อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต - ตอนที่ 3 การพบหน้าที่โคตรอึดอัดใจ โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ,แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน

รายละเอียด

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย

ผู้แต่ง

YukiCoCo

เรื่องย่อ

++คำอธิบายจากนักเขียน++

สวัสดีทุกคนนะคะ ขอต้อนรับสู่อีกเรื่องที่เป็นแนวนิยายฟิครุ่นลูกอีกเรื่อง

เรื่องนี้ทุกคนก็น่าจะรู้จักก็คือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เขียน เจ.เค.โรว์ลิง

เนื้อเรื่องนิยายครั้งนี้ก็เหมือนเคยไรท์อยากสนองฮีทของตัวเองเลย

สร้างเรื่องนี้ขึ้นแต่งรุ่นลูกของแฮร์รี่ขึ้น อันนี้จะแตกแขนงจากละครเวทีอย่างเรื่องเด็กต้องสาป

มาอีกทีเหมือนโลกคู่ขนามอีกโลกหนึ่ง เนื้อเรื่องอาจจะมีปวดตับมั้งหรือเปล่านะ

แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ขอประทานอภัยกับเนื้อเรื่องที่ทางไรท์ต้องการนะคะ


 

บทนำของเรื่อง

 

อบิเกล เด็กสาวที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอนั้นได้เดินทางไปกับอาของเธอโดยไม่รู้ว่าต้องออกเดินทางเพราะไร จนพวกเขาตั้งหลักได้แล้วก็กลับมายังลอนดอนอีกครั้งและใช้ชีวติจนเวลาผ่านไปนานจนอบิเกลได้อายุ 11 ปี พวกเขากลับมาจากทำงานแล้วกลับมาบ้าน แต่แล้วอบิเกลต้องดีใจที่เธได้ จดหมายจากโรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอตส์ แต่เธอไม่รู้ว่าชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเข้าสู้โรงเรียนแห่งนั้น

เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเทพปกรณัมกรีกในนิยายแฟนฟิคของเรา

อย่างเรื่อง สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ นะคะ

ไปติดตามกันได้นะ

 


ปล. เรื่องนี้เป็นนิยายฟรี ไม่อาจะคาดเดาในวันที่จะลงได้

สารบัญ

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 1 ความผิดพลาดที่เกือบตาย,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 2 ช็อปปิ้งก่อนเปิดเรียน,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 3 การพบหน้าที่โคตรอึดอัดใจ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 4 อดีตของสก็อต,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 5 เพื่อนคนแรกของกันและกัน,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 6 เวลาคัดสรร,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 7 เล่นมาก็เล่นกลับ ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 8 บ้านใหม่ เพื่อนร่วมห้องใหม่ ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 9 ก่อเรื่องวันแรก,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 10 เกือบตกเสียแล้ว,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 11 เหตุร้ายยังไม่หมดไป,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 12 น่าเวทนาจริง ๆ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 13 ห้องอาหาร,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 14 เพื่อนหรือบอดี้การ์ด

เนื้อหา

ตอนที่ 3 การพบหน้าที่โคตรอึดอัดใจ

ตอนที่ 3 การพบหน้าที่โคตรอึดอัดใจ

คำเรียกอันคุ้นเคยคำเรียกของคนที่มียศสูงที่สุดในกระทรวงเวทมนตร์ ผู้ที่ทุกคนต้องให้ความเคารพในกฎเกณฑ์ต่าง ๆ และอบิเกลก็เช่นกันเธอต้องเคารพบุคคลนี้ในฐานะเจ้านาย ท่านรัฐมนตรี แต่บุคคลนี้เธอก็ไม่เคยเห็นหน้าคาตามาก่อนนอกจากเสียงเลยสักนิด เธอมองแผ่นหลังของอาสก็อตอย่างสงสัยว่าเขามาบังตัวเธอทำไมก่อนที่ตัวเธอนั้นจะค่อย ๆ โผล่หน้าออกมาสถานการณ์ว่าเป็นอย่างใด ก่อนที่เธอจะเห็นใบหน้าของกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าที่มีชาย หญิง และเด็กชายหญิงสองคน แต่ที่สังเกตเด็กชายและหญิงมีสีผมที่คล้ายกับชายหนุ่มอีกคนที่มีหนวดเครา แต่ใบหน้าของชายคนนั้นดูโกรธเคืองอะไรสักอย่างแต่สายตานั้นกับมองมาทางอาของเธอจนเธอนั้นเงยหน้ามองอาสก็อตอย่างเป็นห่วงว่าจะไม่โดนกลุ่มคนตรงหน้าทำอะไรใช่ไหม

 

‘อาสก็อต...’ อบิเกลคิด

 

บรรยากาศตอนนี้ช่างตึงเครียดไปหมด ก่อนหน้าที่สก็อตก็มากับเดลล่าแล้วเพื่อมาขอความช่วยเหลือจากคุณโอลิแวนเดอร์ว่าต้องการให้หลานมีไม้สำรองเพื่อนปกปิดไม้อีกตัวของหลานสาว คุณโอลิแวนเดอร์ก็เสนอว่าจะช่วยเต็มทีเขากับเดลล่าเลยออกไปตามหลาน แต่ไม่นึกว่ากลับมาแล้วจะมีจะเจอกับกลุ่มคนที่เขาไม่อยากเจอ สก็อตมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่งโดยไม่สนใจสายอันโกรธเคืองในตัวเขา เพราะเขาชินแล้วกับสายตาแบบนั้น น้ำเสียงอันด่าทอ คำพูดอันทำร้ายจิตใจของเขา แต่เขาก็ยังฝืนที่จะเอ่ยทักทายอีกฝ่ายโดยไม่สนใจอะไร เพราะอีกฝ่ายอยู่กับเด็กคนไม่ทำอะไรเขาก่อนหรอกมั้ง

 

“พาลูกชายกับหลานสาวมาเลือกไม้กายสิทธิ์สินะครับ”

“เห็นก็น่าจะรู้นะ!” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวขึ้น

“โทษครับ...ที่ถามไม่คิด...” สก็อตถึงกับรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าถามจริง ๆ

“แล้วแกล่ะ!” เสียงชายอีกคนเอ่ยออกมา “มาทำอะไรที่นี่!?”

