ครอบครัวยากจนแทบอดตายแต่สามีก็วุ่นวายหาลูกมาเพิ่ม

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม - ตอนที่ 3 วิถีชาวบ้าน โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่

รายละเอียด

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ครอบครัวยากจนแทบอดตายแต่สามีก็วุ่นวายหาลูกมาเพิ่ม

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

หากใครคิดว่าการตายไปคือการได้พ้นทุกข์พิมพ์ลดาขอเรียนให้ทราบว่าทนใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเถิดเพราะชีวิตหลังความตายที่ได้พบเจออาจจะบัดซบยิ่งกว่าเก่าดูจากชีวิตของเธอเป็นตัวอย่างจากแต่เดิมที่เป็นคนหาเช้ากินค่ำธรรมดาๆ แต่ชีวิตก็มามีอันถึงคราวซวยต้องมารับใช้หนี้นอกระบบที่พี่สาวแท้ๆ เป็นคนก่อแล้วหนีหายเข้ากลีบเมฆไปไม่กลับมา เจ้าหนี้ก็ตามมาทวงอยู่ได้ทุกวันหาเงินมาจ่ายดอกวันละสองพันก็ยังไม่พอทำให้เธอตัดสินใจโดดน้ำตายให้มันจบๆ ไป ลากันทีชีวิตบัดซบซ้ำซาก

แต่ใครมันจะรู้ว่าจะมีชีวิตในโลกหน้าที่รออยู่จากผู้หญิงธรรมดาอายุยี่สิบปลายๆ กลับต้องมามีชีวิตใหม่สวมวิญญาณเข้าร่างเป็นมารดาของบุตรสี่คนและสามีอีกหนึ่งแต่เรื่องที่มันน่าตกใจไปมากกว่านั้นคือกุ้ยอิงฮวาคนนี้เคยมีสามีมาแล้วก่อนหน้านี้ถึงสองคนสามีแรกแก่ง่ายตายเร็วมาก สามีสองยังไม่แก่แต่ก็ชิงตายไปทิ้งมรดกไว้ให้เป็นลูกๆ ที่แสนรู้ความถึงสองคนส่วนสามีคนที่สามนั้นนางจัดการรวบตึงเอาไว้เพราะอยากให้ในครอบครัวมีผู้ชายช่วยปกป้องดูแลแต่อยู่มาไม่ทันไรเขาก็สร้างเรื่องไปอุ้มเด็กกลับมาบ้านให้นางเลี้ยงอีกแล้วหรืองานนี้ก็ต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

 

หมายเหตุ

นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

คำเตือน

              นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายอาจทำให้คุณนักอ่านไม่สบายใจนะคะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้

1.       ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์

2.       ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์

3.       หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ

สารบัญ

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 1 ตายแล้วเกิดใหม่,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 2 รับบทคุณแม่ลูกสี่,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 3 วิถีชาวบ้าน,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 4 หาลู่ทางทำอาชีพเสริม,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 5 ชีวิตแม่ค้า,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 6 ซื้อง่ายขายคล่อง,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 7 เจ้ามันก็แค่ฮูหยินตกอับ,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 8 ระราน,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 9 ของกินเล่น,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 10 ทาบทาม,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 11 ลักพาตัว ปลดเหรียญอ่านฟรี 25 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 2 พฤษภาคม 68

เนื้อหา

ตอนที่ 3 วิถีชาวบ้าน

หลังจากที่เด็กๆ รับประทานอาหารกลางวันอิ่มไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็เริ่มมีอาการง่วงเหงาหาวนอนกุ้ยอิงฮวาจึงกล่อมเด็กแฝดนอนก่อนโดยที่มีพี่สาวและน้องชายนอนอยู่ใกล้ๆ กันจนเมื่อเด็กทุกคนนอนหลับสนิทแล้วนางจึงถือโอกาสออกมาสำรวจบริเวณบ้านหลังเล็กด้วยตาของตนเองแม้ระหว่างที่นอนพักฟื้นร่างกายอยู่นั้นความทรงจำจะทำให้รู้จักบ้านหลังนี้ดีทุกซอกทุกมุมแล้วก็ตามแต่มันก็ไม่สามารถเทียบได้กับการมองเห็นด้วยตาเนื้อของตนเอง

