เรื่องราวของสองครอบครัวที่ต้องส่งลูกชายทั้ง 2 คนมาเเต่งงานกันเพราะคำว่า "ธุรกิจ" โดยที่ทั้งคู่ไม่ได้มีความเต็มใจตั่งเเต่เเรก
ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,ผู้ใหญ่,ครอบครัว,วาย,YAOI,Yaoi,นิยายวาย,NC,NC+,18+,ชาย-ชาย,ชายชาย,ชายรักชาย,ชายรับ,จับแต่งงาน,คลุมถุงชน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สัญญารักกลางไร่ (NC ฉ่ำ)เรื่องราวของสองครอบครัวที่ต้องส่งลูกชายทั้ง 2 คนมาเเต่งงานกันเพราะคำว่า "ธุรกิจ" โดยที่ทั้งคู่ไม่ได้มีความเต็มใจตั่งเเต่เเรก
ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาเขียวขจี "กันต์" เขาคือลูกชายคนโตของตระกูลเกษตรกรที่เคยร่ำรวย แต่ตอนนี้ครอบครัวของเขากำลังเผชิญหนี้สินมหาศาลจากการลงทุนที่ผิดพลาด วันหนึ่ง แม่ของเขาก็เดินมาพร้อมสีหน้าซีดเซียว "กันต์ ลูกต้องแต่งงาน" คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจเขส
อีกฟากหนึ่งของเมือง "ภีม" ลูกชายคนเล็กของตระกูลวรวิทย์ วัย 24 ปี ร่างบางแต่สูง ผิวขาวซีดราวกับไม่เคยโดนแดด ผมสีดำสนิทยาวถึงต้นคอ ดวงตาคู่สวยที่มักมองทุกอย่างด้วยความเย็นชา เขาคือทายาทของตระกูลนักธุรกิจที่ร่ำรวยจากการค้าขายสมุนไพรและยาแผนโบราณ คืนนั้น พ่อของภีมเรียกเขาเข้าไปคุยในห้องทำงาน "ภีม พ่อตัดสินใจแล้ว ลูกจะต้องแต่งงานกับลูกชายของตระกูลนั้น" ภีมขมวดคิ้ว "อะไรกันครับ? ผมจะแต่งกับผู้ชายเนี่ยนะ? พ่อบ้าไปแล้ว!" เขาตะโกน พ่อของเขามองด้วยสายตาแข็งกร้าว "นี่ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำสั่ง ถ้าลูกไม่ทำ ธุรกิจของเราจะเสียโอกาสใหญ่ ตระกูลนั้นมีที่ดินที่เราต้องการ ลูกต้องยอม"
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาบนไร่ชา วันใหม่เริ่มต้นด้วยความตื่นเต้นและความกังวลปนกัน กันต์และภีมตื่นขึ้นมาก่อนตามปกติเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยื่นคำร้องที่ศาลในเมืองตามที่ทนายสมชายแจ้ง กลิ่นดินชื้นและใบชาที่ยังคงฟื้นตัวจากน้ำท่วมลอยฟุ้งในอากาศ กันต์นั่งตรวจเอกสารทั้งโฉนดและสัญญาเก่าอีกครั้ง ขณะที่ภีมช่วยจัดของใส่กระเป๋าเก่าๆ
"คุณแน่ใจว่าเอกสารครบ" ภีมถามขณะมองกล่องเหล็กที่วางอยู่บนโต๊ะ กันต์พยักหน้า "ครบ" เขาตอบ "ลายเซ็นจากชาวบ้านก็ครบทุกคน" ภีมยิ้ม "ดีแล้ว" เขาพูด "ผมอยากให้เรื่องนี้จบเร็วๆ" กันต์มองเขา "ผมก็เหมือนกัน" เขาตอบ "แต่เราต้องเตรียมใจไว้ด้วย"
แม่ของกันต์เดินออกมาจากมุมกระท่อม "ลูกจะไปกี่วัน" นางถามด้วยน้ำเสียงกังวล กันต์หันมามอง "ไม่นานครับ" เขาตอบ "ถ้าทนายจัดการเร็ว อาจจะแค่สองสามวัน" ภีมเสริม "ผมจะดูแลเขาให้ครับ" เขาพูด แม่ของกันต์ยิ้ม "ขอบใจนะลูก" นางตอบ "ระวังตัวด้วยทั้งคู่"
