เหตุร้ายยังไม่หมดไป,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 12 น่าเวทนาจริง ๆ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 13 ห้องอาหาร,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 14 เพื่อนหรือบอดี้การ์ด

เนื้อหา

ตอนที่ 1 ความผิดพลาดที่เกือบตาย

ตอนที่ 1 ความผิดพลาดที่เกือบตาย

ณ เทือกเขาอันหนาวเหน็บในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เหล่าผู้คนกลุ่มหนึ่งกำลังเตรียมตัวสำหรับการจับกุมสัตว์วิเศษตัวหนึ่งที่มาอยู่ผิดที่ผิดทางในเทือกเขาอันหนาวเหน็บแบบนี้ พวกเขาแบ่งกลุ่มออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกรอไล่ต้อนสัตว์วิเศษให้ไปอีกทาง ที่กลุ่มสองกำลังเตรียมตัวรอจัดการจับกุมสัตว์วิเศษนั้นไปยังที่ที่มันควรอยู่ ภายในกลุ่มไล่ต้อนนั้น มีเด็กหญิงกำลังสนใจในตัวสัตว์วิเศษที่อยู่ห่างไปไม่ไกล

 

“อีรัมเพนท์ เป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ น่าเกรงขาม แต่มันมีนิสัยที่ขี้เล่นและเป็นมิตร หนังของมันเหมือนหุ้มไปด้วยเกราะจึงเหมาะกับการอยู่ในทุกสภาพอากาศ แต่มันอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกาจริงไหมคะ? อาสก็อต” เด็กหญิงหันไปมองชายหนุ่มที่เดินมาอยู่ข้าง ๆ เธอ

เขาเป็นชายที่มีใบหน้าอันหล่อเหลา เขามีผมดำอันหยิกหน่อย ๆ ดวงตาสีดำ และเคราสั้น ๆ บนคางของเขา

“จริงของหลาน” ชายหนุ่มย่อตัวลงข้าง ๆ เด็กหญิง "เราถึงต้องจับมันกลับไปยังบ้านเกิดของมันยังไงล่ะ แอบบี้"

“ดีเลย หนูจะลองใช้คาถาใหม่ของหนูดู!” เด็กหญิงเอ่ยขึ้น เธอทำท่าจะลุก

ชายหนุ่มรีบจับตัวเด็กให้นั่งลงในทันที “แอบบี้...อาว่าหลานควรอย่าใช้คาถาที่หลานสร้างเองจะดีกว่านะ!”

“ทำไมล่ะคะ?” เด็กหญิงขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“เพราะหลานยังไม่โต พอที่จะทำแบบนั้นไงล่ะ! เคยบอกแล้วใช่ไหมว่า...” 

“ต้องเป็นพ่อมดแม่มดที่แข็งแกร่งถึงจะสามารถทำอะไรก็ได้ที่เราต้องการ”

สองอาหลานพูดพร้อมกัน เด็กหญิงไม่ชอบใจที่คนเป็นอาขัดขวางเธอตลอด

“ทำไมกัน! อาต้องขัดขวางหนูตลอด!! ได้! หนูจะทำให้อาเห็น!!” เด็กหญิงรีบลุกขึ้นเพื่อไปหาเจ้าอีรัมเพนท์ทันที

สก็อตเห็นหลานสาววิ่งตรงออกไปจากที่ซ่อนทำให้เขาตกใจทันที “แอบบี้!!” 

เสียงตะโกนของสก็อตดังจน ทำให้คนรอบข้างถึงกับตกใจ หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ในฝั่งรอจัดการสัตว์วิเศษก็เห็นเด็กหญิงวิ่งตรงไปหาอีรัมเพนท์

“แอบบี้!! อย่าทำแบบนั้น!!” 

หญิงสาวตะโกนเรียกเด็กหญิง แต่เด็กหญิงไม่สนใจอะไร เธอมาอยู่ตรงด้านหลังของอีรัมเพนท์ ก่อนจะยกไม้กายสิทธิ์ของตนเองขึ้นมา มันที่มีขนาดพอดีต่อการถือ ลักษณะของไม้มีทรงยาวมีด้านจับมีการแกะสลักอย่างสวยงาม

“เอาล่ะ!” เด็กหญิงกำลังจะร่ายเวทมนตร์ “อิปเทโรนัท!” 

