เรื่องราวของสองครอบครัวที่ต้องส่งลูกชายทั้ง 2 คนมาเเต่งงานกันเพราะคำว่า "ธุรกิจ" โดยที่ทั้งคู่ไม่ได้มีความเต็มใจตั่งเเต่เเรก

สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ) - 5 เพราะ...เราแต่งงานกันแล้ว ไม่ใช่เหรอ โดย Raine Whitmore @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,ผู้ใหญ่,ครอบครัว,วาย,YAOI,Yaoi,นิยายวาย,NC,NC+,18+,ชาย-ชาย,ชายชาย,ชายรักชาย,ชายรับ,จับแต่งงาน,คลุมถุงชน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,ผู้ใหญ่,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วาย,YAOI,Yaoi,นิยายวาย,NC,NC+,18+,ชาย-ชาย,ชายชาย,ชายรักชาย,ชายรับ,จับแต่งงาน,คลุมถุงชน

รายละเอียด

สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ) โดย Raine Whitmore @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เรื่องราวของสองครอบครัวที่ต้องส่งลูกชายทั้ง 2 คนมาเเต่งงานกันเพราะคำว่า "ธุรกิจ" โดยที่ทั้งคู่ไม่ได้มีความเต็มใจตั่งเเต่เเรก

ผู้แต่ง

Raine Whitmore

เรื่องย่อ

ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาเขียวขจี "กันต์"  เขาคือลูกชายคนโตของตระกูลเกษตรกรที่เคยร่ำรวย แต่ตอนนี้ครอบครัวของเขากำลังเผชิญหนี้สินมหาศาลจากการลงทุนที่ผิดพลาด วันหนึ่ง แม่ของเขาก็เดินมาพร้อมสีหน้าซีดเซียว "กันต์ ลูกต้องแต่งงาน" คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจเขส

อีกฟากหนึ่งของเมือง "ภีม" ลูกชายคนเล็กของตระกูลวรวิทย์ วัย 24 ปี ร่างบางแต่สูง ผิวขาวซีดราวกับไม่เคยโดนแดด ผมสีดำสนิทยาวถึงต้นคอ ดวงตาคู่สวยที่มักมองทุกอย่างด้วยความเย็นชา เขาคือทายาทของตระกูลนักธุรกิจที่ร่ำรวยจากการค้าขายสมุนไพรและยาแผนโบราณ คืนนั้น พ่อของภีมเรียกเขาเข้าไปคุยในห้องทำงาน "ภีม พ่อตัดสินใจแล้ว ลูกจะต้องแต่งงานกับลูกชายของตระกูลนั้น" ภีมขมวดคิ้ว "อะไรกันครับ? ผมจะแต่งกับผู้ชายเนี่ยนะ? พ่อบ้าไปแล้ว!" เขาตะโกน พ่อของเขามองด้วยสายตาแข็งกร้าว "นี่ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำสั่ง ถ้าลูกไม่ทำ ธุรกิจของเราจะเสียโอกาสใหญ่ ตระกูลนั้นมีที่ดินที่เราต้องการ ลูกต้องยอม"

สารบัญ

สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-1 พันธนาการใต้เงาคลุม,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-2 ผมเกลียดคุณจริงๆ NC,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-3 บางที...เราอาจจะไม่ได้ต่างกันมาก,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-4 ความเข้าใจที่เริ่มก่อตัวขึ้นช้าๆ,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-5 เพราะ...เราแต่งงานกันแล้ว ไม่ใช่เหรอ,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-6 ความอบอุ่นจากเตาผิงและความสัมพันธ์ที่เริ่มก่อตัว,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-7 ความผูกพันที่ทั้งคู่เริ่มยอมรับ,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-8 คุณเปลี่ยนไปเยอะ,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-9 การเลือกทางของตัวเอง,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-10 คุณก็อยากไม่ใช่เหรอ (NC),สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-11 ความสัมพันธ์ที่เติบโตขึ้นท่ามกลางความท้าทาย,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-12 ที่นี่คือบ้าน,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-13 ที่ดีที่สุดสำหรับพ่อ ไม่ใช่สำหรับผม,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-14 ผมอยากจะลองอะไรใหม่ๆกับคุณ (์NC หนักๆ),สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-15 ผมไม่อยากให้คุณไปไหน,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-16 การต่อสู้เพื่อที่ดินกำลังจะถึงจุดสำคัญ,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-17 ผมดีใจที่มีคุณอยู่ด้วย,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-18 ระหว่างรอผลศาลก็หาอะไรทำดีกว่า (NC ดุเดือด),สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-19 ทั้งสองพร้อมที่จะเผชิญหน้ากัน,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-20 ผมเชื่อว่าเราจะชนะ,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-21 หวังว่าจะได้ร่วมงานกัน,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-22 ผมอยากทำอะไรสนุกๆ รุกหนักไปไหม ( NC ),สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-23 ไร่ชากำลังเติบโต และการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-24 การต่อสู้ยังไม่จบ,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-25 ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ผมดีใจที่มีคุณ,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-26 ผมจะทำให้คุณจำคืนนี้ (NC),สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-27 อนาคตของหมู่บ้านเริ่มสว่างไสวขึ้น,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-28 สองเดือนนี่มันท้าทายจริงๆ,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-29 ความท้าทายใหม่ที่รออยู่ข้างหน้า,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-30 คุณ...ดุเกินไป (NC เร่าร้อนน),สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-31 การแข่งขันและความท้าทายที่ไม่หยุดนิ่ง,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-32 ชาของเรามีจิตวิญญาณ,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-33 ร้านใหญ่ในเมืองจะชอบชาเราไหมนะ,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-34 อุปสรรคเริ่มคลี่คลาย,สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)-35 คืนแห่งความสุข (จบบริบูรณ์ nc 20+)