ลุงชัยเดินเข้ามาในกระท่อม "รถพร้อมแล้ว" เขาพูด "ผมจะขับไปส่งเหมือนเดิม" กันต์พยักหน้า "ขอบคุณครับลุง" เขาตอบ ภีมมองทุกคน "เราจะกลับมาพร้อมข่าวดี" เขาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ กันต์มองเขา "หวังว่าจะเป็นแบบนั้น" เขาพูด
ทั้งสามเดินทางไปเมืองด้วยรถกระบะเก่า ถนนโค้งและขรุขระเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความเงียบที่หนักแน่น กันต์มองออกไปนอกหน้าต่าง "ถ้าเราแพ้คดีนี้ ไร่จะอยู่ยังไง" เขาพูดกับตัวเอง ภีมได้ยิน "เราไม่แพ้" เขาตอบ "ผมจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น"
ลุงชัยมองทั้งคู่ผ่านกระจกมองหลัง "เจ้าภีมนี่ใจสู้จริงๆ" เขาพูด "กันต์โชคดีที่มีคู่คิดแบบนี้" กันต์ยิ้มบางๆ "ผมรู้" เขาตอบ "บางทีผมอาจจะพึ่งเขามากกว่าที่คิด" ภีมหน้าแดง "ผมแค่ทำเท่าที่ทำได้" เขาพูด
เมื่อถึงเมือง กันต์และภีมลงจากรถหน้าสำนักงานทนายสมชาย ลุงชัยบอกว่าจะรออยู่ข้างนอก "โชคดีนะ" เขาพูด กันต์พยักหน้า "ขอบคุณครับ" เขาตอบ ทั้งสองเดินเข้าไปในสำนักงาน ทนายสมชายนั่งรออยู่ที่โต๊ะ "พร้อมแล้ว" เขาพูด "เอกสารครบถ้วน ผมจะพาไปยื่นที่ศาลวันนี้เลย"
ภีมมองทนาย "แล้วบริษัทของพ่อผมจะทำยังไง" เขาถาม ทนายสมชายยิ้ม "พวกเขาจะต้องส่งตัวแทนมาสู้คดี" เขาตอบ "แต่หลักฐานของเราชัดเจน ถ้าศาลเห็นด้วย ที่ดินจะปลอดภัย" กันต์พยักหน้า "ไปกันเถอะ" เขาพูด
ทั้งสามเดินทางไปที่ศาลในเมือง อาคารสูงตระหง่านเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินขวักไขว่ กันต์มองไปรอบๆ "ผมไม่เคยมาที่แบบนี้" เขาพูด ภีมวางมือบนไหล่เขา "ผมเคยมา" เขาตอบ "ไม่ต้องกังวล ผมอยู่ด้วย" กันต์มองเขา "ขอบคุณ" เขาพูดเบาๆ
ทนายสมชายนำเอกสารไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ศาล "เราจะได้วันนัดหมายในไม่กี่วัน" เขาพูด "ระหว่างนี้ คุณสองคนกลับไปเตรียมตัวให้พร้อม" กันต์พยักหน้า "เราจะทำ" เขาตอบ ภีมมองเขา "เราจะสู้จนจบ" เขาพูด
เมื่อกลับถึงหมู่บ้านในช่วงเย็น กันต์และภีมเล่าเรื่องให้พ่อใหญ่คำและชาวบ้านฟังที่ศาลากลาง "ศาลรับคำร้องแล้ว" กันต์พูด "เราต้องรอวันนัด" พ่อใหญ่คำพยักหน้า "ดีมาก" เขาพูด "แต่เราต้องเตรียมตัวให้ดี บริษัทนั้นอาจจะมีลูกไม้"
ภีมมองทุกคน "ผมจะช่วยวางแผน" เขาพูด "ถ้าพวกเขามีทนายเก่ง เราต้องเก่งกว่า" ชายหนุ่มคนหนึ่งยกมือ "แล้วสหกรณ์ชาล่ะ" เขาถาม "เราจะทำต่อไหม" กันต์ตอบ "ทำต่อ" เขาพูด "ถ้าเราชนะคดี สหกรณ์จะเป็นหลักฐานว่าเราดูแลที่ดินนี้ดี"
หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้น "ฉันจะช่วยคั่วชา" นางพูด "เราต้องมีของไปขายในเมือง" ภีมยิ้ม "ดีเลยครับ" เขาตอบ "ผมจะช่วยหาตลาด" ชาวบ้านเริ่มเสนอไอเดียกันอย่างคึกคัก บรรยากาศเต็มไปด้วยความหวัง
วันต่อมา กันต์และภีมลงไปที่ไร่ชาเพื่อดูความคืบหน้า ต้นกล้าที่ปลูกเริ่มงอกใบใหม่ "มันดีขึ้นทุกวัน" กันต์พูดขณะนั่งลงข้างแปลง ภีมมองเขา "เหมือนชีวิตเรา" เขาพูด กันต์หันมามอง "คุณนี่พูดอะไรแปลกๆ อีกแล้ว" เขาพูดหยอก ภีมหัวเราะ "แต่จริง" เขาตอบ