 

***อิปเทโรนัท เป็นคาถาที่อบิเกลคิดขึ้น

มันเป็นคาถาควบคุมผสมกับทำให้ตัวเล็ก

 

เมื่อเด็กหญิงร่ายคาถาใส่อีรัมเพนท์ แต่กับไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีรัมเพนท์ใช้จมูกดมกลิ่นมันได้กลิ่นบางอย่างเลยหันไปด้านหลังช้า ๆ มันก็เจอกับเด็กหญิง พวกผู้ใหญ่ต่างมองกันอย่างกลัว ๆ ว่าเด็กสาวจะเป็นอะไรไหม เด็กสาวจ้องมองสิ่งมีชีวิตตรงหน้า แต่มือของเธอแหว่งไปมาเหมือนกำลังร่ายคาถาบางอย่างอยู่ เธอยืนอย่างไม่กลัวอะไร เพราะเธอรู้ว่าอีรัมเพนท์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นมิตร แต่ก็มีบางอย่างทำให้มันเปลี่ยนไป เด็กสาวเห็นควันสีดำบางอย่างกำลังลอยตามตัวของอีรัมเพนท์ แล้วผ่านจมูกของมันอยู่ ๆ ดวงตาของมันก็เปลี่ยนไปจากสีเดิมกลายเป็นสีแดง อีรัมเพนท์ส่ายหัวไปมาอย่างไม่ชอบใจ ก่อนที่มันจะยกตัวขึ้นสูง

 

“แย่แล้ว! แอบบี้!!” 

เด็กหญิงเห็นท่าไม่ดี ก็มีบางอย่างกำลังตรงมาหาเธอ ในไม่ช้าเธอจับสิ่งนั้นทันที มันคือไม้กวาดของเธอที่บินมาได้จังหวะพอดี เธอบินขึ้นที่สูงจนเจ้าอีรัมเพนท์จะขึ้นมาทำร้ายเธอไม่ได้ แต่มันก็เหมือนมองหาเธอด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด

 

สก็อตรีบวิ่งออกมาจากที่ซ่อน “เตรียมพร้อม! นี่ไม่ใช่การซ้อม! จัดการจับกุมทำให้อีรัมเพนท์สงบซะ!!” 

 

สก็อตสั่งลูกน้องของตนให้ทำตามที่ตนสั่ง ทุกคนต่างพากันเขาไปจัดการด้วยเวทมนตร์ต่าง ๆ ตอนแรกอีรัมเพนท์ไม่มีท่าจะสงบลงเลย พวกเขาเลยต้องใช้วิธีอื่นกันจนทำให้มันสงบลงไป พอจบงานแล้วสก็อตเงยหน้าขึ้นไปมองเด็กหญิงที่ยังลอยอยู่บนไม้กวาด เด็กสาวเห็นคนเป็นอาจ้องมองมาที่เธอด้วยสีหน้าไม่พอใจที่เธอก่อเรื่องขึ้น เธอก้มตัวหลบหลังไม้กวาด แต่การทำแบบนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลยสักนิด

 

เรื่องจบลงทุกอย่าง อีรัมเพนท์ตัวนั้นก็สงบลงหลังจากโดนคาถาทำให้หลับไปหลายครั้งจนมันสงบลงแล้วหลับไป แต่เด็กหญิงตัวน้อยกำลังนั่งสำนึกผิดอยู่ในเต็นท์หลักของพวกเขา ผู้เป็นอาจ้องมองเด็กหญิงอย่างไม่พอใจ แต่เขาส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายเหมือนเขาก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้หลายครั้งแล้ว ก่อนจะใช้สายตาจ้องหลานสาว

 

“แอบบี้ แอบบี้ แอบบี้!” ผู้เป็นอาลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าหลานสาวทันที “หลานทำเรื่องอีกแล้ว!” 

“หนูขอโทษค่ะ...” 

