ครอบครัวยากจนแทบอดตายแต่สามีก็วุ่นวายหาลูกมาเพิ่ม

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม - ตอนที่ 2 รับบทคุณแม่ลูกสี่ โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่

รายละเอียด

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ครอบครัวยากจนแทบอดตายแต่สามีก็วุ่นวายหาลูกมาเพิ่ม

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

หากใครคิดว่าการตายไปคือการได้พ้นทุกข์พิมพ์ลดาขอเรียนให้ทราบว่าทนใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเถิดเพราะชีวิตหลังความตายที่ได้พบเจออาจจะบัดซบยิ่งกว่าเก่าดูจากชีวิตของเธอเป็นตัวอย่างจากแต่เดิมที่เป็นคนหาเช้ากินค่ำธรรมดาๆ แต่ชีวิตก็มามีอันถึงคราวซวยต้องมารับใช้หนี้นอกระบบที่พี่สาวแท้ๆ เป็นคนก่อแล้วหนีหายเข้ากลีบเมฆไปไม่กลับมา เจ้าหนี้ก็ตามมาทวงอยู่ได้ทุกวันหาเงินมาจ่ายดอกวันละสองพันก็ยังไม่พอทำให้เธอตัดสินใจโดดน้ำตายให้มันจบๆ ไป ลากันทีชีวิตบัดซบซ้ำซาก

แต่ใครมันจะรู้ว่าจะมีชีวิตในโลกหน้าที่รออยู่จากผู้หญิงธรรมดาอายุยี่สิบปลายๆ กลับต้องมามีชีวิตใหม่สวมวิญญาณเข้าร่างเป็นมารดาของบุตรสี่คนและสามีอีกหนึ่งแต่เรื่องที่มันน่าตกใจไปมากกว่านั้นคือกุ้ยอิงฮวาคนนี้เคยมีสามีมาแล้วก่อนหน้านี้ถึงสองคนสามีแรกแก่ง่ายตายเร็วมาก สามีสองยังไม่แก่แต่ก็ชิงตายไปทิ้งมรดกไว้ให้เป็นลูกๆ ที่แสนรู้ความถึงสองคนส่วนสามีคนที่สามนั้นนางจัดการรวบตึงเอาไว้เพราะอยากให้ในครอบครัวมีผู้ชายช่วยปกป้องดูแลแต่อยู่มาไม่ทันไรเขาก็สร้างเรื่องไปอุ้มเด็กกลับมาบ้านให้นางเลี้ยงอีกแล้วหรืองานนี้ก็ต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

 

หมายเหตุ

นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

คำเตือน

              นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายอาจทำให้คุณนักอ่านไม่สบายใจนะคะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้

1.       ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์

2.       ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์

3.       หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ

สารบัญ

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 1 ตายแล้วเกิดใหม่,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 2 รับบทคุณแม่ลูกสี่,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 3 วิถีชาวบ้าน,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 4 หาลู่ทางทำอาชีพเสริม,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 5 ชีวิตแม่ค้า,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 6 ซื้อง่ายขายคล่อง,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 7 เจ้ามันก็แค่ฮูหยินตกอับ,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 8 ระราน,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 9 ของกินเล่น,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 10 ทาบทาม,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 11 ลักพาตัว ปลดเหรียญอ่านฟรี 25 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 2 พฤษภาคม 68

เนื้อหา

ตอนที่ 2 รับบทคุณแม่ลูกสี่

กว่ากุ้ยอิงฮวาจะสามารถลุกขึ้นนั่งได้โดยที่ไม่เวียนหัวอาการปวดที่ศีรษะจะทุเลาลงเวลาก็เลยล่วงไปอีกสามวันโดยระหว่างนั้นซุนคุนเล่อก็พาเด็กแฝดไปแจ้งเรื่องกับผู้นำหมู่บ้านเพื่อจัดการแจ้งกับทางการเพื่อยืนยันที่มาที่ไปของพวกเขาและแจ้งความประสงค์ว่าต้องการรับเด็กทั้งสองคนไว้ดูแลแม้จะต้องตอบคำถามที่เจ้าหน้าที่ทางการถามซ้ำวกไปวนมาแต่กระนั้นชายแซ่ซุนก็ตั้งใจที่จะตอบเพราะเขามีความต้องการจะเลี้ยงดูเด็กๆ จากใจจริง