สก็อตหันสายตามองก่อนที่จะค่อย ๆ ขยับใบหน้าชายที่อยู่ข้าง ๆ หญิงสาว เขาจำใบหน้านั้นได้อย่างดี ใบหน้าที่โกรธเคืองเขาและไม่พอใจเขาเป็นอย่างมาก

“ฉันมาทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน คุณหัวหน้ามือปราบมาร...ไม่สิ...คุณวีสลีย์” สก็อตเอ่ยพูดขึ้น แต่ประโยคสุดท้ายเขากับพูดเน้นคำออกมาเหมือนพาเรื่องอีกฝ่าย

“แก!”

“ใจเย็น ๆ ที่รัก” เฮอร์ไมโอนี่ยกมือขึ้นมาห้ามคนเป็นสามีด้วยสายตาห้ามให้สามีทำอะไรที่ไม่ควรทำ

ชายหนุ่มเห็นภรรยาเอ่ยแบบนั้นพร้อมกับสายตาที่กำลังบอกอะไรบางอย่างเขาก็สะบัดตัวอย่างไม่พอใจสุด ๆ

“ชิ! ถ้าภรรยาฉันไม่ห้ามนะ ฉันเล่นงานนายแน่ ๆ” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้ามาทางสก็อต

อบิเกลได้ยินแบบนั้นเธอก็เงยหน้ามองอาสก็อตที่ปล่อยให้อีกฝ่ายหาเรื่องตนเองอย่างเดียว แต่เธอก็ต้องขำเมื่อชายผมแดงกำลังโกรธอาของเธอก็โดนภรรยาห้ามไม่ให้ทำอะไรจนเธอขำออกมาเบา ๆ ที่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะกลัวภรรยาของตนเองพอตัว

 

‘คิก ๆ เหมือนสมัยก่อนเลยแฮะ...เอ๋...?’

สิ่งที่เธอเอ่ยออกมานั้นก็กระตุกต่อมความสงสัยขึ้นมาว่าทำไมเธอถึงเอ่ยอะไรแบบนั้นออกมา โดยที่เธอนั้นไม่รู้ชายหญิงคู่นี้สักนิด

‘ทำไม...ฉันถึงคิดแบบนั้นออกมากัน?’

 

ใบหน้าอันเล็กจ๋อยกำลังขมวดคิ้วด้วยความสงสัยในความคิดของตนเองที่เอ่ยแบบนั้นออกมาชั่ววินาทีที่รู้สึกคุ้นเคยกับหายไปยิ่งทำให้สงสัยมากกว่าเดิม เดลล่าที่อยู่ข้างหลังเด็กน้อยก็ก้มมองก็เห็นเด็กน้อยมีท่าทางแปลก ๆ เหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่างจนเธอนั้นย่อตัวลงหาเด็กน้อยพร้อมกับกระซิบเบา ๆ

“เป็นอะไรจ๊ะ? แอ็บบี้”

อบิเกลเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าอันหงุดหงิดกับความคิดของเธอก่อนหน้าจนเธอนั้นสงสัยว่าถามอีกฝ่ายจะได้คำตอบไหมจนเธอตั้งสมาธิก่อนจะเอ่ยถามออกไป

“เดลล่า...”

“ว่าไงจ๊ะ?”

“หนูถามอะไรหน่อยสิ...”

“ว่ามาเลย...”

“หนูรู้จักพวกเขาหรือเปล่า?” อบิเกลหันหน้าไปทางพวกท่านรัฐมนตรีด้วยความสงสัย

เดลล่าที่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนจะตั้งสติแล้วเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นปกติ

“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?”

“ไม่รู้สิ...เมื่อกี้หนูพูดบางอย่างออกมา...เหมือนเคยรู้จักพวกเขา...แต่ความรู้สึกนั้นก็หายไป...เหมือนหนูจำไม่ได้ว่าเคยพูดอะไรออกไป...”

เดลล่าได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกสงสารเด็กน้อยที่มีความรู้สึกแบบนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะหลายปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้เธอคงไม่ต้องมาได้ยินคำพูดแบบนี้ เธอยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าของเด็กน้อยอย่างเบามือ

“ฉันไม่รู้ว่าเมื่อกี้หนูเกิดอะไรขึ้นนะ แต่ถ้าวันใดเกิดจำอะไรได้บอกฉัน”

“จำได้...จะมีวันที่หนูจำอะไรได้ด้วยเหรอคะ?”

อบิเกลเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่เธอมาอยู่กับพวกเขาเธอไม่มีความทรงจำในอดีตอยู่เลย เดลล่ามองเด็กน้อยที่เอ่ยถามแบบนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกเศร้าใจหน่อย ๆ แต่เธออยากให้เด็กน้อยมีความหวังกับความทรงจำของเธอ

“สักวัน...สักวันหนูจะจำได้...”