“ขอโทษ...หลานก็พูดแบบนี้ทุกครั้ง หลานไม่เคยฟังอาเลย! อบิเกล เมอร์รัล!!” 

ดวงตาสีเขียวจับจ้องคนเป็นอาที่กำลังโกรธเธออย่างมาก เพราะสิ่งที่เธอทำนั้นมันช่างบ่อยมาก

“หนูขอโทษที่ไม่เคยฟังอา แต่หนูก็อยากทดสอบเวทมนตร์ที่หนูคิดค้นขึ้นนะคะ แล้วก็...หนูอยากเป็นแม่มดที่มีชื่อเสียง จะได้มีหน้าที่ตำแหน่งที่ดีตอบแทนอาที่ดูแลหนูตั้งแต่ยังเล็กนี่ค่ะ...” 

พอได้ยินคำพูดของหลานตัวน้อยเขาก็ตื้นตันใจที่หลานคิดแบบนั้น แต่มันก็ทำให้เขาเหนื่อยใจจริง ๆ

“แอบบี้ ฟังอานะ หลานยังเด็กเกินไปที่จะทำอะไรที่อันตราย ดูสิครั้งนี้หลานยังร่ายคาถาไม่สำเร็จ ถ้าตอนนั้นหลานพลาดไม่ได้เรียกไม้กวาดมาล่ะ!” 

“หนูก็ต้องบาดเจ็บ...หนูขอโทษค่ะ...ที่ทำอะไรไม่รอบคอบ...”

“ขอเป็นครั้งสุดท้ายที่หลานจะทำตามที่อาบอกนะ!” สก็อตลุกขึ้นออกจากเต็นท์ พร้อมกับตะโกนให้ลูกน้องทุกคนได้ยิน “เตรียมตัว เราจะกลับอังกฤษกัน!!”

 

อบิเกลนั่งสำนึกผิดอยู่ภายในเต็นท์อย่างเหงาหงอย เธอรู้สึกผิดที่ตัวเองสร้างเรื่องให้อาตลอด จนกระทั่งหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินมาหาเธอพร้อมกับตะกร้าที่ใส่ขนม แล้วก็ผ้าที่ชุบไปด้วยน้ำหมาด ๆ อบิเกลค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นแล้วมองหญิงสาวที่มีผมสีแดงมานั่งข้าง ๆ แล้วยกผ้ามาเช็ดหน้าเธออย่างอ่อนโยน อบิเกลไม่ขัดขืนต่อสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้

 

“อืมมม เดลล่า...ไม่ต้องเช็ดหน้าหนูก็ได้ค่ะ...หนูไม่ได้มีเหงื่อนะ” 

“จ้า ๆ แค่เช็ดให้ตัวอุ่นเท่านั้นล่ะนะ แล้วก็…” เดลล่าหยิบขนมออกมาชิ้นหนึ่งแล้วใส่ภายในปากของอบิเกล

“อุ้ย! งื้มมมม!!” พอได้ขนมเอาปากทำให้อบิเกลนั้นกลายเป็นหนูแฮมสเตอร์ไปทันที

เดลล่าเห็นก็ชอบใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กน้อยอย่างมีความสุข

“อร่อยสินะ” 

อบิเกลพยักหน้าทันที เดลล่าก็หยิบขนมป้อนเพิ่ม อบิเกลก็อ้าปากรับทันที

“น่ารักจริง ๆ เด็กน้อยของฉัน แต่ครั้งหน้าอย่าทำเรื่องอันตรายอีกนะจ๊ะ ตอนฉันเห็นเมื่อกี้ ทำเอาฉันตกใจเลยล่ะนะ” 

“หนูขอโทษนะคะ...เดลล่า...” 

"ดีที่ขอโทษนะ แต่อย่าทำอีกนะ"

“ค่ะ…” 

"งั้นเดียวเตรียมตัวกันนะ เราต้องเดินทางนำสัตว์วิเศษส่งต่อให้ทางกระทรวงส่งอีรัมเพนท์คืนทางกระทรวงทางญี่ปุ่น พวกเขาจะดูแลมันต่อจากเรานะ"

“โอเคค่ะ...” อบิเกลขานตอบอีกฝ่าย ก่อนจะคิดบางอย่าง "เดลล่าค่ะ...น่าว่าคุณอาจะโกรธหนูมากไหมคะ?"