แม้จะยังคงมึนงงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองอยู่มากแต่พิมพ์ลดาที่อยู่ในร่างของกุ้ยอิงฮวากลับไม่มีเวลาให้ต้องมาคิดทบทวนอะไรเพราะที่บ้านในตอนนี้มีเด็กๆ ถึงสี่ชีวิตให้ต้องดูแล

“เจ้าแน่ใจนะว่าอยู่บ้านกับเด็กๆ ได้หากพี่จะเข้าป่าไปล่าสัตว์” เช้านี้ซุนคุนเล่อแปลกใจอยู่ไม่ใช่น้อยที่กุ้ยอิงฮวาบอกกับตนเองว่าให้ขึ้นเขาไปล่าสัตว์เอาเนื้อมาปรุงอาหารให้เด็กๆ เพราะสองสามวันมานี้พวกเขาได้กินแต่ผักเสียเป็นส่วนมากเนื้อสัตว์อื่นๆ ไม่ได้มีอะไรให้กินนอกจากไข่ส่วนไก่ป่าที่ล่ามาได้วันก่อนนั้นมันยังเป็นๆ อีกทั้งยังแข็งแรงดีเขาจึงตัดสินใจเลี้ยงมันเอาไว้ก่อนอย่างน้อยๆ ในอนาคตพวกมันก็สามารถออกไข่ให้กินได้อีก

“ข้าอยู่ได้จริงๆ เจ้าค่ะยังมีเซินเอ๋อร์คอยช่วยอยู่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกหากท่านพี่ไปล่าสัตว์กลับมาเจ้าแฝดจะได้มีเนื้อกินบำรุงร่างกายพวกเขาผอมแห้งจนหัวโตหมดแล้ว” อาการผิดปกติที่ร่างกายภายนอกของกุ้ยอิงฮวาไม่มีอะไรที่ต้องเป็นกังวลแล้วโดยเฉพาะแผลที่ศีรษะแม้จะยังปวดอยู่เป็นระยะแต่แผลไม่ปริอีกทั้งไม่มีเลือดซึมจึงไม่น่าเป็นห่วงที่ต้องห่วงมากกว่าคือเจ้าเด็กแฝดที่ร่างกายผ่ายผอมจนดูไม่ได้ในตอนนี้พวกเขาต้องการอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะโปรตีนมาบำรุงร่างกายอย่าเร่งด่วนไม่ใช่มากินแต่ผักแต่หญ้าอยู่เช่นนี้

และจากที่นอนติดเตียงมาสามวันพิมพ์ลดาก็ได้รับความทรงจำของกุ้ยอิงฮวามาจนหมดสิ้นทำให้เธอเข้าใจผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างมากแม้ทั้งคู่จะเกิดในช่วงเวลาที่แตกต่างซึ่งมันน่าจะเกิดจากการที่มีชะตาชีวิตคล้ายคลึงกันนั่นเองและในเมื่อหาเหตุผลของเหตุการณ์ประหลาดในครั้งนี้ไม่ได้เธอจึงต้องปล่อยให้เรื่องราวมันดำเนินต่อไปแบบปลงๆ อย่างน้อยๆ ในตอนนี้แม้ชีวิตจะค่อนข้างยากลำบากแต่กุ้ยอิงฮวาก็ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรในคราบของคนในครอบครัวมาทำให้ลำบากใจเนื่องจากอาศัยอยู่คนละอำเภอที่แม้จะไม่ได้ห่างไกลกันมากแต่การเดินทางในยุคนี้ก็นับว่าลำบากหากจะไปมาหาสู่กัน