เดลล่ากล่าวแบบนั้นแต่ข้างในลึก ๆ ของเธอก็ไม่อยากให้เด็กน้อยจำได้เลย เพราะมันจะทำให้เด็กน้อยอาจจะไม่อยากให้ตัวเองจำได้เลยว่าตัวเองเป็นใคร

อบิเกลได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มให้แล้วพยักหน้าเบา ๆ “สักวัน...หนูจะจำให้ได้!!”

ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่กันในขณะนั้นโดยไม่สนใจคนรอบข้างแต่อย่างใด จนกระทั่งสายตาของเฮอร์ไมโอนี่สะดุดไปเห็นเดลล่ากำลังนั่งย่อคุยกับใครอยู่ข้างหลังของสก็อต ทำให้เธอสงสัยว่ามีใครอยู่ข้างหลังกัน

“เธอคุยกับใครนะ? เดลล่า”

“อ๊ะ!!” เดลล่าสะดุ้งขึ้นมาก่อนจะชะโงกหน้ามามองอีกฝ่ายที่เรียกตัวเธอ นั้นทำให้เธอรีบลุกขึ้นมาทันที “คือว่า...ไม่มีอะไรนะ ฉันแค่ผูกเชือกรองเท้านะ”

คำแก้ตัวของอีกฝ่ายทำให้เฮอร์ไมโอนี่มองลงต่ำลงไปก็เห็นว่ารองเท้าที่อีกฝ่ายใส่นั้นมันเป็นแบบสวมไม่ใช่แบบเชือกเลย

“โกหกให้มันเนียนหน่อยได้ไหม? เดลล่า” เฮอร์ไมโอนี่ใช้สายตามองต่ำลง

เดลล่าเห็นแบบนั้นเธอก้มมองรองเท้าก็ต้องวิตกกังวลเล็กน้อย “อ๊ะ!! ฉัน...”

อบิเกลมองเดลล่าที่กำลังประหม่าเหมือนอยากปิดปังเรื่องของเธอ แต่ว่าสำหรับเธอการปิดปังอะไรบางอย่างนั้นสักวันก็ต้องมีคนรู้จนเธอนั้นคิดว่าจะต้องช่วยอีกฝ่าย เธอค่อย ๆ ก้าวขาออกมาพร้อมจับมือของเดลล่า

“คนที่คุณแม่กำลังคุยด้วยคือหนูค่ะ!!”

“แม่?” เดลล่าก้มมองเด็กน้อยที่เอ่ยเรียกเธอว่าแม่ ทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำอย่างปลื้มปีติ

“แอ็บ!” สก็อตหันไปมองหลานสาวที่จู่ ๆ ก็เดินออกมา

“!!”

ทุกสายตาต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นเด็กหญิงที่พวกเขาไม่รู้จัก แต่ใบหน้าของเด็กน้อยคล้ายคลึงกับคนคนหนึ่งที่พวกเขารู้จัก เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองเด็กน้อยดวงตาคู่นั้นดวงตาสีเขียวที่คล้ายกับชายคนนั้น อบิเกลมองกลุ่มคนตรงหน้าที่นิ่งเงียบไปก่อนที่เธอจะทำท่าจับชายกระโปรงถึงเธอจะใส่กางเกงมาก็ตาม

”หนูชื่ออบิเกล เมอร์รัล” อบิเกลแนะนำตัวเธอทอดสายบัวลงเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายกยิ้มให้แก่พวกเขาอย่างอ่อนโยน “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

รอยยิ้มของเด็กน้อยยิ่งทำให้พวกเขาตกตะลึงที่มันคล้ายกับเด็กคนหนึ่งที่พวกเขารู้จัก เด็กสองคนที่อยู่ตรงนั้นต่างทำสีหน้าสงสัยว่านี่มันเรื่องอะไรกัน แต่ไม่ใช่แค่เด็ก ๆ ที่คิดแบบนั้นสองสามีภรรยาวีสลีย์ก็ตกตะลึงอย่างตกใจที่เด็กน้อยตรงหน้ามีความคล้ายคลึงกับคนรู้จักไม่มีผิด

“อบิ...เกล...”

เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยชื่อของเด็กตรงหน้าด้วยสีหน้าอ้ำอึ้ง เธอไม่คิดว่าจะมีใครที่คล้ายกับหลานสาวของเธอ สายตาของเธอหันไปมองชายที่เธอรังเกียจที่สุดในตอนนี้ทันใด สก็อตเห็นสายตานั้นเขาไม่พูดอะไรเด็ดขาด เพราะมันเหมือนคำแก้ตัวที่พวกเขาจะไม่ฟัง อบิเกลเห็นแบบนั้นเธอก็ยกมือขึ้นมากระแอมเบา ๆ

“อะแฮ่ม! ก็อย่างที่หนูพูดนะคะ หนูกำลังคุยกับคุณแม่ แล้วพอดีคุณพ่อเขาบังตัวหนูไว้ เลยไม่ค่อยสะดวกในการคุยตรง ๆ ถึงได้แอบคุยกันนะคะ คงไม่ว่าอะไรกันนะ?”