ขณะที่ทั้งสองคุยกัน ลุงชัยวิ่งเข้ามาในไร่ "กันต์! ภีม!" เขาเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก กันต์หันไปมอง "อะไรครับ" เขาถาม ลุงชัยหายใจหอบ "มีคนจากบริษัทมาที่หมู่บ้าน อ้างว่ามีเอกสารใหม่" เขาพูด ภีมชะงัก "อะไรนะ" เขาถาม
กันต์ลุกขึ้น "ไปดูกัน" เขาพูด ภีมพยักหน้า "ผมไปด้วย" เขาย้ำ ทั้งสองรีบตามลุงชัยไปที่ศาลากลางหมู่บ้าน เห็นชายในชุดสูทคนเดิมจากบริษัท อยู่กับพ่อใหญ่คำ "นี่คือเอกสารใหม่" ชายคนนั้นพูด "พ่อของภีมยืนยันว่าที่ดินนี้ถูกขายไปแล้ว และสัญญาเก่าไม่มีผล"
ภีมก้าวออกมา "พ่อผมบอกว่าเขาจะไม่ขัด" เขาโต้ "ทำไมถึงเปลี่ยนใจ" ชายในชุดสูทยิ้ม "เขาเปลี่ยนใจหลังจากได้ข้อเสนอใหม่" เขาตอบ "และคราวนี้ เขาจะไม่ยอมแพ้" กันต์มองภีม "คุณจะทำยังไง" เขาถาม
ภีมกำหมัดแน่น "ผมจะคุยกับพ่อ" เขาพูด "ผมจะทำให้เขาหยุด" กันต์วางมือบนไหล่เขา "เราจะไปด้วยกัน" เขาย้ำ พ่อใหญ่คำพูดขึ้น "ถ้าจะไปเมืองอีก เอาเอกสารของเราไปด้วย" เขาพูด "เราจะไม่ยอมให้เขาชนะง่ายๆ"
เช้าวันต่อมา กันต์และภีมเตรียมตัวไปเมืองอีกครั้ง ลุงชัยขับรถให้เหมือนเดิม ระหว่างทาง ภีมมองโทรศัพท์เก่าในมือ "ผมกลัวว่าเขาจะไม่ฟัง" เขาพูด กันต์มองเขา "ถ้าเขาไม่ฟัง เราจะทำให้เขาต้องฟัง" เขาตอบ "คุณไม่ต้องสู้คนเดียว"
เมื่อถึงเมือง กันต์และภีมไปที่สำนักงานของพ่อภีม อาคารสูงทันสมัยเต็มไปด้วยพนักงานในชุดสูท พ่อของภีมนั่งรออยู่ในห้องทำงาน "ลูกมาทำอะไร" เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ภีมมองพ่อ "ทำไมพ่อถึงเปลี่ยนใจ" เขาถาม "พ่อบอกว่าจะไม่ขัด"
พ่อของภีมถอนหายใจ "พ่อได้รับข้อเสนอที่ดีกว่า" เขาตอบ "และลูกไม่เข้าใจว่าธุรกิจมันสำคัญแค่ไหน" ภีมโต้ "ผมเข้าใจ" เขาพูด "แต่ผมเลือกที่จะปกป้องสิ่งที่สำคัญกว่าธุรกิจ" พ่อของเขามองกันต์ "เจ้าหนุ่มนี่ทำให้ลูกเปลี่ยนไป" เขาพูด
"เขาไม่ได้ทำให้ผมเปลี่ยน" ภีมตอบ "ผมเปลี่ยนเอง เพราะผมเห็นคุณค่าของที่นี่" กันต์ก้าวออกมา "ถ้าพ่อยังยืนยันที่จะขาย เราจะสู้จนถึงที่สุด" เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พ่อของภีมนิ่งไป "ลูกแน่ใจเหรอ" เขาถาม
"แน่ใจ" ภีมตอบ "และผมจะไม่ยอมแพ้" พ่อของเขามองทั้งคู่ "ถ้าลูกดื้อขนาดนี้ พ่อจะให้โอกาสครั้งสุดท้าย" เขาพูด "แต่ถ้าศาลตัดสินแล้ว พ่อจะไม่ช่วย" ภีมพยักหน้า "ผมไม่ต้องการให้พ่อช่วย" เขาตอบ
เมื่อกลับถึงหมู่บ้าน กันต์และภีมเล่าเรื่องให้ทุกคนฟัง "เรามีเวลาเตรียมตัวก่อนศาลตัดสิน" กันต์พูด "และเราจะทำให้ดีที่สุด" ภีมมองเขา "ผมจะอยู่ที่นี่จนจบ" เขาพูด กันต์ยิ้ม "ดี" เขาตอบ "เพราะผมไม่อยากให้คุณไปไหน"
ไร่ชายังคงฟื้นตัว และการต่อสู้เพื่อที่ดินกำลังจะถึงจุดสำคัญ ความผูกพันของกันต์และภีมแข็งแกร่งยิ่งขึ้นท่ามกลางความท้าทาย