“ไม่หรอกจ๊ะ เดียวสก็อตเขาก็หายโกรธหนูนะคะ” 

“งั้นเหรอคะ...” 

“จ๊ะ แต่ก็คงคิดว่าหลานนั้น ทำตัวบ้าบิ่นกว่าพ่อของหนูล่ะนะ คงทำให้เขาเหนื่อยสักเล็กน้อยล่ะนะ” 

“พ่อ...ของหนู...” 

 

อบิเกลก้มหน้ามองมือของตนเองพลางคิดถึงบุคคลเป็นพ่อ โดยเธอจำหน้าคนเป็นพ่อไม่ได้เลยสักนิด นั้นทำให้เธอสงสัยมาตลอดว่าเขาเป็นใครกัน มีหน้าตาอย่างไง นอกจากพ่อนั้นเธอก็จำครอบครัวไม่ได้สักคน คงเพราะตอนนั้นเธอเด็กมาก ๆ และเสียความทรงจำไปส่วนหนึ่ง แต่เธอรู้แค่ว่าครอบครัวเธอนั้นเกิดอุบัติเหตุบางอย่างทำให้พวกเขาเสียชีวิต เหลือแค่เธอคนเดียวที่รอดชีวิต ทุกอย่างที่บ่งบอกถึงครอบครัวเธอนั้นหายไปหมด จนอาสก็อตบอกได้แค่ว่าพวกเขาเป็นครอบครัวที่รักเธอมาก ๆ

 

“เดลล่า...” 

“จ๊ะ?” 

“หนูอยาก...จำครอบครัวได้จัง...” 

“...” เดลล่าถึงกับหน้าชาที่เด็กน้อยพูดแบบนั้นออกมา เธอเศร้าใจกับสิ่งที่เด็กคิด ก่อนจะลูบหัวอบิเกลทันที “สักวันหนูต้องจำพวกเขาได้แน่ ๆ จ๊ะ” 

“...” 

อบิเกลสงสัยว่าเธอจะจำครอบครัวได้ตอนไหน เพราะว่าเธอนั้นอยากคิดถึงครอบครัวโดยไม่รู้สึกเศร้าอีก ถึงเธอจะอยู่กับอาสก็อตแล้วไม่เหงา แต่ในใจกับรู้สึกเหงาตลอดเวลา

 

เวลาผ่านไปเหล่าหน่วยสัตว์วิเศษได้เตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อย ทุกคนมายืนรอบ ๆ กัน ก่อนจะเคลื่อนย้ายหายตัวไปจากตรงนั้นในทันใด อบิเกลหลับตาทุกครั้งเมื่อเคลื่อนย้ายไปที่อื่น เพราะเธอกลัวจะอ้วกเหมือนครั้งแรกที่ได้เคลื่อนย้าย แต่พอลืมตาขึ้นมาเธอก็อยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง พวกเขาเดินออกมาจากเตาผิงใหญ่ที่ตั้งอยู่หลายอัน เมื่อออกมาตรงทางเดินผู้คนเดินกันเต็มไปหมด พอหน่วยสัตว์วิเศษรวมตัวกัน ผู้คนมากมายก็มองมาที่พวกเขาจนอบิเกลไม่ชอบสายตาที่พวกเขามองมาที่พวกเธอเลย

 

“ไปกันเถอะ!! พวกเรา” สก็อตพูดขึ้น

 