อบิเกลเอ่ยพูดพร้อมสายตาอันใสซื่อ แต่คำพูดของเธอเป็นการบ่งบอกว่าอย่าถามเยอะดีกว่ามันน่ารำคาญมาก ๆ อยู่แล้วถ้าพวกเขาจะสงสัยอะไรอีก

“คุณแม่? คุณพ่อ?” เฮอร์ไมโอนี่ทวนคำที่เด็กน้อยเรียกสองคนตรงหน้าของเธอว่าพ่อแม่

“ใช่ค่ะ!” อบิเกลขานตอบทันทีก่อนจะหันไปหาเดลล่ากับอาสก็อตและจับมือทั้งสองคน “คุณแม่ คุณพ่อของหนูค่ะ!!”

 

สายตาอันแข็งกระด้างจ้องมองหญิงตรงหน้าด้วยสายตาอันมุ่งมั่นว่าทั้งสองคนข้าง ๆ ของเธอคือพ่อแม่ของเธอ ทำเอาทั้งสองคนที่ได้ยินแบบนั้นแอบเขินอายเล็กน้อยที่เด็กน้อยเรียกพวกเขาแบบนั้น แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากเชื่อสายตาว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกของสองคนนี้ เพราะทั้งใบหน้าและสายตาที่กำลังมองเธอนั้นคล้ายกับหลานสาวของเธอที่ตายไปแล้ว ยิ่งทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนไปหมด เฮอร์ไมโอนี่กำลังรู้สึกแปลก ๆ ภายในร่างกายนั้นคนเป็นสามีก็รู้สึกโกรธเคืองเป็นที่สุดที่ชายตรงหน้าที่พวกเขาไม่อยากญาติดีด้วยกล้าตั้งชื่อลูกสาวด้วยชื่อนั้น

 

“แก...กล้าตั้งชื่อลูกสาวว่าอบิเกล! มันจะมากไปแล้วนะ!!” วีสลีย์กำหมัดแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว

สก็อตเห็นว่าอีกฝ่ายโกรธจังขึ้นมา เขารีบเอาตัวมาบังอบิเกลทันที “ถ้าพี่จะโกรธ พี่รอน!! มาลงที่ผมอย่ายุ่งกับเด็กคนนี้ ผมตั้งชื่อนี้ให้เพราะเป็นชื่อที่ผมรัก พอ ๆ กับพวกพี่ที่รักพวกเขาเหมือนผม”

“หุบปากของแกไปเลย สก็อต! แล้วอย่ามาเรียกพวกเราที่ว่าพี่!!”

 

เสียงตะคอกของรอนทำให้สก็อตถึงกับคอตกที่เขานั้นไม่สามารถทำให้ความสัมพันธ์สมัยก่อนกลับเป็นเหมือนเดิมได้ อบิเกลที่ไม่รู้ว่าอาของตนเองเกี่ยวข้องอะไรกับคนพวกนี้ เธอเงยหน้ามองอาอย่างสงสารที่โดนคนพวกนี้ทำร้ายจริงใจแค่ไหน เธอขมวดคิ้วด้วยสีหน้าไม่พอใจ เฮอร์ไมโอนี่เห็นสีหน้านั้นของเด็กน้อยช่างคล้ายมากเวลาที่ชายคนนั้นโกรธ

 

‘แฮร์รี่!’ เฮอร์ไมโอนี่คิด

 

เฮอร์ไมโอนี่เห็นภาพซ้อนของแฮร์รี่ซ้อนกับเด็กตรงหน้ามันยิ่งทำให้คิดถึงมากกว่าเดิมจนกระทั่งรอนตะคอกขึ้นมาอีกครั้ง

“ฉันเกลียดขี้หน้านายมาตลอด ฉันบอกแฮร์รี่แล้วว่านายไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด!! แต่แฮร์รี่ก็เชื่อใจแก!!”

“พูดจริงเหรอครับ? คุณยังทำตัวสนิทกับผมอยู่เลยนะ ตอนที่พี่เขาพาผมมารู้จักพวกคุณนะ”

“หุบปาก!! ฉันไม่อยากได้ยินคำพูดอะไรจากนาย! นายไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเรา!! แต่ตระกูลพอตเตอร์-!!”

“พอได้แล้ว รอน!!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนเสียงดังขึ้น

“จะให้มันลืมเหรอ?! เฮอร์ไมโอนี่!! มันได้มรดกของแฮร์รี่ไปหมด!! มันต้องเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นด้วยแน่ ๆ !! ที่ทำให้ครอบครัวพอตเตอร์ต้องตายไปนะ!!” รอนตะโกนชี้หน้าใส่สก็อตทันที

สก็อตถึงกับสตั๊นไปชั่วขณะกับคำพูดของชายตรงหน้าที่กล่าวถึงชายที่เขานั้นคิดถึงเพียงใดจนอยากจะลืม ๆ แต่มันก็แฝงอยู่ภายใต้กายหยาบที่คล้ายเขาอย่างกับแกะ

“!!” อบิเกลตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินเธอเงยหน้ามองอาของเธอทันใด

 