บ้านหลังนี้เป็นสมบัติครอบครัวของซุนคุนเล่อแต่ไม่ได้มีใครอาศัยอยู่นานแล้วเนื่องจากทั้งบิดามารดาตายจากไปเมื่อครั้งที่มีเหตุการณ์โจรป่าบุกปล้นหมู่บ้านซึ่งบิดาและมารดาของสามีคนที่สามของกุ้ยอิงฮวาต่างก็ช่วยกันปกป้องหมู่บ้านจนตัวเองสิ้นชีพ

บ้านเล็กที่มีขนาดเพียงสองห้องนอนสร้างมาจากดินแต่มีส่วนที่ต่อเดิมใหม่ที่สร้างมาจากไม้ฝีมือของซุนคุนเล่อที่เป็นส่วนครัวและห้องน้ำที่สร้างขึ้นใหม่ไม่ไกลจากบ้านนักเพื่อความสะดวกของกุ้ยอิงฮวาและเด็กๆ และโชคดีเป็นอย่างมากที่หลังบ้านมีลำธารสายเล็กๆ ไหลผ่านจึงทำให้มีน้ำใช้สอยสะดวกสบายจะเพาะปลูกอะไรก็เจริญเติบโตง่ายไปหมด

การย้ายมาอาศัยอยู่ที่นี่นั้นเริ่มหลังจากเหตุการณ์ที่ซุนคุนเล่อนำคนงานที่มีอาการบาดเจ็บสาหัสรวมถึงร่างที่ไร้ลมหายใจของเถียนเหว่ยสามีคนที่สองของนางกลับมาถึงเรือนสกุลเถียนในตอนนั้นทุกอย่างก็สับสนวุ่นวายเป็นอย่างมากเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าการไปทำการค้าครั้งนี้ผู้นำสกุลเถียนจะไม่ได้กลับมาแบบมีลมหายใจ

ซุนคุนเล่อที่เป็นคนสนิทที่สามีไว้วางใจที่สุดถึงขนาดสั่งเสียฝากฝังภรรยาและลูกๆ เอาไว้ก่อนที่เถียนเหว่ยจะหมดลมหายใจโดยเขาพาทั้งกุ้ยอิงฮวา เถียนซานเซินและเถียนซานซูที่ถูกฮูหยินเอกภรรยาขับไล่ออกมาจากเรือนทันทีที่เสร็จสิ้นพิธีการฝังศพของสามีโดยไม่ให้อะไรติดตัวมาเลยนอกจากเสื้อผ้าแต่กระนั้นกุ้ยอิงฮวาก็ยังกวาดมันออกมาได้เยอะพอสมควรเผื่อว่าจะสามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้หากจำเป็นเพราะเสื้อผ้าอาภรณ์ของคุณหนูใหญ่และคุณชายเล็กเถียนหรือแม้แต่นางที่เป็นฮูหยินรองล้วนแต่ตัดเย็บมาจากผ้าเนื้อดีมีราคา

แต่การที่หญิงชายจะมาอยู่กันโดยที่ไม่ได้เป็นญาติพี่น้องหรือเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเป็นสิ่งต้องห้ามดังนั้นเมื่อครบกำหนดไว้ทุกข์ให้นายท่านเถียนเหว่ยอดีตสามีคนที่สองของนางจึงตัดสินใจแต่งงานกับซุนคุนเล่อไปเพื่อตัดปัญหาเพราะนางยังต้องพึ่งพาเขาในการเลี้ยงดูเด็กๆ อีกทั้งทั้งคู่ยังปรึกษากันแล้วว่าสามารถแต่งงานแต่ในนามได้จึงมั่นใจว่ามันจะไม่มีปัญหาจนถึงวันนี้อยู่ร่วมบ้านกันมาได้ปีกว่าก็ยังไม่เคยมีเรื่องราวผิดใจหรือเรื่องชู้สาวเกิดขึ้นสักครั้งเลย