สก็อตเดินนำไปโดยไม่สนใจสายตาของพวกพ่อมดแม่มดคนอื่น ๆ ที่จับจ้องมาที่เขาไม่ใช่พรรคพวกของเขา พวกเขาเดินกันเข้าไปภายใน ผู้คนต่างหลีกทางให้พวกเขาเดินผ่านอย่างไม่อยากข้องเกี่ยวกับชายที่พวกเขาไม่ชอบกัน อบิเกลมองที่นี่กี่ครั้งก็ยังตะลึงกับสถานที่ที่ดูคลาสสิกมาก ๆ และทันสมัยกว่าข้างนอก ที่นี่คือ กระทรวงเวทมนตร์ที่อยู่ใต้ดิน ณ กรุงลอนดอน อบิเกลชอบที่นี่ แต่ไม่ชอบผู้คนมากมายที่ชอบจ้องอาของเธอแปลก  ๆ และชอบอะไรที่เธอไม่เข้าใจ แต่หูเธอก็ได้ยินเสียงที่พวกเขาซุบซิบถึงอาของเธอทุกครั้ง

 

“หมอนั้นยังกล้าอยู่ที่นี่อีกเหรอ?”

“ไม่รู้สิ กล้าทำแบบนั้นกับชายคนนั้นยังกล้าอยู่ถึงทุกวันนี้ได้อีก ช่างหน้าไม่อายสุด ๆ” 

“เบา ๆ หน่อยสิ เรื่องพวกนั้นยังไม่ได้พิสูจน์เลยนะ” 

“ถึงไม่พิสูจน์มันก็น่าสงสัยไม่ใช่ญาติ แต่คนคนนั้นกับยอมเอามรดกของตนเองให้หมอนั้นได้นะ!!” 

 

เสียงซุบซิบของพวกเขาเหล่านั้น ทำให้เธอสงสัยเรื่องเกี่ยวกับคนคนหนึ่งที่พวกเขาพูดถึงนั้น เพราะหลายอย่างที่เธอนั้นไม่รู้เกี่ยวกับอาของเธอ แต่เสียงซุบซิบพูดถึงมรดก เธอสงสัยเลยว่าอามีของพวกนั้นด้วยเหรอ คนขี้เหนียวแม้แต่พิซซ่ายังนั่งคิดแล้วคิดอีกว่าจะสั่งดีไหมทำให้คิดเลยว่าคนข้าง ๆ เธอเป็นแบบนั้นตามที่คนอื่น ๆ กล่าวงั้นเหรอ เธอคงต้องสืบถึงเรื่องที่คนอื่น ๆ นินทากันว่าจริงไหมที่อาสก็อตมีมรดกของใครสักคนติดตัวอยู่

 

หน่วยสัตว์วิเศษเดินกันจนมาถึงเคาน์เตอร์เพื่อทำเรื่องการส่งมอบคืนทางกระทรวงที่ญี่ปุ่นให้ทางกระทรวงรับผิดชอบส่งต่อให้ สก็อตต้องตรวจทานเองและให้ผู้ช่วยตรวจทานต่อด้วยและทำสำเนาทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยว่าพวกเขานั้นส่งมอบสัตว์วิเศษเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเคยเกิดเรื่องแบบนี้กับพวกเขาจนต้องระวังตัวกันมากขึ้น พอเสร็จอะไรแล้วเขาก็มาคุยกับพรรคพวกของเขา

 

“เอาล่ะ เสร็จกันแล้ว วันนี้คงจบแค่นี้ อีกอาทิตย์จะมีอีกงานที่เราต้องวิจัยอีก ถ้าไม่มีงานอื่นเข้ามานะ” 

“รับทราบครับ/ค่ะ!” 

“งั้นกลับบ้านกันอย่างปลอดภัยนะ!!” 

“โอ๊ส!!” 

 

ทุกคนต่างส่งเสียงอย่างดีใจแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านของใครของมันกัน ส่วนอบิเกลนั้นเงยหน้ามองอาสก็อตอย่างสงสัยว่าวันนี้เราจะไปไหนกัน หลังจากนี้ในหัวของเธอตอนนี้มีหลายที่ที่เธออยากไปจนกระทั่งเดลล่าเดินกลับมาหาพวกเธอ จนอบิเกลมองอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายกลับมาทำไม

 

“แอบบี้จ๊ะ” 

“ค่ะ เดลล่า?” 

“พอดีฉันลืมของให้หนูเลยนะ ตอนไปตลาดเลยซื้อมาให้นะจ๊ะ” เดลล่าหยิบห่อขนมที่อบิเกลไม่เคยทานออกมาให้

“ว้าว ขนม!” 