เธอรู้ดีกว่าครอบครัวพอตเตอร์คือครอบครัวของมหาจอมเวทอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ชายที่มีวีรกรรมที่กล้าหาญมากมายเกินกว่าจะนับได้ แต่ต้องที่น่าเสียใจเมื่อหลายปีก่อนครอบครัวพอตเตอร์ทั้งครอบครัวเสียชีวิตเพราะฝีมือของใครบางคนที่ลบตัวตนของตนเองออกไปอย่างง่ายดายจนเหล่าพ่อมดแม่มดตามหาหลักฐานไม่ได้ว่าใครกันเป็นคนฆ่าครอบครัวพอตเตอร์ จนเกิดข่าวลืออันหนาหูว่าอาจจะเป็นพวกพ่อมดแม่มดดำที่ต้องการฆ่าแฮร์รี่และครอบครัวของเขาด้วย นั้นทำให้ครอบครัวฝ่ายภรรยาของแฮร์รี่เสียใจที่ได้ข่าวการตายของครอบครัวพอตเตอร์ แต่อบิเกลพึ่งนึกได้ว่าครอบครัวของฝ่ายภรรยามีนามสกุลว่า วีสลีย์ จนเธอค่อย ๆ หันไปมองครอบครัวตรงหน้าจึงได้รู้ว่าที่พวกเขาโกรธเคืองอาของเธอตอนนี้เพราะอะไร แต่ก็ยังมีความสงสัยว่าอาของเธอนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับชายคนนั้นกันแน่

 

“อาสก็อต...” อบิเกลเรียกอีกฝ่ายเบา ๆ

“ฉันรู้ว่าพวกนายโกรธเคืองที่ฉันได้มรดกของพี่มา...แต่...ฉันก็ไม่เคยเอามาใช้ เพราะเหตุผลที่พี่เขาสั่งไว้...” สก็อตกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง เขาหลับตาลงพร้อมกับหันไปหาอบิเกล “พวกนายจะโกรธเกลียดฉันก็ได้...แต่เด็กคนนี้ไม่เกี่ยว!”

“ไม่เกี่ยว! คิดงั้นเหรอ? หึ!” รอนจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่พอใจแล้วขบขันที่อีกฝ่ายพูด “อีกไม่นานใกล้ถึงวันเปิดเรียนวันนั้นคงได้เห็นล่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้น!!”

“!!” สก็อตขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจทันที

“อ๋อ แล้วก็ใกล้ถึงวันแข่งขันของกระทรวงคงได้เห็นอะไรดี ๆ อย่างการเห็นนายตัวแบนต่อหน้าฉันล่ะนะ”

“หือ!!” คำพูดอีกฝ่ายทำให้อบิเกลเคืองขึ้นมาทัน เมื่อเขาพูดว่าอาของเธอจะแพ้การแข่งกับเขา

“ใครกันแน่ที่จะแบนนะ? คุณวีสลีย์ ฉันจะรอดูใครจะแบนก่อนละกันนะ? นายหอยทาก!”

รอนได้ยินคำเรียกของอีกฝ่ายทำให้ใบหน้าอันขาวซีดอยู่แล้วกับกลายเป็นสีแดงก่ำขึ้นมาด้วยความรู้สึกเคือง ๆ กับคำเรียกนั้น

“แกเรียกใครว่านายหอยทากกัน!!” รอนหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาในทันที

อบิเกลเห็นแบบนั้นก็รีบพุ่งมาตรงหน้าพร้อมกับหยิบไม้กายสิทธิ์ของตนเองออกมาโดยทันทีจนพวกผู้ใหญ่ตรงหน้าเกิดตกใจที่เด็กน้อยมีไม้กายสิทธิ์ได้

“ถ้าทำร้ายพ่อหนูแม้แต่นิดเดียว หนูจะเสกให้คุณกลายเป็นสัตว์เลยค่อยดู!”

พวกเขาจ้องมองเด็กน้อยถือไม้กายสิทธิ์ก็แอบตกใจที่ไม้นั้นหน้าตาคล้ายไม้ที่พวกเขาเคยเห็นว่ามันโดนทำร้ายไปแล้ว โอลิแวนเดอร์เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าทุกอย่างเขาก็กระแอมขึ้นมาในทันที

“อึก...ฮืด!”

ทุกคนหันไปมองโอลิแวนเดอร์ในทันใด โอลิแวนเดอร์กุมมือลงกับพื้นโต๊ะพร้อมกับเอ่ยบางอย่างออกมา

“นี่ร้านฉัน ฉันขี้เกียจซ่อมแซมกันใหม่นะ เจ้าหนูทั้งหลาย”

เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินแบบนั้นก็ละอายใจก่อนจะจับมือเด็กทั้งสองเบา ๆ “เราหมดธุระแล้ว กลับกันเถอะ!!”

เฮอร์ไมโอนี่จูงมือเด็ก ๆ พาออกจากที่แห่งนั้น รอนเห็นภรรยาออกไปแล้วเขาก็เก็บไม้กายสิทธิ์ของตนก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับชนไหล่ของสก็อตหนึ่งครั้ง แต่ถึงโดนแบบนั้นสก็อตก็ไม่ตอบโต้แต่อย่างใด พอพวกเขาออกไปหมดแล้วเหลือเพียงแค่พวกเขา อบิเกลก็ทำท่าทางโกรธอย่างไม่พอใจแล้วหันไปหาอาสก็อต

“อ๊า!! พวกนั้นคิดว่าตัวเองเป็นคนใหญ่คนโตแล้วจะเล่นงานคนอื่นได้เหรอ!? อาก็อีกคนไม่ต่อสู้อะไรเลย!!”

“ทำไงได้ล่ะ? ถ้าตอบโต้ เราก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่านะ”

“อ๊าาาาาาาาา!! ไอ้พวกมีอำนาจเว้ย!!!” อบิเกลตะโกนลั่นร้านไม้กายสิทธิ์

พวกผู้ใหญ่แอบขำท่าทางของเด็กน้อยที่กำลังโวยวายผู้ใหญ่ โอลิแวนเดอร์มองเด็กน้อยอย่างเอ็นดู ก่อนที่เขาจะถามพวกเขาทั้งสามคน

“แล้วพวกเธอมาทำอะไรกันนะ?”