“เช่นนั้นพี่จะรีบไปรีบกลับจะพยายามล่าเนื้อกลับมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เอามาหมักเกลือตากแดดเก็บไว้จะได้กินได้หลายๆ วัน” เมื่อภรรยาของตนเองพูดออกมาแบบนั้นก็แสดงว่ากุ้ยอิงฮวาเองก็ไม่มีปัญหาที่จะรับเลี้ยงเด็กแฝดอีกต่อไปตัวซุนคุนเล่อที่เป็นตัวตั้งตัวตีจึงต้องทำหน้าที่หาอาหารมาเลี้ยงดูพวกเขาให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดีที่สุดถึงแม้ที่บ้านจะดูเหมือนว่ามีฐานะยากจนและขัดสนเงินทองแต่ว่าไม่เคยขาดแคลนอาหารเลยสักครั้ง

ซุนคุนเล่อใช้เวลาไม่นานก็เตรียมตัวเข่าป่าเสร็จเรียบร้อยตอนที่ออกมาเขายังไม่วายเข้าไปดูภรรยาและเจ้าแฝดที่ตอนนี้นอนเล่นกันอยู่ภายในห้องนอนของกุ้ยอิงฮวา

“ท่านแม่ยังเจ็บแผลอยู่หรือไม่ขอรับ” เถียนซานซูที่เข้ามาช่วยมารดาเลี้ยงน้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเพราะเมื่อหลายวันก่อนเด็กน้อยเห็นกับตาของตัวเองเลยว่าท่านแม่โมโหท่านพ่อมากจนล้มหงายหลังศีรษะไปฟาดเข้าก้อนหินเลือดไหลออกมาเป็นทางและจากนั้นท่านแม่ก็นอนแน่นิ่งไปเลย

"แม่ไม่เป็นไรแล้วเสี่ยวซูคงตกใจแย่เลยใช่ไหม ไม่เป็นไรนะแม่สบายดีจะไม่หลับไปนานๆ แบบนั้นให้ทุกคนต้องเป็นห่วงอีกแน่นอน” พิมพ์ลดาในร่างของกุ้ยอิงฮวามีความเชี่ยวชาญในด้านการเลี้ยงเด็กเพราะนอกจากหลานๆ ของตัวเองที่เป็นลูกของน้องชายแล้วเธอกับแม่ยังเคยรับเลี้ยงเด็กให้คนแถวบ้านในช่วงเวลาที่ปิดเทอมเป็นการหาค่าขนมแม้ส่วนมากจะเป็นแม่ของเธอที่ริบเงินไปหมดก็ตาม

เด็กน้อยวัยเพียงห้าหนาวพยักหน้าว่าเข้าใจจากนั้นก็ไปนั่งเล่นเป็นเพื่อนน้องๆ ที่ตอนนี้วุ่นวายอยู่กับการดูดนิ้วมือของตัวเองเล่นโดยเด็กทั้งสองคนนี้ดูจากภายนอกแล้วบอกอายุไม่ได้เลยว่ากี่ขวบปีเพราะร่างกายเล็กแกร็นแต่จากที่ให้ผู้นำหมู่บ้านและผู้อาวุโสหลายคนช่วยดูจากฟันของพวกเขาแล้วก็เดาว่าน่าจะมีอายุราวๆ สามหนาวและนั่นก็ทำให้กุ้ยอิงฮวายิ่งรู้สึกเวทนาเพราะป่านนี้เจ้าแฝดยังพูดได้ไม่เป็นคำได้แต่ทำเสียงอ้อๆ แอ้ๆ และร้องไห้เท่านั้นเอง

“ท่านแม่ลูกไปเก็บผักมาแล้วนะเจ้าคะมีผักกาด ผักกวางตุ้งแล้วก็แตงกวาแล้วข้าก็ยังได้ไข่ไก่มาอีกสามฟองด้วยเจ้าค่ะแม่ไก่ของเราออกไข่มาพอดีเลย” เดิมทีที่บ้านนั้นเลี้ยงไก่ไข่เอาไว้สี่ตัวซึ่งพวกมันยังโตไม่เต็มที่แต่ก็ยังพอจะออกไข่มาให้ทุกๆ สองถึงสามวัน