เนื้อหา

5 เพราะ...เราแต่งงานกันแล้ว ไม่ใช่เหรอ

เช้าวันที่สามเริ่มต้นด้วยสายลมเย็นที่พัดผ่านไร่ชา กลิ่นใบไม้ชื้นและดินโคลนยังคงลอยอยู่ในอากาศ แต่ถนนดินที่ทอดลงจากเขาดูแห้งพอที่จะเดินทางได้แล้ว กันต์ตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกตามเคย เขาเดินไปที่หน้าต่างกระท่อม มองออกไปยังทิวทัศน์ที่คุ้นเคย ดวงตาคู่คมของเขามีแววครุ่นคิด เขาหันมามองภีมที่ยังนอนหลับอยู่บนพื้นใกล้เตาผิง ใบหน้าที่สงบเงียบของภีมทำให้เขารู้สึกถึงความสับสนที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน

กันต์ถอนหายใจเบาๆ เขาเดินไปหยิบตะกร้าใบเก่าและมีดพร้าที่วางพิงผนัง "วันนี้ลงเขาได้แล้ว" เขาพูดกับตัวเอง ก่อนจะเดินไปจุดเตาผิงเพื่อเตรียมน้ำร้อน กลิ่นควันไม้เริ่มฟุ้งกระจาย ภีมขยับตัวเล็กน้อยจากเสียงไม้แตกในกองไฟ เขาลืมตาขึ้นช้าๆ มองไปรอบๆ ด้วยความงัวเงีย

"ตื่นแล้วเหรอ" กันต์พูดโดยไม่หันมามอง เขาก้มหน้าก่อไฟต่อ ภีมลุกขึ้นนั่ง ดึงผ้าห่มมาห่มตัว "วันนี้ฝนไม่ตกแล้วสินะ" เขาพูด กันต์พยักหน้า "ถนนแห้งแล้ว ผมจะพาคุณลงเขาไปส่งที่หมู่บ้านข้างล่าง" ภีมเงียบไปครู่หนึ่ง "แล้วถ้าผมยังไม่พร้อมล่ะ" เขาถาม

กันต์หยุดมือ หันมามองด้วยสายตาแปลกใจ "ไม่พร้อมยังไง" ภีมมองไปที่พื้น "ผมไม่รู้ ผมแค่...ยังไม่อยากกลับไปเจอชีวิตเดิมๆ" คำพูดนั้นทำให้กันต์นิ่ง เขาวางฟืนในมือลงแล้วเดินมานั่งตรงข้ามภีม "คุณบอกเองว่าคุณเกลียดที่นี่ เกลียดผม ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วเหรอ" เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

ภีมยกสายตามองกันต์ "ผมเกลียดที่ถูกบังคับ แต่สองสามวันนี้...ผมเริ่มรู้สึกว่าที่นี่มันไม่แย่อย่างที่คิด" เขายอมรับ กันต์มองหน้าเขานิ่งๆ "แล้วผมล่ะ คุณยังเกลียดผมอยู่ไหม" คำถามนั้นทำให้ภีมชะงัก เขาก้มหน้า "ผมไม่รู้" เขาตอบตามตรง "บางทีผมอาจจะไม่เกลียดคุณมากเท่าเมื่อก่อน"

กันต์ยิ้มมุมปาก "แค่นั้นก็พอแล้ว" เขาพูดก่อนจะลุกขึ้น "กินข้าวเช้าก่อน ผมจะไปดูถนนว่าลงได้จริงๆ หรือเปล่า" ภีมพยักหน้า เขามองตามหลังกันต์ที่เดินออกจากกระท่อม ความรู้สึกในใจของเขายังคงสับสน แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่ความเกลียดชังอย่างเดียวอีกต่อไป