“โทษทีครับ...ก็...อย่าที่ผมบอกไปก่อนหน้า...” สก็อตเดินมาที่เคาน์เตอร์ พอกับหันสายตาไปมองอบิเกล

“อ๋อ!! ฉันนี่ขี้ลืมจริง ๆ พอแก่ก็เป็นแบบนี้ล่ะ!” โอลิแวนเดอร์นึกขึ้นมาได้ก็หันไปมองเด็กที่อีกฝ่ายมอง “ไง สาวน้อยโตขึ้นเยอะเลยนะ”

“สวัสดีค่ะ คุณตาโอลิแวนเดอร์”

“หนูรู้ใช่ไหมว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่?”

“รู้ค่ะ...คุณอาต้องการให้หนูหาไม้กายสิทธิ์อีกอันมาเป็นตัวแทนไม้อีกอันของหนูเวลาเรียนหนังสือค่ะ”

“โอ้...สมควรอย่างยิ่ง งั้นรอสักครู่นะ” โอลิแวนเดอร์ เดินออกจากตรงนั้นไปหาไม้กายสิทธิ์

ระหว่างที่กำลังรอโอลิแวนเดอร์ไปเอาไม้อยู่นั้น สก็อตก็แอบหงอย ๆ ที่หลายสาวนั้นมีท่าทีเปลี่ยนไปหลังจากทะเลาะกับพวกบ้านวีสลีย์ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามเบา ๆ

“ไม่เรียกอาว่าพ่อแล้วเหรอ?” สก็อตแอบแซวหลานสาวสักหน่อย

อบิเกลได้ยินถึงกับหันหน้าหนีด้วยใบหน้าที่เขินแดง “หึ!! ไม่มีวัน! อาไม่แต่งงานหนูก็ไม่เรียกพ่อเด็ดขาด!!”

“หือ?” สก็อตได้ยินแบบนั้นก็อึ้งไปชั่วขณะ

 

เดลล่าที่ได้ยินก็แอบคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะแต่งงานเนี่ยนะ สีหน้าเธอก็เศร้าหมองถ้าอีกฝ่ายแต่งงานกับใครสักคนที่อีกฝ่ายรัก สก็อตได้ยินคำสั่งของหลานก็แอบเครียดว่าตัวเองจะมีใครอยากมาแต่งงานกันจนเขานั้นหันไปมองคนข้าง ๆ ที่มีสีหน้าครุ่นคิด เขามองหญิงสาวที่มีสีหน้าที่ทำให้เขารู้สึกอยากเอามือไปจับแยกออก แต่เขานั้นอยากจะทำสิ่งที่เขาอยากทำมานานพอตัวแต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดแบบเดียวกับเขาไหม เดลล่าที่กำลังคิดบางอย่างด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยเธอก็เงยหน้าขึ้นมาจนดวงตาทั้งสองก็สบตากันพอดีจนเธอมองว่าอีกฝ่ายมองเธอทำไม สก็อตยกยิ้มให้เธออ่อน ๆ จนเดลล่าตกใจที่อีกฝ่ายยิ้มให้เธอ สก็อตก็หันกลับมาหาหลานในทันใด

 

“สัญญาแล้วนะว่าถ้าอาแต่งงาน เราจะเรียกอาว่าพ่อนะ”

“หาคนที่อาอยากจะแต่งก่อนเถอะ! แต่คนแบบอาคงจะยากล่ะนะ” อบิเกลแอบแซะอาตัวเอง เพราะคนแบบอาจจะหาคนคบยาก ถ้าไม่ใช่คนข้าง ๆ

“เหรอ? งั้นอาขอเดลล่าแต่งงานเลยละกัน”

“เอ๋!?” เดลล่าได้ยินถึงกับหน้าแดงในทันที

“เอ๋!!?” อบิเกลหันหน้าไปมองอาของตนเองที่พูดแบบนั้นออกมา เธอถีบขาของอาทันที “จะบ้าหรือไง! มาพูดขอแต่งงานง่าย ๆ แบบนี้ได้ไง! อารักเดลล่าหรือไง!? ไม่ได้รักอย่ามาพูดแบบนั้นเพื่อชนะพนันของหนูนะ!!”

สก็อตดึงคอเสื้อด้านหลังของหลานสาวที่กำลังเตะเขาพร้อมกับตะโกนออกมา “ก็รักนะสิ! ถึงขอนะ!!”

คำคำนั้นของสก็อตทำเอาอบิเกลกับเดลล่าพากันอึ้งกันไปเลย สายตาของอบิเกลนั้นหันไปมองเดลล่าที่อึ้งจนจะช็อกกับคำพูดของฝ่ายชาย

“รัก...รักมาก ๆ ทำให้ฉันสงสัยมาตลอดว่า...ตัวเองกล้าปฏิเสธเธอได้อย่างไร โดยที่ใจของฉันนั้น...ก็รักเธอมาตลอดแท้ ๆ” สก็อตพูดพร้อมกับหันไปมองเดลล่า

“บะ...บะ...บ้า! คนบ้า!! ทำไม…ทำไมถึงกล้าสารภาพออกมาแบบนั้น” เดลล่าพูดตะกุกตะกักจนสับสนไปหมด สก็อตวางหลานสาวลงพร้อมกับเดินไปหาอีกฝ่าย ”ตอนฉัน...ตอนฉันสารภาพกับนาย...ฉันใช้เวลา...แถมตาย...”