“ขอบใจมากนะเซินเอ๋อร์แล้วแม่จะทำแตงกวาผัดไข่นุ่มๆ ให้เจ้าและน้องๆ กิน เจ้าสองคนมาหาแม่หน่อยแม่มีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย” อย่างน้อยๆ มื้อกลางวันนี้ก็พอจะมีไข่ให้เด็กๆ กินกุ้ยอิงฮวาก็สบายใจขึ้น

เด็กทั้งสองคนทำตามที่กุ้ยอิงฮวาบอกอย่างว่าง่ายเพราะแม้นางจะไม่ใช่มารดาแท้ๆ แต่ก็ช่วยบิดาดูแลทั้งเถียนซานเซินและเถียนซานซูมาหลายปีตั้งแต่ที่เถียนเหว่ยยังมีชีวิตอยู่ทำให้ทั้งสองคนทั้งรักและเคารพนางจากใจจริง

“ตอนนี้พวกเจ้ามีน้องอีกสองคนให้ช่วยดูแลต้องอดทนกับพวกเขาให้มากหน่อยเพราะน้องทั้งขาดสารอาหารและมีพัฒนาการที่ไม่สมวัย แม่หมายถึงว่าแม้อายุของพวกเขาน่าจะสามหนาวแล้วแต่กลับพูดออกมาได้ไม่เป็นคำเราต้องมาช่วยกันเลี้ยงดูพวกเขาให้ดีพูดคุยกับน้องให้เยอะๆ ให้พวกเขากินอาหารที่มีประโยชน์รวมไปถึงสอนให้น้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้เข้าใจหรือไม่

ในช่วงแรกมันอาจจะยากแต่แม่เชื่อว่าพวกเราทั้งสี่คนน่าจะทำได้และหลังจากนี้แม่คิดว่าจะช่วยท่านพ่อของเจ้าทำงานหารายได้อีกแรงหนึ่งลำพังเข้าป่าล่าสัตว์กับปลูกข้าวปลูกผักขายน่าจะยังไม่พอเพราะครอบครัวเรามีกันหลายปากหลายท้อง” กุ้ยอิงฮวาค่อยๆ พูดกับเด็กๆ ด้วยเหตุและผลซึ่งมันก็เป็นข้อดีอีกอย่างที่นิสัยของพิมพ์ลดาและกุ้ยอิงฮวานั้นคล้ายคลึงกันจึงไม่มีใครจับพิรุธได้ว่าในตอนนี้มันมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นแล้ว

“ไม่ต้องห่วงเซินเอ๋อร์จะช่วยท่านแม่ทำงานหาเงินและเลี้ยงน้องเองเจ้าค่ะ” เด็กหญิงที่เป็นพี่คนโตมีจิตใจกล้าแกร่งและเข้มแข็งยิ่งนักแม้เมื่อก่อนนางจะถูกเลี้ยงดูมาเยี่ยงคุณหนูในห้องหอตั้งแต่แรกเกิดแต่ยามที่ชีวิตผกผันนางก็ยังสามารถปรับตัวไปตามสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี

“เสี่ยวซูก็จะช่วยท่านแม่เช่นกันขอรับ” ฝั่งเด็กชายที่เพิ่งจะมีโอกาสได้เป็นพี่ในครั้งแรกก็รับปากเสียงดังฟังชัดแม้ในยามปกติแล้วเถียนซานซูจะมีอุปนิสัยค่อนข้างที่จะขี้อายกว่าผู้เป็นพี่สาวอยู่มากก็ตาม

“ขอบใจเจ้าทั้งสองคนมากในช่วงแรกเราอาจจะลำบากแต่แม่จะทำให้พวกเจ้าและครอบครัวของเราสบายขึ้นในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน” ความรู้สึกแปลกประหลาดท่วมท้นอยู่ในอกของกุ้ยอิงฮวามันน่าจะเป็นสัญญาชาติญาณความเป็นแม่ที่ติดอยู่ในตัวของเจ้าของร่างคนเดิม