ซุนคุนเล่อเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถเขามีทั้งการศึกษาเนื่องด้วยติดตามเถียนเหว่ยมาตั้งแต่ยังเด็กจึงดีมีโอกาสเรียนเขียนอ่านรวมไปถึงเรียนเรื่องการค้ามาด้วยไม่น้อยนอกจากนั้นเขาก็ยังรู้จักวิธีการทำไร่ทำนา ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์อีกทั้งยังสามารถเข้าป่าล่าสัตว์ได้จึงทำให้ชีวิตครอบครัวใหม่ของกุ้ยอิงฮวาไม่ขาดแคลนเรื่องอาหารแต่ก็มีอยู่บ้างที่ขาดเงินทองเนื่องด้วยไม่กล้าทิ้งให้ภรรยาในนามของตนอยู่บ้านตามลำพังกับเด็กๆ จึงไม่ได้เข้าป่าไปล่าสัตว์ใหญ่อาศัยเพียงยิงไก่ป่า ล่ากระต่ายและจับปลามากินมาขายเท่านั้น

“เป็นคนหนุ่มที่ขยันจริงๆ สินะ” กุ้ยอิงฮวาเอ่ยปากชมคนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันตรงนี้หลังจากเดินไปทางหลังบ้านแล้วพบกับที่นาที่กำลังเขียวชอุ่มไปด้วยต้นข้าวและนอกจากนี้ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านก็ยังพบกับแปลงผักที่เป็นระเบียบเรียบร้อยไม้เถาก็มีหลักให้เลื้อยส่วนผักหัวและผักใบก็เจริญเติบโตดีทั้งยังมีเล้าไก่เล็กๆ มีทั้งไก่ไข่และไก่ป่าอยู่ในนั้นหลายตัวด้วยกันก็นับว่าเป็นบ้านที่น่าอยู่หลังหนึ่งเลยทีเดียว

“อยากได้ปลาสักตัวมานึ่งกินจังเด็กๆ น่าจะชอบใจ” เมื่อเดินดูรอบเรือนจนพอใจแล้วกุ้ยอิงฮวาก็เดินกลับมาที่ลำธารสายเล็กๆ ที่คั่นกลางอยู่ระหว่างพื้นที่ของเรือนและทุ่งนาเมื่อเห็นปลาแหวกว่ายอยู่ในน้ำนางก็คิดถึงเด็กๆ และอาหารอร่อยๆ ถ้าหากจับปลามาได้สักตัวก็น่าจะเป็นเรื่องดี

เมื่อมองซ้ายมองขวาแล้วเห็นกอไผ่อยู่หลังเรือนกุ้ยอิงฮวาก็ไม่รีรอเลยที่จะไปคว้ามีดมาจากในครัวเพื่อมาตัดลำไผ่ขนาดเล็กแต่เหมาะมือมาสองสามลำจากนั้นก็ปากส่วนปลายทั้งสองข้างให้แหลมเพื่อใช้เป็นฉมวกสำหรับแทงปลาในลำธารซึ่งวิธีการเหล่านี้ตอนที่ยังเป็นพิมพ์ลดาได้เรียนรู้มาในสมัยที่ไปออกค่ายอาสาสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย

กุ้ยอิงฮวาต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมากขณะที่เดินลุยลงไปในน้ำที่สูงเกือบจะถึงเอวของตัวเองแต่เพราะลำธารน้ำไม่ได้ไหลเชี่ยวเช่นในแม่น้ำสายใหญ่จึงไม่ได้มีความน่ากลัวแต่อย่างใดและเมื่อนางเดินลงมาในน้ำได้แล้วก็หาที่เหมาะๆ คือบนโขดหินใหญ่ยืนรออยู่นิ่งๆ เมื่อมองเห็นตัวปลาก็จัดการเล็งเป้าหมายแล้วพุ่งฉมวกไม้ไผ่ในมือออกไปทันที