เขาเดินมาถึงตัวอีกฝ่ายแล้วยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าอีกฝ่ายเบา ๆ “โทษนะที่ฉันเป็นพวกซื่อบื้อที่จะทำอะไรก็จะทำ โดยไม่สนใจอะไร แล้วก็...เวลาฉันลำบากกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมีเธออยู่ข้าง ทุกช่วงเวลาของฉัน...มีเธออยู่ข้าง ๆ แต่ฉันก็คงยังบ้าที่จะปฏิเสธ ถึงเธอโดนปฏิเสธเธอก็ยังอยู่ข้าง ๆ นั้นทำให้ฉันพึ่งมารู้ใจตัวเองว่า...”

“ว่า...”

“การมีเธอข้าง ๆ นั้นฉันมีความสุขแค่ไหนและฉัน...ตกหลุมรักเธอมานานแค่ไหน”

“อ๊า!” ใบหน้าของเดลล่าแดงก่ำขึ้นมาในทันที

“เฮ้อ...กว่าจะสารภาพรักกันได้ ใช้เวลาจังเลยนะคะ อาสก็อต” อบิเกลกอดอกจ้องมองผู้ใหญ่สองคนกำลังอยู่ในมุมโมเมนต์แห่งความรัก

“อ๊ะ! แอ็บบี้! หรือว่าเธอ!!” สก็อตมองหลานสาวเหมือนรู้สึกว่าหลานวางแผนให้เขาสารภาพรักกับคนที่เขารัก

“หนูอบิเกล...”

“จะไปจดทะเบียนสมรสกันก่อนก็ได้นะ หนูจะเลือกไม้ ถ้าไม้เอลเดอร์เขายอมล่ะนะ”

“ไม่ต้องพูดประชดเลยนะ!” สก็อตเดินไปหาหลานสาวพร้อมกับจับหัวหลาน “อย่าลืมที่สัญญานะ ถ้าอาแต่งงานแล้วหลานต้องเรียกอาว่าพ่อนะ”

“ห๊า?” อบิเกลขมวดคิ้วขึ้นมาพร้อมกับจับมืออีกฝ่ายที่กำลังจับหัวเธอ “ไหน? ใบสัญญาล่ะ?”

“อ๊ะ?” สก็อตอึ้งกับคำพูดของหลานสาว “หมายความว่าไง?”

“ก็ถ้าไม่มีใบสัญญาก็แปลว่าหนูไม่ได้พูดนี่น่า?”

“ห๊า!! หลานยังพูดเมื่อกี้เลยนะว่าถ้าอาแต่งงานจะเรียกว่าพ่อนะ”

“เอ๋? ไม่มีพยานซะหน่อยนะ” อบิเกลทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

เดลล่าเห็นการกัดกันของอาหลานคู่นี้ก็ขำขึ้นมา เธอเดินเข้าไปหาพร้อมกับเสนอตัวเป็นพยาน

“ฉันก็ได้ยินนะ อบิเกล”

“อ๊ะ! เดลล่า!” อบิเกลหันไปมองอีกฝ่ายอย่างตกใจที่อีกฝ่ายเสนอเป็นพยานซะงั้น “เดลล่ามาเป็นพยานไม่นับ”

“งั้นฉันก็ได้นะ” โอลิแวนเดอร์กลับมาพร้อมกับกล่องไม้กายสิทธิ์หลายกล่อง “เพราะฉันอยู่ในร้านเสียงมันก็ดังไปทั้งร้านนะ”

“...” อบิเกลจ้องมองอย่างวิตกกังวล

สก็อตฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมาพร้อมกับหันหัวของหลานมามองเขา “เอาไงจ๊ะ ลูกรัก”

ใบหน้าของอบิเกลถอดสีทันทีที่อีกฝ่ายยิ้มแบบนั้น ทำเอาตัวเธอไปไม่พูดจริงๆ “งื้อออออออออ!! ก็ได้ เรียกพ่อก็พ่อ!!”

“หึ ๆ อยู่ด้วยกันมานานครั้งแรกเลยที่หลานเรียกอาว่าพ่อนะ” สก็อตยกมือขึ้นมาแตะหัวหลานสาวเบาๆ

 

อบิเกลกอดอกอย่างไม่ชอบใจที่ไม่ได้ชนะพนัน แต่ก็แอบดีใจที่อาทั้งสองคนจะได้แต่งงานกันเสียที ระหว่างที่มองสองคู่รักใหม่กำลังเขินอายต่อกัน อบิเกลต้องมานั่งเลือกไม้สำหรับการเรียน เจอไม้แรกก็หักในทันที ทำเอาเธอเกลียดเลยว่าจะทำไงดีกับพลังบางอย่างที่มันทำให้เธอไม่สามารถใช้ไม้อื่นได้ เธอหันไปมองไม้ประจำตัวของเธอที่กำลังเรื่องมากในการเลือกไม้ให้ เธอหยิบมันขึ้นแล้วพูดบางอย่างกับไม้

 

“ได้โปรดเถอะ ไม้เอลเดอร์ ถ้าแกไม่ให้ฉันเลือกไม้ แกอาจจะต้องโดนแย่งออกจากฉันก็ได้นะ ถ้าไม่ชอบอันไหนโปรดขยับก็พออย่าทำให้หัก ถ้าชอบก็อยู่นิ่ง ๆ ได้โปรดให้ฉันสามารถเลือกไม้ที่เหมาะสมกับฉันด้วยเถอะนะ!!”