เมื่อบอกให้ช่วยกันเลี้ยงน้องทั้งสองคนก็เข้าไปเล่นด้วยอย่างไม่รีรออีกทั้งยังเล่นไปสอนไปยามที่เจ้าแฝดตัวผอมเอานิ้วเล็กๆ ของตนเองมาเที่ยวจิ้มๆ ไปตามร่างกายของพี่ๆ เมื่อน้องจับนิ้วพี่ก็พูดให้น้องฟังว่านี่คือนิ้ว น้องจับแก้มก็พูดให้ฟังว่านี่คือแก้มซึ่งเป็นภาพที่น่าเอ็นดูในสายตาคนมองยิ่งนัก

เมื่อใกล้ถึงเวลาที่ต้องรับประทานอาหารกลางวันกุ้ยอิงฮวาขอให้บุตรสาวคนโตช่วยไปติดเตาไฟให้เพราะนางยังก้มๆ เงยๆ ไม่สะดวกเท่าไรนักส่วนเรื่องที่เหลือทั้งการหุงข้าวทำกับข้าวนางสามารถทำได้ด้วยตัวเองสบายมากเพราะเป็นสิ่งที่ต้องทำมาตลอดอยู่แล้วในชีวิตก่อนเพราะตัวเองเป็นคนรองมือรองเท้าประจำครอบครัว

กับข้าวมื้อกลางวันมีเพียงแค่แตงกวาผัดไข่และผัดผักกาดใส่เกลือเท่านั้นแต่ก็ยังดีที่ในบ้านมีกระเทียมและพริกแห้งอยู่อาหารที่ปรุงออกมาจึงมีรสชาติค่อนข้างดีบวกกับวัตถุดิบที่สดใหม่จึงมีความหวานจากธรรมชาติเป็นทุนเดิมไม่จำเป็นต้องใช้น้ำตาลหรือสิ่งปรุงแต่งช่วยเสริมรสชาติแต่อย่างใด

อาหารและกับข้าวของเจ้าแฝดนั้นกุ้ยอิงฮวานำข้าวที่หุงสุกแล้วไปต้มให้นิ่มขึ้นสักหน่อยส่วนแตงกวาผัดไข่ก็ตั้งใจผัดให้นิ่มจากอาหารปกติของคนอื่นๆ เล็กน้อยอีกทั้งยังสับแตงกวาให้เป็นชิ้นเล็กๆ ฟันซี่น้อยๆ จะได้บดเคี้ยวได้ง่ายขึ้น

และแน่นอนว่ากุ้ยอิงฮวาจัดการสั่งสอนมารยาทบนโต๊ะอาหารให้เด็กแฝดที่ได้ชื่อใหม่ว่าซุนโยวอวี้และซุนโยวอิงในทันทีโดยนางจับทั้งสองคนนั่งบนพื้นดีๆ จากนั้นก็หาผ้าจากเสื้อตัวเก่าของตนเองมาตัดออกเป็นผ้ากันเปื้อนหาเก้าอี้เล็กๆ มาวางชามข้าวให้ทั้งคู่ใช้ต่างโต๊ะรับประทานอาหาร

“เซินเอ๋อร์กับเสี่ยวซูกินข้าวกันได้เลยนะแม่จะดูแลน้องๆ เอง” เพราะเด็กทั้งสองคนดูแลน้องๆ มาตลอดช่วงเช้าแล้วในตอนนี้กุ้ยอิงฮวาจึงอยากให้พวกเขารับประทานอาหารกลางวันสบายๆ ส่วนความวุ่นวายของเด็กแฝดนางจะรับเอาไว้ด้วยตนเอง