ครั้งแรกนั้นพลาดเป้าไปอย่างน่าเสียดายแต่กระนั้นกุ้ยอิงฮวาก็ไม่ได้ท้อแท้นางพยายามจับจ้องเป้าหมายและลงมือด้วยความฉับไวในที่สุดก็สำเร็จในการขว้างฉมวกไม้ไผ่ครั้งที่ห้าและถึงจะจำไม่ได้ว่าตัวเองออกแรงไปทั้งหมดยี่สิบครั้งหรือว่าสามสิบครั้งแต่ในมือตอนนี้มีปลาสดๆ ตัวอ้วนๆ ถูกฉมวกปักเอาไว้ถึงสี่ตัวนางก็ดีใจแล้ว

“ท่านแม่ ท่านอยู่นี่เองพวกลูกตามหาตัวท่านตั้งนาน” น้ำเสียงตื่นตกใจของบุตรสาวคนโตที่อุ้มเด็กแฝดคนหนึ่งออกมาเรียกหาทำให้กุ้ยอิงฮวาต้องรีบลุยน้ำกลับมาที่ฝั่งเมื่อขึ้นมาใกล้ลูกชายคนรองก็อุ้มน้องแฝดอีกคนเดินเข้ามาหาพอดี

“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงแม่เพียงแต่มาหาอาหารเย็นให้พวกเจ้าเท่านั้นเองเห็นนอนหลับกันเพลินๆ จึงไม่ได้ปลุกให้ตื่น” แม้อยากจะรับเด็กๆ เข้ามาไว้ในอ้อมกอดแต่เพราะตัวของนางเปียกไปเกินครึ่งจึงได้แต่ยื่นมือไปลูบศีรษะเล็กๆ ของเด็กๆ ด้วยกิริยาที่นุ่มนวล

"แล้วท่านแม่ไม่เจ็บแผลหรือขอรับ" ทั้งน้ำเสียงและสายตาของบุตรชายคนรองไม่ปิดบังความเป็นห่วงที่มีต่อมารดาเลยแม้แต่นิดเดียว

“มันเจ็บไม่มากแล้วล่ะแต่จะให้แม่นอนอยู่เฉยๆ คงจะไม่ได้มิเช่นนั้นบิดาของพวกเจ้าจะต้องเหนื่อยมากเป็นแน่ เอาล่ะเข้าบ้านกันดีกว่าแม่ขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะมาทำอาหารจากเนื้อปลาให้พวกเจ้ากินกัน”

หลังจากล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เป็นชุดที่สะอาดแล้วกุ้ยอิงฮวาก็จัดการก่อไฟหุงข้าวทิ้งไว้ก่อนจากนั้นก็มาทำความสะอาดปลาและแล่ออกมาให้เป็นชิ้นๆ เอาไว้สำหรับทอดใส่ผัดผักให้เด็กโตส่วนเด็กเล็กนั้นนางจะเอาเนื้อปลามาต้มในน้ำแกงกระดูกปลาแบบไม่ปรุงรสทำเป็นข้าวต้มปลาให้พวกเขากินแล้วนางก็จะนำน้ำแกงนั้นมาปรุงให้เผ็ดเล็กน้อยให้ตัวเองและปรุงรสให้เค็มอ่อนๆ ให้ลูกๆ ที่โตแล้วด้วยเหมือนกัน

โชคดีที่ในครัวยังมีน้ำมันอยู่เหลือเฟือจึงสามารถทอดปลาออกมาได้สวยงามและนางก็ไม่ลืมที่จะเก็บปลาทอดเอาไว้ให้ซุนคุนเล่อได้กินในตอนที่เขากลับมาจากล่าสัตว์ด้วยโดยมั่นใจว่าหลังอาทิตย์ตกดินได้ไม่นานเขาก็จะกลับมาแล้ว