อบิเกลพูดคุยกับไม้กายสิทธิ์จบ เธอวางมันลงพร้อมกับเลื่อนมือไปเลือกไม้กายสิทธิ์ตรงหน้าต่อ พวกผู้ใหญ่ตั้งใจดูสิ่งที่เด็กทำ

“ถ้าเด็กคนนี้โตขึ้นอาจจะได้เป็นช่างทำไม้กายสิทธิ์ก็ได้นะ”

“ไม่มีทาง คุณโอลลิแวนเดอร์ หลานผมต้องได้เป็นสิ่งที่เขาอยากเป็นเช่นมือปราบมารก็ได้”

“พนันกับฉันไหมล่ะ? เจ้าหนู”

“เอางั้นก็ได้นะ”

“ไม่ต้องมาพนันเรื่องหนูเลยนะ หนูโตขึ้น...” อบิเกลหันไปมองผู้ใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ เธอจับจ้องมองอาของเธอก่อนจะหันหน้าหนีด้วยความเขิน “หนูจะเป็นเจ้าหน้าที่สัตว์วิเศษ!!”

“อ๊ะ...!” สก็อตอึ้งกับคำพูดของหลานสาวที่อยากเป็นเหมือนเขา ทำให้น้ำตาของเขาไหลออกมาจนต้องรีบเช็ด

อบิเกลไล่มือไปตามไม้กายสิทธิ์ที่เธอจะเลือก พอจะแตะอันไหนไม้กายสิทธิ์อันเดิมของเธอนั้นเอาแต่สั่นไปมา จนกระทั่งเธอไปจับอันหนึ่งแล้วไม้มันไม่สั่นอีก เธอหยิบขึ้นมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอลองหันปลายไม้ไปที่หนังสือพร้อมกับสะบัดไม้ไปมา หนังสือก็ลอยขึ้นมาในทันที บ่งบอกว่าไม้กายสิทธิ์อันนี้ เธอสามารถใช้ไม้นี้ได้โดยไม่มีข้อกังขาอะไร

“ไม้มันได้เจ้าของใหม่แล้วสินะ”

อบิเกลได้ยินก็ต่างหันไปยิ้มให้พวกผู้ใหญ่ทันที “ค่ะ!!”

 

เวลาผ่านไปไม่ช้า สก็อตกับเดลล่าก็พาอบิเกลกลับบ้านโดยไม่ได้เลือกสัตว์เลี้ยงประจำตัวสำหรับไปโรงเรียนให้อบิเกล เพราะว่าเด็กน้อยมีสัตว์เลี้ยงเยอะอยู่แล้วที่บ้านของเธอตั้งแต่สัตว์ธรรมดาจนไปถึงสัตว์วิเศษ ก่อนกลับบ้านก็แวะที่หนึ่งที่สก็อตกับเดลล่าอยากไปให้มันเสร็จ นั้นก็คือสำนักทะเบียนเพื่อจดทะเบียนสมรสถึงจะแค่นัดหมายวันที่ต้องมาจดก็ทำให้อบิเกลมีความสุขแล้ว พวกเขาเคลื่อนย้ายกลับมาที่บ้าน อบิเกลเดินไปกอดพวกเขาทันที

 

“อีกไม่นานแล้วจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะคะ!!”

“ไม่ใช่ว่าเราเป็นมานานแล้วเหรอจ๊ะ? แอบบี้”

“ไม่รู้สินะ แม่เดลล่า”

“ฮิ ๆ” เดลล่ายังรู้สึกจั๊กจี้กับคำพูดอีกฝ่ายที่เรียกเธอว่าแม่

“อบิเกล...” สก็อตเรียกหลานสาวด้วยเสียงเบาๆ

“จริงสิ หนูว่าหนูไปอาบน้ำพักผ่อนดีกว่า อาสก็อต...เอ๊ย ไม่สิ พ่อสก็อต” อบิเกลเอ่ยพูดพร้อมกับจะหันหลังเธอก็เอ่ยพูดต่อ ”หนูหิวแล้ว!! สั่งพิซซ่าให้หนูหน่อยนะ!”

“ตายแล้วสองคนนี้กินของไร้ประโยชน์อีกแล้วนะ”

“แต่มันก็อร่อยดีน่า หนูไปล่ะ!” อบิเกลรีบเดินขึ้นไปข้างบนชั้นสองของบ้านในทันใด

สก็อตมองหลานสาวด้วยสีหน้าเศร้า ๆ เขาเดินไปข้างในห้องนั่งเล่นอย่างเงียบ ๆ เดลล่ามองอีกฝ่ายเดินคอตกเข้าไปข้างใน เธอเลยเดินตามเข้าไปพร้อมกับถามอีกฝ่าย

“สก็อต...เป็นอะไรเหรอ?”

“ฉันรู้สึก...แย่นะ...ที่เด็กคนนั้นได้ยินที่พี่รอนพูดแล้ว กลับไม่ถามอะไรฉันเลยว่า...ฉันเกี่ยวข้องยังไงกับเรื่องที่พวกเขาพูดกัน...?”

“สก็อต...”

“ฉันไม่กล้าบอกเลยจริง ๆ เดลล่า...ว่าฉันกับแฮร์รี่เกี่ยวข้องยังไง...”

 

จบตอนที่ 3 โปรดติดตามตอนที่ 4 ต่อไป