หลังจากกินข้าวต้ม ที่กันต์ทำ กันต์ตัดสินใจพาภีมเดินไปสำรวจถนนลงเขา ทั้งสองเดินเคียงข้างกันผ่านไร่ชา ไปจนถึงจุดที่ถนนดินเริ่มทอดยาวลงไปด้านล่าง โคลนที่เคยเละเทะเริ่มแห้งและแข็งตัว แต่บางจุดยังคงลื่นอยู่ กันต์หยิบไม้เท้าที่ตัดจากป่ามาวันก่อนยื่นให้ภีม "ถือไว้อันนี้ กันลื่น" เขาพูด

ภีมรับมาแล้วเดินตามกันต์ไปช้าๆ "คุณเคยชินกับที่นี่มากเลยสินะ" เขาพูด กันต์พยักหน้า "ผมโตที่นี่ทั้งชีวิต รู้ทุกซอกทุกมุม" ภีมมองไปรอบๆ "ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมาอยู่แบบนี้" เขายอมรับ "ในเมือง ผมแค่ตื่นมา ไปทำงาน แล้วกลับบ้าน ชีวิตมันซ้ำๆ"

"แล้วคุณชอบชีวิตแบบนั้นไหม" กันต์ถาม ภีมเงียบไป "ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้น" เขาตอบ "มันเป็นแค่สิ่งที่ผมต้องทำ" กันต์มองหน้าเขา "บางทีการมาที่นี่อาจจะทำให้คุณได้คิดอะไรใหม่ๆ" ภีมยิ้มบางๆ "บางที"

เมื่อถึงจุดที่มองเห็นหมู่บ้านเล็กๆ ด้านล่าง กันต์หยุดเดิน "จากตรงนี้ลงไปอีกชั่วโมงนึง คุณจะถึงที่ที่มีรถเข้าเมือง" เขาพูด ภีมมองไปยังหมู่บ้านนั้น "แล้วคุณล่ะ คุณจะกลับขึ้นไปเหรอ" เขาถาม กันต์พยักหน้า "ผมต้องดูแลไร่ต่อ"

ภีมมองกันต์ด้วยสายตาครุ่นคิด "ถ้าผมบอกว่าผมอยากอยู่ต่ออีกสักพัก คุณจะว่ายังไง" เขาถาม กันต์หันมามอง "คุณพูดจริงเหรอ" ภีมพยักหน้า "ผมอยากลองใช้ชีวิตที่นี่ดูสักหน่อย ก่อนจะกลับไปเจออะไรที่รอผมอยู่ในเมือง"

กันต์นิ่งไปครู่หนึ่ง "ถ้าคุณอยากอยู่ ผมไม่ขัด" เขาตอบ "แต่ชีวิตที่นี่ไม่สบายเหมือนในเมือง คุณแน่ใจว่าทนได้" ภีมยิ้ม "ผมอาจจะไม่ชิน แต่ผมอยากลอง" กันต์มองรอยยิ้มนั้นแล้วรู้สึกถึงความอบอุ่นที่เขาไม่คุ้นเคย "ตามใจคุณแล้วกัน" เขาพูดก่อนจะหันหลังเดินนำกลับไปที่กระท่อม

เมื่อกลับถึงกระท่อม กันต์ตัดสินใจสอนภีมเกี่ยวกับการดูแลไร่ชาให้มากขึ้น "ถ้าคุณจะอยู่ที่นี่ คุณต้องช่วยผมทำงาน" เขาพูด ภีมพยักหน้า "ได้ ผมอยากเรียนรู้" กันต์พาเขาไปที่โรงอบชาเก่าๆ ที่อยู่ด้านหลังกระท่อม ภายในเต็มไปด้วยกลิ่นใบชาคั่วและเครื่องมือไม้โบราณ

"นี่คือที่ที่ผมอบใบชา" กันต์อธิบาย เขาหยิบใบชาที่เก็บมาเมื่อวานจากตะกร้า "ขั้นแรกคือต้องคั่วให้แห้ง" เขาจุดไฟในเตาอบเล็กๆ แล้ววางกระทะเหล็กทับลงไป ภีมมองด้วยความสนใจ "มันดูซับซ้อนกว่าที่ผมคิด" เขาพูด

"มันไม่ยาก แค่ต้องใช้เวลา" กันต์ตอบ เขาคั่วใบชาไปพลางสอนภีมไป "ใส่ใบชาลงไปทีละน้อย ใช้ไม้พายคนให้ทั่ว อย่าให้ไหม้" ภีมลองทำตาม มือที่ไม่เคยชินกับงานหยาบกร้านสั่นเล็กน้อย แต่เขาก็ตั้งใจ กันต์มองท่าทางนั้นแล้วยิ้มในใจ