“เดลล่า...อย่าเอาขนมให้อบิเกลสิ!” 

“อะไรกัน? สก็อต แอบบี้กำลังโตนะ เธอจะ 11 ปีในอีกไม่นานนะ” 

“11...” สก็อตนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ทำเอาขมวดคิ้วขึ้นมา “อายุก็เท่านั้นล่ะ เดียวกินขนมบ่อย ๆ จะอ้วนเอานะ!!” 

เมื่อเขาพูดแบบนั้น ทำเอาสองสาวต่างมองกัน ทำให้สก็อตมองอย่างตกใจที่หลานสาวและเพื่อนทำงานของเขาจ้องมองด้วยสายตาไม่พอใจกับคำพูดอีกฝ่าย

“อาใช้ตาไหนมองค่ะนั่น?” อบิเกลจ้องมองอีกฝ่ายพร้อมกับมองรูปร่างตัวเองที่ผอมมาก ๆ

สก็อตตกใจกับคำพูดและสายตาถลึงของหลานสาวที่ดูน่ากลัวชอบกล ก่อนที่เขาจะมองเพื่อนสาวที่กำลังกอดอกมองเขา

“จริงด้วยนะ แย่มากเลย สก็อต” 

“ฉันแค่ห่วงนะ!!” 

“ห่วงก็ไม่ควรพูดกับหลานว่าอ้วนนะ!!” 

“ก็...ก็ได้ ๆ ไม่พูดแล้ว...” สก็อตถึงกับต้องยอมแพ้กับสาว ๆ

“คิก ๆ” สองสาวต่างยิ้มให้กันและกัน

พวกเขากำลังคุยกันอย่างมีความสุขกันจนกระทั่งมีคนคนหนึ่งเดินมาหาพวกเขาด้วยใบหน้าคล้ายจิ้งจอกที่จะจ้องกัดพวกเขาตลอดเวลา อบิเกลเห็นอีกฝ่ายก็ไม่ชอบเป็นอย่างมากที่จะเจอกับบุคคลนี้

“ดู ๆ ครอบครัวเมอร์รัล เอาแต่คุยกันอย่างสนุกโดยไม่สนใจสายตาของพวกที่มองตัวเองซะด้วย หน้าไม่อายและหน้าด้านอีกนะ” 

สองสาวได้ยินถึงกับขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจจนหันไปมองต้นเสียงที่พูดขึ้น สก็อตได้ยินก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไร ก่อนจะพูดบางอย่างขึ้น

"งั้นกลับกันเถอะ อย่าไปสนใจพวกเสียงนกเสียงกาแถวนี่ดีกว่านะ"

“เฮ้ย!! กล้าเมินฉันเหรอ!! เมอร์รัล!!” 

สก็อตพาสองสาวออกจากตรงนั้น ก่อนที่ชายคนนั้นจะไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายนั้นเมินเขา

“กล้ามาเมินฉันงั้นเหรอ!!” เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาทันที

อบิเกลเห็นแบบนั้นก็หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาพร้อมกับร่ายคาถาทันที

“ทารันทัลเลกร้า!!” 

พออบิเกลร่ายคาถาชายคนนั้นเกิดเปลี่ยนท่าทางโดยไม่ได้คาดคิดก่อนที่ขาของเขาจะเต้นของมันเองโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!!” 

ชายคนนั้นตะโกนขึ้นมา ผู้คนต่างมองชายคนนั้นแล้วหัวเราะว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร สก็อตได้ยินก็หันไปมองก่อนจะหันกลับมามองเด็กน้อยที่กำลังยิ้มอยู่

“หลานทำสินะ?”