อาหารมื้อเย็นดำเนินไปอย่างเรียบร้อยไม่ต่างจากเมื่อตอนกลางวันเด็กๆ เอร็ดอร่อยกับเนื้อปลาทอดผัดผักและน้ำแกงกระดูกปลาที่หอมกลิ่นขิงและต้นหอมเป็นอย่างมากส่วนเจ้าตัวเล็กก็ซดน้ำข้าวต้มปลาจนไม่เหลือติดก้นชามเลยแม้แต่หยดเดียว

“อู้ ย่อย ย่อย" "เสี่ยวอวี้จะพูดว่าอร่อยใช่หรือไม่ เก่งมากเลยนะเด็กดี” มารดาของเด็กสี่คนเอ่ยชมเด็กที่เลือกแล้วว่าเขาจะเป็นแฝดคนพี่เพราะตัวโตกว่าเมื่อเจ้าก้อนแป้งทำเหมือนพยายามจะพูดออกมาให้เป็นคำซึ่งในส่วนนี้นางอาจจะจินตนาการไปเองก็ได้

“เสี่ยวอิงก็เก่งนะลูกกินข้าวหมดชามแล้วด้วย” แน่นอนว่าเจ้าแฝดตัวผอมยังคงกินข้าวหกเลอะเทอะแต่การที่เขาพยายามที่จะช่วยเหลือตัวเองจนกินข้าวได้หมดชามก็นับว่าเก่งมากแล้วจริงๆ

“หลังจากที่ล้างจานชามเสร็จแล้วข้าสองคนจะพาน้องแฝดไปอาบน้ำนะเจ้าคะท่านแม่”

“ให้แม่ทำเองดีหรือไม่เห็นตัวผอมๆ เช่นนี้แต่ตอนที่อาบน้ำแรงพวกเขาก็เยอะมิใช่น้อย” ด้วยนางเห็นมากับตาเมื่อตอนที่ช่วยสามีอาบน้ำให้เจ้าแฝดในช่วงแรกๆ ทั้งคู่ดิ้นแรงเหมือนกับกลัวน้ำถึงขนาดที่ว่าซุนคุนเล่อกลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บจึงไม่ได้ให้ช่วยอาบน้ำเด็กๆ อีก

“ลูกกับพี่ใหญ่ทำได้ขอรับท่านแม่” เมื่อเด็กๆ ยืนยันว่าทำกันเองได้กุ้ยอิงฮวาก็ไม่ไปขัดความตั้งใจของพวกเขาโดยระหว่างที่ลูกคนโตและคนรองกำลังเก็บจานชามไปล้างทำความสะอาดนางก็หันมาช่วยดูแลเจ้าแฝดไปพลางๆ พร้อมกับเก็บกวาดทำความสะอาดบริเวณที่ทั้งคู่ทำเลอะเทอะไปด้วย

โดยปกติเมื่อตะวันตกดินแล้วชาวบ้านที่ไม่ได้มีเงินเหลือมากมายนักก็จะเข้านอนเลยเพื่อไม่ให้เป็นการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงซึ่งทางด้านของกุ้ยอิงฮวาก็เช่นกันนางจัดการส่งเด็กๆ เข้านอนหลังจากที่ตะวันตกดินได้ไม่นานส่วนตัวเองก็จุดแค่ตะเกียงดวงเล็กๆ หนึ่งดวงเพื่อนั่งรอรับซุนคุนเล่อกลับมาบ้าน

ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เป็นเวลายามใดแล้วเพราะไม่มีนาฬิกาบอกเวลาในบ้านแต่นางมั่นใจว่าหลังจากที่ดวงตะวันลับไปจากท้องฟ้าไม่น่าจะถึงสองชั่วยามก็มีการเคลื่อนไหวอยู่ที่หน้าประตูรั้วบ้านเป็นซุนคุนเล่อที่กลับมาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือและนางยังตาไวพอที่จะเห็นว่าด้านหลังของเขามีตะกร้าที่มีฝาปิดแน่นหนาอยู่ถึงสองใบด้วยกัน