หลังจากอบชาเสร็จ กันต์พาภีมไปที่แปลงผักเล็กๆ ข้างกระท่อม "ผมปลูกผักไว้กินเองบ้าง ถ้าคุณอยู่ที่นี่ คุณต้องช่วยรดน้ำด้วย" เขาพูด ภีมมองแปลงผักที่มีทั้งผักกาด ข้าวโพด และมะเขือเทศ "คุณทำทุกอย่างด้วยตัวเองจริงๆ เหรอ" เขาถาม

"ส่วนใหญ่ใช่" กันต์ตอบ "บางทีแม่ก็ลงมาช่วย แต่ช่วงนี้ท่านไม่ค่อยแข็งแรง" ภีมมองกันต์ "แล้วพ่อคุณล่ะ" เขาถาม กันต์นิ่งไป "พ่อป่วยหนัก อยู่ที่บ้านกับแม่ ท่านเดินเหินไม่สะดวกแล้ว" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

ภีมเงียบ "ผมไม่รู้มาก่อน" เขาพูด กันต์ยักไหล่ "คุณไม่จำเป็นต้องรู้" ภีมมองหน้าเขา "แต่ผมอยากรู้" เขายอมรับ "ถ้าผมจะอยู่ที่นี่ ผมอยากเข้าใจคุณมากกว่านี้" กันต์หันมามอง "ทำไม" เขาถาม

"เพราะ...เราแต่งงานกันแล้ว ไม่ใช่เหรอ" ภีมตอบ กันต์ชะงัก เขาหัวเราะเบาๆ "คุณนี่พูดอะไรแปลกๆ ออกมาบ่อยนะ" ภีมหน้าแดง "ผมแค่พูดความจริง" เขาเถียง กันต์มองรอยแดงบนหน้าเขานั้นแล้วรู้สึกถึงความรู้สึกแปลกๆ ในใจอีกครั้ง

ช่วงเย็น กันต์พาภีมไปที่จุดชมวิวบนเขาที่ไม่ไกลจากกระท่อมมากนัก เป็นลานหินเล็กๆ ที่มองเห็นทิวทัศน์ของหุบเขาและหมู่บ้านด้านล่างได้ชัดเจน "ผมชอบมาที่นี่ตอนเย็น" กันต์พูด เขานั่งลงบนหินเรียบ ภีมตามมานั่งข้างๆ

"สวยจัง" ภีมพูดขณะมองพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า แสงสีส้มทอดยาวไปทั่วหุบเขา กันต์พยักหน้า "ผมมาที่นี่ทุกครั้งที่รู้สึกแย่" เขายอมรับ ภีมมองเขา "แล้วคุณรู้สึกแย่บ่อยไหม" เขาถาม

"บ่อย" กันต์ตอบ "แต่ที่นี่ทำให้ผมสงบลงได้" ภีมมองทิวทัศน์นั้น "ผมเข้าใจแล้วว่าทำไม" เขาพูด ทั้งสองนั่งเงียบๆ ดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน ความเงียบนั้นไม่ใช่ความอึดอัด แต่เป็นความสบายใจที่เริ่มก่อตัวขึ้น

เมื่อท้องฟ้ามืดลง กันต์ลุกขึ้น "กลับกันเถอะ เดี๋ยวหนาว" เขาพูด ภีมพยักหน้า เขาเดินตามกันต์กลับกระท่อม ระหว่างทาง เขาถามขึ้น "คุณเคยคิดไหม ว่าถ้าเราไม่ถูกบังคับให้แต่งงานกัน คุณจะอยากรู้จักผมไหม"

กันต์หยุดเดิน หันมามอง "ผมไม่รู้" เขาตอบ "แต่ตอนนี้คุณอยู่ที่นี่แล้ว ผมก็อยากรู้จักคุณเหมือนกัน" คำตอบนั้นทำให้ภีมยิ้ม "ดีแล้ว" เขาพูดเบาๆ

คืนนั้น ทั้งคู่นั่งคุยกันหน้าเตาผิงนานกว่าทุกคืน เรื่องราวในชีวิตของทั้งสองค่อยๆ ถูกเปิดเผย กันต์เล่าเรื่องวัยเด็กที่เขาเคยซนจนตกต้นไม้ ภีมเล่าเรื่องตอนที่เขาแอบหนีออกจากบ้านตอนมัธยม ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มแน่นแฟ้นขึ้น โดยที่ทั้งสองยังไม่รู้ตัว