“แหะ ๆ กลับบ้านกันเถอะค่ะ!!” อบิเกลจับมือทั้งสองพร้อมกับลากตัวออกจากตรงนั้นโดยไม่สนใจชายคนดังกล่าวที่กำลังเต้นอยู่นั้น

 

พวกเขาเดินกันเข้าไปเตาผิงแล้วเคลื่อนย้ายออกไปจากตรงนั้น สถานที่พวกเขาโผล่มานั้นเป็นสถานที่สาธารณะแห่งหนึ่ง ไม่มีผู้คนเห็นว่าพวกเขาโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ สก็อตเดินตรงมาหาสาว ๆ พร้อมกับเคลื่อนย้ายกันไปอีกทีที่พวกเขากำลังจะกลับไป อบิเกลลืมตาขึ้นมาก็ยิ้มอย่างดีใจผสมกับความเสียใจที่ไม่ได้ไปที่ที่อยากไป แต่ก็ดีใจที่ได้กลับมาสถานที่ที่คิดถึงมาก ๆ

 

“บ้านแสนรัก!!” อบิเกลรีบวิ่งเข้าไปข้างในบ้านที่เธออยู่กับอาของเธอมานาน

ผู้ใหญ่ทั้งสองคนมองเด็กน้อยที่รีบวิ่งเข้าไปข้างในบ้านอย่างมีความสุข พวกเขายังยืนอยู่ข้างนอกกันอย่างทำตัวไม่ถูก สก็อตกำลังคิดว่าจะพูดอะไรกับอีกฝ่ายดีก่อนที่เขาจะชวนอีกฝ่ายคุย

“เอ่อ...เข้าไปพักก่อน แล้วค่อยกลับบ้านไหม? เดลล่า” 

“คือฉัน...ไม่อยากรบกวนนายนะ” 

“ไม่เลย...ฉัน...” 

 

ทั้งสองเอาแต่อ้ำอึ้งกันอยู่อย่างงั้น อบิเกลเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับตรวจสอบหลายอย่างภายในว่ามีอะไรเสียหายจนเธอต้องให้อาซ่อมไหม จนเธอเดินมาถึงหน้าประตูก็เห็นจดหมายหลายฉบับที่ถูกส่งมาหลังจากที่พวกเธอไม่ได้กลับมาที่บ้านตั้งแปดเดือน เธอตรวจสอบว่ามีจดหมายอะไรมั่ง แต่ยังไงในความคิดของเธอก็มีแต่จดหมายของอาแน่ ๆ แต่แล้วเธอเจอกับจดหมายที่มีชื่อเธอ ก่อนจะมองอย่างสงสัยว่าใครส่งมาหาเธอกันโดยที่เธอไม่มีคนรู้จักนอกจากคนในกระทรวง จนเธอพลิกจดหมายไปด้านหลังจนเห็นตราสัญลักษณ์บางอย่าง เธอตาโตอย่างตกใจก่อนจะรีบวิ่งไปหาอาสก็อต

 

“อาสก็อต!! เดลล่า!!” 

ทั้งสองได้ยินเสียงหลานเสียงดังจนต้องสะดุ้งขึ้นมา สก็อตสงสัยว่าหลานเป็นอะไรก่อนจะเห็นอบิเกลเดินออกมาหาพวกเขา

“เกิดอะไรขึ้น!? แอบบี้!!”

เดลล่ามองเด็กน้อยก่อนจะเห็นบางอย่างในมือเด็กน้อย ทำเอาเธอตกใจจนดึงชายเสื้อชายหนุ่ม “สก็อต...” 

“หือ?” สก็อตหันไปมองหญิงสาวอย่างสงสัย “อะไร?” 

“ในมือของแอบบี้...?” 

“หือ?” 

สก็อตได้ยินแบบนั้นก็รีบหันไปมองสิ่งในมือของหลานสาวก็ต้องตาโตกับสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยในเวลาแบบนี้

“หนูได้จดหมายจากฮอกวอตส์แล้วล่ะ!!” 

อบิเกลพูดพร้อมกับโชว์จดหมายอย่างดีใจจนเนื้อเต้น เมื่อเธอคิดมาเสมอว่าตัวเองจะต้องได้เข้าเรียนที่ที่เธออยากจะเรียนมาตลอดแน่ ๆ แล้วตอนนี้ความฝันของเธอก็เป็นจริงแล้ว

 

จบตอนที่ 1 โปรดติดตามตอนที่ 2 ต่อไป