“เจ้าช่วยจุดตะเกียงให้เพิ่มให้ข้าหน่อยไก่พวกนี้ยังเป็นๆ อยู่ต้องเอามันไปใส่เล้าเอาไว้ก่อน” เมื่อเห็นตะเกียงดวงน้อยถูกจุดเอาไว้ในบ้านก็ทำให้รู้ทันทีว่ากุ้ยอิงฮวายังรอเขาอยู่เช่นทุกครั้งและเมื่อนางเปิดประตูออกมาต้องรับเขาจึงรีบขอให้นางช่วยจุดตะเกียงก่อนเป็นอันดับแรกเพราะคบไฟที่เขาใช้มาตลอดทางมันเพิ่งจะดับไปเมื่อครู่นี้เอง

“ขอบใจเจ้ามาก” ซุนคุนเล่อวางของที่ถือพะรุงพะรังไว้ที่แค่หน้าบ้านจากนั้นก็รับตะเกียงมาถือไว้แล้วดินมุ่งหน้าไปยังหลังบ้านโดยมีภรรยาเดินถือตะเกียงอีกดวงเดินตามและช่วยเขาทำงานเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร

เล้าไก่ที่บ้านจะแบ่งเป็นสองฝั่งเมื่อได้ไก่มาใหม่พวกเขาก็จะแยกมันไว้ที่ฝั่งหนึ่งเพื่อให้มันปรับตัวก่อนไม่ได้ขังรวมกันโดยครั้งนี้สามีของกุ้ยอิงฮวานั้นสามารถจับไก่เป็นๆ กลับมาได้ถึงเจ็ดตัวด้วยกันน่าทึ่งมากที่มันยัดอยู่ด้วยกันในตะกร้าได้โดยที่ไม่มีตัวไหนตายไปเสียก่อน

“ข้างนอกยังมีทั้งผักป่ากับไก่ที่ยิงมาได้ ไก่นั้นข้าต้องทำความสะอาดถอนขนควักไส้มันทิ้งตั้งแต่ตอนนี้มิเช่นนั้นมันอาจจะเน่าเสียได้” นอกจากไก่เป็นๆ แล้วยังมีไก่อีกสองตัวที่เขาใช้หน้าไม่ยิงมันมาด้วยความเสียดายเพราะหากจะทำบ่วงดักมันก็ต้องใช้เวลามากเกินไปกว่าจะเจอพวกมันตะวันก็เกือบจะลับฟ้าไปแล้ว

“ท่านไปล้างมือแล้วก็มากินข้าวเสียก่อนเถิดหลังจากนี้ค่อยช่วยเก็บของที่เหลือ” กุ้ยอิงฮวาเดินแยกเข้าไปในเรือนเพื่อเตรียมอาหารส่วนซุนคุนเล่อก็ทำตามที่ภรรยาบอกอย่างว่าง่ายแต่แทนที่เขาจะล้างมือที่โอ่งหลังบ้านชายหนุ่มกลับเดินเลยไปลำธารเพื่อล้างทั้งมือทั้งเท้าให้สะอาดเลยในคราวเดียว

“เหตุใดวันนี้จึงมีปลามีผู้ใดแวะเวียนมาเยี่ยมเจ้าอย่างนั้นหรือ” เมื่อเห็นเนื้อปลาในจานผัดผักรวมถึงน้ำแกงกระดูกปลาที่หอมกรุ่นซุนคุนเล่อก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้

“ข้าไปจับปลาเมื่อตอนที่เด็กๆ นอนกลางวันเจ้าค่ะกว่าจะได้ก็พุ่งฉมวกไม้ไผ่แทงลมไปตั้งหลายรอบ” แน่นอนว่านางกล่าวกับคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความภาคภูมิใจในตนเองเป็นอย่างมาก

“เฮ้อ ใจคอเจ้าจะอยู่เลยๆ ไม่ได้เลยสินะอิงเอ๋อร์”