“ม่ำม่ำ” เจ้าสองแฝดประสานเสียงกันทันทีที่เห็นชามข้าวเมื่อกุ้ยอิงฮวาวางชามลงตรงหน้าก็พร้อมที่จะเอามือล้วงไปหยิบกินแต่เป็นมารดาผู้นี้ที่ไวกว่ายัดช้อนไม้ใส่มือเล็กๆ ของทั้งคู่ทันที

“เสี่ยวอวี้ เสี่ยวอิงจากนี้ไปเจ้าสองคนต้องใช้ช้อนกินข้าวเข้าใจหรือไม่ ทำตามแม่ช้าๆ ไม่ต้องรีบ” กุ้ยอิงฮวาสาธิตวิธีการตักข้าวใส่ปากให้เด็กๆ ดูอย่างใจเย็นแล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะเจ้าแฝดหิวหรือว่าฉลาดเพราะพวกเขาสามารถทำตามได้แทบจะทันทีแม้จะตักข้าวหกไปบ้างทำช้อนหลุดมือบ้างซึ่งน่าจะเกิดจากกล้ามเนื้อยังไม่ค่อยแข็งแรงแต่ก็ยังรู้จักหยิบช้อนขึ้นมาใหม่เพราะมีกุ้ยอิงฮวาคอยจับตาดูและคอยสอนอยู่ตลอดเวลา

“ท่านแม่มากินข้าวเถิดเจ้าค่ะเดี๋ยวข้าดูแลน้องๆ เอง” บุตรสาวคนโตที่คอยจับตาดูน้องๆ อยู่ตลอดในระหว่างที่ตัวเองรับประทานอาหารกลางวันรีบกินอย่างว่องไวจากนั้นก็มาเปลี่ยนให้มารดาไปกินข้าวดีๆ บ้างเพราะถึงแม้นางจะนำชามข้าวของตัวเองมานั่งกินเป็นตัวอย่างเพื่อสอนน้องๆ แต่ก็ไม่ได้กินจริงจังแต่อย่างใดเลย

“ขอบใจมากคราวหน้าไม่ต้องรีบกินข้าวเช่นนี้อีกนะแม่กินทีหลังพวกเจ้าก็ได้ไม่เป็นไรเลย” กุ้ยอิงฮวาไม่ปฏิเสธความหวังดีของบุตรสาวนางกลับไปกินข้าวของตนเองแต่ก็ยังนั่งมองเจ้าตัวเล็กที่นั่งกินข้าวกันอยู่บนพื้นแม้จะทุลักทุเลไปบ้างแต่เห็นว่าพวกเขาพยายามทำตามที่นางสอนกันเป็นอย่างดีเพียงแค่นี้ก็สบายใจมากแล้ว

ส่วนทางด้านเถียนซานเซินไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองลำบากอะไรเลยที่ต้องมาดูแลเด็กๆ อีกทั้งนางและน้องชายยังรับเด็กแฝดที่ผอมแห้งคู่นี้เป็นน้องอย่างไม่มีเงื่อนไขเพราะขนาดที่ตัวเองกับน้องชายไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ ของกุ้ยอิงฮวาและซุนคุนเล่อแต่กลับได้รับการเลี้ยงดูอย่างเอาใจใส่ไม่เคยทิ้งขว้างในเมื่อนางมีโอกาสได้รับสิ่งดีๆ มาก่อนแล้วจึงอยากให้น้องๆ ที่น่าสงสารมีโอกาสได้รับสิ่งดีๆ เช่นที่ตนเองเคยรับมาเหมือนๆ กัน

“หากท่านแม่กินอิ่มแล้ววางจานชามไว้เลยนะขอรับลูกจะไปช่วยพี่สาวดูน้องๆ ก่อนแล้วจะเก็บจานชามไปล้างเอง” เถียนซานซูที่อิ่มเป็นลำดับถัดมาเงยหน้ามาพูดกับมารดาแล้วจึงหันไปช่วยพี่สาวดูแลน้องๆ ที่เหมือนจะเล่นข้าวมากกว่ากินแล้วในตอนนี้